ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เลือดรัตติกาล: แสงแห่งรุ่งอรุณ[ดอง!]

    ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ ลำนำความมืด(รอบสามเอ้า)

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ย. 49


    บทนำ ลำนำแห่งความมืด

     

     

    เสียงฝีเท้าของชายร่างสูงผมสีดำในชุดเสื้อคลุมยาวก้องกังวานไปตามทางเดินสลัวๆ มีเพียงแสงอันน้อยนิดจากมือข้างที่ถือคบเพลิงนั้นช่วยเป็นแสดงสว่างนำทางเขาให้ก้าวเดินต่อไปได้ มือในถุงมือหนังกำแน่นราวกับเกรงว่าอันตรายอาจอยู่ไม่ห่าง ขณะที่มืออีกข้างซึ่งซุกซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมกระชับดาบยาวสีเงินไว้มั่น โครงหน้าคมเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความกังวลใจเห็นได้ชัด คิ้วโค้งขมวดขึ้น สายตาสีม่วงเข้มกวาดมองไปรอบกาย ด้วยเกรงว่าศัตรูอาจจะบุกเข่ามาเมื่อไหร่หรือทิศทางไหนก็ได้

     

    ควับ

     

    ชายหนุ่มชะงักฝีเท้ากึก ไวเท่าความคิดเขาหันมองไปยังต้นเสียง หากไม่พบใครที่นั่น มีเพียงเขากับความมืดเท่านั้น แม้รูปการจะเป็นเช่นนั้นแต่สมองของเขาสั่งให้ไม่เชื่อในสิ่งที่ตาของเขาเห็น  เขารู้สึกได้ดี มีสายตาคู่หนึ่งหลบซ่อนอยู่ในมุมมืด จ้องมองเขาไม่วางตา

     

    เอริค เซซิเลียนพยายามไม่ใส่ใจกับบุคคลลึกลับนั่นไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม เขาตัดสินใจก้าวเดินต่อ แม้สัญชาตญาณกำลังบอกเขาว่ามีคนตามเขามาไม่ผิดแน่ เขาจึงตัดสินใจสาวเท้าถี่และเร็วกว่าเดิม ใครคนนั้นกลับไม่ยอมแพ้ง่ายๆ รู้ดังนั้นก็รีบเปลี่ยนจากเดินกลายมาเป็นวิ่ง

     

    ฉึก!

     

    ดาบสีเงายาวแทงทะลุตรงกลางอกของชายลึกลับ เลือดสีแดงไหล่ซึมออกมาจากหน้าอกด้านซ้ายเขาอ้าปากพะงาบ โดยมีสายตาสีม่วงเย็นชามองภาพนั้นโดยไม่มีความหวั่นหวั่น

     

    เอริคดึงดาบของเขาออกจากอกของชายผู้นั้น ไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ  เขาจึงตวัดดาบเป็นครั้งที่สองเป้าหมายอยูที่ลำคอของอีกฝ่าย วินาทีนั้นเองที่หัวของบุรุษหลุดกระเด็นลงสูงพื้นอย่างง่ายดาย เลือดสดๆกระเด็นเปรอะใบหน้าแข็งกระด้างของเขา เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ เพียงแค่ยกแขนเสื้อเช็ดคราบเหล่านั้นทิ้ง พร้อมหมุนตัวไปรอบๆ ตั้งท่าเตรียมพร้อม

     

    แน่จริงก็ออกมาสิเขาตะโกนเรียก ได้ยินเสียงของตนสะท้อนไปมา หากไม่มีเสียงตอบรับใดๆทั้งสิ้น เขาจ้องมองไปรอบๆ ลมหายใจเหนื่อยหอบ หัวใจเต้นรัวเมื่อรู้ว่าคงต้องเจอศึกหนักอีกครา แค่ไม่รู้ว่าพวกมันมีทั้งหมดเท่าไหร่ แต่เขาก็มั่นใจว่าเขาจะสามารถกำจัดมันได้หมดได้ในเวลาสั้นๆ

     

    ครืน

     

    แผ่นดินเบื้องล่างกำลังสั่นไหว ร่างสูงเซถลาไปผิงกำแพง มือทั้งสองปล่อยดาบและคบเพลิงลงรวดเร็ว ตอนนั้นเองที่เขาได้รู้ว่าติดกับเข้าให้แล้ว

     

    บ้าจริงเขาสบถ รีบควานหาดาบของเขาในรัตติกาล หากไม่พบ เขาย่อตัวลงช้าๆระแววระวัง เงี่ยหูฟังสรรพเสียงรอบด้าน นั่นทำให้เขาสามารถได้ยินลมหายใจมั่นคงของใครบางคนกำลังเข้ามาใกล้ทุกที ใกล้เสียจนเป่ารดต้นคอจนขนท้ายทอยลุกชัน แต่จิตวิญญาณแห่งกิเดียนของเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร เขาจึงอดรนทนรอ รอให้เขี้ยวคมจ่ออยู่ตรงลำคอของตน จังหวะนี้แหละที่เขาจะลงมือ

     

    ฉึก

     

    ากกก

     

    กริซสีเงินลงอาคมจ้วงแทงลงไปบนดวงตาทั้งสองของอริ อีกฝ่ายได้แต่กรีดร้องโหยหวนทุกข์ทรมาน  เมื่อพบว่ากริชนั่นหาใช่กริชธรรมดาทั่วไป หากแต่เป็นกริชลงอาคม สร้างความปวดร้อนไปทั่วร่างจนมันค่อยๆทรุดลง

     

    บุรุษหนุ่มไม่รอให้โอกาสดีเช่นนี้เสียไปง่ายๆ เขากระโดดไปคว้าดาบคู่กายขึ้นเงื้อมันขึ้น ทันใดนั้นคอสีขาวซีดราวกับซากศพนั่นก็กระเด็นไปอีกทิศทางหนึ่ง ร่างที่คุกเข่าอยู่ล้มลงกับพื้นง่ายดาย ไร้ลมหายใจอีกต่อไป

     

    เอริคกวาดมองไปรอบๆอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เขารู้ดีว่ายังมีศัตรูของเขาอยู่อีกมาก ทว่าเขารู้ว่ามันคงไม่กล้าทำอะไรเขาในตอนนี้แน่ เมื่อครู่มันเป็นเพียงการเชือดไก่ให้ลิงดู และมันก็ได้ผลดีเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่รู้สึกถึงการคลื่นไหวใดๆอีกต่อไป พวกมันเกรงกลัวเขามากกว่าเดิมจนถอยกลับไปหมดแล้ว นั่นจึงทำให้เขาหันหลังกลับไป คว้าคบเพลิงขึ้นมาจุดอีกครั้ง พร้อมออกฝีเท้าตรงดิ่งไปยังจุดหมายโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

     

    แล้วฝีเท้าหนักก็ต้องชะลอจนกระทั่งมาหยุดลงที่หน้าประตูบานใหญ่ เขาสำรวจมองซ้ายขวา ทุกๆอย่างสงบเงียบอย่างที่มันควรจะเป็น เขาเหลือบมองบานหน้าต่างเล็กๆด้านบนเพดาน แลเห็นดวงอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากขอบฟ้า

     

    แสงแห่งรุ่งอรุณปรากฏแล้ว

     

    นี่กระมังคือเหตุผลที่พวกมันยอมถอยกลับง่ายๆ แล้วเรียวปากบางขยับยิ้มขึ้นอย่างคนถูกใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะล้วงมือหยิบเอานาฬิกาพกทองเหลือคู่ใจขึ้นมา หน้าปัดแสดงเวลาให้เห็นได้อย่างชัดเจน เขารู้ว่าคืนอันแสนยาวนานได้ผ่านพ้นไปแล้ว และกำลังย่างเข้าสู่เช้าวันใหม่

     

    เช้าวันที่นางจะกลับมา!

     

    คิดดังนั้นความยินดีก็แล่นเข้ามาในอก มือกร้านภายใต้ถุงมือกระตุกเชือกข้างๆอย่างเหม่อลอย ไม่นานเครื่องจักรก็เริ่มทำงาน และพ่อบ้านชราปรากฏตัวขึ้นเมื่อประตูเหวี่ยงตัวเปิดออก

     

    สวัสดีครับนายน้อย เมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้างคนสนิทไต่ถามอย่างสุภาพขณะคำนับอย่างนอบน้อมตามหน้าที่อันพึงปฏิบัติ เขาเข้าใจว่าผู้เป็นนายอาจไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นสักเท่าไหร่ตอนนี้ เพราะจากรอยยิ้มอ่อนโยนแบบนั้น เขารู้ได้ว่าความสนใจของเอริค เซซิเลียนผู้นี้ตกไปอยู่กับเหตุการณ์ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า

     

    จะพักผ่อนก่อนออกไปไหมครับ?เขาถาม เอริคเพียงโบกมือไปมาแทนคำปฏิเสธก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปในห้องเล็กๆ ห้องที่ถูกบังคับด้วยรอก ให้สามารถยกพวกเขาขึ้นไปด้านบนได้ หรือก็คือลิฟท์นั่นเอง

     

    ไม่ล่ะ เดี๋ยวข้าจะไปอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ ระหว่างนี้เตรียมรถม้าไว้ให้พร้อมเลยก็แล้วกันพ่อบ้านก้มหัวรับพร้อมปิดประตูตามหลัง เครื่องจักและรอกมากมายส่งเสียงแสดงถึงการทำงานของพวกมัน แล้วมันก็ค่อยๆเงียบลง ทำให้ผู้ที่เคยแฝงตัวอยู่ในเงามืด ค่อยๆออกมาปรากฏกายด้วยรอยยิ้มมุมปากไม่น่าไว้ใจ สายตาสีทองจับจ้องยังบานประตูสลักอักขระโบราณทำให้ไม่ว่าเขาหรือคนอื่นๆแบบเดียวกันก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้

     

    เราจะได้พบกันแน่เขาพึมพำ หมุนตัวกลับช้าๆพร้อมทิ้งถ้อยคำน่าขนลุกเอาไว้เบื้องหลังโดยไม่มีใครล่วงรู้

     

    โจแอนนา เซซิเลียน....น่าสนใจดีนี่

    ((มีไรติมาเนอ้ เพื่อจะมีรีไรท์รอบ4 กรักๆ))

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×