มินตรา - มินตรา นิยาย มินตรา : Dek-D.com - Writer

    มินตรา

    เพื่อนรักได้ยินฉันไหม วันที่เธอลืมฉัน... คือวันที่มึงมีความสุข วันที่มึงคิดถึงกู! คือวันที่มึงทุกข์ วันที่กูทุกข์! มึงไม่เคยแยแส! แม้วันสุดท้ายในชีวิตกู... มึงก็ยังไม่แล!

    ผู้เข้าชมรวม

    569

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    569

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 พ.ค. 62 / 15:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
                วันแรกของการเปิดเทอมใหม่ในโรงเรียนมัธยมปลาย​ มักจะเต็มไปด้วยอะไรใหม่​ ชุดใหม่​ กระเป๋าใหม่​ รองเท้าใหม่​ เพื่อนใหม่​ๆ​ จนทำให้เราลืมอะไรเก่าๆไปบางอย่าง​ อะไรบางอย่างที่มันไม่เคยลืมเรา!!
           ในขณะที่​ สุธิณา เด็กสาวชั้นมัธยมศึกษาปีที่4​ เดินคุยกับเพื่อนใหม่อย่างสนุกสนาน​ เสียงสัญญาณเตือนเข้าแถวก็ดังขึ้น​  ทุกคนเริ่มทยอยมารวมกันที่อาคารรวม​เพื่อที่จะทำกิจกรรมหน้าเสาธง​ ในวันเปิดเทอมวันแรก​ แน่นอนว่าการเข้าแถวของนักเรียนชั้น.1และม.4​ มักจะวุ่นวายเสมอ​ เพราะด้วยความไม่เคยชิน​ในสถาน​ และผู้คน​ ทำให้การเข้าแถวเป็นไปด้วยความลำบาก​ สุธิณาและเพื่อนใหม่ของเธออีกสองคน​ ที่มีชื่อว่าศิตางค์สาวแว่นขี้โรคเพราะเปิดเทอมวันแรกก็เป็นหวัดต้องใส่แมสปิดปากซะแล้ว​ และรวิสาสาวร่างอวบ​ คุยเก่ง ทั้งสามก็ได้เดินฝ่าฝูงชนคนเดินงงมาในจุดที่เข้าแถวจนได้ แต่เมื่อมาถึงจุดเข้าแถวก็พบว่ามี​เด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสุดของแถว​ เธอยืนตัวตรงนิ่งไม่สนความวุ่นวายรอบข้าง​เหมือนหุ่นไร้ชีวิต​ สุธิณาและเพื่อนๆของเธอก็เกี่ยงกันว่าใครจะไปต่อแถวหลังจากเธอคนนั้น​ ทั้งสามคนเกี่ยงกันอยู่พักใหญ่ก็มีเด็กผู้หญิงคนอื่นไปยืนต่อแถว​ แต่ดูเหมือนกับว่าเด็กผู้หญิงที่เหมือนหุ่นไร้ชีวิตจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย​ นั่นทำให้ทั้งสามคนถึงกับขนลุก​เลยทีเดียว​ แต่ก็ยังไม่คิดอะไรมาก​และไปต่อแถวทำกิจกรรมหน้าเสาธงจนจบ...
        หลังเลิกเรียน​ ทั้งสามคนด้วยความที่พึ่งรู้จักกันใหม่ๆ​ จึงยังไม่สนิทกันมาก​ เลยแยกย้ายกันไปหาเพื่อนเก่าสมัยม.ต้น​ แต่สุธิณาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ไปหาเพื่อนเก่า​ เพราะว่าเธอไม่มีเพื่อนเก่า!​ สมัยม.ต้น​ เธอมักจะถูกเพื่อนร่วมห้องรุมเกลียดอยู่บ่อย​ๆ​ เพราะเธอเป็นเด็กสาวหน้าตาดี​ มักจะมีคนมาจีบอยู่บ่อยครั้ง​ และคนที่มาจีบเธอก็ล้วนเป็นอดีตแฟนกับเพื่อนร่วมห้องผู้หญิงของเธอ​ ทำให้เธอถูกเกลียดอย่างปฏิเสธไม่ได้... เย็นนี้เธอเลยต้องกลับบ้านอย่างโดดเดี่ยว​ เธอเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากห้องเรียนเนื่องจากเธอไม่อยากให้เพื่อนทั้งสองคนรู้ว่าเธอไม่เคยมีเพื่อนเก่าเลย ในขณะที่เธอกำลังเก็บข้าวของเข้ากระเป๋าอยู่นั้น​ ก็มีเสียงฉีกกระดาษมาจากทางด้านหลังห้อง...  (แคว๊ก... แคว๊ก...)​ สุธิณาหันขวับกลับไปมองหาต้นตอของเสียง​ แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า​ ด้วยความกลัว​ เธอจึงรีบเก็บของอย่างเร็วไว​ แต่ในขณะนั้นเองก็มีเสียงหน้าต่างดังเอี๊ยด... อ๊าด... เหมือนกับว่าถูกลมพัดไปมา​ แต่ในห้องนี้หน้าต่างก็ถูกปิดหมดแล้ว​ เธอจึงไม่หันไปมองที่หน้าต่าง​ แล้วเหมือนกับว่าเจ้าของเสียงจะรู้ตัว เสียงหน้าต่างจึงดังขึ้นอีก​ แต่คราวนี้​เสียงดังเหมือนกับมีคนทุบจากภายนอกไล่มาตั้งแต่บานแรกยันบานสุดท้าย​ สุธิณาจึงรีบวิ่งออกไปจากห้องอย่างสุดชีวิต​ ก่อนจะออกมาพบกับบรรยากาศภายนอกที่ดูเปลี่ยนไป​ ท้องฟ้ามืดสนิท​เหมือนตอนกลางคืน​ มีเพียงไฟดวงเดียวที่สว่างคือตรงหน้าห้องที่เธออยู่​ รอบข้างทั้งซ้ายและขวามืดสนิท​ สุธิณาเริ่มเกิดความกลัวจนร้องไห้​ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเด็กผู้หญิงดังขึ้นมาอย่างหาทิศทางไม่ได้
    ​ "ณา.. ณาจำเราได้ไหม" เสียงเด็กสาววัยรุ่น​เอ่ยถามอย่างเยือกเย็น​
    "คะ... ใคร.. อย่ามายุ่งกับฉัน! ฉันกลัวแล้ว..." สุธิณาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว
    "ณาจำเราไม่ได้หรอ... เรามินไง​ เพื่อนที่รับฟังเธอทุกครั้งไงล่ะ เธอเคยบอกว่าฉันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอด้วยนะ... มึงลืมแล้วหรอ!! "น้ำเสียงเยือกเย็นกลายเป็นแข็งกร้าว​ ดุดัน​ ฟังดูน่ากลัว
    " มินหรอ! ฉันขอโทษ.... ฉะ.. ฉันขอโทษ" ดูเหมือนว่าชื่อนี้จะทำให้สุธิณาจำใครบางคนได้​ ใครบางคนที่เธอมักจะลืม...
        
                                                                                                           -​-------------------------------------------
        'ชั้นมัธยมปีที่​ ๒/๔​'

    " เห้ยๆ​ แก... จำพี่ก๊อตได้ไหม ที่เคยเป็นแฟนเก่าฝ้ายห้องเราอ่ะ​ ไปจีบอีณาอีกแล้วนะ" เด็กสาวคนหนึ่งเสนอหัวข้อเม้าท์มอยประจำวัน​ ที่ทุกๆวันจะต้องมีหัวข้อเกี่ยวกับสุธิณามาเม้าท์ตลอด
    "อีนี่.. มันชอบกินของเหลือรึยังไง​ สมควรแล้ว​ ที่มันโดนแบนทั้งห้องอ่ะ" เสียงเด็กสาวในกลุ่มพูดขึ้นด้วยความสะใจ
    " เฮ้อ....ก็ไม่ทั้งห้องหรอกมั้ง​ ก็มีอีบ้ามินเป็นเพื่อนอยู่ไง" เธอคงจะกำลังหมายถึงมินตรา​ ที่เป็นเด็กไม่ค่อยสมประกอบ​ เธอไม่ค่อยพูด​คุยกับใคร​ แต่เนื่องจากสุธิณาไม่มีเพื่อนเลย มินตราจึงได้กลายเป็นเพื่อนสนิทของเธอไปอย่างจำเป็น
    "ก็มีแค่อีบ้านั่นแหละ​ แรดกับบ้าอยู่ด้วยกัน​ก็เหมาะสมดีหนิ 555" หลังจากจบประโยคนี้​ ทุกคนในกลุ่มเม้าท์มอยก็หัวเราะกันอย่างสนุกปาก​ โดยไม่สนเลยว่าคนที่นั่งอยู่หน้าห้องจะเป็นสุธิณาและมินตรา​ 
    "ยะ.. อย่าไปสนใจเลยณา​ ใครจะ.. จะ..ว่ายังไงก็ช่างเขาเถอะนะ.. " มินตราพูดแบบกล้าๆกลัวๆ​ ปลอบเพื่อนสาวเพียงคนเดียวของตน
    "เธอไม่เคยเจออย่างฉัน​ เธอไม่เข้าใจหรอก! " สุธิณาพูดเหวี่ยงวีนใส่มินตราอย่างไม่สนความรู้สึกของเธอ
        มินตรามักจะเป็นที่ปรึกษาและที่ระบายอารมณ์ของสุธิณาอยู่บ่อยๆ​ เวลามีอะไรไม่สบายใจ​หรือหงุดหงิดอะไร​ ก็เห็นจะมีแต่มินตราเป็นคนรับฟังเธอ​ แต่ในทางกลับกัน​ เวลามินตราเดือดร้อนทุกข์ใจอะไร​ เธอไม่เคยได้รับการรับฟังหรือช่วยเหลืออะไรจากสุธิณาเลย​ เพราะว่าความจริงแล้วสุธิณาไม่เคยเห็นเธอเป็นเพื่อนเลยต่างหาก​ สุธิณาไม่ได้อยากมีเพื่อนไม่สมประกอบอย่างนี้​ เวลาเดินคู่กับมินตราเธอก็มักจะแยกตัวไปเดินคนเดียว​ เพราะเธออายที่คนสวยอย่างเธอจะต้องมาสนิทสนมกับมินตรา​ แต่ด้วยความจำเป็นในเรื่องการทำรายงานกลุ่ม​ เรื่องหาเพื่อนนั่งกินข้าว​ รวมถึงเรื่องยืมเงิน​ ยืมข้าวของอีก​ ทำให้เธอยังต้องใช้ประโยชน์จากมินตราอยู่​ ถ้าเกิดหมดประโยชน์แล้วน่ะหรอ..มินตราไม่มีทางได้ใกล้คนอย่างเธอหรอก!  ด้วยความที่มินตราไม่เคยมีเพื่อนสนิท​ อะไรที่ทำแล้วเพื่อนรักของเธอมีความสุข​ เธอก็จะทำมันทุกอย่าง​ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ผิด! เธอก็จะทำมัน! 
         และมันก็เกิดขึ้นจนได้.... ​ เย็นวันหนึ่งหลังจากเลิกเรียน​ สุธิณาปลีกตัวเดินหนีกลับบ้านไปก่อนมินตรา​ ทิ้งให้มินตราทำเวรแทนเธอ ทั้งที่จริงๆแล้วเป็นเวรของสุธิณาและเพื่อนกลุ่มขาใหญ่ประจำห้อง​ และแน่นอนว่ากลุ่มนี้ก็ไม่ชอบขี้หน้าสุธิณาเหมือนกัน​ ทำให้มินตราถูกบังคับให้ทำเวรคนเดียว​ เธอก็ไม่ได้คัดค้านอะไร​ เพราะทุกวันที่เป็นเวรของสุธิณา​ เธอมักจะเป็นคนทำแทนอยู่แล้ว... เมื่อทำเวรเสร็จ​ มินตราก็กำลังจะเดินลงบันไดมา​ แต่ก็พบกลุ่มขาใหญ่ประจำห้องกำลังพูดถึงสุธิณา​ เธอจึงแอบฟังแล้วได้ใจความว่า​ คลีนคนในกลุ่มนี้วางแผนจะทำร้ายสุธิณาโดยใช้คัตเตอร์กีดหน้าจนเสียโฉม​ เมื่อมินตราได้ยินดังนั้นเลยพยายามโทรหาสุธิณา​ แต่สุธิณาที่กำลังเล่นมือถืออยู่นั้น​ เห็นเบอร์คนที่โทรมาก็ทำให้เธอไม่คิดจะรับสายและตัดสายทิ้งไปในที่สุด​ มินตราด้วยความที่เป็นห่วงเพื่อนจึงคิดว่าการเดินไปยับยั้งแผนการของคลีนอาจได้ผล​ มินตราอาศัยจังหวะที่คลีนอยู่คนเดียวเดินเข้าไปเจรจากับเธอ​ และมันก็มาถึง! เพื่อนๆของคลีนแยกย้ายกลับก่อน​ ส่วนตัวเธอนั้นต้องรอแม่ที่เป็นคุณครูเคลียร์งานให้เสร็จก่อน​ ในจังหวะนั้น​ ในอาคารนี้เงียบสงัด​  ตึกนี้มีแค่เธอทั้งสองคนเท่านั้น
      "คะ...คลีน" มินตราพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
      "มีไร!!อีบ้า! " คลีนพูดกระแทกเสียงจนมินตราสะดุ้ง
      "คลีนอย่าทำร้ายณาเลยนะ​ เราได้ยินที่คลีนคุยหมดแล้ว" มินตราไม่ค่อยพอใจที่คลีนเรียกเธอว่าอีบ้า​
      "มึงจะทำไม! มึงเอาเวลาไปรักษาสมอง​ให้ปกติเถอะ! กูไม่ได้แค่คิดจะทำร้ายอีณา​แต่กูคิดจะฆ่ามันให้ตายคามือกูด้วยซ้ำ! มึงยังอยากเสือกอยู่มั๊ย? กูะได้ฆ่ามึงด้วย! ฮ่ะ.. ฮ่าๆ"คลีนพูดขู่หวังให้มินตรากลัว​ เธอไม่คิดฆ่าใคร​ เพียงแค่อยากสั่งสอนเท่านั้น​ แต่คำพูดเมื่อครู่ของเธอเหมือนไปปลุกปีศาจร้ายในตัวมินตราให้ตื่นขึ้น​ มินตราไม่ได้มีกระบวนการคิดที่เหมือนคนปกติ​ เธอแยกแยะคำขู่กับคำพูดจริงไม่ออก สมองมินตราในตอนนี้รู้เพียงแค่​ 'มันจะมาทำร้ายเพื่อนรักของเรา​ ถ้าเราไม่ฆ่ามัน​ มันก็มาฆ่าเรา'​ แววตาของมินตราเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว​ เธอใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดกระชากคลีนกดลงกับพื้น​ วินาทีนั้นเธอก็เหลือบไปเห็นคัตเตอร์ในกระเป๋ากระโปรงของคลีนที่พึ่งซื้อมาใหม่​ สีเงินเงาวิบวับ​ ขัดกับแสงที่เหลืออยู่น้อยนิดในเวลาหกโมงเย็น​ คลีนกรีดร้อง​พร้อมกับมือที่ปัดป่ายไปมา​หวังจะหลุดจากแรงกดมหาศาลอย่างหาที่มาไม่ได้ของมินตรา​  มินตราเอื้อมมือข้างหนึ่งไปหยิบคัตเตอร์ออกมาจากกระเป๋ากระโปรงของคลีน ส่วนมืออีกข้างก็กดหัวของคลีนลงนาบกับพื้น​ เธอหยิบคัตเตอร์มาเชยชมเหมือนคนโรคจิตเต็มขั้น​
      "คัตเตอร์ใหม่... คมกริบเลย... เธอว่าไหมคลีน..." มินตราพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
      "อีบ้ามิน! มึงจะทำไรกู.. ถ้ากูหลุดไปได้กูจะฆ่ามึง!!" คลีนพูดพรางดิ้นเพื่อที่จะได้พ้นจากพันธนาการ​ แต่นั่นยิ่งทำให้มินตราโกรธแค้นขึ้นไปอีก​ มินตราไม่รอช้าจ้วงแทงไปที่หน้าของคลีน นั่นทำให้เด็กสาวกรีดร้องลั่นอาคาร​ มินตราเห็นท่าไม่​ดี​ จึงใช้มีดขู่ให้เธอหุบปาก​พร้อมกระชากศีรษะคลีนให้ลุกขึ้นเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า​ พอไปถึงบนดาดฟ้าชั้น10​ เธอก็ใช้มีดจี้ให้คลีนโดดลงไป​ คลีนร้องไห้ขอชีวิตจากมินตรา​ แต่ก็ไม่เป็นผล​ มินตราถีบเธอลงไปสู่ความเวิ้งว้างด้านล่าง​ หลังจาก​นั้น​ เธอก็เหมือนได้สติ​ แล้วก็ร้องไห้รู้สึกผิดในสิ่งที่เธอทำลงไป​ แล้วเธอก็โทรหาสุธิณาหลายสาย​จนสุธิณายอมรับสายของเธอ... 
       "ณา...ช่วยฉันด้วย...ฉันไม่ได้ตั้งใจ...ฉันทำเพื่อณานะ..."มินตราพูดพร้อมกับสะอื้น​ 
       "อะไร.. เป็นอะไร..ถ้าจะโทรมาไร้สาระ​ ก็อย่าโทร​ รำคาญ!" สุธิณาพูดด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใย
       "ฉะ...ฉันฆ่าคลีน..ณา..ฉันฆ่าคลีน.."มินตรารีบพูดก่อนที่ปลายสายจะไม่คุยกับเธอ
       "ห้ะ! อะไรนะ​ แกเป็นบ้าไปแล้วหรอ! "สุธิณาถามด้วยความตกใจ
       "มันจะฆ่าแก​ ฉันเลยฆ่ามัน... ช่วยฉันด้วยนะณา... "คนต้นสายดูเหมือนจะต้องการที่พึ่งทางจิตใจ​ แต่ตรงกันข้ามกับปลายสายที่อยากจะปัดภาระออกจากตัว
      " กูไม่เกี่ยว! มึงอย่ามายุ่งกับกู.. มึงจะไปตายไหนก็ไปอีบ้า​ มึงมันโง่! กูไม่เคยเห็นมึงเป็นเพื่อนเลยด้วยซ้ำ มึงไม่ต้องโยงมาหากูเลยนะ​ มึงไปตายที่ไหนก็ไป! "สิ้นเสียงประโยคสุดท้าย​ สายก็ตัดไปทันทีอย่างไร้เยื่อใย​ ทิ้งให้มินตรานั่งจมอยู่กับน้ำตา​และความสับสน​ ความแค้น​ ความรู้สึกผิดเกินกว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะแบกรับไหว และความกดดันทั้งหลายทั้งปวงก็ได้ส่งผลให้มินตราจบชีวิตของตัวเองด้วยการกระโดดตึกในที่สุด... 

                                                                                                                         ------------
     
     "ฉันขอโทษ... เธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉันจริงๆนะ​ แต่ตอนนั้นฉันคิดอะไรไม่ออกเยพูดไปแบบนั้น" สุธิณาพูดพรางยกมือไหว้ไปรอบทิศทางอย่างคนบ้า
     "หึ! มึงไม่ต้องกลัวกูหรอก​ กูไม่ได้จะมาฆ่ามึง.. กูแค่มาดูมึงตายด้วยน้ำมือคนอื่นเฉยๆ.. ฮ่ะ.. ฮ่าๆ" เสียงหัวเราะโหยหวนดังมาจากความมืดมิดรอบทิศทาง​ ทันใดนั้นเองก็มีโลหะวาววับสะท้อนแสงพุ่งมาจากความมืดปักเข้าที่คอของสุธิณาอย่างจัง​ มันคือมีดที่คมกลิบเหมือนลับมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ​ สุธิณาเหลือบมองเจ้าของมีดที่มองเธอด้วยแววตาแข็งกร้าว​ เธอคนนั้นคือศิตางค์ที่ถอดแว่นและผ้าปิดปากออกออกเผยใบหน้าชัดเจนที่มีรอยแผลเป็นต่างๆและจมูกที่หัก​ กระดูกหน้าทรงบิดเบี้ยว​ เมื่อมองพิจารณาดีๆ​ เธอคนนี้ก็คือคลีนนั่นเอง​ 
         หลังจากวันนั้นที่คลีนและมินตราตกลงมาจากดาดฟ้า​ มินตราเสียชีวิตทันที​ ส่วนคลีนอาการสาหัสมาก​ ทางบ้านของคลีนมาลาออกที่โรงเรียนแต่ไม่ได้แจ้งความคืบหน้าของการรักษา ข่าวลือแพร่สะพัดออกไปว่าทั้งคู่เสียชีวิต​ ทำให้ต่อมาเมื่อคลีนหายดีแล้วจึงเปลี่ยนชื่อ​-นามสกุล​ เป็น​ ศิตางค์​ สังคสิริสุข​ และใช้ชื่อเล่นว่า​ สตางค์ตลอดมา...
         สุธิณาเบิกตาโพรงมองสตางค์หรือว่าคลีนเพื่อนเก่าในคราบเพื่อนใหม่ของเธอ​ ก่อนที่เธอจะสิ้นลมหายใจไปพร้อมกับเรื่องในอดีตที่เธอคงจะจำไปชั่วกาล..

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×