คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ไม่ค่อยดีแฮะ ^^"
ไม่ค่อยดีแฮะ ^^”
บรรยากาศดูเหมือนจะอึมครึมขึ้นมาทันตาเห็น ผู้คนที่หัวเราะคิกคักสลับกับการเดินผ่านไปมา เด็กเล็กเด็กน้อยวิ่งไล่กันอยู่ที่ด้านหลัง ทั้ง ๆ ที่ต่างคนต่างรู้สึกผ่อนคลายกันเต็มที่แต่ในเวลาเช่นนี้พวกเราทั้งสามต่างมีความรู้สึกที่แต่งต่างกัน
ฉันมองมิกซ์ที่ก้มหน้านิ่งไม่พูดอะไรต่ออีกเลย ในใจมันก็พลอยหวิว ๆ ตามไปด้วย ไม่นะ มิกซ์จะเศร้าอะไรนักหนากับไอ้แค่แพ้ไอ้กีฬาล้อเลื่อนบ้า ๆ แบบนี้ (ถ้ามิกซ์ได้ยินว่าไดอารี่พูดถึงเรื่องสเก็ตบอร์ดแบบนี้ คงตายเหง ๆ ^^”)
ฉันมองมิกซ์ที่นั่งถอนหายใจเป็นรอบที่สาม เขาทำท่าบิดขี้เกียจเป็นการเปลี่ยนอิริยาบถ ก่อนจะก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วทำสีหน้าเป็นเชิงว่านี่มันเย็นมาก ๆ แล้ว
“งั้นเรื่องของเธอ ดาลี่ วันพรุ่งนี้เราจะมาช่วยกันคิดก็แล้วกัน วันนี้กลับบ้านก่อน” มิกซ์บอกพร้อมกับยันกายลุกขึ้นยืน ฉันว่าเขาคงเจตนาอยากจะคุยเรื่องอื่นเสียที ฉันมองเขาสลับกับเพื่อนรักของเขาที่พยักหน้ารับหงึก ๆ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ไม่รู้สิ การมีเพื่อนรักซักคนความรู้สึกมันเป็นยังไงกันน้า เหมือนกับว่า ไม่ต้องคุยอะไรกันแค่เพียงสื่อออกมาทางสายตาก็รู้กันเองแบบนี้
เซฟเองก็เท้~เท่ห์ แถมยังน่ารัก >_< ฉันพยายามเปลี่ยนอารมณ์บูดเมื่อครู่ เป็นสายตาวาววับเมื่อหันไปมองเพื่อนรักของมิกซ์บ้าง เจ้าตัวเมื่อเห็นฉันยิ้มให้แบบนี้เขาก็เลยฉีกยิ้มรับกลับมาอีก โอย ตอนนี้ไดอารี่มีความสุขเจ้าค่ะ ที่ได้เห็นรอยยิ้มของหนุ่มรูปหล่อใกล้ ๆ แบบนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ตัวฉันเองจะจำอะไรไม่ได้ก็เถอะ แต่การได้อยู่ใกล้ ๆ คนสองคนแบบนี้กลับรู้สึกดีอย่างประหลาด ทำไมกันนะ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะรู้จักกันได้แค่วันเดียวเท่านั้นเอง รึว่านี่เรา
>///< แฮะ ๆ แบบนี้ เค้าเรียกว่าอาการปิ้งใครง่ายเกินไปหรือป่าวเนี่ย กรี้ดดดดด .
แค่คิดตัวฉันก็บิดเป็นเกลียวแล้ว ในขณะที่ฉันกำลังหมุนไปหมุนมา ด้วยท่าทางที่ทั้งมิกซ์และเซฟดูไม่ออกว่าฉันเป็นอะไรไป พวกเขาหันไปคุยกันสองคน คุยอะไรกันก็ไม่รู้ เพราะว่าตอนนี้ฉันกำลังเปลี่ยนอารมณ์ใหม่เป็นอารมณ์ที่สุนทรี (กรุณาทำตามดาลี่น้า แบบว่า ตาลอย ๆ เคลิ้ม ๆ ) เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เป็นสีส้ม จากตรงลานกว้าง ๆ แบบนี้ มันสวยมาก ๆ เลยล่ะ >_<
แต่พอหันกลับมาเพราะมิกซ์เรียก เซฟเพื่อนของมิกซ์ก็หายไปซะแล้ว ว้า นี่ฉันยังไม่ทันได้บอกขอบคุณเขาเรื่องที่จะช่วยฉันเลย TT^TT
อิอิ ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ค่อยบอกก็ได้ ^^
ว่าแล้วฉันก็ลอยตามมิกซ์ออกไปตามถนน
“นี่มิกซ์ ๆ ทำไมไม่ขึ้นรถเมล์ล่ะ”
มิกซ์ไม่ยอมตอบ
“นี่มิกซ์ บ้านมิกซ์อยู่ใกล้ขนาดนั้นเลยหรอ”
แต่มิกซ์ก็ยังนิ่งไม่ยอมตอบฉันอีก ฉันถามคำถามเดิมอีกครั้ง แต่มิกซ์ก็ยังเดินหน้าต่อไป ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ยินเสียงของฉันไปชั่วขณะ เพียงเท่านั้นฉันก็หยุดนิ่งบ้าง รู้สึกว่าตัวจะชาไปทั้งตัว ไม่นะ ความรู้สึกครั้งที่ยังอยู่ในกล่องของขวัญประดังเข้ามาอีกครั้ง
ไม่มีใครได้ยินเสียงของฉันเลย ทำไม ทำไม
แค่คิดน้ำตามันก็พาลจะไหล
“ช่วยฉันด้วย”
แต่คราวนี้มิกซ์กลับสะดุ้งขึ้นมาซะเฉย ๆ เขาหันหน้ามามองฉัน อาจเป็นเพราะว่าคำ ๆ นี้มิกซ์ได้ยินมาเป็นสิบ ๆ รอบก็เลยหันกลับมาโดยอัตโนมัติ มิกซ์ขมวดคิ้วกับท่าทางของฉัน ก่อนจะเอามือวางลงที่ฝ่ามือของตัวเองเป็นเชิงนึกขึ้นมาได้
“ขอโทษที เมื่อกี้ฉันคิดอะไรเพลิน ๆ ไปหน่อย เธอว่ายังไงนะ แล้วนี่ร้องไห้ทำไม” มิกซ์ถามฉัน แต่ฉันกลับส่ายหน้าแทนคำตอบ
มิกซ์มองหน้าฉันอย่างไม่เข้าใจ
ฉันก้มหน้างุด “เรากลัว”
“กลัว?” มิกซ์ย้อน “กลัวอะไร”
ฉันส่ายหน้า มิกซ์ถอนหายใจ ไม่นะ ก็ฉันกลัว กลัวว่าจะไม่มีใครได้ยินเสียงของฉันอีกแล้ว จะไม่มีใครช่วยฉันได้อีกแล้ว ความรู้สึกแบบนี้ฉันไม่ชอบ ไม่อยากจะสัมผัส ไม่อยากจะรู้สึก ไม่อยากจะกลับไปอยู่ในห้องมืด ๆ ไม่มีแสงสว่าง ที่ได้ยินแต่เสียงจากภายนอกเท่านั้นที่ทำให้ฉันรู้ว่านี่เป็นเวลากลางคืนหรือเวลากลางวัน
“เธอนี่ก็แปลกแฮะ เมื่อกี้ยังพูดเสียงใสแจ๋ว ยิ้มหวานให้ได้เซฟซะขนาดนั้น แล้วตอนนี้ไหงร้องไห้ซะได้”
มิกซ์พูดติดตลก เหมือนพยายามปลอบใจฉัน ฉันเดาเอาว่าเขาคงจะคิดว่าฉันร้องไห้เรื่องมดตายอย่างตอนเย็นเหง ๆ แบบว่าร้องไห้ให้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง นั่นสินะ ก็ฉันมันเป็นคนที่ร้องไห้เก่งอยู่แล้วนี่ ว่าแล้วฉันก็มองสบตากับคนตรงหน้าที่ตอนนี้ทำสีหน้าไม่ถูกเท่าไหร่
“เอ่อ มีอะไรค่อยคุยกันที่บ้าน ฉันว่าตรงนี้คงไม่สะดวกนักหรอก” มิกซ์พูดเบา ๆ พอให้ฉันได้ยิน เออนั่นสิเนอะ ถ้าใครผ่านมาก็คงจะเห็นมิกซ์กำลังยืนพูดอยู่กับอากาศ ^^” ฉันลืมไปเลยว่าตัวเองยังเป็นวิญญาณ (ไม่อยากยอมรับว่าเป็นผีเลย)
แต่ทำไงได้ก็คนมันคิดมากนี่หน่า T^T จากนั้นฉันก็ไม่พูดอะไรต่อได้แต่ฉีกยิ้มทั้งน้ำตาให้มิกซ์ที่ดูเหมือนยังไงก็ไม่กล้ายืนอยู่ใกล้ฉันเกินสองเมตร (นี่ยังกลัวฉันอีกหรอ วิญญาณที่สวยเริดขนาดนี้มีที่ไหนในโลก -.,-)
นี่แหละคือคำตอบในตอนแรกที่ว่าทำไมมิกซ์ไม่ขึ้นรถเมล์ ก็เพราะว่าบ้านมิกซ์อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง แถมเจ้าตัวยังพาไปทางลัดที่ลัดอีกทีซะอีก (ก็มิกซ์บอกงั้นนี่) แบบประมาณว่า เลี้ยวเข้าไปในซอยแคบ ๆ ที่มีไม้ต่อกันยาว ๆ ที่ทำไว้สำหรับคน ๆ เดียวเดินผ่านและมีท่อระบายน้ำทิ้งอยู่ด้านล่าง มิกซ์บอกว่าถ้าหากเดินโดยใช้ขาทั้งสองข้าง โดยไม่มีสเก็ตบอร์ดก็จะมาทางนี้แหละ มันง่ายดี แต่มันก็ต้องเลี้ยวแล้วเลี้ยวอีก นี่ถ้าคนที่จำทางไม่ได้อย่างฉันมาเดินคนเดียวคงหลงตายเหง ๆ ^^”
แล้วก็ถ้าเป็นวันจันทร์ที่มิกซ์เอาสเก็ตบอร์ดมาเอง ก็จะโผล่ไปยังที่ ๆ เก็บฉันได้ =_= เอาเถอะน่า เพียงแต่ฉันเองก็ไม่ได้ตามไปแบบทุลักทุเลอย่างมิกซ์ที่ต้องก้าวขาข้ามตอไม้ขนาดใหญ่ก็แล้วกัน (ก็ลอยได้นี่ อิอิ)
แล้วเราทั้งสองคนก็กลับมาถึงบ้านของมิกซ์อย่างปลอดภัย มิกซ์ไหว้แม่ที่นั่งดูโทรทัศน์พร้อมกับทานแตงโมอย่างสบายใจในห้องรับแขก แม่ของมิกซ์ยังสาวและยังสวยอยู่เลย ^^ เพียงแต่ว่าดูแล้วออกจะโหด ๆ ไปซักหน่อย แถมยังมองไม่เห็นไดอารี่คนนี้ซะด้วย Y_Y เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก (ได้แต่ปลอบตัวเอง) แค่มีคนเห็นเราซักคนดีกว่าไม่มีเลย ฉันตามมิกซ์ที่คอย ๆ ขึ้นบันไดไปยังห้องของเขาอย่างช้า ๆ
แต่จู่ ๆ เจ้าตัวก็หยุดซะงั้น แถมยังหันกลับมาพร้อมกับส่งสายตาที่ขวาง แต่น่ารักกลับมาให้ ฉันจ้องตอบมิกซ์แบบตั้งคำถาม
“ห้องหนุ่มโสด ไม่ควรให้ผู้หญิงเข้า” มิกซ์นิ่งไปก่อนจะต่อว่า “ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นผีก็เถอะ”
ฉันอ้าปากค้าง “แต่เมื่อคืน ”
“นั่นมันเมื่อคืน” มิกซ์แย่งฉันพูดขึ้นมาก่อน ฉันขมวดคิ้วยังไงก็ไม่ยอมแพ้หรอกน่า
“แล้วจะให้เราไปอยู่ที่ไหนล่ะ ห้องพระหรอ”
มิกซ์นิ่งไปอย่างใช้ความคิด “ถ้าอยู่ได้อ่ะนะ”
อีตาบ้า!!!
แต่โอ๊ะ ไม่ ๆ ฉันจะโมโหใส่ผู้ที่จะมาช่วยฉันไม่ได้ =_=’’ แต่ว่า ฉันมีแผน อิอิ
งั้น ดาลี่จะไปอยู่ที่ห้องแม่ของมิกซ์ดีมั้ย” พูดไม่พูดเปล่าฉันลอยขึ้นไปจนมิกซ์เอี่ยวตัวหลบโดยการจับราวบันไดเอาไว้แทบไม่ทัน แล้วไปหยุดอยู่ที่ห้อง ๆ หนึ่งที่อยู่ถัดจากห้องของมิกซ์ไปแค่ห้องเดียว
“เฮ้ย” มิกซ์โวยวาย แสดงว่าห้องนี้เป็นห้องแม่ของมิกซ์สินะ อิอิ เดาถูก ^O^
ฉันได้แต่แสร้งตีหน้าไม่สนใจ “ทำไมล้า ให้เราอยู่ในห้องแม่ของมิกซ์ก็ดีน้า เวลาตกดึกก็จะได้ออกมาอำแม่ของมิกซ์เล่นไง”
ว่าแล้วฉันก็หัวเราะ แต่มิกซ์กลับหน้าซีดจัดอย่างเห็นได้ชัด “ยัยผีขี้ลืม ฉันแนะนำให้เธอออกห่างจากห้องนั้นซะดีกว่า”
ฉันหัวเราะอย่างเป็นต่อ จนทำให้มิกซ์ต้องพยักหน้ารับอย่างจำยอม
“ก็ได้ ๆ เธอจะอยู่ห้องไหนก็ตามใจเธอ” ว่าแล้วมิกซ์ก็เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ฉันตามเข้าไปอย่างเงียบ ๆ ^^ แต่มิกซ์ก็ทำท่าคิดและเอี่ยวตัวมองหน้าฉันในขณะที่ฉันเองก็ลอยไปอยู่ริมหน้าต่างตรงข้ามกับประตูห้องที่บัดนี้มันเปิดแง้มไว้นิดหน่อย อิอิ ยังไงผู้ชายก็ทำอะไรผู้หญิงที่เป็นผีไม่ได้อยู่แล้ว ถึงแม้ว่ามิกซ์จะดูไม่น่ากลัวอะไรก็เถอะ
มิกซ์เดินไปหยิบสเก็ตบอร์ดที่วางไว้มุมห้องก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนอนแล้วพูดออกมาลอย ๆ “เธอจะนอนตรงไหน”
ฉันหันควับกลับมา “ไม่รู้สึกนะ ก็ นอนไหนก็ได้ แต่เป็นผีมันต้องนอนด้วยหรอ”
มิกซ์ทำหน้าไม่ถูกแล้วชี้ไปยังพื้นที่ฉันลอยอยู่ “คำถามนี้เธอต้องตอบฉัน ไม่ใช่ฉันตอบเธอ แล้วก็เมื่อวาน พอฉันออกมาเธอยังหลับปุ๋ยอยู่ตรงนั้นอยู่เลย แต่เป็นผีประสาอะไรไม่รู้เรื่องอะไรซักอย่าง”
ฉันก็รู้สึกฉุนขึ้นมาบ้างเหมือนกันนะ .\/. อะไรกัน คำก็ผีสองคำก็ผี นั่นทำให้ฉันเกิดอยากประท้วงด้วยการเงียบขึ้นมาแทน ฉันหันกลับออกไปทางหน้าต่าง ทิศที่ห้องของมิกซ์อยู่เป็นทิศเหนือ ซึ่งตอนนี้มันค่อนข้างมืดซะแล้วสิ มิกซ์เห็นว่าฉันไม่ยอมพูดต่อ เขาก็เลยกลับไปทำอะไรกับสเก็ตบอร์ดของตัวเอง
บรรยากาศตอนนี้มันก็เลยเงียบ เพราะต่างคนก็ต่างเงียบ ฉันเริ่มเบื่อที่จะมองดูวิวด้านนอกซะแล้วสิ พอคิดได้แบบนั้นก็เลยหมุนตัวกลับไปแล้วก็ขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่าง แล้วมองดูขาทั้งสองข้างของตัวเอง แบบนี้ฉันลอยได้ แล้วถ้าเดินล่ะจะเดินได้มั้ยน้า ฉันคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เรื่อยเปื่อยจริง ๆ
พอเวลาผ่านไปได้ซักพัก เมื่อมาถึง จุด ๆ นึงมันก็เบื่อ ๆ ฉันปล่อยลมหายใจฟู่ แต่มิกซ์ยังคงสาละวนอยู่กับกล่องอุปกรณ์อะไรซักอย่างที่ตอนนี้เจ้าตัวลงมานั่งอยู่กับพื้นซะแล้ว
“นี่มิกซ์”
ฉันเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ มิกซ์ไม่ได้หันมาเพราะมือขวาของเขาอยู่กับไขควงจิ๋ว ส่วนมือซ้ายอยู่กับสเก็ตบอร์ดที่คว่ำหน้าลงกับพื้นห้อง ที่ด้านหน้ายังมีหนังสือหรือนิตยสารอะไรซักอย่างกางอยู่ มิกซ์ได้แต่เลิกคิ้วเป็นเชิงว่าได้ยินแล้วจะถามอะไรก็ถามมาดิ (นี่ฉันเดาถูกมั้ยเนี่ย ^^)
“เอ่อ มิกซ์ เราหิวข้าว”
มิกซ์ทำไขควงตกพื้นห้องเสียงดังเก้งง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาทันที
“ยัยโน๊ต ผีต้องกินข้าวด้วยหรอ”
ยัยโน๊ตนี่มันหมายถึงฉันใช่มั้ยเนี่ย (*-*)\\ ง่า ฉันพยักหน้ารับ ก็มันบอกไม่ถูกนะ จะหิวมันก็ไม่หิวหรอก แต่มันรู้สึกอยากกินข้าวน่ะ
ฉันได้ยินมิกซ์พึมพำกลับมาแต่มันฟังไม่ได้ศัพท์ ทำไมอ่าา TT_TT\\ ก็คนมันหิวนี่
“แล้วเธอจะกินยังไง”
เออ นั่นสินะ แล้วฉันจะกินยังไงล่ะ ^^”
“นี่มันไม่ใช่เวลามายิ้ม ยัยเรื่องมาก” มิกซ์มองฉันตาขวาง แต่ก็ยอมที่จะเก็บอุปกรณ์ที่เริ่มวางระเกะระกะเกลื่อนห้อง ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเปิดประตู อีกทั้งยังกวักมือฉันให้เดินตามไปที่ด้านล่าง ^_^ ปากก็บอกว่าเรื่องมาก แต่มิกซ์ก็ยอมฉันคนนี้อย่างโดยดี แหม ทำตัวน่ารักจังเลย >_< ถ้าได้เป็นแฟนคงดีนะ 5555+
ดูเหมือนว่ามิกซ์จะเดาสีหน้าที่ส่ออาการดีใจของฉันออก เขาทำหน้าเหย “ไม่ต้องทำหน้าตาแบบนั้นเลย ฉันไม่ได้ตามใจเธอซักหน่อย ฉันหิวข้าวต่างหากล่ะ”
^^” ง่า มิกซ์ ฉันเปลี่ยนสีหน้าจากรื่นเริงเป็นห่อเหี่ยวทันควัน =_= มิกซ์พูดกับสุภาพสตรีสาวสวยแบบนี้ได้ไง! มิกซ์ต้องบอกว่า “มันเป็นหน้าที่ของผมที่สมควรกระทำ” มากกว่าดิ แง่งง (เอ่อ ฉันก็ได้แต่คิดแหละ พูดออกไปจริง ๆ มีหวังมิกซ์โกรธตาย)
“แม่มีไรกินมั่ง”
มิกซ์ร้องถามในขณะที่แม่ของมิกซ์ยังจับ ๆ จ้อง ๆ อยู่ที่โทรทัศน์เครื่องใหญ่ เธอเหลือบตามองแวบนึง
“นึกว่าแกไปกินข้าวกับสาวที่ไหนมาแล้วซะอีก เจ้ามิกซ์”
“โธ่ แม่ มิกซ์บอกแล้วไง ตกลงมีอะไรกินบ้างคร้าบ”
แม่ของมิกซ์หัวเราะหึหึ แต่ดูน่ากลัวจัง ดูท่ามิกซ์เองก็คิดเช่นนั้น เพราะจู่ ๆ เขาก็ลูบแขนตัวเองเพราะรู้สึกขนลุกขึ้นมาซะเฉย ๆ
“ไปดูเอาเองในครัว”
เท่านั้นแหละ มิกซ์ก็ทำสีหน้าโล่งอกก่อนจะรีบหายตัวไปจากห้องรับแขกโดยเร็ว
ระหว่างที่มิกซ์กำลังเปิดตู้กับข้าวเพื่อหาอะไรกิน และทำมือเป็นเชิงไม่ให้ฉันเข้าไปใกล้เขามากว่านี้ (ง่าให้ฉันอยู่แค่หน้าห้องครัว) ความจริงแล้วไม่เห็นต้องร้องถามแม่เลยนี่หน่า มาเปิดตู้กับข้าวหาแค่นี้ก็เจอแล้วนี่หน่า
“ยัยแก่เอ้ย” มิกซ์พึมพำเบา ๆ พร้อมกับเอียงหน้าเพื่อดูว่าหากพูดอะไรในนี้แม่ของมิกซ์ที่กำลังดูทีวีอยู่จะไม่ได้ยิน “ชอบสงสัยอยู่เรื่อยว่าฉันไปไหนมาไหนกับผู้หญิง ยังไงก็ต้องถามไว้ก่อนล่ะว่ามีอะไรกินมั่ง ไม่งั้นแม่ฉันก็ไม่เอาอะไรเก็บไว้ให้กินหรอก อย่างกับว่าฉันคนนี้จะมีผู้หญิงมาจีบเป็นกะบุงอย่างงั้นแหละ”
“แต่ฉันว่ามิกซ์น่าจะมีน้า คนสองคน ไม่มีสิแปลก”
มิกซ์ที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ทำท่าแปลกใจกับคำพูดของฉัน ^^ ทำไมล่ะฉันพูดอะไรผิดหรอ
“แต่แม่ของฉันคิดยิ่งกว่าเธออีก ประมาณว่าฉันเป็นเพลย์บอย อึ๋ย แค่คิดก็ขนลุกแล้ว”
“แล้วคุณพ่อล่ะ”
มิกซ์นิ่งไปเลย = = ดูท่าฉันจะถามอะไรไม่ดูกาละเทศะเข้าซะแล้วสิ ยัยไดอารี่เอ๋ย ยัยไดอารี่ เพิ่งจะมาอยู่บ้านเข้าได้แค่วันเดียว(ถ้านับแล้วไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงอีกแน่ะ) เอาแต่ถามซอกแซกอะไรอยู่นั่นแหละ เพราะงั้นฉันก็เลยต้องรีบบอกปัด “เอ๊ะ มิกซ์ไม่ต้องตอบก็ได้ เราขอโทษ”
เขาพยักหน้ารับกับคำพูดของฉัน ก่อนจะยื่นของบางอย่างมาให้ดูมันเป็น หมูทอดกระเทียมพริกไทย ที่ท่าทางน่ากินจัง แฮะ ๆ รู้สึกน้ำลายไหลขึ้นมาซะแล้ว ^o,^
“ว่าแต่ ” มิกซ์ถอนใจก่อนจะกระตุกยิ้มมาให้ฉัน ^^
“ฉันต้องปักธูปเชิญเธอมากินด้วยมั้ยเนี่ย”
=_=’’ แล้ววันนี้ฉันก็ได้กินข้าว แต่เป็นการกินแบบจุดธูปเชิญ TT_TT อ่ะแง้ ฉันยังอยากกินข้าวผ่านปากสวย ๆ ของตัวเองอยู่ง่ะ คุณแม่ขา คุณพ่อขา ทำไมหนูต้องจำอะไรไม่ได้เลยด้วยล่ะ ฮือ รู้สึกว่าเวลาของตัวเองที่อยู่บนโลกใบนี้จะค่อย ๆ หมดลงไป แต่ยังไง ๆ ความทรงจำของฉันก็ต้องกลับมาก่อน พร้อมกับเริ่มทำบางสิ่งบางอย่างที่ตัวเองคิดว่าจะต้องทำก่อนตายให้ได้
แต่สิ่งนั้นมันคืออะไรกันล่ะ TT_TT ฉันจำไม่ได้ โอยยยย .
ผมได้ยินเสียง
เสียงร้องไห้
เสียงหวาน ๆ กำลังสะอึกสะอื้นไม่หยุดราวกับจะขาดใจ ผมค่อย ๆ เปิดตาอย่างยากลำบากด้วยความง่วงงุนผสมกับความมึนงงเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งบนเตียงนอน
ความมืดแผ่ปกคลุมไปทั่วห้อง แต่ไม่ถึงกับมืดสนิทซะทีเดียว คงเป็นเพราะแสงไฟสีขาวของเสาไฟฟ้าที่ตั้งห่างออกไปยังหน้าบ้าน ยังคงส่องแสงราวกับหมอกควันมาถึงห้องผมอยู่นิดหน่อย
เสียงร้องไห้ยังไงดำเนินต่อไป เพราะความเงียบทำให้ผมได้ยินเสียงนี้อย่างชัดเจน แต่ผมก็ยังรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น นัยน์ตาสีดำทั้งสองข้างของผมยังเปิดแค่ครึ่งเดียวอยู่เลย ผมมองเห็นเงาของชั้นวางหนังสือที่ห่างออกไปจากปลายเตียง
“ไดอารี่เป็นอะไร” ผมส่งเสียงถามพร้อม ๆ กับพยายามจะลุก เสียงเสียดสีกันของผ้าห่มก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงของพื้นห้องที่ดังเตาะแตะ เพราะผมค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเธอที่อยู่ข้างชั้นวางหนังสือ
เสียงนั้นทวีความเศร้าสร้อยขึ้นเป้นทวีคูณ ผมรู้สึกว่า ยิ่งผมเข้าไปใกล้เธอมากเท่าไหร่ ความรื่นรม ความถึงความสุขที่ผมเคยได้รับมาทั้งชีวิตจะค่อย ๆ เหือดหายไปตามจังหวะของเท้าที่ก้าวเดิน
ยัยดาลี่หันหน้าเข้าหากำแพง ผมมองเห็นแผ่นหลังบาง ๆ กำลังไหวสะท้าน
“ไดอารี่” ผมเรียกเธออีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอเองจะชะงักต่อเสียงเรียกที่แสนจะแผ่วเบาของผม ผมถามต่อ “เป็นอะไรไป”
เสียงสะอื้นหยุดลงโดยฉับพลัน เงาสลัว ๆ เบื้องหน้าหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว ทันใดนั้น ใบหน้าที่ผมไม่เคยเห็นก็หันขวับกลับมา
เพียงแต่การหันในครั้งนี้ เธอหันมาเฉพาะส่วนของศีรษะ
ผมผงะ ได้แต่มองตาค้าง ศีรษะนั้นสั่นครืด
ครืด
เหมือนมันพยายามหมุนโดยไม่หันตัวกลับท่ามกลางผิวหนังตรงลำคอที่เริ่มบิดเบี้ยวจำเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ ผมมองไม่เห็นดวงตา เห็นแต่รอยบิดเบี้ยวที่เพิ่มขึ้นบนในหน้าขาวซีด อีกทั้งเส้นผมที่ทั้งยาวทั้งพันกับยุ่งเหยิงลงมาปรกมันมีแต่สร้างความสยองขึ้นมาภายในดวงจิต
ผมก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัวจนไปสะดุดที่ปลายเตียงนอนของตัวเอง ตอนนี้ผมนอนหงาย ความตื่นกลัวกำลังแล่นเข้าสู่เซลล์สมอง ความสยองสะพรึงกลัวประดังเข้ามาอย่างรวดเร็วชนิดที่ตัวเองรับไม่ทัน
เสียงครืด ครืด กำลังใกล้เข้ามา .ใกล้เข้ามา มีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนที่อยู่ที่ปลายเท้าเพื่อเข้ามาหาผม ตอนนี้ผมคิดได้อย่างเดียว
ต้องหนี
ผมต้องหนี
ในใจร้องเรียกอย่างนั้น แต่ผมลนลานอย่างคนทำอะไรไม่ถูก มือทั้งสองข้างควานอยู่บนเตียงนอนยับย่นอย่างสะเปะสะปะ ผมพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่ไม่ประสบความสำเร็จ มือและขาทั้งสองข้างดูเหมือนไม่ยอมฟังคำสั่งของผมไปซะแล้ว ผมกำลังสั่น แม้แต่แต่ลำคอยังแห้งฝาก น้ำลายเหนียวหนืดจนกลืนไม่ลง ที่ดวงตาเหมือนไม่มีน้ำมาหล่อเลี้ยงไปชั่วขณะ
ความรู้สึกเสียงสันหลังวาบคืบคลานเข้ามา เลือดในกายเย็นเฉียบ ความหนาวเหน็บกัดกินเข้าไปถึงกระดูก เพียงแต่ผมรู้สาเหตุ มันมาจากเงาเบื้องหน้าที่กำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะเข้ามาเอาชีวิตของผม ที่รู้สึกเหมือนถูกทำให้แข็งจนขยับตัวไม่ได้
มันค่อย ๆ คลานขึ้นมาบนเตียงนอนของผม ปากเบี้ยว ๆ ของมันที่พยายามอ้าจนกว้างขนาดที่สามารถกลืนกินหัวของผมได้ทั้งศีรษะ มันส่งเสียงทั้งเสียงหวีดร้องกรีดแหลมลึก จนบาดเข้าไปในหู
ตาของผมเบิกกว้าง เสียงร้องที่ไม่ใช่มนุษย์ดังก้องลึกเข้าไปในโสตประสาท ใบหน้านั้นใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาทุกขณะจิต
“ว๊ากกกกกก!!!!!!!”
“มิกซ์
มิกซ์เป็นอะไร”
ผมตะโกนเสียงหลง ท่ามกลางเสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ที่อยู่นอกหน้าต่าง เหงื่อไหลโชกตั้งแต่โคนผมยันร่างกายอย่างกับโดนน้ำราดใส่ทั้งตัว นี่มันตอนเช้า ตอนเช้า ผมคิดด้วยความตื่นตระหนก แล้วเมื่อกี้ล่ะ
ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับอ้าปากหอบเอาอากาศเข้าปอดอึกใหญ่ ราวกับตัวเองไม่ได้หายใจมานานหลายนาที เมื่อกี้ ผมต้องห่มผ้าห่มคลุมโปงเหง ๆ
ยังไม่ทันที่สติสตังของผมจะกลับมาครบถ้วน อาการมึนงงยังคงไม่จางหาย ยัยผีบ้าที่ผมเห็นในฝันก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม จนตัวเองถึงกับตาลีตาลานคลานถอยห่างจนศีรษะติดกับหัวเตียง
“อะ ออกห่างจากฉัน ยะ อย่าเข้ามาใกล้เกินสามเมตร”
ยัยดาลี่ทำหน้ามู่ทู่ “ไหนเมื่อคืนบอกว่าสองเมตร ไม่ใช่หรอ” ว่าแล้วเธอก็ฉีกยิ้มที่ผิดจากไหนฝันชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้า “ฝันร้ายสินะ อิอิ”
ฝันร้ายก็เพราะเธอนั่นแหละ!!!!!
“สามเมตร เปลี่ยนใจแล้ว” ผมละล่ำละลักตอบ โอยอุตส่าห์คิดว่าจะหายกลัวยัยผีบ้าไปได้หน่อยนึงแล้วนะ ยังมาฝันร้ายแบบนี้อีก แค่หวนนึกถึงใจมันก็หายวาบไปถึงตาตุ่มลงไปยังพื้นดินชั้นล่างลึกลงไปยังใต้เปลือกโลก (เอ่อ ถึงจะเวอร์ไปซักหน่อยก็เถอะ =_=II)
แต่ผมรู้สึกไม่ดีจริง ๆ นะครับ
ไม่ดีอย่างแรง!!!!
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น