คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ ลำนำความมืด(รอบสามเอ้า)
บทนำ ลำนำแห่งความมืด
เสียงฝีเท้าของชายร่างสูงผมสีดำในชุดเสื้อคลุมยาวก้องกังวานไปตามทางเดินสลัวๆ มีเพียงแสงอันน้อยนิดจากมือข้างที่ถือคบเพลิงนั้นช่วยเป็นแสดงสว่างนำทางเขาให้ก้าวเดินต่อไปได้ มือในถุงมือหนังกำแน่นราวกับเกรงว่าอันตรายอาจอยู่ไม่ห่าง ขณะที่มืออีกข้างซึ่งซุกซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมกระชับดาบยาวสีเงินไว้มั่น โครงหน้าคมเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความกังวลใจเห็นได้ชัด คิ้วโค้งขมวดขึ้น สายตาสีม่วงเข้มกวาดมองไปรอบกาย ด้วยเกรงว่าศัตรูอาจจะบุกเข่ามาเมื่อไหร่หรือทิศทางไหนก็ได้
ควับ
ชายหนุ่มชะงักฝีเท้ากึก ไวเท่าความคิดเขาหันมองไปยังต้นเสียง หากไม่พบใครที่นั่น มีเพียงเขากับความมืดเท่านั้น แม้รูปการจะเป็นเช่นนั้นแต่สมองของเขาสั่งให้ไม่เชื่อในสิ่งที่ตาของเขาเห็น เขารู้สึกได้ดี มีสายตาคู่หนึ่งหลบซ่อนอยู่ในมุมมืด จ้องมองเขาไม่วางตา
เอริค เซซิเลียนพยายามไม่ใส่ใจกับบุคคลลึกลับนั่นไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม เขาตัดสินใจก้าวเดินต่อ แม้สัญชาตญาณกำลังบอกเขาว่ามีคนตามเขามาไม่ผิดแน่ เขาจึงตัดสินใจสาวเท้าถี่และเร็วกว่าเดิม ใครคนนั้นกลับไม่ยอมแพ้ง่ายๆ รู้ดังนั้นก็รีบเปลี่ยนจากเดินกลายมาเป็นวิ่ง
ฉึก!
ดาบสีเงายาวแทงทะลุตรงกลางอกของชายลึกลับ เลือดสีแดงไหล่ซึมออกมาจากหน้าอกด้านซ้ายเขาอ้าปากพะงาบ โดยมีสายตาสีม่วงเย็นชามองภาพนั้นโดยไม่มีความหวั่นหวั่น
เอริคดึงดาบของเขาออกจากอกของชายผู้นั้น ไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ เขาจึงตวัดดาบเป็นครั้งที่สองเป้าหมายอยูที่ลำคอของอีกฝ่าย วินาทีนั้นเองที่หัวของบุรุษหลุดกระเด็นลงสูงพื้นอย่างง่ายดาย เลือดสดๆกระเด็นเปรอะใบหน้าแข็งกระด้างของเขา เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ เพียงแค่ยกแขนเสื้อเช็ดคราบเหล่านั้นทิ้ง พร้อมหมุนตัวไปรอบๆ ตั้งท่าเตรียมพร้อม
“แน่จริงก็ออกมาสิ”เขาตะโกนเรียก ได้ยินเสียงของตนสะท้อนไปมา หากไม่มีเสียงตอบรับใดๆทั้งสิ้น เขาจ้องมองไปรอบๆ ลมหายใจเหนื่อยหอบ หัวใจเต้นรัวเมื่อรู้ว่าคงต้องเจอศึกหนักอีกครา แค่ไม่รู้ว่าพวกมันมีทั้งหมดเท่าไหร่ แต่เขาก็มั่นใจว่าเขาจะสามารถกำจัดมันได้หมดได้ในเวลาสั้นๆ
ครืน
แผ่นดินเบื้องล่างกำลังสั่นไหว ร่างสูงเซถลาไปผิงกำแพง มือทั้งสองปล่อยดาบและคบเพลิงลงรวดเร็ว ตอนนั้นเองที่เขาได้รู้ว่าติดกับเข้าให้แล้ว
“บ้าจริง”เขาสบถ รีบควานหาดาบของเขาในรัตติกาล หากไม่พบ เขาย่อตัวลงช้าๆระแววระวัง เงี่ยหูฟังสรรพเสียงรอบด้าน นั่นทำให้เขาสามารถได้ยินลมหายใจมั่นคงของใครบางคนกำลังเข้ามาใกล้ทุกที ใกล้เสียจนเป่ารดต้นคอจนขนท้ายทอยลุกชัน แต่จิตวิญญาณแห่งกิเดียนของเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร เขาจึงอดรนทนรอ รอให้เขี้ยวคมจ่ออยู่ตรงลำคอของตน จังหวะนี้แหละที่เขาจะลงมือ
ฉึก
“อ้ากกก”
กริซสีเงินลงอาคมจ้วงแทงลงไปบนดวงตาทั้งสองของอริ อีกฝ่ายได้แต่กรีดร้องโหยหวนทุกข์ทรมาน เมื่อพบว่ากริชนั่นหาใช่กริชธรรมดาทั่วไป หากแต่เป็นกริชลงอาคม สร้างความปวดร้อนไปทั่วร่างจนมันค่อยๆทรุดลง
บุรุษหนุ่มไม่รอให้โอกาสดีเช่นนี้เสียไปง่ายๆ เขากระโดดไปคว้าดาบคู่กายขึ้นเงื้อมันขึ้น ทันใดนั้นคอสีขาวซีดราวกับซากศพนั่นก็กระเด็นไปอีกทิศทางหนึ่ง ร่างที่คุกเข่าอยู่ล้มลงกับพื้นง่ายดาย ไร้ลมหายใจอีกต่อไป
เอริคกวาดมองไปรอบๆอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เขารู้ดีว่ายังมีศัตรูของเขาอยู่อีกมาก ทว่าเขารู้ว่ามันคงไม่กล้าทำอะไรเขาในตอนนี้แน่ เมื่อครู่มันเป็นเพียงการเชือดไก่ให้ลิงดู และมันก็ได้ผลดีเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่รู้สึกถึงการคลื่นไหวใดๆอีกต่อไป พวกมันเกรงกลัวเขามากกว่าเดิมจนถอยกลับไปหมดแล้ว นั่นจึงทำให้เขาหันหลังกลับไป คว้าคบเพลิงขึ้นมาจุดอีกครั้ง พร้อมออกฝีเท้าตรงดิ่งไปยังจุดหมายโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
แล้วฝีเท้าหนักก็ต้องชะลอจนกระทั่งมาหยุดลงที่หน้าประตูบานใหญ่ เขาสำรวจมองซ้ายขวา ทุกๆอย่างสงบเงียบอย่างที่มันควรจะเป็น เขาเหลือบมองบานหน้าต่างเล็กๆด้านบนเพดาน แลเห็นดวงอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากขอบฟ้า
แสงแห่งรุ่งอรุณปรากฏแล้ว
นี่กระมังคือเหตุผลที่พวกมันยอมถอยกลับง่ายๆ แล้วเรียวปากบางขยับยิ้มขึ้นอย่างคนถูกใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะล้วงมือหยิบเอานาฬิกาพกทองเหลือคู่ใจขึ้นมา หน้าปัดแสดงเวลาให้เห็นได้อย่างชัดเจน เขารู้ว่าคืนอันแสนยาวนานได้ผ่านพ้นไปแล้ว และกำลังย่างเข้าสู่เช้าวันใหม่
เช้าวันที่นางจะกลับมา!
คิดดังนั้นความยินดีก็แล่นเข้ามาในอก มือกร้านภายใต้ถุงมือกระตุกเชือกข้างๆอย่างเหม่อลอย ไม่นานเครื่องจักรก็เริ่มทำงาน และพ่อบ้านชราปรากฏตัวขึ้นเมื่อประตูเหวี่ยงตัวเปิดออก
“สวัสดีครับนายน้อย เมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง”คนสนิทไต่ถามอย่างสุภาพขณะคำนับอย่างนอบน้อมตามหน้าที่อันพึงปฏิบัติ เขาเข้าใจว่าผู้เป็นนายอาจไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นสักเท่าไหร่ตอนนี้ เพราะจากรอยยิ้มอ่อนโยนแบบนั้น เขารู้ได้ว่าความสนใจของเอริค เซซิเลียนผู้นี้ตกไปอยู่กับเหตุการณ์ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า
“จะพักผ่อนก่อนออกไปไหมครับ?”เขาถาม เอริคเพียงโบกมือไปมาแทนคำปฏิเสธก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปในห้องเล็กๆ ห้องที่ถูกบังคับด้วยรอก ให้สามารถยกพวกเขาขึ้นไปด้านบนได้ หรือก็คือลิฟท์นั่นเอง
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวข้าจะไปอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ ระหว่างนี้เตรียมรถม้าไว้ให้พร้อมเลยก็แล้วกัน”พ่อบ้านก้มหัวรับพร้อมปิดประตูตามหลัง เครื่องจักและรอกมากมายส่งเสียงแสดงถึงการทำงานของพวกมัน แล้วมันก็ค่อยๆเงียบลง ทำให้ผู้ที่เคยแฝงตัวอยู่ในเงามืด ค่อยๆออกมาปรากฏกายด้วยรอยยิ้มมุมปากไม่น่าไว้ใจ สายตาสีทองจับจ้องยังบานประตูสลักอักขระโบราณทำให้ไม่ว่าเขาหรือคนอื่นๆแบบเดียวกันก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้
“เราจะได้พบกันแน่”เขาพึมพำ หมุนตัวกลับช้าๆพร้อมทิ้งถ้อยคำน่าขนลุกเอาไว้เบื้องหลังโดยไม่มีใครล่วงรู้
“โจแอนนา เซซิเลียน....น่าสนใจดีนี่”
((มีไรติมาเนอ้ เพื่อจะมีรีไรท์รอบ4 กรักๆ))
ความคิดเห็น