ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เลือดรัตติกาล: แสงแห่งรุ่งอรุณ[ดอง!]

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่1 หวนคืนบ้าน

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ย. 49


    บทที่1 หวนคืนบ้าน

     

     

    เวลาเช้าตรู่ก่อนอาทิตย์อัศดงจะมาเยี่ยมเยือนแผ่นฟ้า รถม้าควบดังย่ำเหยียบก้อนกรวด เกิดเสียงกรอบแกรบเป็นครั้งคราว ขณะวิ่งตัดผ่านถนนแคบเต็มไปด้วยม่านหมอกหนาทึบ ตรงไปยังอาคารทรงสูงในหุบเขาอันแสนหนาวเหน็บถึงขั้วหัวใจ ในที่สุดมันก็ปรากฏออกมา

     

    อาคารอิฐสีน้ำตาลอ่อนใหญ่โตตั้งตระหง่านมั่นคงอยู่ใจกลางขุนเขาลึกลับ เปิดประตูบานแกร่งต้อนรับแขกผู้มาเยี่ยมเยือนไม่บ่อยจากโลกภายนอก ให้เข้ามาหลบความหนาวเย็นเปรียบดังมีดคม บรรจงกรีดแทงผ่านผิวหนังแช่มช้า ทวารบานใหญ่สูงราวสามเมตรครูดพื้นเลือนออกช้าๆ ดังก้องทั่วหุบเขาในความเงียบงันน่าสะพรึงกลัวกว่าความเป็นจริง

     

    หญิงสาวร่างผอมโปร่งกับผมดำราวรัตติกาล ปล่อยสยายเป็นลอนน้อยๆถึงกลางหลัง ดวงตาสีม่วงอเมทิสต์ซีดจางกำลังสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น ภายใต้กรอบแว่นสีเงินหนารูปวงรี ประดับเครื่องหน้าอ่อนเยาว์ติดจะขาวจัด ปากบางรูปกระจับที่เคยเม้มเน้นจนเหลือเพียงเส้นตรงบางแปรเปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มละมุน หัวใจพองโตเมื่อเห็นศีรษะล้านเตียนโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชายวัยกลางคนในชุดสูทสีควัน กับเจ้าของศีรษะเต็มไปด้วยผมดำสนิทยุ่งเหยิงราวกับเพิ่งฝ่าออกมาจากใจกลางพายุร้าย ก้าวเข้ามาในบริเวณอาคาร

     

    การรอคอยอันแสนยาวนานได้สิ้นสุดลงเสี้ยววินาที. . .

     

    หญิงสาวกระโจนร่างลงมาจากราวบันไดหินอ่อน โถมเข้ากอดชายหนุ่มแววตาสีเดียวกันอย่างรักใคร่ แน่นนานไม่ยอมปล่อย จนอีกฝ่ายเริ่มมีอาการอึดอัดเห็นได้ชัด เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงคลายวงแขนบีบแน่นราวกับคีมออกช้าๆ มือหนาของอีกฝ่ายเอื้อมขยี้ผมสีดำถูกดัดเป็นลอนม้วนด้านหน้าด้วยความเอ็นดู

     

    พี่ชายที่รักนางเอ่ย รอยยิ้มผุดพรายแต่งแต้มบนดวงหน้ากลมรีรูปไขไร้เดียงสา

     

    สวัสดีโจชายหนุ่มเอ่ยทักน้องน้อย แม้เป็นประโยคสั้น หากแต่เปี่ยมล้นด้วยความจริงใจ ไหนบอกข้าสิว่าอยู่ที่นี่เป็นอย่างไรบ้างอีกฝ่ายส่ายหน้าเบื่อหน่าย อดนึกภาพความทรงจำแย่ๆตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้

     

    วันๆท่องตำราอยู่ในโบสถ์น่าเบื่อโจแอนว่า

     

    โรงเรียนทำให้เจ้ามีความรู้ ว่าแต่ตื่นเต้นไหมที่จะได้กลับบ้านเขาถามเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะรู้ว่าพายุอารมร์ของน้องสาวที่รักคงก่อตัวในไม่ช้านี้แน่

     

    อื่ม ไม่ได้เจอทุกคนเป็นเวลานาน ข้าคิดถึงพวกเขาเหลือเกินหญิงสาวพยักหน้าน้อยๆเป็นคำตอบ

     

    ฮ่าฮ่า งั้นมาเถอะ ทุกคนกำลังรอคอยเจ้าอยู่น่ะแม่ตัวดีเอริคแตะนิ้วลงไปบนปลายจมูกของนาง ด้วยรอยยิ้มอย่างเอนดู ก่อนโจแอนจะคล้องแขนพี่ชายอันเป็นที่รักไว้ เดินออกจากประตู

    ไม่เหลียวกลับมองเป็นครั้งที่สอง

     

    เมื่อแรกก้าวเท้าขึ้นไปบนรถม้าพร้อมกับพี่ชายแล้ว จึงปิดประตูด้วยความเงียบเชียบ รอจนรถ แล่นออกจากอาคารยอดสูง ไม่นานหญิงสาวจึงเอ่ยคำพูดขึ้นมาทำลายความเงียบอันไม่พึงปรารถนานั่น

     

    ท่านพ่อเตรียมจัดงานเลี้ยงรวมญาติคืนนี้เอริคว่า เขารู้ว่าเรื่องนี้จะทำให้นางตื่นเต้นได้ไม่ยาก และก็เป็นดังคาด เขาได้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสนอกสนใจจ้องมองกลับมา อย่างขอรายละเอียดมากกว่านี้ ทำให้รอยยิ้มอารมณ์ดีผุดขึ้นมุมปากง่ายดาย

     

    ว่าแต่โจ เจ้าได้ข่าวรึยัง?คนถูกเรียกหันมา มีท่าทีงงงวย มันเป็นข่าวดีทีเดียวหล่อนค่อยๆขยับกรอบแว่นทรงรีขึ้นไปบนดั้งจมูกอีกครั้ง ไต่ถามด้วยน้ำเสียงใสซื่อ อะไรหรือพี่เอริคที่รัก พี่มีข่าวดีอะไรจะบอกข้าหรือ

     

    ชายหนุ่มลุกขึ้น มานั่งฝั่งเดียวกับน้องสาวที่พอนั่งปุ๊บก็เอียงคอมาซบบ่าปั๊บ

     

    ข้ามีคู่หมั้นแล้วนะคนเป็นน้องทำตาโตด้วยความตื่นเต้น

     

    เมื่อไหร่กันค่ะพี่ที่รัก หล่อนเป็นใคร? มาจากไหน? เป็นคนยังไง? ท่านพ่อรู้รึยัง? เล่าให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้นะพี่เอริคได้ทีก็ถามเอาฉอดๆเหมือนเด็กเล็กๆ จนเอริคอดเอื้อมมือไปขยี้หัวด้วยความเอ็นดูไม่ได้

     

    หลายคำถามจนข้าไม่รู้จะตอบอะไรก่อนดีโจแอนอมยิ้ม งั้นก็ตอบมาให้หมดนั่นแหละคำพูดเอาแต่ใจถูกส่งมา พลางเหลือบมองใบหน้าเข้มคมคาย กระแซะตัวออดอ้อนขอความรัก

     

    งั้นเริ่มจาก. . .นางชื่อว่าเทเรซ่า เป็นลูกสาวของลอร์ดโอแมร์เล่ ตระกูลเก่าแก่หลังภูเขาลูกที่สามจากบ้านเราในเมืองแฮมไชร์ นางเป็นคนน่ารักขี้อายแต่ฉลาด เราพบกันเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ข้าเข้าไปทำธุระบางอย่างในเมืองเล่าจบเสียงหัวเราะคิดคักดังขึ้นแทบจะในทันที

     

    ข้าจะได้มีพี่สะใภ้น่ารักกับเขาเสียทีโจแอนสวมกอดพี่ชายแน่นกว่าเดิม แต่ความดีใจคงอยู่ไม่ได้นาน เมื่อเสียงตะกุกตะกักบนเพดานรถม้า พร้อมเสียงโหยหวนก้องดังทั่วหุบเขา บ่งบอกว่าบางสิ่งบางอย่างกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้วเสียงร้องขอความช่วยเหลือของชายวัยกลางคนดังขึ้น

     

    โจแอนสะดุ้งสุดตัว ซบกอดพี่ชายหลับตาแน่น ร่างกายกำลังสั่นเทาด้วยความกลัวที่ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ภายนอก ส่งเสียงหวนโหยทำให้ขนท้ายทอยของหญิงสาวลุกซู่ได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทว่าคนถูกกอดท่าทีสงบนิ่ง หญิงสาวได้ยินเขาสถบอะไรบางอย่างที่จับใจความได้คร่าวๆว่า มันมาอีกแล้ว เธออดแปลกใจไม่ได้ที่รู้สึกว่าพี่ชายของเธอ รู้ดีว่าอะไรโจมตีรถม้าของพวกเขาอยู่

     

    น้องรัก อยู่ที่นี่เงียบๆ อย่าไปไหน อย่าชะโงกหน้ามองหน้าต่างเอริคว่า แกะมือของโจแอนที่รั้งเอาไว้แน่น ไม่ต้องการให้พี่ชายออกไปเผชิญหน้ากับ อะไรก็ตาม ที่อยู่ด้านบนนั่น เพราะมันอาจเป็นฝูงหมาป่าออกล่าเหยื่อก็เป็นได้ ลำพังพี่ชายคนเดียว คงกำจัดพวกมันไม่ได้หมดแน่ และสิ่งสำคัญกว่านั้นก็คือ

     

    หากอะไรนั่นเป็นมากกว่าหมาป่าเล่า น่าสะพรึงยิ่งกว่า โหดร้ายกว่า แล้วเอริคของเธอ จะรอดชีวิตกลับมาได้อย่างไร?

     

    ไม่นะพี่เอริค!”น้ำเสียงแสดงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างเห็นได้ชัด แต่อีกฝ่ายหาฟังไม่ พร้อมกับควานหาอะไรบางอย่างที่อยู่ในกระเป๋าถือ รีบซุกมันไว้ในเสื้อนอกตัวยาวไม่ต้องการให้ใครเห็นทั้งสิ้น แล้วเขาจึงค่อยๆแง้มเพดานด้านบนซึ่งสามารถเปิดรับลมได้ออก หันมาเตือนน้องสาวด้วยความหวังดีอีกครั้ง

     

    จำไว้นะน้องรัก ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น อย่าออกมาข้างนอกเด็ดขาดถ้าพี่ไม่ได้สั่งแล้วเขาก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้โจแอนผู้ตื่นกลัว ไม่เข้าใจคำสั่ง

     

    ไม่นานเสียงอะไรบางอย่างก็ดังขึ้น ปืนหลายนัดกราดยิงรัว ตามมาด้วยเสียงกุกกักและของบางอย่างซึ่งมีน้ำหนักมาก กระแทกกับหลังคารถม้า เสียงดัง ทว่าเสียงโหยหวนนั่นยังกรีดร้องไม่ขาดระยะ ปืนอีกนัดดังขึ้นพร้อมๆกัน และในตอนนั้นเองที่หญิงสาวรับรู้ได้ว่า ปืนนั่นเป็นปืนของพี่ชาย กำลังต่อสู้กับบางอย่างด้านบนอย่างดุเดือด

     

    เธอได้แต่ขดตัว ภวนาต่อพระผู้เป็นเจ้าขอให้พี่ชายไม่เป็นอะไร เพราะดูเหมือนสิ่งที่เขากำลังต่อกรอยู่นั้น คงล้มไม่ได้ง่ายๆ แต่ความคิดเช่นนั้น รังแต่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างแย่ลงกว่าที่มันเป็น

     

    กึก!

     

    บางอย่างกระแทกกับหลังคารถอีกครั้ง ตรงกับบริเวณด้านบนหัวของเธอ หญิงสาวค่อยๆถอยห่างจากจุดนั้นช้าๆ เงียบที่สุดเท่าที่ทำได้ ตามคำสั่งของพี่ชาย พลางสงสัยว่า แท้จริงแล้ว เอริคกำลังสู้อยู่กับอะไร และเมื่อไหร่เสียงเหล่านี้หยุดลง

     

    ไม่นานนัก เสียงกรีดร้องสงบลง บรรยากาศเงียบงันกลับครอบคลุมอีกครั้ง โจแอนตัวแข็งทื่อไปหมดเริ่มได้สติ ค่อยๆแหวกม่านสีแดงในรถม้าช้าๆ แล้วก็ต้องผงะถอยเมื่ออะไรบางอย่างถูกทิ้งลงมาพอดิบพอดี

     

    ศพคน!?

     

    ตามด้วยเสียงกุกกักอีกครั้ง เธอถอยออกห่างช้าๆ แผ่นหลังรู้สึกถึงความหนาจากไม้ซึ่งเป็นโครงสร้างของรถ แล้วร่างๆหนึ่งกระโจนลงมาจากด้านบน หญิงสาวง้างหมัดไว้ พร้อมปล่อยมันออกทุกเมื่อหากมีภัย

     

    โว้ว ใจเย็นโจ ข้าเอง ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าปลอดภัยแล้วเมื่อเห็นชัดว่าเป็นใคร ร่างผอมจึงโถมเข้ากอดด้วยความโล่งอก เห็นหัวยุ่งๆ ยุ่งเยิงกว่าเก่า ส่วนอื่นของร่างกาย ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่ที่เดียว จึงถอนหายใจแรงยาว

     

    โฮแกนปลอดภัยดี เขาไม่ได้รับบาดเจ็บที่ไหน โชคดีที่เข้ารู้จักป้องกันตัวชายหนุ่มเอ่ยถึงชายวัยกลางคนผู้ขับรถม้าอยู่ด้านนอก หญิงสางโล่งใจมากกว่าเก่า เมื่อความหวาดกลัวทั้งหลายถูกขจัด สติสตังค์กลับมาเป็นเช่นเดิม รีบไต่ถามด้วยความเป็นห่วง

     

    พี่เอริค อะไรอยู่ด้านบนนั่นชายหนุ่มนิ่งเงียบแทนคำตอบ ทำให้โจแอนมึนงงเข้าไปใหญ่ว่าสิ่งที่พี่ชายไม่ต้องการพูดถึงนั้นคืออะไร แต่เธอก็มั่นใจว่าคงมีคำอธิบายดีๆสำหรับศพที่ถูกผลักร่วงลงมาจากหลังคารถม้าแน่ๆ

     

    เอ่อ. . .ศพนั่นมัน

     

    เจ้าคงจะตาฝาด ไม่มีศพอะไรทั้งสิ้น  สิ่งที่โจมตีรถม้าของเราเมื่อครุ่ เป็นเพียงแค่ฝูงหมาป่าเท่านั้น และข้าก็ไล่มันไปหมดแล้วเอริคว่า แม้ว่าโจแอนจะไม่อยากเชื่อเท่าใดนัก แต่เธอก็มิได้เอ่ยปากเรื่องอะไรอีก รู้ว่าเปล่าประโยชน์ที่จะซักถามเรื่องที่พี่ชายไม่อยากบอกให้เธอรู้

     

    อ้า นั่นไงบ้านของเราคำพูดนั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก รีบชะโงกหน้าออกนอกหน้าต่าง รอยยิ้มแสนดีใจปรากฏขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นคฤหาสน์ท่ามกลางแมกไม้อยู่ไม่ไกล ตัวอาคารสีนวลอ่อน เฉลี่ยงหน้าบ้านหินอ่อนสีขาวที่ยื่นออกมาเป็นเอกลักษณ์ สวยสวยถูกตัดแต่งไว้แบบเดิม เมื่อครั้นที่เธอเพิ่งจากบ้านไป

     

    รถม้าจอดลงที่บันไดหน้าบ้านช้าๆ เอริคก้าวออกไปก่อน แล้วจึงช่วยให้หญิงสาวลุกขึ้นมา มองไปรอบๆ พบว่าทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แววตาสีม่วงเปล่งประกายอย่างตื่นเต้น ขาค่อยๆก้าวเดินเข้าบ้าน ตรงเข้าสำรวจห้องแล้วห้องเล่า ทั้งรูปวาด ข้าวของยังอยู่ที่เดิมไม่ได้มีการขยับเขยื้อนเลย

     

    แล้วเธอก็รีบถลาตรงไปยังบานประตูห้องนอนของตัวเอง มือน้อยๆสั่นเทาเมื่อคว้าลูกบิดได้ วันนี้แหละคือวันที่นางรอคอย วันที่ได้กลับสู่ห้องอันแสนคุ้นเคย ทั้งบานหน้าต่างใหญ่ตรงมุมห้อง เตียงใหญ่ที่ทำให้เธอหม่อยหลับได้ทุกครั้งที่ทิ้งตัวลงนอน และครั้งนี้ก็เช่นกัน อาจเป็นเพราะการเดินทางที่ดึงเรี่ยวแรงของนางไปจนหมดสิ้น ทำให้เธองีบหลับไปในที่สุด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×