คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่2 ค่ำคืนของปิศาจ
บทที่2 ค่ำคืนของปิศาจ
โมง. . .กี่โมง. . .
เปลือกตาของหญิงสาวบนเตียงปรือขึ้นแช่มช้าภายในห้องนอนเล็กๆประดับม่านแดงสด แสงสีส้มแยงตาผ่านเข้ามาทางบานหน้าต่างกระจก จนต้องเอามือก่ายหน้าผาก เสียงนาฬิกาติ๊กต๊อกเป็นจังหวะซ้ำไปซ้ำมา ขณะร่างหนักอึ้งพยามขยับกายยากเย็น
พอดีกับประตูไม้บานหนาสลักลายโค้งวิจิตรรูปดอกระฆังเปิดเข้ามาเสียงดัง จงใจปลุกคนในห้องตื่นจากห้วงนิทรา
“เลดี้คะ”
แม่บ้านสาวสวยเปิดเข้ามาพร้อมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนจับจีบระบายลูกไม้ตกแต่งชายกระโปรงยาวพาดอยู่บนแขนขวา คนบนเตียงกระวีกระวาดลุกขึ้นยิ้มให้ทั้งใบหน้าสะลึมสะลือ ขยี้ตาน้อยๆ
แต่ไม่นานลุกไปนั่งหน้ากระจกบานใหญ่อย่างรู้หน้าที่ มองผมสีดำของคนยาวพันกันยุ่ง ได้แต่ลอบถอนหายใจแผ่วเบา โดยมีแม่บ้านยืนอยู่ข้างหลัง พยายามสางผมยาวเป็นลอนเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้ จับนางแต่งตัวเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว
“เสร็จแล้วค่ะ”แม่บ้านสาวหมุนตัวโจแอนไปมาในกระจก มองดูตัวเองในชุดคลุมไหล่สีฟ้าอ่อนเลื่อมพราย กระโปรงยาวพลิ้วไม่ฟูฟ่องเหมือนชุดก่อนๆ ประดับลูกไม้ลายงดงามซับซ้อน แว่นทรงรีถูกพับเก็บใส่ในกระเป๋ากระโปรง ผ้าคาดเอวสีเข้มทิ้งชายยาวลากพื้น เครื่องประดับผมแสนหนักหัว ที่เจ้าตัวบ่นอุบตลอด เมื่อตั้งท่าจะแกะออกก็จะถูกปรามเอาไว้ทุกครั้ง
โจแอนยิ้มพรายมองตัวเองจนพึงพอใจในกระจก เธอว่าพี่เอริคต้องชอบแน่ และความมั่นใจนั้นทำให้เธอกล้าก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า ไหล่ผายสง่างามแบบที่ไม่เคยทำ สองมือกระชากประตูออกรวดเร็ว เชิดหน้าทระนง
ทันทีที่เห็นภาพเบื้องหน้าแววตาสีอเมทิตย์ส่องประกายกล้า สีม่วงจางแปรเปลี่ยนเป็นเข้มสดใส มวยดำสนิทส่อเค้าว่าจะพังแหล่ไม่พังแหล่ในไม่ช้านี้ หญิงสาวกลับไม่ใส่ใจ ก้าวย่างเปี่ยมความความมั่นใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงใจเต้นระส่ำแทบทะลุออกมานอกอก
เสียงดนตรีแว่วหวานดังลอดผ่านช่องว่างใต้ประตูแผ่วเบา เพียงแค่เปิดมันเท่านั้น ภาพงานเลี้ยงในฝันทั้งหมดพลันปรากฏอยู่เบื้อหน้า โคมถูกตกแต่งไว้งดงามสมกับที่เป็นงานใหญ่ คนหลายตระกูลถูกเชื้อเชิญเป็นแขกกันคับคั่ง ทุกคนเป็นที่แปลกตาแปลกใจในชุดประหลาดๆของพวกเขา สิ่งเหล่านั้นเรียกรอยยิ้มกว้างประดับวงหน้ารูปไข่ของหญิงได้ดี
โจแอนนาตื่นเต้นกว่าเก่าหลายเท่านัก รีบสอดส่ายสายตามองหาผู้เป็นพี่ชายเมื่อเดินมาถึงกลางห้องโถง ท่านลอร์ดท่านคุณจูงมือคุณหญิงคุณนายของพวกเขาออกมาเต้นรำกรีดกรายไปตามพื้นห้อง หญิงสาวรีบหลบจากวงเต้นรำนั่นทันที
สายตาสีม่วงเข้มของคนเป็นพี่เป็นประกายวาววับมองน้องสาวด้วยรอยยิ้มกว้าง ทันทีที่เห็นร่างบางเดินลงมาจากบันได ไม่น่าเชื่อว่าหญิงสาวร่างบางคนนั้นจะเคยเป็นคนเดียวกับสาวน้อยหน้าตามอมแมมที่เอาแต่เกาะชายเสื้อเขาตลอดเวลาในความทรงจำวัยเยาว์ของเขา
“เอริคค่ะ นั่นน้องสาวของคุณใช่ไหมค่ะ”หญิงสาวคนข้างกายกระตุกแขนยาวสีกรมท่าสองสามที นางเป็นหญิงผู้มีวงหน้างามเรือนผมเป็นดัดลอนม้วนเป็นวงสีทองอร่าม นัยน์ตาสีฟ้าสดใสภายใต้หน้ากากสีขาวเรียบร้อย ผิวขาวผ่อนราวน้ำนม ถูกเชิญมาเพื่อเปิดตัวหลังงานเลี้ยงรวมญาติครั้งนี้
“นั่นแหละยัยตัวดี”คนพูดกลั้วหัวเราะพลางจิบมาร์ตินนี่จากแก้วในมือสบายอารมณ์ ยังไงเสียเขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้แล้วกันว้านางเป็นใคร คิดว่านางคงพอใจในชัยชนะและมีความสุขในค่ำคืนนี้
คนฟังยิ้มอ่อนโยนโอบกอดแขนชายหนุ่มข้างกายแน่น ไออุ่นแทรกผ่านไปถึงอก น่าเศร้าที่อ้อมแขนนี้ไม่อาจอยู่ได้ชั่วนิรันดร์
กระแอมๆ
“อ่าวคริสโตเฟอร์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่”หญิงสาวเบือนหน้าหันกลับไปพบชายหนุ่มอีกคนผู้มาใหม่ ทำให้เอริคภายใต้หน้ากากทำหน้าฉงน ท่าทางของแขกคนนี้ดูสง่างาม กับรอยยิ้มแปลกๆ ที่ไม่อาจบอกได้ว่าควรไว้ใจดีหรือไม่
เทเรซ่าแสร้งตีหน้ายิ้มแย้ม ทั้งที่ใจจริงเกลียดคนตรงหน้าเข้าไส้ เพราะความจำเป็นบางอย่างทำให้เธอต้องฝืนกระทำการร้ายกาจอยู่จนทุกวันนี้ และแม้จะเกลียดชังแค่ไหน แต่เธอก็ไม่ควรให้คู่หมั้นหนุ่มทราบถึงความสัมพันธ์ของเขากับเธอ
ใช่ว่าในที่นี้จะมีคนแสดงละครเก่งเพียงคนเดียว. . .
“ท่านลอร์ดเซซิเลียน ขอบคุณที่ท่านอุตส่าห์กรุณาเชิญคนแปลกหน้าอย่างข้ามาเป็นเกียรติในค่ำคืนอันงดงามนี้” ชายผู้มาใหม่ว่า พร้อมรอยยิ้มสุภาพ
“ใครว่าเล่า ข้าตั้งหากต้องขอบคุณที่ลอร์ดหนุ่มอนาคตไกลในแวดวงการเมืองอย่างท่านต่างหาก ที่สละเวลาอันมีค่ามาร่วมงานเลี้ยงเล็กๆของบ้านเรา”ว่าแล้วก็กระชับเอวบางเข้ามาใกล้ ฝ่ายหญิงหัวเราะคิกคักสมบทบาท แม้พยามส่งสายตาปรามไปที่ชายนามคริสโตเฟอร์ว่าหุบปากให้สนิท
“หามิได้ ข้าเพียงแสดงความจริงใจเล็กๆน้อยๆให้ท่านก็เท่านั้น”ว่าพลางหมุนแก้วไวน์แดงในมือช้าๆ ใบหน้าเลื่อนลอยไร้อารมณ์ จ้องมองสีแดงอมม่วงของมัน ไม่นานส่งยิ้มน้อยๆมาให้คู่หนุ่มสาวหวานชื่น ที่ทั้งสองหันไปสนใจน้องสาวตัวน้อยผมดำขลับ
“มิตรภาพของท่านช่างมีค่านัก สักวันข้าคงได้ตอบแทน”เสียงหัวเราะเล็กๆตามมาโดยมิได้เบนสายตาเหลือบมามองผู้ถูกทิ้งอยู่เบื้องหลัง กำลังแสยะยิ้มเผยเขี้ยวคมซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้าสุขุมปกปิดตัวตนแท้จริงของเขา
“ถึงจะเสียมารยาทไปสักหน่อย แต่ข้าขอตัว ในสภาพไร้แว่นแบบนั้นนางไม่มีทางหาข้าเจอแน่”น้ำเสียงของพี่ชายติดจะขบขัน แววตาเปี่ยมความเอ็นดูยามมองดูน้องสาว สำหรับเขาถือเป็นช่วงเวลาแห่งความความสุข
ไม่นานเอริคจึงสาวเท้าจากไป ทิ้งคู่หมั้นคู่หมายไว้กับชายผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าแต้มยิ้มเย็น ความสุภาพมื่อครู่หายไปราวกับเป็นเพียงภาพฝัน แววตาสีงาช้างชิงชังจับจ้องอยู่ที่ร่างผอมชุดสีฟ้าไม่วางตา
“อย่าลืมแผนของเราคืนนี้”น้ำเสียงเย็นชาทำหญิงสาวผู้มองดูงานดำเนินไปอย่างเงียบๆ ตอบกลับด้วยเสียงเย็นพอกัน “ข้ารู้แล้ว”นางว่าแต่กลับได้เสียงหัวเราะเย้ยหยันจากชายหนุ่มแทนคำตอบรับ
“อย่าบอกว่าเจ้าหลงรักเซซิเลียนเข้าจริงๆ”
ดวงใจถูกสะกิดไหวหวั่นทันใด ความปวดร้าวกล้ำกรายแทรกลึกราวกับจะย้ำเตือนฝั่งรากลึก ความเจ็บปวดนั่นทำให้นางจำต้องแสร้งเมินหน้าหนีไปทางอื่น ปรับเปลี่ยนสีหน้าท่าทางให้เป็นปกติ เก็บซ่อนเสียงคร่ำครวญกับน้ำตาเอาไว้เพียงผู้เดียว
“ข้ารู้ว่าเจ้ารักหมอนั่น ใช่ไหมล่ะ?”ฝ่ายหยั่งเชิง แต่ปฏิกิริยาที่ได้รับกลับมานั้นดีเกินคาด “เปล่า เจ้าคงมองการแสดงของข้าผิดไป”ปากว่าออกไปแบบนั้น ทั้งที่หัวใจกำลังกรีดร้อง สะอึกสะอื้น ไม่อยากให้วันนี้มาถึง วันที่เธอจำต้องส่งมอบตัวเขาให้ปรโลกตามคำสาบาน
“หึ มนุษย์!”ชายหนุ่มพึมพำหัวเสีย ละสายตาจากภาพเบื้องหน้า ยอมรับว่าสนใจพวกเซซิเลียนไม่น้อย เดินจากไปเงียบเชียบ หมุนแก้วไวน์ในมือไปมาทั้งรอยยิ้มเหยียด ทิ้งเทเรซ่าข่มใจอย่างสงบ พร่ำขอโทษขอโพยชายคนรักในใจ ไม่ใส่ใจว่าชายหนุ่มจะหลบฉากออกไปเงียบๆ
น้ำตาเอ่อล้นของหญิงสาวเหือดหายได้รวดเร็ว ทันทีที่เอริค ซึ่งกลับมาพร้อมสาวน้อยข้างกายในชุดสีฟ้า ยอมรับจากบุคลิกท่าทางแล้วดูอย่างไรก็ดูไม่ออกว่านั่นเป็นเพียงการแสดง
“ท่านคงเป็นเทเรซ่า” น้ำเสียงแจ่มใสเอ่ยทักขึ้น หญิงสาวหลุดจากห้วงภวังค์เดี๋ยวนั้น
“ค่ะ เอ่อ. . .เจ้าคงเป็น. . . โจแอนนา” อีกฝ่ายยิ้มตอบท่าทีเป็นมิตร สำรวจมองคนตรงหน้าอย่างละเอียด
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” โจแอนทักทาย ว่าที่พี่สะใภ้ผู้อ่อนหวาน “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันจ๊ะ พี่ชายของเจ้าเล่าเรื่องเอาไว้เยอะแยะเลย” คนฟังอมยิ้มเล็กๆกระทุ้งเข้าที่ท้องของพี่ชายน้อยๆ เทเรซ่าส่งเสียงหึๆผ่านทางลำคอ ระหงส์
พรึบ!
โคมในห้องมืดดับไปทีละดวงสองดวง สะกดทุกสายตาให้จับจ้อง การเคลื่อนไหวทั้งหมดถูกหยุดนิ่ง วงดนตรีหยุดเสียงบรรเลง แต่ละคนมีท่าทีตกใจไม่แพ้กัน ดูท่าว่าคนที่กำลังเครียดหนักที่สุดเห็นจะเป็นเอริค เขาพึมพำบางอย่างไม่ได้ศัพท์ ท่าทีร้อนร้อนเกิดขึ้นอีกครั้ง
เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดลงกลางห้องบอลรูปพื้นหินขัดมันปลาบสีขาว คนที่อยู่ละแวกใกล้เคียงถอยหลังแทบไม่ทัน กระจกบนเพดาลเผยให้เห็นเมฆฝนกำลังตั้งเค้า ไม่นานพายุร้ายเทกระหน่ำลงมาเสียงดัง ไม่มีใครกล้าคุยกับใครอีก เหลือทิ้งไว้เพียงเสียงฟ้าร้องเป็นระยะกับเสียงเม็ดฝนกระทบกระจกเปาะแปะ ทำลายความเงียบงัน
“ทำไมต้องคืนนี้” โจแอนลอบเห็นคนเป็นพี่ขบกรามแน่นโหนกแก้มนูนเป็นสัน พอกำลังจะร้องทัก ก็โดนห้ามเอาไว้ก่อน
“โจ ฝากทางนี้ด้วย พี่จะออกไปข้างนอก”หญิงสาวร้องค้านหวั่นอันตรายจะแผ่วพานพี่ชาย “อย่าไป มันอันตราย”เอริกสลัดมือที่เกาะกุมด้วยความเป็นห่วงออกนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้
“โจ เชื่อข้า เดี๋ยวข้าก็กลับมา ตอนนี้อยู่ที่นี่ไปก่อน บอกคนอื่นว่าอย่าออกไปข้างนอกถ้าไม่จำเป็น เตือนพวกเขาให้ระวังตัวตลอดเวลาด้วย”
ระวังตัว. . .
หญิงสาวทวนคำหน้าฉงน
. . .จากอะไร?
ไม่ทันจะขอคำอธิบาย ร่างสูงโปร่งวิ่งถลาจากไปอย่างรวดเร็ว คว้าข้าวของในกระเป๋าติดมือไป ข้าวของที่ไม่มีร่มรวมอยู่สักชิ้น โจแอนพยายามวิ่งตามหลัง แต่ไม่สำเร็จ เขาไปไกลเกินกว่าจะตามทัน
แผ่นหลังแข็งแกร่งจากไปช้าๆ ความกลัวเข้าเกาะกินขั้วหัวใจจนสั่นสะท้าน แม้จะปฏิเสธมันแค่ไหน แต่เสียงเพรียกนั่นดังไม่รู้จักหยุดหย่อน ลางสังหรณ์กำลังพร่ำบอกเธอ. . .บอกเธอว่า
มันอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้พบเขา. . .
“คุณเทเรซ่า”หญิงสาวร้องถามเมื่อได้สติ ได้ยินเสียงสะท้อนของตนไปมา แต่ไม่พบใครในความมืด มีเพียงญาติไม่กี่คนกับแขกผู้มีเกียรติซึ่งดูตื่นตระหนกกับพายุร้ายหนนี้ ก่อนที่เธอตจัดสินใจผละไปดูห้องไฟทางปีกตะวันตกของคฤหาสน์
เพล้ง!!
หน้าต่างหลายบานแตกเป็นเสี่ยงๆพร้อมกัน เศษกระจกบินว่อนในอากาศกระจัดกระจายอยู่กับพื้น เสียงกรีดร้องของคุณนายทั้งหลายทำให้หญิงสาวหันไปในทันที ตกตะลึงเมื่อพบเงาดำบินว่อนผ่านไปมา ทะลุหน้าต่างบานแล้วบานเล่า โฉบเฉี่ยวท่ามกลางราตรี เสียงโหยหวนก้องดังทำให้ผู้มาร่วมงานอกสั่นขวัญผวา วิ่นหนีกันให้วุ่น
หญิงสาวรีบล้วงแว่นทรงรีในกระเป๋ากระโปรงขึ้นมาใส่ ไม่นานออกฝีเท้าจากไปด้านนอก สู่ทางเดินคับแคบอันมืดมิดและอับชื้น ช่วงเวลานี่เองที่เธอตัดสินใจจุดเทียนไข แม้แสงจะริบหรี่ แต่ก็ทำให้เธอสามารถมองเห็นทางเบื้องหน้า รู้สึกอุ่นใจยามนี้ได้
ฟึบ!
เงาดำเคลื่อนผ่านไปรวดเร็ว หญิงสาวสะดุ้งหันกลับไปด้านหลังทันควัน ส่องเทียนเล่มน้อยในมือไปมา แปลกใจไม่น้อยเมื่อไม่พบใครอยู่ตรงนั้น คิ้วเรียวขมวดมุ่ยเมื่อพบเพียงความวังเวงอ้างว้างอยู่เบื้องหลัง
“นั่นใคร?”เธอร้องถาม ไร้เสียงตอบรับ ฟ้าร้องกึกก้องดังกว่าเดิมเป็นเสียงเดียวที่สามารถได้ยิน หน้าต่างทางเดินเปิดอ้าหอบลมฝนเข้ามาด้านใน พรมแดงเบื้องล่างชุ่มไปด้วยน้ำ ม่านสีขาวโบกปลิวพร้อมสายฝนสาดกระหน่ำจนชุดราตรีสีฟ้าเปียกปอนไม่น่าดู
จากนั้นไม่นานหญิงสาวได้ยินอีกเสียง...ฝีเท้าคน ย่างก้าวเชื่องช้า เป็นจังหวะไม่สม่ำเสมอ จับทิศทางได้ยากว่ามาจากด้านหน้าหรือหลัง ทำให้เธอหยุดนิ่ง รอฟัง แต่ฝีเท้านั้นยังไม่หยุด ดังขึ้น ก้องไปทั่วโถง เทียนไขในมือวูบไหวไปเล็กน้อย ครั้นแล้วจึงส่องเทียนไปด้านหน้า-หลังอีกครั้ง
“โจแอนนา แห่งเซซิเลียน” เสียงแหบพร่าของคนที่แทบจะไม่มีแรงเคลื่อนไหวเอ่ยเย็นเยียบ
หญิงสาวสะดุ้งตัวเมื่อมือเย็นเฉียบจับบ่าเปลือยเปล่าของหล่อน ร่างกายหนาวสั่นทันใด พร้อมกับปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายทำให้เธอปัดมือนั้นโดยเร็ว เชิงเทียนไขในกำมือบางตกลงพื้น แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวมืดดับ แต่เสียงลมหายใจของเธอกลับดังท่ามกลางความเงียบ
“ท่านพ่อ”
แสงไฟจากเทียนอีกเล่มส่องอยู่ตรงหน้าใกล้เสียจนลมหายใจของเธอเกือบทำให้ดวงไฟจากเทียนดับได้ในพริบตา เมื่อถอยห่างออกก้าวสองก้าวจึงได้เห็นหน้าค่าตาของชายชราในชุดสูทเนื้อดีชัด เขาถือไม้เท้าสีเข้มยืนอยู่ตรงหน้า ผมสีดำแปรเปลี่ยนเป็นขาวโพลนทั้งหัว ดวงหน้าเข้มเต็มไปด้วยริ้วรอยเรียบเฉย กับสายตาดุดันจ้องมองลูกสาวตรงหน้า
“โจแอนนา เจ้ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้”แววตาสีม่วงซีดจางหากเย็นชาถูกส่งให้ผู้เป็นบิดาดังเช่นทุกครั้ง “ข้าจะไปดูห้องไฟ ฟ้าผ่าทำให้กระแสไฟขัดข้อง”ชายชรากระตุกมุมปากเฉียงขึ้น ไม่สามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ “งั้นรึ แล้วพี่ชายของเจ้าล่ะไปไหน”คำนั้นเองทำให้เธอชะงักกึก แววตาสีจางหลุบต่ำลงโดยไม่รู้ตัว
“ไม่รู้ค่ะ เขารีบพลุนกลันออกจากงานเลี้ยง” ผู้เป็นพ่อแม้ได้ยินชัด กลับยืนนิ่งผิดแผกจากท่าทีของคนเป็นน้องสาวที่กังวลความปลอดภัยของพี่ชาย กระสับกระส่ายไปมาอย่างเห็นได้ชัด
“อย่างนั้นสินะ”แล้วบุรุษชราสาวเท้าจากไปเร็วอย่างไม่เคยทำมาก่อนในรอบ10ปีที่ผ่านมา หญิงสาวได้แต่ยืนค้างนิ่ง แสงเทียนหายไปเมื่อชายแก่เลี้ยวอ้อมหัวมุม ปล่อยเธอเดียวดายอีกครั้ง
กึก!
เก้าอี้ล้มระเนระนาด ร่างบางเดียวดายใต้ความมืดรีบตั้งสติ มันไม่ใช่ภาพหลอน แต่มีคนอยู่ตรงนั้นจริงๆ ทว่าบุคคลลึกลับหายไปอีกครั้ง หญิงสาวรีบจุดเชิงเทียนขึ้นใหม่ อาศัยแสงสว่าง กวาดสายตามองหาผู้บุรุกยามค่ำคืน
เมื่อเสียงเงียบหายไป หญิงสาวออกฝีเท้า ตรงไปเรื่อยๆ เลี้ยวผ่านหัวมุมหลายครั้ง ชะโงกหน้าออกช้าๆ สอดส่ายสายตาหาผู้ต้องสงสัย กลับไม่พบใคร. . .บางทีเธออาจจะเหนื่อยเกินไปจนเกิดภาพหลอน
ไม่นานถึงห้องไฟ สองมือลูบคลำตามผนังเย็นชื้น ส่องเทียนในมือไปรอบๆ มองหาหม้อไฟ เมื่อพบจึงสับ สวิทช์ขึ้น แสงสว่างจากทางเดินลอดผ่านบานประตูเข้ามาเป็นสัญญาณที่ดี
ครั้นเสร็จงานที่ได้รับมอบหมายแล้วจึงจากไป ปิดประตูตามหลังช้าๆ แน่ใจว่าคงไม่เกิดเสียงดังให้ตัวเองตกใจ
ปัง!
บานประตูใดประตูหนึ่งกระแทกกับฝาผนัง คราวนี้เธอมั่นใจว่าต้องมีบุคคลภายนอกงัดแงะเข้ามาแน่ แต่ใครอุจอาจบุกเข้ามาในคฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลเซซิเลียน
ไม่ใจกล้า. . .ก็โง่เต็มที
ครืน
ฟ้ายังร้องดังไม่หยุดหย่อน เงาดำขนาดใหญ่เคลื่อนผ่านหน้าต่างไปบานแล้วบานเล่า หญิงสาวรีบวิ่งติดตามไป ทิ้งความกลัวทั้งหมดเอาไว้เบื้องหลัง เพราะเกรงว่าศัตรูผู้ไม่หวังดีอาจทำร้ายคนในบ้านของเธอไปแล้วหลายคน
ยิ่งวิ่งขึ้นบันไดมากเท่าไหร่ เท้าเริ่มปวดบวมมากเท่านั้น ด้วยเหตุที่ส้นสูงหนาเตอะค่อยข้างคับรัดเท้าเธอแน่น ชายกระโปรงยาวกรุยกรายเป็นที่น่ารำคาญยิ่ง จึงถลกขึ้นมาเหนือหัวเข่า เผยขาเรียวยาวขาวซีดสับไปมารวดเร็ว อากาศอบอ้าวขึ้นทุกทีจากการออกกำลังกายอันไม่พึงประสงค์ เหงื่อไคลไหลตามซอกคอจนรู้สึกเหนียวตัวอยากอาบน้ำ แม้จะหนาวจัดก็ตาม
มีใครบางคนอยู่ตรงนั้น เหมือนกำลังหาอะไรบ่างอย่างในเงามืด สายฟ้าฟาดเปรี้ยงเผยให้เห็นใบหน้าคมของบุรุษนั้นครู่หนึ่ง เขามีผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีอ่อนตัดกับสีผม ชายหนุ่มหันมองหญิงสาวที่เธอด้วยแววตาแปลกๆเมื่อถูกนางพบเข้า จากนั้นจึงผลุนพลันจากไปมีลับลมคมใน
โจแอนายืนนิ่งดั่งต้องมนตร์ ภาพของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มใบหน้าราวรูปสลัก ดวงตาดุดันจ้องมองมาทำให้หัวใจเต้นระส่ำ ใบหน้าคมคายติดตรึงยากจะลืมเลือน
ใครกัน?
เธอไม่อาจสลัดทิ้งแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์นั่นได้ จึงหยุดพักเหนื่อยครู่หนึ่ง ใจกำลังสับสน เขาเป็นใคร บังอาจทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ ช่างกล้าดีนัก สายตาของเขาทำให้ร่างนางอ่อนปวกเปียกได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
โจแอนดันแว่นตาที่ร่วงลงมาให้กลับไปอยู่บนดั้งจมูก บังคับให้ห้วงคำนึงหยุดลงฉับพลัน สั่งห้ามเด็ดขาดมิให้นึกถึงเขา ไม่ปล่อยให้หลงใหลไปกับหน้าตาชวนฝันนั่น
“หรือว่าเขาจะเป็นขโมย!!”คิดดังนั้นจึงตัดสินใจออกวิ่ง
แม้หัวใจจะแอบหวังว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่นางคาดคิดก็ตาม
ความคิดเห็น