คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่2(100%)
บทที่2
ลิเธียมองซ้ายและขวาพร้อมกับกลืนน้ำลายดังเอิ้ก
เธอหลงทางเข้าให้แล้ว อย่างไรเล่า
แน่ละเธอจินตนาการเรื่องราวแย่ๆที่จะเกิดขึ้นหากเธอไม่หาทางไปยังด้านหลังเวทีประกวดนางงามให้เร็วที่สุด แน่นอนการที่เธอถูกไล่ออกคงเป็นเรื่องเล็กน้อย หากว่าเธอเกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทองเรื่องนี้ย่อมไม่เป็นปัญหา แต่ก็เปล่า เธอต้องหาเลี้ยงตัวเองด้วยกำลังของตัวเอง ซึ่งในยุคสมัยที่อะไรๆก็แพงจนหูฉี่เช่นนี้งานจึงเป็นสิ่งที่ใครๆก็ต้องการ
หญิงสาวยังคงกระวนกระวาย เลี้ยวหัวมุมหนึ่งเพื่อที่จะพบว่าตัวเองกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิมทำให้หญิงสาวทิ้งตัวลงตั้งท่าจะยอมแพ้ พร้อมกับพูดกับผ้าคลุมไหล่ผืนงามในมืออย่างสิ้นหวัง
“เจ้าน่ะเกิดมางดงามนัก น่าเสียดายที่ความงามของเจ้าไม่อาจได้ปรากฏต่อหน้าพระพักตร์ของเจ้าชาย จริงไหมเจ้าเสื้อเกราะ”ว่าแล้วเธอก็พยักหน้าไปยังชุดโลหะขัดมันวาวที่ยืนตระหง่านเป็นยามอยู่ฝั่งตรงข้ามของทางเดิน
“ถ้าเอร์เนสผ่านมาแล้วมาช่วยพาข้าไปส่งหลังเวทีก็คงจะดีน่ะสิ เฮ้อ”ว่าแล้วเธอก็ถอนใจยาวนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาติดจะจืดไปสักหน่อยของชายหนุ่มซึ่งเธอหลงรัก รอยยิ้มมุมปากปรากฏบนใบหน้ายามที่เธอค่อยๆหลับตาลง จินตนาการถึงเสียงดนตรีหวาน และภาพฟลอร์เต้นรำที่มีเพียงเธอกับเอร์เนส ใบหน้าของชายหนุ่มเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม ดวงตาหวานเย้ยมองจ้องมาในดวงตาของเธอฉ่ำหวานชวนให้ร่างกายร้อนวูบและหัวใจเต้นผิดจังหวะ เขาหมุนเธอไปรอบแล้วรอบเล่าแล้วคว้าเธอกลับเข้ามาและกระชับวงแขนแน่นราวกับไม่ต้องการจะปล่อยให้เธอไปไหนอีก วินาทีนั้นเองที่ลมหายใจขงเธอหยุด เมื่อชายหนุ่มค่อยๆเอี่ยวกายลง เธอปล่อยตัวตามสบายเพราะรู้ว่ายังมีท่อนแขนแข็งแกรงประคองเธอมิให้ล้ม และตอนนั้นเองที่ลมหายใจอุ่นค่อยๆเป่ารดข้างแก้ม...และตอนนั้น...และวินาทีนั้น...และ...
“กระแอมๆ”
เธอก็ตื่นจากความเพ้อฝันพลันนั้นเอง
“แม่หนูดูเหมือนคนหลงทาง” ใครบางคนในชุดคลุมยาวสีเข้มเอ่ยกับเธอขณะที่ลิเธียแม้พยายามเพ่งเท่าไหร่ก็ไม่เห็นใบหน้าของหล่อน
“เอ่อค่ะ ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครคะ มีอะไรให้ข้าช่วยได้บ้างคะ”เธอค่อยๆลุกขึ้นยืน แม้จะระแวงระวังหากไม่ได้แสดงทีท่าให้เห็นเด่นชัดนัก
“ไม่ เจ้าต่างหากที่ต้องให้ข้าช่วย...ข้ามองเห็นความรักและความฝันของเจ้าผ่านดวงตาสีดำนั่นอย่างไรเล่า...เจ้าหลงรักคนคนหนึ่งที่เขาไม่มีวันมองเจ้า แม้ว่าเจ้าจะเพ้อถึงช่วงเวลาที่เขากับเจ้ากำลังพลอดรักอยู่เรื่อยไปก็ตาม”
จึก!
หญิงสาวผงะถอยนิดหนึ่ง มือเผลอทาบที่หน้าอก แม้ดวงตายังจ้องตรงไปด้านหน้า แม้หวาดกลัวและขนลุกแต่ก็ไม่ยอมถอยหลังไปมากกว่านี้
“ทะ...ท่านเป็นใคร”เธอถาม ก่อนจะงงงันเมื่อกระดาษแผ่นเล็กๆเท่าครึ่งฝ่ามือจะถูกยื่นตรงมาข้างหน้า ลิเธียรับมันไว้ก่อนอ่านออกเสียงตามตัวอักษรสีเงินที่ปรากฏอยู่บนนั้น
“โมราน่า ผู้หยั่งรู้อนาคต และมากกว่านั้น...”เมื่ออ่านจบดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง “ท่านเป็นแม่มดงั้นหรือ?”
“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ผิดนัก”อีกฝ่ายตอบรับ
“ถ้าอย่างนั้นท่านบอกอนาคตของข้าได้อย่างนั้นหรือ”ลิเธียถาม
“ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้น...แต่แน่นอนย่อมมีค่าตอบแทนแลกเปลี่ยนกันบ้าง”
ได้ยินเช่นนั้นเด็กสาวจึงครุ่นคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ พร้อมคว้าเงินจำนวนหนึ่งส่งตรงให้อีกฝ่ายี่รับมาเก็บอย่างรวดเร็ว ก่อนที่แม่มดจะคว้าลูกแก้วคริสตัลขึ้นมา
“เจ้าอยากรู้อะไร...เดี๋ยวไม่ต้องบอกข้าให้ข้าเดา เจ้าอยากรู้เรื่องของเจ้ากับพ่อหนุ่มนั่นใช่ไหมล่ะ”ลิเธียได้ยินเม้มปากนิดหนึ่ง เธอหวาดหวั่นในสิ่งที่ได้ยินขณะเดียวกันก็ตื่นเต้นจนตัวสั่น
หวังว่านี่คงคุ้มกับเงินที่เสียไปนะ...เธอคิด
“ค่ะ ความจริงก็ใช่ค่ะ”
“อื่ม เอาล่ะข้าเห็น ใช่ข้าเห็น...”แล้วแม่มดก็เพ่งเข้าไปในลูกคริสตัลใสที่กำลังเปล่งแสงเรืองๆออกมา “ข้าเห็นความผิดหวัง...ข้าเห็นน้ำตา ข้าเห็นความวิบัติ...”พลันนั้นเองที่ลิเธียรู้สึกถึงสายลมที่ผ่านปะทะใบหน้าชวนให้สันหลังสะท้าน
“ไม่นะ!....”ลิเธียอุทานขณะที่ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน “ใครเปิดหน้าต่างทิ้งไว้เนี่ย ไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมในนี้มันถึงได้หนาวนัก”หญิงสาวลูบแขนตัวเองครู่หนึ่งพร้อมปรี่ไปปิดหน้าต่าง แล้วจึงเดินกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิม “เอ่อข้าขอโทษ เมื่อครู่เมื่อครู่ว่าอะไรนะคะท่าน เรื่องของข้ากับชายผู้นั้น...”
“ ข้าเห็น...งานแต่งงานยิ่งใหญ่”คำพูดนั้นทำให้ลิเธียฉีกยิ้มกว้าง แต่แล้วก็หุบฉับทันทีที่นางพูดว่า “ของเขากับเจ้าสาวผู้ผมทองงดงามซึ่งไม่ใช่เจ้า”ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้หญิงสาวใจห่อเหี่ยว ใบหน้าซีดเผือดลงทันควัน
“อย่างนั้นหรือ...”น้ำเสียงเจือแววเศร้าแม้ใบหน้ายิ่งเชิดตรงแสร้งทำไม่หวาดหวั่น
“เจ้าก็ได้แต่ยืนดูงานแต่งงานของพวกเขาอยู่ห่างๆ ขบวนแห่จะส่งเสียงกึกก้อง ก่อนที่เจ้าชายกับเจ้าสาวจะ...
“เดี๋ยวๆ หยุดๆ...อะไรนะ?”ลิเธียมุ่นคิ้วใบหน้ามีรอยคำถาม แม่มดหยุดคำทำนายลงเท่านั้นก่อนท้าวสะเอว
“เจ้ามีปัญหางั้นหรือ?”
“ก็..ค่ะทำนองนั้น...แต่ข้าไม่คิดว่าคำทำนายของท่าน...เอ่อว่าอย่างไรดีล่ะ...จะถูกต้อง...”ลิเธียพูด แน่ละเธอรู้ว่ามันต้องมีการเข้าใจผิดอะไรสักอย่างแน่ๆเพราะสิ่งที่แม่หมอพูดมานั้นหล่อนคงเข้าใจว่าเธอหลงรักเจ้าชายเป็นแน่
“ปากดีนัก เจ้ากล้ากังขาอำนาจของข้าหรือสาวน้อย...”แม่มดพูดเสียงเย็น ลิเธียผงะถอยเมื่อหล่อนต้อนรุกเข้ามา
“เปล่าข้าไม่แต่...”
“อ้า ถึงไหนแล้ว ขบวนแห่...ขบวนแห่ที่ยิ่งใหญ่ตระการตา...”
“แต่ข้าว่านี่เป็นเรื่องผิดพลาด...ข้าไม่คิดว่า...”
“เจ้าไม่คิดว่าอะไร”แม่มดกลับมายืนกอดอก แม้ไม่ได้เห้ฯใบหน้าหากลิเธียรู้ดีว่าหล่อนคงมีสีหน้ากราดเกรี้ยวอยู่แน่ เธอจึงกลืนน้ำลายลงคอเสียงดัง สายตาชั่งประเมินว่าควรทำอย่างไรดี แรกสุดเธอรู้ดีว่าทั้งหมดนี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด และประการที่สองเธอยอมควักเงินอันน้อยนิดจ่ายเพื่อให้หล่อนบอกในสิ่งที่เธอไม่ต้องการได้ยินอย่างนั้นหรือ...เอ่อ...ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะสมหวังหรอก...ที่จริงก็อยาก...แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น...ไม่สิทั้งหมดนั่นคือประเด็น แม้ว่าเธอจะรู้ว่ามันก็ต้องเผื่อใจผิดหวังเอาไว้บ้างเพราะเธอก็รู้ว่าเอร์เนสไม่เคยชายตามาทางเธอ และเธอก็เพ้อถึงเขาข้างเดียว แต่การทำนายนี่เพื่อเป็นการบอกว่า...
“ข้าชักจะตามเจ้าไม่ทัน สรุปเอาไงแน่สาวน้อย รีบๆพูดมาก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน”แม่มดพูดแทรกห้วงคิดทั้งหมดของเด็กสาวที่ชักจะวิงเวียนวกวนจนน่าปวดหัว
ลิเธียได้ยินก็ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ในเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงขนาดนี้แล้ว เธอก็ไม่มีทางเลือกนอกเสียจากรวบรวมความกล้าพูดออกไปด้วยคำพูดเร็วปรื๋อจนแทบจับใจความสำคัญไม่ได้
“ข้าไม่คิดว่าที่ท่านทำนายมามันจะถูกต้องเพราะว่าข้าไม่ได้ชอบเจ้าชาย ดังนั้นคำทำนายของท่านจึงผิด แล้วข้าก็ไม่คิดว่าท่านเป็นหมอดูด้วย”ลิเธียหายใจหอบก่อนจะรีบตะครุบปากตัวเองเมื่อเผลอโพล่งประโยคสุดท้ายที่ไม่ได้ตั้งใจหลุดออกมา ก่อนจะหัวเราะแห้งๆพยายามส่งยิ้มหวานซึ่ง...ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ ไปให้อีกฝ่ายพลางบอกว่า “แหะๆข้าพูดมากไป....ใช่ไหม”
“มากเกินกว่าที่ข้าต้องการ!!”แม่มดตะโกนก้องและยกมือขึ้นฟ้าอากาศรวบด้านค่อยๆบิดวนเป้นเกลียวพัดเอาทุกๆอย่างรอบกายเข้ามาในกระแสลม
“เจ้าจะต้องอยู่คนเดียว เจ้าจะขึ้นคานเพราะปากของเจ้า!!!”
จึก!
ถ้อยประกาศกร้าวของแม่มด ทำให้ความหลัวทั้งหมดของหญิงสาวมลายหายไปสิ้นเพราะดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความโกรธเคืองพร้อมกับปากที่อ้าค้างปะงาบราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
นางคิดว่านางเป็นใคร(แน่ละเห็นได้ชัดว่าเป็นแม่มดกระนั้นก็เถอะ) มาหาว่าเธอจะขึ้นคาน นี่มันชักจะมากเกินไปแล้ว!!
หญิงสาวรีบคว้านามบัตรของอีกฝ่ายที่เธอจำได้ว่าสะดุดตาอะไรบางอย่างขึ้นมาแล้ว ยิ้มยั่ว
“อ่าฮะ! นึกแล้วไม่มีผิด ท่านอายุปูนนี้แล้วนามบัตรยังเขียนว่านางสาวโมราน่า แสดงว่าไปนั่งคอยข้าอยู่บนคานนานแล้วสิท่า ซึ่งแน่นอนว่าข้าปฏิเสธที่จะเชื่อว่าข้าจะขึ้นคานแม้ว่ามันจะมีเปอร์เซ็นต์ความเป้ฯไปได้ แต่กระนั้นก็ตาม ข้าก็สาวกว่าท่านที่ป่านนี้คงหนังยานจนต้องซ่อนรูปอยู่ในชุดคลุมนั่น!!”ลิเธียโต้กลับอย่างเผ็ดร้อน...และรู้สึกว่าตัวเองออกจะทำ...เกินไปสักหน่อยถึงอย่างนั้นก็ตามการที่ผู้หญิงถูกใครสักคนทักว่าจะขึ้นคาน ก็เป้นเรื่องที่ฟังแล้วรับไม่ได้เป็นอันขาด!
“เจ้าจะต้องเสียใจที่พูดกับข้าอย่างไม่ครู่ และท้าทายข้า...”แม่มดพูดเสียงเหี้ยมอย่างที่ลิเธียนึกกลัวขึ้นมาบ้างหากแต่คำว่าคานที่ก้องสะท้อนอยู่ในหัวบอกให้เธอยืดหยัดจ่อคำพูดของตัวเองและจะยึดมั่นกับคำพูดนั้นจนกว่า....
แม่มดชูมือขึ้นบนฟ้าแล้วเสื้อคลุมพลันปลิวหายไป ตอนนั้นเองที่ทุกอย่างปรากฏแก่สายตาและลิเธียสำลักคำพูดของตัวเอง
“อุ๊บส์...เอ่อหมายถึง ยังทันไหมถ้าข้าจะขอโทษ...”
งานเลี้ยงรื่นเริงกำลังเริ่มต้นขึ้น...
ชายหนุ่มร่างสูงสง่าบนบัลลังก์กำลังกวาดสายตาไปยังเวที รอยคอยด้วยความกระตือรือร้น
“งานเลี้ยงคืนนี้วิเศษนักท่านคิดว่าอย่างไรพะยะค่ะเจ้าชาย”อำมาตย์ชราไต่ถามดูจะกระตือรือร้นกับการที่จะได้เห็นสาวงามดาหน้ามายืนเรียงแถวอยู่ตรงหน้าเวทีซึ่งอยู่หน้าพระที่นั่งในระยะประชิดผิดกับใครอีกคนที่ยินถือถาไวน์ทำหน้าเฉยคล้ายไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เพราะเห็นจนคุ้นชิน
“ใช่ๆน่าตื่นเต้นมา ข้าล่ะอดใจรอไม่ไหว ข้าอยากเห็นบรรดาสาวๆนุ่งน้อยห่มน้อย เอ๊ย สาวงามที่กำลังจะมาเป็นชายาของข้าเสียเหลือเกิน”เจ้าชายตอบ
“นับว่าเป็นความคิดอันล้ำเลิศมากพะยะค่ะที่เลือกโดยการจัดประกวด เราจึงประหยัดงบประมาณแผ่นดินในการจัดงานเลี้ยงไปได้มาก”อำมาตย์ยังกราบทูลต่อไป “ท่านจะได้ทั้งคู่ครองที่งดงามและมีความสามารถในเวลาเดียวกัน”
ถ้อยคำนั้นทำให้เอร์เนสกรอกตาขึ้นฟ้าปล่อยให้ทั้งสองคนมีความสุขกับการเพ่งพิศสาวงามหุ่นดีโดยลำพังก็แล้วกัน
“ใช่ๆว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้นเถอะ ข้าละอดใจไม่ไหวเมื่อคิดว่าพวกหล่อนจะมาในชุดแบบไหนกัน”เจ้าชายทำตาเคลิ้มฝัน ขณะพูดต่อไปว่า “ได้ข่าวว่าปีนี้มีผู้เข้าประกวดมาจากทั่วดินแดน ข้าได้ยินมาว่าปีนี้มิสโมราน่าก็ประกวดด้วยข้าล่ะอดใจไม่ไหวแล้วที่จะเห็นหล่อนในชุดกระชากใจ”
“เอ่อพระองค์หมายถึงโมราน่าผู้หยั่งรู้ คนที่เป็นแม่มดหรือพะยะค่ะ ข้าได้ยินเขาว่ากันว่าหล่อนอายุแตะเลขสี่มานานแล้วนะพะยะค่ะ”อำมาตย์ชราว่า ขณะที่นัยน์ตาเคลิ้มฝันกับบอาการท้าวคางของผู้เป็นนายชะงักกึก คางไถลพรืดเมื่อได้ยินประโยคหลังสุด
“ห๊ะ? สี่สิบกว่าแล้วเรอะ...ข้านึกว่านาง...แบบว่ายี่สิบกลางๆ...เอ่อปลายๆ”
“หรืออาจมากกว่านั้น”อำมาตย์คนเดิมกระวิบข้างใบหูเสียงเสียงเย็นเยียบก่อนจะถอยห่างออกมาพูดเสียงร่าเริง “อย่างไรเสียนั่นก็แค่ข่าวลือ จริงเท็จอย่างไรข้าไม่รู้แต่ถ้านางสี่สิบจริง นางก็เป็นหยิงสี่สิบที่สวยที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา”
“ข้าเห็นด้วยกับเจ้าอย่างทีสุด แล้วก็เป็นแม่มดที่สวยเซ็กซี่ที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา ได้ยินมาว่าขนาดหล่อนโกรธจนลุกเป็นไฟพร้อมจะแผดเผาใครสักคน หล่อนก็ยังสวยเสียจนทำให้หัวใจของคนที่พบเห็นหยุดเต้นไปเลยทีเดียว...()”เจ้าชายพูดด้วยเสียงคล้ายคนต้องมนตร์สะกด ขณะที่เอร์เนสได้ยินแล้วส่ายหน้าช้าๆ เขาไม่เชื่อแม้แต่นิดเดียวว่าแม่มด(ยัง)สาว(หรือเปล่าไม่รู้)คนนั้นจะเป็นอย่างที่เขาพูดกันจนกว่าจะได้เห็นด้วยตาของตัวเอง...
แน่นอนโดยเฉพาะเรื่องอายุ...
ลิเธียอ้าปากค้าง หยุดใจหยุดเต้นในทันที
หายนะมาเยือนแล้วอย่างไรเล่า!!!
จะมีอะไรเลวร้ายไปกว่าการที่กล่าวหาว่าผู้หญิงสวย(ผู้ทราบดีว่าตัวเองมีเสน่ห์เหลือล้น)ว่าจะขึ้นคานจนทำให้หล่อนลุกเป็นฟืนเป็นไฟพร้อมจะแผดเผาเธอเป็นจุล
“โอเค...ข้าขอโทษตอนนี้ยังทันไหม...”หญิงสาวยิ้มแห้งเมื่อภาพที่ปรากฏอยู่ในการทัศนาของเธอคือหยิงสาวเต็มตัวรูปร่างโค้งเว้าได้สัดส่วนในชุดแชกสีแดง กระโปรงผ่าไปจนถึงต้นขา กับเรือนผมสีดำสนิทเป็นคลื่นปล่อยสยายเป็นประกายและริมฝีปากแดงอิ่มกับขนตางอนยาว
ลิเธียกลืนน้ำลายลงคอ...นึกอยากหามีดปาดคอตัวเองให้ตายไปเสียตรงนั้น
“เจ้า...จะเสียใจ...ที่ได้ดูถูกข้า...โมราน่าคนนี้”
ไม่ว่าอีกฝ่ายเชื่อหรือไม่ เธอรู้สึกเสียใจกับเรื่องเมื่อครู่ตั้งนานแล้ว
“ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าผู้โง่เขลาดูว่าข้าทรงอำนาจอย่างที่คนทั้งแผ่นดินที่สยบต่อข้า...”หล่อนประกาศพลันนั้นเองที่ฟ้าร้องกึกก้อง ชั่ววินาทีนั้นเองที่อัสนีฟาดผ่านกำแพงทำให้พนังรอบด้านถูกทำลายเป็นแถบ
ความวุ่นวายและฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจายทำให้ลิเธียรู้สึกคล้ายกับจะเป็นลม และเมื่อกระพริบตาอีกสองที ทุกอย่างกลับนิ่งสงบทิ้งไว้เพียงกำแพงที่โหว่เป็นรูปขนาดใหญ่ ราวกับไม่เคยเกิดเรื่องน่าขนลุกเมื่อครู่มาก่อนและมีเพียงเธอที่ฝันไป
ลิเธียหยัดกายลุกยืน มองผ้าคลุมไหล่ในมือแล้วเบิกตากว้าง เธอลืมเรื่องสำคัญไปได้อย่างไร...เรื่องที่เธอก่นด่าตัวเองในใจเพราะความพลาดพลั้งที่ไม่น่าให้อภัยของตัวเอง
“แล้วคำทำนายของข้าล่ะ อย่างนี้ข้าเงินที่ข้าจ่ายไปก็เสียไปเปล่าๆนะสิ!!”
ความคิดเห็น