คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ไม่กล้าอ่ะ T-T
3 ไม่กล้าอ่ะ =_=’’
ยังไม่ทันที่ผมจะตกลงปลงใจยกอะไรให้กับไอ้เซฟ ( (=. ='')สำนวนมันส่อพิกล) เสียงออดแสดงเวลาหมดพักเที่ยงกลับดังขึ้นมาก่อน พวกผมสองคน (กับหนึ่งผี) จึงไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก ระหว่างเรียนยัยดาลี่ก็ชวนผมคุย ผมจึงโบกมือไล่เธอให้ไปคุยกับไอ้เซฟ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจ เอาแต่เดิน(ลอย) ผ่านไปผ่านมาตรงหน้าผมเล่นเอาเวียนหัว ไอ้เซฟเองก็เหลือบตามองมาที่ผมเป็นระยะ ๆ -*- นั่นทำให้ผมยิ่งหงุดหงิด...
"แกจะมองอะไรฉันนักหนา" ผมถามมัน มันไม่ตอบได้แต่หันหน้าหนีและเริ่มจดอะไรก็ไม่รู้ที่อยู่บนกระดานดำ ยัยสมุดบันทึกประจำวันว่างเปล่าก็เอาแต่ล่อนไปล่อนมา จากที่ผมหงุดหงิดอยู่แล้วยิ่งจะหงุดหงิดยิ่งขึ้นไปอีก ก็เพราะพวกไอ้เวย์มันก็ซุบซิบอะไรอยู่ด้านหลังผม...
แง่ง...หงุดหงิดโว้ย!!
"นี่มิกซ์ ๆ นกมันลอยผ่านหน้าต่างล่ะ"
แล้วทำไมเธอไม่บินตามมันออกไปซะเลยล่ะห๊ะ!!
ผมพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่สนใจเธอที่ลอยหน้าลอยตาอยู่ตรงหน้าผม ตัวผมเองพยายามก็เพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่กระดานดำ...กระดานดำเท่านั้น...พร้อมกับเอามือไปนวดขมับตัวเองมันช่างได้ผลซะจริง ๆ เล่นทำเอาตัวเองแทบจะลงไปฟุบกับโต๊ะเพราะความง่วงนอน
...ยังไงผมก็ผ่านการเรียนวันนี้ไปได้อีกหนึ่งวัน...
...ท่ามกลางสายตาของไอ้เซฟและไอ้เวย์ และก็เสียงหึ่ง ๆ ของยัยดาลี่...
"มิกซ์" เซฟเอ่ย เบา ๆ เมื่ออาจารย์ปล่อยทุกคนกลับบ้าน ผมบิดขี้เกียจเพราะเพิ่งจำศีลไปเมื่อตะกี้
"หือ" ผมตอบรับมันก่อนจะลุกขึ้นยืน พร้อมกับจัดการกวาดหนังสือกับอุปกรณ์การเรียนใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว
"วันนี้เหมือนเดิมป่ะ"
ผมสบตามันอย่างรู้ทัน และยิ้มกริ่ม ๆ "เออเด่ะ เหมือนเดิม" วินาทีที่ผมกลับตัวกลับต้องชะงักกึก ยัยดาลี่กำลังร้องไห้นั่งกอดเข่าอยู่ปลายเก้าอี้อีกตัวที่ด้านหน้า
แล้วเธอจะร้องไห้ทำม้าายยยย!!!
ดูท่าไอ้เซฟเพิ่งจะเห็นเธอเช่นกัน มันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "ดาลี่ เอ้ย! ไดอารี่...เป็นอะไรไป?" มันถามเธอเบา ๆ ยังรอดไปหน่อยที่คนอื่น ๆ พากันกลับไปแล้ว แต่ยังเหลือเวรทำความสะอาดแค่สี่ห้าคน ไม่งั้นคงจะเห็นไอ้เซฟพูดกับโต๊ะเรียนเหง ๆ
ยัยดาลี่เงยหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตา เซฟอึ้ง ผมส่ายหน้าทันทีและลากมันออกมาเลย ดูท่ามันจะงง ๆ ชอกกล
"เฮ้ย ๆ แกจะลากฉันออกมาทำไม ดาลี่ เอ้ย! ไดอารี่จ๋าา"
ผมว่ามันเข้าขั้นจะเฟ้อเข้าให้แล้วแฮะ เสน่ห์ยัยนี่เหลือร้ายจริง ๆ ผมชักอดไม่ได้ เดี๋ยวยังไงยัยนั่นก็ต้องตามออกมาอยู่ดี แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นผมควรจะคุยอะไรกับเพื่อนของผมคนนี้ก่อน
"โอ้ยนายเลิกละเมอเพ้อพกซักที ยัยนั่นเป็นผีแล้วนายก็เป็นคน" ผมปล่อยมือจากมันเพราะความคิดหนึ่งแล่นเข้าสู่สมอง ก่อนจะกระดิกนิ้วให้มันเอียงหูมาใกล้ ๆ "แล้วที่ยัยดาลี่ร้องไห้ก็เพราะเรื่องงี่เง่าประมาณ มดตายหนึ่งตัวแล้วเอาบัวมาปิด แล้วปิดไม่มิด"
"ห๊ะ!" ไอ้เซฟอุทานแบบไม่น่าเชื่อ เออ...หากแกเชื่อกับสำนวนบ้า ๆ บอ ๆ ของผมก็บ้าแล้ว...ผมพูดต่อ โดยปรุงแต่งเรื่องเองให้เสร็จสรรพพร้อมที่จะเขมือบลงกระเพราะได้ในทีเดียว
"เออใช่...ที่ฉันก้าวพรวด ๆ และลากแกออกมาก็เพราะฉันไม่อยากเห็นน้ำตาของ ยัยนั่นตอนกำลังร้องไห้เพราะฉันสงสาร"
ไอ้เซฟมองผมอย่างทึ่ง ๆ คงจะคิดล่ะมั้งว่าผมมีความคิดสงสารคนอื่นเป็นกับเค้าด้วยหรอ -*- เออดิ ผมแกล้งทำสีหน้าเล่นละครสุดฤทธิ์ มาคิดดูอีกทีทำไมผมต้องทำแบบนี้ด้วยฟะ
...ม่ายเข้าจาย~...
แต่คำพูดของผมมันดันส่งผลตรงกันข้าม ไอ้เซฟทำท่าจะเดินเข้าไปอีกรอบ มันพูด "อย่างงั้นหรอ น่าสงสารเหมือนกันแฮะ แบบนี้ฉันต้องไปปลอบ"
แต่ยัยดาลี่ก็ลอยออกมาก่อนซะแล้ว พร้อม ๆ กับฉีกยิ้มกว้างเล่นเอาไอ้เซฟปรับเปลี่ยนอารมณ์ไม่ถูก
ยัยดาลี่ทำท่าทางเอียงอาย -*- ไม่ต้องทำหรอกเจ๊ ก่อนจะเอ่ยปากออกมาได้ "เอ่อ...เมื่อกี้เราขอโทษที่ร้องไห้นะ คือก่อนที่เซฟจะเดินอ่ะ เซฟก้าวเท้าไปโดนมดพอดีเลย เราจะอ้าปากห้ามแต่ก็ไม่ทัน พอเห็นมันอีกทีมันก็ตะ...ตายแล้ว" ยัยดาลี่ทำท่าจะบีบน้ำตาอีกรอบ สรุปนี่ผมเดาถูกหรือเนี่ย โอ้คุณพระช่วย...แค่มดตัวเดียวทำให้ยัยนี้ถึงกับร้องไห้ซะขนาดนี้ นี่ถ้าญาติตายจะไม่ร้องไห้จนโลกถล่มเลยหรือไง
ผมคิดอย่างประชดประชัน ส่วนไอ้เซฟก็เอาแต่ขมวดคิ้วมุ่น เออ..แกจงสงสัยแบบค้าง ๆ คา ๆ ต่อไป ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง
"ว่าแต่ดาลี่อยากเห็นลานเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมมั้ยล่ะ"
ยัยดาลี่ส่งสายตาบ้องแบ้วมาให้ผม ไอ้เซฟรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
"มันเป็นลานกว้าง ๆ ที่สำหรับเป็นพวกสเก็ตบอร์ด หรือไม่ก็อินไลน์สเก็ต น่ะ สนใจมั้ย"
ยัยดาลี่เอียงคอ ประเภทที่หนุ่มคนไหนมาเห็นก็คงจะคิดว่าน่ารักเสียเต็มประดา โดยเฉพาะไอ้เซฟที่ยืนข้าง ๆ ผม ที่พร้อมจะล่องลอยได้ทุกเมื่อถ้าผมไม่กระตุกชายเสื้อมันไว้ให้สติสตังกลับคืนมาเหมือนเดิม
"สนใจสิ" ยัยผีบ้าพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ผมยืดกายพร้อมกับหันตัวไปยังทิศประตูด้านหน้าโรงเรียนในตอนนี้รุ่นน้องรุ่นพี่ทั้งหลายได้ทยอยกับกลับบ้านหรือไปเที่ยวต่อนั่นอีกเรื่อง รู้แต่ว่าตอนนี้ดูบางตาลงมากทีเดียว
ไอ้เซฟเดินมาเคียงข้างก่อนจะพาดแขนข้างนึงไว้บนไหล่ผม
"ว่าแต่นายได้เอา บอร์ดนายมามั้ย"
ผมเลิกคิ้วกับคำถามของเพื่อนตัวเอง "เดี๋ยวก่อนนะ วันนี้ไม่มีกำหนดซ้อมนี่หว่า เอามาสิแปลก"
"เผื่อไว้ไง" เซฟตอบกลับแบบกวน ๆ มันส่งยิ้มที่กวนไม่แพ้กันมาให้ผม นั้นทำเอาผมเองก็ต้องยิ้มตอบมันไป โดยที่ลืมอีกแล้วว่ายัยดาลี่ยังยืนอยู่ที่ด้านหลัง ผมหันหน้ากลับมา
"งั้นก็ไปกันเถอะ"
พวกเราใช้เวลาเดินทางโดยรถเมล์ไม่นานก็มาถึงลานกว้างซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นที่ ๆ ผมและไอ้เซฟใช้เป็นสถานที่ฝึกซ้อมกันเป็นประจำ อย่างที่ผมเคยบอกผมจะมาซ้อมได้แค่วันจันทร์กับวันศุกร์เท่านั้น เพราะสามวันที่เหลือสถานที่แห่งนี้จะมีพวกเด็กที่อายุต่างจากพวกผมพอสมควรมาใช้ลานกว้าง แถมยังมีการจัดการแข่งขันอย่างไม่เป็นทางการบ่อย ๆ ส่วนวันเสาร์เซฟต้องไปช่วยงานที่ร้านอาหารของพ่อ และวันอาทิตย์ก็เป็นวันแข่งขันอย่างเป็นทางการประจำสัปดาห์
ด้วยความที่ผมเป็นคนที่นิสัยค่อนข้างจะแปรปรวนไปซักหน่อย อารมณ์หงุดหงิดเมื่อครู่ได้จางหายไปเรียบร้อยเมื่อได้เดินเข้ามาสัมผัสบรรยาการของกีฬาที่ผมโปรดปรานเป็นพิเศษ ความจริงแล้วนอกจากสเก็ตบอร์ด ผมก็เล่นบาสเก็ตบอลด้วย เพียงแต่กีฬาทั้งสองประเภทล้วนแต่แตกต่างกันด้วยท่วงท่า ลีลา และความโลดโผน เพราะแน่นอนบาสเก็ตบอลมันไม่ทำให้ผมบินได้นี่หน่า ^^
ถึงแม้จะเรียกบริเวณนี้ว่าเป็นลานกว้างที่มีกีฬาให้เลือกเล่นอยู่เยอะแยะ แต่ส่วนมากผู้คนทั้งหลายก็จะมากันเป็นกลุ่มหรือมีทีมประจำของตัวเองอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นจุดขึงตาข่ายไว้เล่น ตะกร้อ หรือไม่ก็วอลเล่ย์บอล ถ้าห่างออกไปหน่อยก็จะมีโกลที่ทำไว้เพื่อเล่นกีฬาฟุตซอล ส่วนโซนด้านหน้าสุดเป็นสวนหย่อมที่ถูกตกแต่งไว้อย่างดี มันเป็นสวนสาธารณะที่เรียบร้อยแห่งหนึ่งในย่านกรุงเทพฯ ที่ผมชื่นชอบมากที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
"ถ้าไม่เล่นแล้วจะมาทำอะไรล่ะ" ยัยดาลี่ส่งเสียงถามเมื่อ เธอลอยตัวอยู่ด้านขวามือและกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บริเวณ
"ก็มาดูไง" ผมตอบ แต่คิดว่ายังไงยัยดาลี่ก็คงสงสัยอยู่ดีนั่นแหละ ผมเดินเหยียบต้นหญ้าญี่ปุ่นหนาเข้าไปยังจุดที่ว่างและนั่งชันเข่า ซึ่งด้านข้างมีครอบครัวนำเสื่อมาปูนั่งเล่นกันอยู่
เซฟทิ้งตัวลงด้านซ้ายของผม ส่วนดาลี่ยังคงลอยวนไปมาอยู่แบบนั้น ผมส่งสายตาเป็นเชิงให้เธอเลิกกระดี้กระด๊าได้แล้ว ซึ่งดาลี่ก็แค่ทำหน้ามุ่ยก่อนจะลอยมานั่งอยู่ด้านขวาของผม ตรงจุดนี้เป็นเนินสูง ซึ่งมองทอดลงไปด้านหน้า
"น่าสนุกเนอะ" ยัยดาลี่พูดเบา ๆ เมื่อมองไปยังกลุ่มคนที่ส่งเสียงเฮฮาเบื้องหน้า ที่คนสองคนกำลังประชันความเร็วกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ผมหัวเราะในลำคอ "ความสนุกมันขึ้นอยู่กับการฝึกฝนด้วย ใช่มั้ยวะเซฟ"
เซฟสะดุ้ง มันค่อนข้างจะเหม่อลอยจนเกินเหตุ ก็ตอนแรกระหว่างทางมันยังคุยดี ๆ อยู่เลย
"มีอะไรรึป่าววะ" ผมถาม
มันส่ายหน้าน้อย ๆ ไดอารี่เห็นแบบนั้นจึงลอยมาอยู่ด้านหน้าของพวกเราทั้งสองคน ซึ่งสายตาของเธอยังบ๊องแบ๋วเหมือนเดิมเพียงแต่สลับมองผมกับมองเซฟกลับไปกลับมา จนกระทั้ง ไอ้เซฟอยู่ดี ๆ ก็ปล่อยหัวเราะซะเฉย ๆ
"ดาลี่ เอ้ย ไดอารี่"
"เรียกดาลี่ก็ได้" ยัยผีบ้าหัวเราะคิกเมื่อเซฟพยักหน้ารับเป็นมั่นเป็นเหมาะ งั้นผมก็หาชื่อใหม่ให้มันเรียกผิด ๆ ถูก ๆ ต่อจะดีกว่ามั้ยเนี่ย -*-
เซฟพูดต่อ "คือฉันสงสัยว่ะมิกซ์ ว่าดาลี่มาคอยตามติดนายได้ยังไง"
ผมส่ายหน้าไม่รู้เหมือนกัน ความจริงแล้วเธออยู่ในของขวัญก็น่าที่จะตามติดอยู่ที่ของขวัญไม่น่าจะมาอยู่กับผมได้เลย อืม...ผมเองก็ยังอดที่จะแปลกใจไม่ได้
"งั้นฉันจะเล่าให้แกฟังคร่าว ๆ แล้วกัน" จากนั้นผมก็เล่า เล่า แล้วก็เล่า ทุกอย่างตั้งแต่ตอนที่แยกกับมิกซ์เมื่อคืนวันจันทร์ เล่าเรื่องที่เจอยัยดาลี่ครั้งแรกที่จู่ ๆ ก็ออกมาจากกล่องของขวัญ มันพยักหน้ารับเป็นระยะ ๆ ส่วนยัยผีบ้าก็รู้สึกจะไม่ค่อยสนใจเรื่องของตัวเองเอาซะเลย ดูเหมือนเธออยากจะปล่อยให้ผมทำหน้าที่เล่าไปคนเดียว ส่วนตัวเองก็ได้แต่วิ่งเล่น(ลอย) ไปมาอย่างกับเด็ก ๆ ที่ไม่เคยออกมาเล่นหรือสัมผัสอะไรภายนอกมาก่อน
ใช้เวลาไม่นานผมก็เล่าจบ ไอ้เซฟจับคางตัวเองอย่างใช้ความคิด
"สรุป ความจำของดาลี่หายไป และดาลี่เองก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป ใช่มั้ย"
มันถามย้ำอีกครั้ง ผมพยักหน้ารับเป็นรอบที่สอง
"งั้นก็ง่าย ๆ ก็ต้องช่วยดึงความทรงจำของดาลี่กลับมาแค่นั้นไง"
ผมทำหน้าแหยกับความคิดของไอ้เซฟ "เราจะทำยังไงกันเล่าก็ในเมื่อเราไม่รู้อะไรซักอย่าง"
"มันต้องเริ่มจากหลักฐานที่หลงเหลืออยู่"
ไอ้เซฟขมวดคิ้วและลูบคางมน ๆ เกลี้ยง ๆ ของมันราวกับต้องการจะประมวลอะไรหลาย ๆ อย่างที่ได้ยินไปเมื่อครู่ราวกับนักสืบหนุ่มม.ปลายฝีมือฉกาจ
=_='' เอางั้นหรอ...ผมคิด แต่ความจริงแล้วก็ไม่มีหนทางอะไรให้เลือกซักเท่าไหร่ การที่จะปล่อยวิญญาณให้เร่ร่อนและตามติดผมแบบนี้ต่อไปคงไม่ได้ ไม่แน่ดาลี่อาจอยู่ได้อีกไม่นานเพราะพลังชีวิตของตัวเองใกล้หมดก็ได้ ความจริงแล้วเรื่องพวกนี้ผมก็เดาเอาเองเกือบหมดล่ะ เอามาจากในหนังบ้าง นิยายบ้าง แต่ผมกลับคิดว่ามันเหมือนกับในหนังสือการ์ตูนซะมากกว่า ไม่คิดว่าในชีวิตจริง ๆ จะได้มีโอกาสได้มาใกล้ชิดกับฝีใกล้ขนาดนี้
เอ๊ะ หรือว่าเอาไปออกรายการโทรทัศน์ดีหว่า...=_= นี่ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยได้ขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ลืมไปว่าไม่มีใครมองเห็นนอกจากผมกับไอ้เซฟ
"งั้นเป็นอันว่าตกลง วันนี้คงไม่ทันงั้นพรุ่งนี้นายเอาของที่นายเจอมาก็แล้วกัน" จู่ ๆ ไอ้เซฟก็ลุกขึ้นยืน มันยืนเท้าสะเอวก่อนจะหันมายิ้มให้ผม "ดาลี่จะได้เห็นความพยายามในการช่วยของฉัน ยังไงฉันก็ไม่ยอมแพ้รักแรกของฉันแน่ ๆ ว่ะ"
ว่าแล้วมันก็หัวเราะหึหึ ก่อนจะวิ่งไปยังเบื้องหน้า ไอ้เซฟเข้าไปไหวพี่คนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างดูแล้วท่าจะอาวุโสที่สุด ก่อนจะกวักมือผมให้ลงตามมันไป ผมลุกขึ้นยืน ปัดกางเกงนักเรียนของตัวเอง และหันไปทางดาลี่ที่กำลังเมามันอยู่กับลานดินบ่อทรายที่ห่างออกไปอีกหน่อย ผมหายใจเข้าเต็มปอดโดยตัดสินใจให้เธอเล่นอยู่ตรงนั้น ส่วนตัวเองก็วิ่งเข้าไปร่วมวงกับไอ้เซฟ
"มิกซ์ แข่งวันอาทิตย์นี้นายสนใจมั้ยวะ" เซฟถามผมเบา ๆ เมื่อด้านหน้าที่มีชายอายุมากกว่าซักสองถึงสามปีกำลังเปลี่ยนจากการแข่งในด้านความเร็วมาเป็นการข้ามสิ่งกีดขวางแทน
"แล้วนายล่ะ" ผมถามกลับ มันส่ายหน้า
"ไม่ค่อยพร้อมวะ อีกอย่างแข่งครั้งที่แล้วนายพลาดไปหน่อยไม่ใช่หรอ คราวนี้ไม่อยากแก้ตัวรึไง"
ที่ไอ้เซฟพูดมันก็ถูก ผมนิ่งไปครู่นึง เพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมดันพลาดในจุดที่ตัวเองถนัดที่สุดก็คือการลอยตัวค้างอยู่บนอากาศ เพราะล้อที่เป็นตัวกำหนดทิศทางจู่ ๆ ก็เกิดอาการแปลก ๆ แต่แข่งคราวนั้น ผมทำได้แค่การกระโดดบนสเก็ตบอร์ดธรรมดา ๆ และรู้สึกขายหน้ามากที่สุดในชีวิตของผมเลยทีเดียว แถมอาการแบบนั้นดันมีผลทางจิตวิทยาที่ผมเป็นคนคิดขึ้นเองว่า เป็นอาการหวาดกลัวอันเนื่องมาจากกลัวซ้ำสองว่าจะทำได้อย่างคราวที่แล้ว มันกลับทำให้ผมลอยตัวค้างบนอากาศไม่ได้อีกเลยจากการซ้อมเมื่อวาน
"คู่แข่งทำให้ใจฝ่อหรอน้อง"
พี่ร่างใหญ่ที่ดูแก่กว่าเพื่อนคงอยู่ในวันทำงานพูดแซวและหัวเราะครืน คนอื่น ๆ ที่ได้ยินก็พลอยหัวเราะตาม ไอ้เซฟส่งเสียงหงุดหงิดแทนผม นี่แหละคือข้อดีของมันเพราะเวลาทำอะไรมันก็ชอบเป็นเดือดเป็นร้อนแทนผมไปซะทุกครั้ง ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
ผมอุตส่าห์ไม่พยายามคิดเรื่องนี้แล้วนะ T_T แต่ไอ้เซฟมันคงหวังดีอยากให้ผมแข่งชนะกับเค้าบ้างล่ะมั้ง ท่าจะไม่ค่อยดีเพราะคู่แข่งเองก็เก่งชะมัดยาดเลย
"กะแค่ ไอ้บีท แข่งคราวนี้เพื่อนผมชนะอยู่แล้ว!"
ไอ้เซฟมันตะโกนกลับไป ไอ้บ้า!! ผมต้องกระตุกแขนมันไว้ว่าให้มันหยุดปากสวย ๆ ของมันซะ ไม่งั้นผมอาจจะตายเพราะสายตาดูหมิ่นดูแคลนของบรรดาผู้สูงอายุ(ความจริงก็แก่กว่าปีสองปี) แถวนี้ก็ได้
แต่เสียงของไอ้เซฟเกือบจะถูกทำลายลงด้วยเสียงหัวเราะ แต่กลับมีผู้ชายอีกคนที่ใส่หูฟังซาวน์เบาท์อันใหญ่ไว้ที่หูทั้งสองข้าง เอามือล้วงกระเป๋าที่ด้านหลังมีเป้สีส้มใบใหญ่ร่างกายสูงและมีกล้ามเนื้อนิด ๆ พอกระชากใจสาว มันมาพร้อมกับสเก็ตบอร์ดสีส้มเพ้นท์ด้วยสีส้มสะท้อนแสงอีกชั้นในรูปของไฟขนาดใหญ่ ล้อเลื่อนส่งเสียงแอ๊ดอ๊าด ซึ่งเจ้าตัวได้แต่ฮึมเพลงเบา ๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมกับไอ้เซฟ
นี่แหละ ไอ้บีท คู่แข่งของผมที่ไอ้เซฟมันพูดถึง อายุอานามก็เกือบ ๆ จะเท่ากันเพราะคนตรงหน้าเรียนโรงเรียนอินเตอร์ที่แบ่งเป็นเกรด ซึ่งผมก็ไม่คิดที่จะจำว่าคนตรงหน้าเรียนเกรดอะไร
...แต่ที่รู้ ๆ มันตายยากฉิบเป๋ง...
มันหลิ่วตาข้างเดียวมาที่ผม พร้อมกับเอียงคอและเชยคางขึ้นด้วยท่าทางที่อยากจะกินกำปั้นของผมซะเต็มประดา ผมกำหมัดขวาของตัวเองแน่น ส่วนมืออีกข้างยังอยู่ที่แขนของไอ้เซฟที่กระตุกเป็นระยะ ๆ เพราะกลัวมันจะกระโจนเข้าไปแจกหมัดใส่คนตรงหน้าแทนผม
"ไงเพื่อน...ยังมีหน้ามาเดินแถวนี้อีกหรอ โดยเฉพาะ มิกซ์ผู้ขี้ขลาด" บีทถามด้วยเสียงอันกวนประสาท เสียงซาวน์เบาท์ที่หูของมันครางหึ่ง ๆ จนผมได้ยิน ไอ้เซฟขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน จนผมต้องบีบแขนเพื่อเตือน...เย็นไว้เพื่อน...เย็นไว้...
...นี่มันเรื่องของผม หรือว่าเรื่องของมันกันแน่ฟะ... TT_TT
"นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะมิกซ์"
จู่ ๆ ยัยดาลี่ก็โพล่พรวดออกมา เล่นทำเอาผมกับเซฟชะงักพร้อม ๆ กัน ช่างเป็นการมาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงซะจริง ๆ ดูเหมือนไอ้บีทมันจะฉีกยิ้มจนเห็นฟันสีขาว
ยัยดาลี่มองผมตาใสแป๋ว ก่อนจะหันหน้าไปยังอีกคนที่ผมกำลังเผชิญหน้าอยู่ แต่แล้วแววตาของเธอก็เปลี่ยนไป แล้วกลับลอยมาแอบอยู่ข้างหลังของผมแทน
...ยัยดาลี่เป็นอะไร...ผมต้องเก็บความคิดนี้ไว้ในหัวสมอง ก่อนจะส่งเสียงตอบไอ้บีทกลับไป
"ฉันไม่ได้ขี้ขลาด" ผมตอบกลับ มันหรี่ตาอีกข้างอย่างไม่เชื่อหู (แต่จะได้ยินเสียงผมรึป่าวนี่สิน่าคิด ก็เสียงเพลงมันยังดังหึ่ง ๆ ในหูของมันอยู่เลย) พวกที่อยู่ด้านหลังพอได้ยินส่งเสียงหัวเราะพรืดอย่างอดไม่ได้
ไอ้บีทลูบคางตัวเอง "ครั้งที่แล้วฉันชนะก็จริง แต่ว่ามันเป็นการแข่งที่ไม่แฟร์เท่าไหร่ เพราะนายดันทำล้อหลุดกลางอากาศ..." มันหยุดเพื่อให้คนที่ด้านหลังหัวเราะต่อ เมื่อเสียงค่อย ๆ ซาลง มันจึงพูดต่อ "แล้วไง อาทิตย์นี้ไม่คิดจะแก้ตัวซะงั้น"
"แข่ง ไอ้มิกซ์มันแข่งแน่"
0o0 !!! เฮ้ย!!! ไอ้เซฟแกพูดอะไรออกไป!!
"เดี๋ยว!!!" ผมตะโกน ทำให้ทุกคนต่างเงียบเสียงลงทันที "ฉันจะแข่ง แต่ไม่ใช่อาทิตย์นี้..."
ผมสูดลมหายใจลึก...
"...อาทิตย์ที่สองเจอกัน"
...........................
"ฉันอยากจะชกปากมันจริง ๆ " ไอ้เซฟบ่นอย่างหัวเสีย ในขณะที่ก้าวเท้าออกมาให้พ้นลานกีฬาด้านหน้า โดยที่มีผมเดินตามหลังและยัยดาลี่ที่ลอยตามหลังมาอีกทอด
"แล้วก็ไอ้แข่งคราวนั้นมันก็เป็นแค่อุบัติเหตุ" เซฟยังคงบ่นต่อไป อันที่จริงแล้วไอ้เซฟเองมันก็อยากจะแข่งกับไอ้บีทดูบ้างเหมือนกัน แต่มันไม่มีสิทธิ์จะไปแข่งข้ามอุปกรณ์อยู่แล้วนอกจากมันจะเปลี่ยนไปเล่นสเก็ตบอร์ดเหมือนผมนั่นแหละ เพราะอย่างนั้นมันจึงได้แต่แสดงอารมณ์บูดอยู่อย่างนี้ไง
"แข่งหรอ" ไดอารี่พูดออกมาอย่างเลื่อนลอย ผมตัดสินใจที่จะเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา ระหว่างเดินไปนั่งที่พื้นหญ้า
"จริงสิ ทำไมเธอถึงได้หลบไอ้บีทมันอย่างนั้นล่ะ" ผมถาม ยัยดาลี่หันหน้ามามองผม แต่เมื่อเธอได้ยินชื่อบีท เธอก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นความหวาดกลัวแทน
"จำไม่ได้หรอก" ยัยดาลี่เอามือกอดตัวเอง "รู้แต่ว่า คนที่มิกซ์พูดถึงน่ะ ท่าทางน่ากลัว ไดอารี่รู้สึกไม่ชอบเอามาก ๆ เลยล่ะ"
"ไม่ชอบน่ะดีแล้ว" ไอ้เซฟสนับสนุนแล้วยังอารมณ์เสียแทนผมไม่หาย ในขณะที่ยัยดาลี่ลอยลงมากองที่พื้นหญ้าบ้าง
"ช่วยเล่าการแข่งที่เซฟบอกให้ฟังบ้างสิ" เธอถามด้วยเสียงใสแจ๋ว คงอยากจะเปลี่ยนเรื่องคุยเหมือนผมนั่นแหละ ผมกับเซฟมองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจเฮือก เป็นเชิงว่าไม่อยากจะเล่า ไอ้เซฟมันก็เลยเล่าแบบรวบรัดแทน
"ก็แข่งมันวันอาทิตย์ ไอ้บีทที่เธอเห็นน่ะ มันมาท้าไอ้มิกซ์ เพราะเห็นว่าไอ้นี่น่ะเล่นเก่ง"
ผมถอนหายใจอีกรอบ ผมเนี่ยนะเล่นเก่ง ความจริงแล้วผมเองไม่อยากจะคิดแบบนั้น ผมชอบเล่นเพราะความสนุกของตัวเองมากกว่าที่จะคิดไปแข่งกับชาวบ้านชาวช่อง แต่ไปสะดุดตาไอ้บีทมันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มันได้แต่คะยั้นคะยอให้ผมแข่งกับมันให้ได้ ซึ่งความพยายามของมันสำเร็จในหนที่สี่ เพราะมันมาหาว่าผมขี้ขลาดนั่นแหละ
"พอไอ้มิกซ์มันแข่ง มีช่วงหนึ่งที่ต้องเล่นท่า โดยการขึ้นไปจุดสูงสุดแล้วลอยตัวค้างอยู่บนอากาศให้นานที่สุดน่ะ..." มันหยุดแล้วเหลือบมามองผมก่อนจะพูดต่อ
"จู่ ๆ ล้อหน้ามันก็หลุดออกมาก่อนจะเทคตัวขึ้นไป ก็เลยจบ"
ยัยดาลี่พยักหน้ารับกับประโยคบอกเล่าที่สั่นง่ายของไอ้เซฟ เธอหันมาสบตากับผมด้วยน้ำตาคลอ
-*- ยัยนี่ก็เป็นเดือดเป็นร้อนแทนผมด้วยหรือไง แต่ความจริงมันก็ผิดที่ผมเองนั่นแหละ ที่ไม่ยอมตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนการแข่ง มันช่างน่าจะเหยียบตัวเองมากกว่าที่จะคิดโทษคนอื่น
ไม่ต้องมาเห็นใจผมหรอกนะ ผมไม่อยากให้ใครมาเห็นใจ เรื่องแค่นี้มันขี้ประติ๋ว
ตอนนี้เราควรจะช่วยกันคิดเรื่องความทรงจำของยัยดาลี่จะดีกว่า...มั้ยครับ...
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น