คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Episode 1 : เรื่องราว
ตึก..ตึก..ตึก..ตึก..ตึก
เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นดังก้องไปทั่วโถงทางเดินด้วยความรวดเร็ว ในยามเช้าที่อากาศสดใส แต่ดูเหมือนเจ้าของเสียงฝีเท้าจะไม่ได้รู้สึกสดใสเหมือนอากาศในวันนี้เลย ใบหน้าที่เรียบเฉยกับดวงตาสีเหลืองอ่อนที่ฉายแววเย็นชา ช่างดูต่างจากรูปลักษณ์ที่น่ารักเสียจริงๆ ยามเช้าในคฤหาสน์สีขาวหลังใหญ่นี้ ช่างเป็นเช้าที่ไม่รื่นรมย์เลย
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณไค”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้คนถูกเรียกหยุดฝีเท้าลง และในขณะที่เธอกำลังจะหันมาตอบ สีหน้าที่เคยเรียบเฉยและเย็นชาตั้งแต่เมื่อกี้ก็หายไปอย่างกับคนละคน
“อรุณสวัสดิ์ วันนี้มาเช้าจังเลยนะ”
ไคยิ้มให้กับลูกน้องในกลุ่มที่เลยเห็นหน้าค่าตามาบ้างอย่างสดใส แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ได้รู้สึกถึงความสดใสนั้นเลย
“คะ ครับ.....พอดีว่าผมถูกเรียกจากบอสให้มาช่วยงานนิดหน่อยน่ะครับ คุณไคเองก็มาเช้าจังเลยนะครับ มีอะไรรึเปล่าครับ....”
“อืม! ฉันก็ถูกเรียกจาก ‘บอส’ มาเหมือนกัน ลำบากหน่อยนะที่ถูกเรียกมาตั้งแต่เช้าเลย ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนนะ”
พูดจบไคก็เดินจากไปเงียบๆ ทิ้งให้ลูกน้องที่ยืนอึ้งและขนลุกซู่กับเสียงนิ่มๆของเธอและไม่รู้ว่าเขาได้ยินผิดไปรึเปล่าเมื่อเธอพูดว่า ‘บอส’ มันดูเหมือนจงใจกระแทกเสียงและแดกดันเอามากๆ พลอยให้เขาต้องมายืนภาวนาให้บอสอยู่รอดในวันนี้ ช่างเป็น ‘เลขา’ ที่น่ากลัวจริงๆ
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในห้อง แต่ชายหนุ่มเจ้าของห้องกลับไม่ทีท่าที่จะสนใจ เขายังคงก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างในกระดาษใบแล้วใบเล่า จนสักพักคนที่อยู่ด้านนอกก็เคาะประตูขึ้นอีกครั้ง
“เชิญครับ”
ในคราวนี้เจ้าของห้องตอบรับอย่างนิ่งๆโดยที่มือยังคงขยับไม่หยุด คนถูกเชิญค่อยๆเข้ามาในห้องและรีบเดินตรงมาที่โต๊ะทำงานกลางห้องที่มีแต่ตู้เอกสารมากมายวางอยู่รอบห้อง
“อรุณสวัสดิ์ไค มาเช้าจังนะ”
อิบุกิเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มทักทายเมื่อรู้สึกว่าคนตรงหน้าไม่ยอมพูดอะไร
ปัง!...
“ยังจะมายิ้มร่าอีกนะ! อิบุกิ!”
ไคทุบโต๊ะตรงหน้าอิบุกิจนเกิดเสียงดังไปทั่วห้องพร้อมกับตวาดใส่หน้าด้วยความโมโห ทำเอาอิบุกิรีบจับกระดาษที่วางกระจายกันอยู่บนโต๊ะแน่นเพราะกลัวมันปลิว ยิ่งเป็นเอกสารสำคัญด้วยเล่นเอาเขาใจหายไปแว็บนึงเลย
“โมโหอะไรของเธอตั้งแต่เช้าเนี่ย? หรือว่ายังไม่ได้กินข้าวเช้า?”
“ข้าวเช้าบ้าบออะไรล่ะ! นี่มันหมายความว่ายังไง?!”
ไคฟาดซองจดหมายสีขาวลงบนโต๊ะสุดแรงด้วยอารมณ์ที่ขึ้นไปเรื่อยๆเมื่อเห็นท่าทีของบอสตัวเองที่ดูใจเย็นกับเรื่องสำคัญแบบนี้จนเธอเกิดรู้สึกหัวเสียแทน
“จดหมาย?”
อิบุกิพูดขึ้นพร้อมกับหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน ไม่ถึง 3 วินาทีเขาก็เงยหน้ามองคนตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
“จดหมายมันทำไมเหรอ?”
“จดหมายมันทำไม?! กล้าพูดมากนะนายน่ะ หมายความว่าไงที่ว่านายตกลงไปงานประชุมสภาของรัฐบาลโดยไม่บอกเลขาอย่างฉัน?!”
“อ้อ เรื่องนั้นนี่เอง”
อิบุกิเริ่มเข้าใจถึงเหตุผลที่ไคอารมณ์ขึ้นตั้งแต่เช้าและมาตวาดใส่เขาเมื่อกี้แล้ว แต่ถึงเขาจะรู้เหตุผลเขากลับไม่รู้สึกว่ามันเป็นความผิดของตัวเองเลย อิบุกิวางจดหมายในมือลงและเตรียมตัวจะอธิบาย
“ถ้าการที่ฉันไม่ได้บอกเธอเรื่องการตกลงนี้ มันทำให้เธอไม่พอใจฉันก็ขอโทษด้วย แต่ถึงฉันจะบอกหรือไม่บอก เธอจะค้านหรือไม่ค้าน ฉันว่าผลมันก็เป็นเหมือนเดิม ฉันถึงได้ตัดสินใจไม่บอกเธอและตอบรับคำขอของพวกเขาไง”
“คำขอ? คำสั่งจากรัฐบาลล่ะสิไม่ว่า! ถึงจะใช้คำพูดที่สวยหรูยังไง ความหมายที่ซ่อนอยู่ก็มีแต่ ‘จงมาหาพวกเราเดี๋ยวนี้ไอ้พวกราชา’ อ่านยังไงก็น่าโมโห”
“เอาเถอะน่า....จริงๆแล้วเรื่องนี้ก็ไม่ใช่แค่พวกเราที่ได้รับหรอกนะ”
“หมายความว่าไง?”
ไคหันไปถามอิบุกิที่เดินไปชงกาแฟดำที่มุมห้องด้วยความสงสัย ความจริงแล้วข้อความในจดหมายนั้นพูดถึงคำขอจากรัฐบาลที่ต้องการให้กลุ่มราชาสีน้ำเงินมาเข้าร่วมประชุมสภาที่จะเกิดขึ้นในอีก 3 เดือนข้างหน้า โดยการประชุมนี้ปกติจะจัดทุกๆครึ่งปีและส่วนใหญ่จะพูดถึงปัญหาของประเทศชาติอะไรทำนองนั้น เลยแทบไม่เกี่ยวกับกลุ่มราชาเลย แต่ที่จู่ๆรัฐบาลก็เรียกราชาไปแบบนี้ ก็แปลว่าต้องการเจรจาอะไรบางอย่างกับพวกเรา ในตอนที่กลุ่มราชาสีน้ำเงินทำสัญญากับรัฐบาลในช่วงแรกๆ พวกเราก็เป็นฝ่ายยอมเสียเปรียบให้ฝั่งนั้นตั้งมากมาย แล้วตอนนี้ยังจะมาให้พูดคุยเรื่องอะไรอีก เรื่องนี้เลยทำให้ไคที่ก็ไม่ได้ชอบรัฐบาลนักโมโหขึ้นมา
“เมื่อวานท่านโคโซส่งจดหมายมาบอกว่าได้รับจดหมายจากรัฐบาลเหมือนกัน”
“ท่านโคโซน่ะเหรอ? แล้วเขาว่าไง?”
“กลุ่มราชาสีทองเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลอยู่แล้ว มีเหรอจะปฏิเสธคำขอ แต่ที่แปลกน่ะมันอีกเรื่อง...”
ไคนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับอิบุกิที่ไปชงกาแฟดำมาให้ อิบุกิยกกาแฟขึ้นดื่มแล้วจึงเล่าเรื่องต่อเพราะดูไคจะใจจดใจจ่อกับเรื่องที่เขาจะพูดมาก
“ฉันได้ข่าวว่าทั้งราชาสีแดงและราชาสีเขียวก็ได้รับจดหมายเหมือนกัน ไม่เว้นแม้แต่ราชาสีม่วง ซึ่งจากลางสังหรณ์ของฉัน ราชาทั้งหมดก็น่าจะได้รับเหมือนกัน”
“ว่าไงนะ?! นายพูดจริงเหรอ?”
ไคอึ้งกับสิ่งที่ตัวเองได้ยินจนนิ่งไปสักพัก เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่มาก ซึ่งมันไม่ใช่แค่เรื่องเจรจาระหว่างราชาที่ทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลแล้ว แม้แต่ราชาสีแดงที่คอยจะบีบรัฐบาลให้อยู่ใต้อำนาจ ราชาสีเขียวที่ดูไม่อยากเกี่ยวข้องกับรัฐบาล ราชาสีขาวที่แทบไม่สนใจรัฐบาลเลย กับราชาสีม่วงที่เกลียดรัฐบาลอย่างกับอะไรดี ในความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ดีจนเรียกว่าแย่ได้เลยแบบนี้ เธอจึงตกใจและสงสัยมากกว่ามันคือเรื่องอะไรที่ต้องเรียกราชามาทั้งหมดแบบนี้
“แล้วนายรู้มั้ยว่าเพราะอะไร?”
“ฉันยังไม่ค่อยแน่ใจหรอก แต่ก็ดูน่าจะเป็นเรื่องใหญ่อยู่”
“นายดูใจเย็นจังนะ”
“ร้อนรนไปก็เท่านั้น ที่ฉันตอบตกลงก็เพราะอยากจะลองเจอกับราชาคนอื่นดู ถึงจะรู้สึกว่าโอกาสที่พวกเขาจะมาครบมันแทบไม่มีเลยก็ตาม”
ไคถอนหายใจกับเรื่องที่ได้ยิน ถึงจะเข้าใจเหตุผลที่อิบุกิตัดสินใจตอบตกลง แต่ลางสังหรณ์ของเธอมันบอกว่าเรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายๆ ขอแค่มันจะไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่จนเกิดการต่อสู้กันก็พอ
“เฮ้อ ถ้างั้นฉันขอตัวไปกินข้าวเช้าก่อนนะ อ้อแล้วก็! ฉันยังไม่หายโกรธที่นายทำอะไรแล้วไม่ปรึกษาฉัน เพราะงั้นประชุมตอนบ่ายนี้ฉันขอไม่เข้านะ บาย!”
“ดะ เดี๋ยว...ไค!”
ณ บาร์แห่งนึงในซอยเล็กๆใจกลางเมือง ป้ายชื่อร้านที่ติดอยู่หน้าประตูสว่างวาบขึ้นเมื่อถึงเวลาเปิดทำการ R&K คือชื่อบาร์สุดหรูที่มีเพียงสมาชิกประจำเท่านั้นที่จะเข้าได้ ภายในร้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงกับเหล้าหลากหลายชนิดจากทั่วโลก แม้ไม่ใช่ร้านที่ใหญ่มากมาย แต่ก็มีชื่อเสียงมากสำหรับคนในวงการใต้ดิน เพราะที่นี่คือร้านที่เป็นสื่อกลางสำหรับคนขายและคนซื้อ
กริ๊งๆ....
เสียงกระดิ่งของร้านดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ามีลูกค้าเข้า บาเทนเดอร์ของร้านที่พ่วงตำแหน่งเจ้าของร้านยกยิ้มขึ้นทักทายทันทีเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนคือใคร
“ว่าไงโชวงิคุง วันนี้มาเที่ยวเหรอ?”
เด็กหนุ่มผู้ถูกเรียกว่าโชวงิถอดฮู้ดและหน้ากากปิดปากออกเมื่อเดินเข้ามาในร้าน
“คิดว่าผมจะมาเที่ยวในร้านเหล้าทั้งที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะรึไง”
โชวงิตอบนิ่งๆอย่างห้วนๆ ทำเอาคนที่หยอกเล่นๆหัวเราะกับท่าทีอย่างชอบใจ
“ถ้าริวล่ะก็ไม่อยู่หรอก เห็นว่าช่วงนี้งานยุ่ง”
เจ้าของร้านพูดขึ้นเมื่อเห็นโชวงิกำลังมองไปทั่วร้านเหมือนหาใครบางคน
“ดีแล้วที่ไม่อยู่....”
โชวงิพึมพำเบาๆแล้วจึงถือกระเป๋าเหล็กสีเงินที่เอามาด้วยขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์
“ของจากคุณคาเซย์”
“ขอบคุณนะ พอดีลูกค้าเขาเร่งมาแถมยอมจ่าย 2 เท่าเพื่อให้ได้ของเร็วด้วย ใจป้ำจริงๆ”
พูดจบเจ้าของร้านก็จัดการเปิดกระเป๋าเพื่อเช็คของอย่างละเอียด ภายในกระเป๋านั้นมีเพียงหลอดทดลองแก้วที่ภายในบรรจุของเหลวสีเงินหนึ่งหลอด เขาหยิบหลอดนั้นขึ้นมาดูและยกขึ้นสูงเพื่อให้มันกระทบกับแสงไฟ ของเหลวสีเงินเปลี่ยนเป็นของเหลวสีใสที่มีความใกล้เคียงกับน้ำมาก เมื่อเช็คของเสร็จเขาก็เอามันเก็บเข้ากระเป๋าอย่างเดิม
“แล้วนี่นายจะกลับเลยรึเปล่า ดื่มสักแก้วมั้ย?”
“ก็บอกแล้วไงว่ายังไม่บรรลุนิติภาวะ”
“อายุ 18 แล้วดื่มไปก็ไม่เป็นอะไรหรอกน่า นายนี่หัวแข็งในเรื่องแบบนี้เหมือนกันนะ ฮ่าๆ”
พูดจบเจ้าของร้านก็เดินไปหลังร้านสักพักและกลับมาพร้อมกับห่อผ้าที่ห่อกล่องขนาดเรียวยาวกลับมาด้วย เขาวางมันลงบนเคาน์เตอร์และเลื่อนไปตรงหน้าโชวงิ โชวงิที่เลื่อนสายตาขึ้นมองคนอายุมากกว่าสลับกับห่อผ้าด้วยใบหน้างงๆก็เอ่ยขึ้น
“อะไร?”
“ของที่นายตามหาไง”
โชวงิอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาลังเลอยู่สักพักที่จะเปิดกล่องนั้น เจ้าของร้านที่เห็นดังนั้นจึงจัดการเปิดกล่องนั้นเพื่อให้เขาดู ซึ่งของข้างในก็คือดาบญี่ปุ่นที่มีลวดลายมังกรสีเงินที่ฝัก โชวงิค่อยๆจับดาบขึ้นมาดูและดึงดาบออกมาเพื่อดูใบดาบ ลวดลายสีเงินส่องแสงระยิบระยับเมื่อสะท้อนกับแสงไฟ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนลุกวาวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันได้มันมาจากคนๆนึง เห็นบอกว่าถ้ามีคนจ่ายให้อย่างงาม ก็พร้อมที่จะปล่อยทันที นายว่าไง?”
“.....เท่าไหร่”
“10ล้านเยน”
“10ล้านเยน! อะไรมันจะแพงขนาดนั้น”
“นายก็รู้นิว่าใครเป็นคนตีดาบเล่มนี้ ของแบบนี้ราคาแพงก็แน่อยู่แล้ว”
โชวงิถึงกับกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินตัวเลขของดาบในมือตัวเอง ถึงเขาจะค่อนข้างถานะทางบ้านดี แต่ก็ใช่ว่าจะได้ใช้เงินตามใจตัวเองได้ แต่เพราะดาบเล่มนี้คือดาบที่เขาตามหามานาน เขาจึงลังเลมากๆเพราะไม่อยากจะปล่อยโอกาสดีๆแบบนี้ไป
“มีใครอยากจะได้ดาบเล่มนี้อีกมั้ย?”
“นายเป็นคนแรกที่ฉันให้ดูดาบเล่มนี้ นี่เป็นบริการพิเศษที่นายคอยส่งของให้เลยนะ”
“......”
โชวงิจับดาบแน่น ในใจรู้สึกดีใจมากที่เขาเป็นคนแรกที่ได้เห็นเพราะจะได้ตัดคู่แข่งออกไป แต่ปัญหาคือราคาต่างหาก
“ขอเวลาสัก....2 เดือน”
“2 เดือน? ฉันว่ามันนานไปนะ คนขายคงไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่”
“งั้นเดือนนึง!”
“เดือนนึง.... โอเค แล้วฉันจะบอกคนขายให้ว่ามีคนขอซื้อ”
เจ้าของร้านยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ ทำเอาโชวงิเกิดหมั่นไส้ท่าทีที่ดูเหนือกว่าของอีกฝ่ายขึ้นมา ช่างเป็นคนที่น่าโมโหจริงๆ
“ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อน”
“อืม แล้วมาเที่ยวใหม่นะโชวงิคุง”
ไม่ทันพูดจบโชวงิก็เดินออกจากร้านไปโดยที่ไม่มีท่าทีที่จะฟังเลย ทำเอาเจ้าของร้านต้องส่ายหัวให้กับท่าทีเด็กๆของเขา
“จริงด้วย ต้องโทรไปหาเขาก่อน...”
เจ้าของร้านเดินไปหยิบโทรศัพท์และกดโทรหาใครบางคน หลังจากต่อสายไม่นานเจ้าของปลายสายก็รับด้วยเสียงเรียบๆ
(ว่าไงครับโอนเนอร์...)
“ไงยูกิคุง ตอนนี้ว่างจะคุยมั้ย”
(ครับ ว่ามาเลย)
“เรื่องดาบที่ฉันขอให้นายขายน่ะ เขาตกลงจะซื้อแล้วนะ แต่เพราะคนซื้อยังเป็นนักเรียนอยู่เลยว่าจะมาขอเวลาสักเดือนนึงให้เขาได้หาเงิน”
(งั้นเหรอครับ คงเป็นคนที่คุณเอ็นดูมากเลยนะครับถึงได้ใจดีให้เวลาเขาขนาดนั้น)
“ก็นะ พอดีว่าคนรู้จักของฉันเขาฝากฝังมา จะไม่ดูแลก็กลัวจะผิดใจ แต่ถ้านายอยากได้เงินเร็วๆเดี๋ยวฉันจะจ่ายนายก่อน นายว่าไง”
(อืม.....ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้)
“ขอบใจนะ แล้วจะอุดหนุนนายบ่อยๆแล้วกัน ยูกิคุง”
ณ ชั้นใต้ดินของสำนักงานกู้เงินนอกระบบ
ยูกิวางสายจากโอนเนอร์ของร้านบาร์ R&K ที่เขามักใช้บริการขายของให้กับลูกค้าประจำของทางร้าน ซึ่งก็ได้เงินตอบแทนมามากกว่าขายให้กับตลาดมืดเสียอีก นั่นแหละคือข้อดีของการขายตรงแบบนี้
“ใครโทรมาเหรอฮะคุณยูกิ?”
ยูกิหันไปมองต้นเสียงที่เพิ่งกลับมาจากการไปสวดอ้อนวอนที่โบสถ์มา เรนยิ้มให้กับยูกิด้วยรอยยิ้มที่สดใส แต่ใบหน้าของยูกินั้นกลับไม่มีแม้แต่รอยยิ้มตอบกลับมาเลย
“โอนเนอร์น่ะ เขาโทรมาบอกว่าฉันขายของได้”
“จริงเหรอฮะ? ดีใจด้วยนะฮะ อย่างนี้ก็ได้เงินอีกน่ะสิ”
“ใช่ แต่มันก็ยังไม่พออยู่ดี”
“คุณยูกิอยากได้อะไรเหรอฮะ ถึงได้ต้องหาเงินขนาดนั้น”
ยูกินิ่งไปกับคำถามของเรนและลังเลอยู่สักพักว่าจะพูดดีมั้ย จนตัดสินใจกวักมือเรียกเรนให้เข้ามาใกล้ เรนที่ไม่รู้อะไรก็เดินเข้ามาอย่างงงๆจนเดินมายืนอยู่ข้างๆโซฟาที่ยูกินอนอยู่ ยูกิค่อยๆลุกขึ้นนั่งและค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนที่ตัวเล็กกว่าพร้อมกับพูดใส่หูเบาๆ
“เรื่องของฉัน...”
“คุณยูกิอ่ะ!!”
เรนถึงกับหัวเสียขึ้นมาเมื่อถูกยูกิแกล้งเอา ถึงมันจะเป็นเรื่องที่ถูกทำบ่อยๆ แต่ก็ดูเหมือนเรนจะไม่ค่อยเรียนรู้ที่จะรับมือกับนิสัยที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของยูกิเลย เพราะงั้นยูกิถึงได้คอยแกล้งเรนอยู่ตลอด
ตึก..ตึก..ตึก..ตึก..
“นั่นไงพ่อนายมาแล้ว”
ยูกิพูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนกำลังเดินลงมาข้างล่าง ซึ่งคนๆนั้นก็คงหนีไม่พ้นบอสของพวกเรา
“จริงด้วย! คุณโคคุกลับมาแล้ว!”
ไม่นานคนที่ถูกพูดถึง โคคุโอะก็เดินเข้ามาข้างในด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
“ยินดีต้อนรับกลับฮะคุณโคคุ!”
“อืม แล้วยูกิล่ะ”
“คุณยูกิก็อยู่ตรง...อ้าว! หายไปไหนแล้วล่ะ!”
เรนวิ่งมาดูที่โซฟาที่ยูกิเพิ่งนั่งเมื่อกี้ แต่ในตอนนี้มันกลับว่างเปล่า โคคุโอะที่ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มมองไปรอบๆห้องที่ดูไม่มีอะไรผิดปกติเลยจนเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่างจึงพูดขึ้นนิ่งๆ
“ยูกิ ตอน 3 ทุ่มมาหาฉันที่ห้องทำงานด้วย”
พูดจบโคคุโอะก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้เรนมองตามอย่างงงๆ แต่ที่งงกว่านั้นคือจู่ๆยูกิก็โผล่ออกมาจากที่ไหนไม่รู้หลังจากที่โคคุโอะออกไปแล้ว
“ซวยแล้วไง....”
====================
สวีสดีค่ะ!
ในที่สุดก็เข้าเนื้อเรื่องสักทีหลังจากทุกคนรอมานาน5555
ก่อนอื่นขอขอบคุณสำหรับคอมเม้นให้กำลังใจนะคะ
บางครั้งในตอนที่รู้สึกไม่อยากแต่งแล้วมานั่งอ่านคอมเม้น
มันรู้สึกมีกำลังใจจริงๆค่ะ ขอบคุณที่ยังรอติดตามนะคะ
ส่วนเนื้อเรื่องเนี่ยงจากเป็นตอนแรก
เลยอยากจะค่อยๆเล่าถึงกลุ่มราชาแต่ละกลุ่มว่าเป็นยังไงค่ะ
ถึงตัวละครจะยังออกมาไม่หมด แต่จะพยายามให้ทุกตัวได้มีส่วนร่วมค่ะ
แน่นอนว่าเรื่องนี้มีฉากแอคชั่นค่ะ ถึงไรท์จะไม่ค่อยมั่นใจว่าจะเขียนได้ดีมั้ย
แต่ก็จะพยายามให้ดีที่สุดค่ะ!
ฝากติดตาม Ep 2 ด้วยนะคะ
คิดว่าคงจะลงในอีกไม่กี่วันค่ะ
====================
New!
โอนเนอร์ของร้าน R&K
・พ่วงตำแหน่งเจ้าของร้านและบาเทนเดอร์
・อายุ 40
・เป็นผู้ไร้สี
・รับงานขายและรับซื้อของจากตลาดใต้ดิน
・ประวัติยังคงเป็นปริศนา
ความคิดเห็น