ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักร้าย ๆ ของนาย X-treme : The Story In The Memory

    ลำดับตอนที่ #3 : รักแรกพบ =_=

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 49


     
    ........ที่นี่? มันช่างมืดเหลือเกิน........

    ......ความมืดที่ไม่อยากจะสัมผัสมันอีกเป็นครั้งที่สอง.....

    ฉันสะดุ้งเฮือกและตาเบิกโพล่งด้วยความตกใจ ฉันได้รับรู้ว่าตัวเองอยู่ในห้องของชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เมื่อรวบรวมสติขึ้นได้ใหม่ จึงค่อย ๆ พ่นลมหายใจออกมาช้า ๆ ฉันเงยหน้าขึ้นมอง ตอนนี้ภายในห้องถึงจะมืดก็จริง แต่มีแสงสีขาวนวลจากดวงจันทร์ทางด้านนอกหน้าต่างสาดส่องเข้ามา ทำให้ห้อง ๆ นี้น่าอยู่ดีเหมือนกัน

    ฉันยันกายขึ้นและวางมือไว้บนขอบหน้าต่าง สายลมแผ่วพัดผ่าน อากาศในวันนี้ช่างดีเหลือเกิน มองไปยังเบื้องหน้าบ้านเรือนได้ปิดไฟและหลับนอนกันจนหมดแล้ว พร้อมกับปล่อยจิตใจให้ลอยล่องไปตามสายลม

    ฉันเป็นใคร? มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้...คำถามมากมายตีรวนอยู่ในสมองน้อย ๆ จนปวดหัว ถึงคิดยังไงก็คิดไม่ออก พอจะหลับตา...ก็ไม่กล้า เพราะกลัวว่าตัวของฉันเอง จะถูกปล่อยอยู่เดียวดายในสถานที่ ที่ทั้งมืดและหนาวอีกครั้ง

    ...ผิดกับอีกคนที่ยังนอนหลับอุตตุอยู่บนที่นอน...

    “ขอโทษนะ...ที่ทำให้นาย...ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้” ฉันพึมพำก่อนจะเหลียวหลังกลับไปมองเด็กหนุ่มแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จัก เขานอนหลับอย่างสบายใจเหลือเกิน ฉันค่อย ๆ ก้าวเท้า(รู้สึกว่าไม่ต้องก้าวก็ได้) เข้าไปที่ข้าง ๆ เตียงและนั่งลงมองไปยังเขา

    เขาน่าจะอายุมากกว่าฉันประมาณ 1 ปีล่ะมั้ง ใบหน้าเกลี้ยง จมูกได้รูป ดูไปแล้วก็เท่ห์ดี แบบดูดีกว่าผู้ชายในวัยเดียวกันอยู่เยอะ แต่ติดที่ตรงเขานอนหลับปุ๋ยทำหน้าตาสบายใจแบบนี้ทำให้อดหมั่นไส้ไม่ได้

    อิอิ...ความคิดแผลง ๆ ก็เกิดขึ้นมาในสมองของฉัน

    เอ๊ะ! ฉันอุทาน เพราะว่าตัวเองตั้งใจที่เอามือขวาไปสัมผัสที่ใบหน้าของเขาเพื่อจะแกล้ง แต่มันกลับผ่านไปซะเฉย ๆ เหมือนกับว่าตัวฉันเองเป็นแค่วิญญาณที่ไม่มีกายเนื้อ

    ฉันนิ่งและเริ่มสะอื้น...ฉันไม่ได้เป็นผี...ได้โปรดเถอะ...ตัวเองไม่อยากจะเชื่อ...แค่คิดว่าตัวเองต้องตายและเป็นแบบนี้ไปตลอดมันก็ทำให้...

    ...น้ำตาของฉันร่วงลงมาอีก...ทำไมฉันถึงเจ้าน้ำตาแบบนี้นะ?

    ช่างมันสิ...ฉันคิดกับตัวเองและปาดน้ำตาออก จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนเพื่อตั้งหลักใหม่ ถ้าฉันตายไปแล้วจริง ๆ ทำไมถึงยังไม่ได้ขึ้นสวรรค์ล่ะ ใช่ฉันคิดแบบนั้นจริง ๆ ถึงจะจำอะไรไม่ได้ก็ตามแต่คิดว่าตัวเองคงไม่ตกนรกหรอกนะ แต่ทำไมฉันยังคงอยู่ที่โลกมนุษย์แห่งนี้ ชีวิตหลังความตายรู้สึกอยู่ใกล้ตัวเราแค่ผิวหนังเท่านั้นเองทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยจะคิดถึงเลยแม้แต่น้อย ตอนฉันมีชีวิตอยู่ฉันทำอะไรบ้าง? เป็นคนยังไง? และพ่อกับแม่ล่ะ เพื่อน ๆ จะคิดถึงฉันไหม?

    ฉันเหลียวมองไปไที่ คนที่คิดจะมาช่วยฉันอีกครั้งและถอนหายใจเบา ๆ

    คงต้องพึ่งแต่นายแล้วสินะ

    ...ผู้มาดึงความทรงจำของฉันกลับคืนมา...


    2 รักแรกพบ

    “สายแว้วววว ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” ผมตะโกนลั่นห้องจนห้องเกือบแตก แน่สิผมลุกพรวดขึ้นจากเตียงนอนด้วยความเร็วเหนือแสง วิ่งผ่านน้ำและรีบแต่งตัวอย่างเร็วไว พร้อมกับสำรวจการแต่งตัวที่กระจกบานใหญ่ในห้องตัวเองอีกครั้งอย่างเร่งรีบ

    เท่านั้นแหละ ที่ผมสังเกตเห็น...

    เงาหลอน!! 0_0 เงาหลอนมันอยู่เบื้องหลังกระจก

    “ม่ายยยย!!” ผมแผดเสียงลั่นบ้าน (คราวนี้ลั่นบ้านนะครับ) ดูเหมือนเงาหลอนตัวนั้นจะตกใจจะเผลอตะโกนออกมาบ้าง

    “กรี้ดดดด!!” >0<

    “ม่ายยยยย!!!” ไม่ ๆ ๆ ผมต้องทำใจก่อน...เมื่อคืน...ใช่ ๆ ผมไปเก็บผีสาวที่ถูกทิ้งมาจากข้างทางและรับเลี้ยงไว้ด้วยความเอ็นดูและน่าสงสารเพราะกลัวว่ามันจะเฉาตายด้วยมือคนซะก่อน

    จะบ้าเรอะ!! ไม่ใช่หมาไม่ใช่แมว(-*-) แล้วยัยบ้านี่จะมากรี้ด ๆ ทำแป๊ะอะไรเล่า ผมหันกลับมายืนชิดติดกำแพงห้องที่ติดไว้ด้วยโปสเตอร์วิธีการเล่นสเก็ตบอร์ดแผ่นใหญ่เป้ง

    รู้สึกว่าเธอจะหายจากอาการตกใจ...ผมควรจะตกใจมากกว่าเธอจะเนี่ย...ให้ตายสิ!!

    “กลัว...ฉันงั้นหรอ” เธอถาม

    ผมส่ายหน้ายิก เธอเดิน(ลอย) เข้ามาใกล้ ๆ ผมสบตากับเธอด้วยความกล้า ๆ กลัว แต่สายตาสีดำคู่นี้ทำให้ผมชะงัก แววตากลมโตตรงหน้าผมมีแต่ความว่างเปล่า...ว่างเปล่าซะจนเอาควา.ยป่าตัวใหญ่ไปใส่ได้สบาย เอ้ย! ว่างเปล่าซะผมรู้สึกหดหู่ตามไปด้วย

    ผมกลืนคำพูด คำว่า “กลัว” ลงคอไปซะ และพยายามตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ

    “ฉะ...ฉันจะกลัวเธอได้ยังไงกันเล่า ห่ะ ๆ ๆ ๆ ๆ” ผมหัวเราะครับ แต่กลับหัวเราะ โครตจะฝืดเลย = =’’ ดูเหมือนเธอจะไม่เชื่อ อย่างน้อยแววตาว่างเปล่าเมื่อครู่ก็ได้เปลี่ยนความสงสัยเข้ามาแทนที่ ก็ยังดี...ผมนึกสงสัยอยู่ว่า ผีไม่กลัวกลางวันหรือแดดหรืออย่างไร?

    “เอ้อ...ธะ...เธอชื่อไดอารี่ ใช่มั้ย ก็ในจดหมายมันว่างั้น...ฉันเรียกเธอว่าไดอารี่นะ เธอก็เรียกฉันว่ามิกซ์ก็ได้”

    เธอไม่ตอบได้แต่พยักหน้าหงึก ให้ตายซี้! ยัยไดอารี่สมองกลวง!! อ่า...ก็เธอจำอะไรไม่ได้ก็ต้องเรียกว่ากลวงใช่มั้ยล่ะ

    ความจริงตอนนี้ผมต้องไม่คิดเรื่องนี้นี่หว่า เพราะผมต้องไปโรงเรียนและนี่มัน!

    โอ้วววว...!!!!!! แปดดดดโมงงงง!!!!

    ผมรีบจัดทรงผมหยับกระเป๋าและวิ่งเร็วจี๋ออกไปรอรถเมล์อย่างไม่คิดชีวิต ขณะที่ผมวิ่งคงมีคนคิดว่าผมจะไปไล่ควายเหง ๆ จากนั้นผมก็มายืนอยู่หน้าโรงเรียนจนได้

    โรงเรียนชนินรักษ์วิทยา โรงเรียนเปิดใหม่นะครับเนี่ย ^^ เป็นโรงเรียนสห ผมเพิ่งจะย้ายมาตอนม.4 นี่เอง แต่โรงเรียนนี้ก็เปิดมาหลายปีแล้วเหมือนกัน

    และ...

    “ว๊าก!!!”

    ผมอุทานลั่นเมื่อเห็นยัยดาลี่(ไดอารี่นั่นแหละ) อยู่ข้างหลังผม เธอมองค้อนอย่างเคือง ๆ ส่วนเด็กนักเรียนที่เดินผ่านไปมามองผมว่า มันตกใจอะไร =o=

    รึว่า...แมลงสาบวิ่งผ่านหน้า!!

    จะบ้าเรอะ!! ผมทำท่ายัวะจัด และเดินไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจ จะสนใจได้ยังไงก็ในเมื่อ

    มันสายไป 15 นาที TT_TT (ไอ้เด็กเมื่อกี้มันก็สายทั้งนั้นแหละวะ)

    “นายเมธา!!” อาจารย์สาวแสนสวยที่สุดในโรงเรียน(โดยคนอื่นตั้งให้)ตะเบ็งเสียงใส่หน้าผม แต่ผมก็ต้องรีบก้มหัวรับผิดอย่างรวดเร็ว เฮอะ...สายไป 15 นาที ทำท่าหยั่งกับผมไม่ได้ไปโรงเรียนมาตั้ง 15 วัน

    “ครับ” ผมพูดเพราะจริง ๆ ให้ตายสิ ไอ้พวกปากหมา ก็ตะโกนบอกให้อาจารย์ทำโทษผมด้วยไม้เรียว โทษฐานที่ผมมาโรงเรียนสาย ให้ตายสิ...จะช่วยเพื่อนหน่อยก็ไม่ได้...

    “หุบปาก! ซะทีได้มั้ยได้พวกเวร!!”

    นี่ผมหลุดปากอะไรออกมาเนี่ย ต่อหน้าอาจารย์ TT_TT

    “มิกซ์...หยาบคาย” ยัยผีบ้าพูดกับผมเบา ๆ

    “เธอก็หุบปาก!!” ผมลืมตัวพูดอะไรอีกแล้ว ห้องทั้งห้องจ้องผมเป็นตาเดียวก็ผมยืนอยู่หน้าห้องนี่หว่า คงจะคิดล่ะมั้งว่าผมพูดอยู่กับใคร เพราะอาจารย์ที่อยู่ตรงหน้าผมต้องการจะพูดอะไรซักอย่างจึงต้องหุบปากลงอย่างเร็วไว้

    จู่ ๆ ไอ้เซฟ เพื่อนผมก็ลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ด้านหลังเกือบสุด มันทำหน้าตาแปลก ๆ จนอาจารย์ที่หันมาด่าผมต้องหันไปมองมัน

    “อาทิตย์...เธอยืนขึ้นมาทำไม” อาจารย์ถาม แต่ดูมันจะมองมายังผมค้าง ๆ มันไม่ได้สนใจคำถามของอาจารย์ซักนิดจนผมรู้สึกแปลกใจ

    สายตาของมันแปลก ๆ มองผมก็แปลก ๆ ไม่ใช่สิ...มันไม่ได้มองผม...

    มันมองยัยไดอารี่ที่อยู่ข้างหลังผมต่างหากล่ะ!!!

    ผมหน้าซีด ส่วนไอ้เซฟอ้าปากจะเอ่ยอะไรออกมา

    ไม่ด้ายยยย...จะให้มันพูดว่ามันเห็นผีที่ตามมาข้างหลังผมไม่ได้ โอ้ผมกำลังสติแตก หัวสมองมันเบลอ ๆ

    “อาจารย์ครับ!” ผมตะโกนเสียงดัง ทำให้ไอ้เซฟมันอ้าปากพะงาบๆ ค้างอยู่อย่างงั้นแหละ “ผมยอมรับผิดแต่โดยดี ไอ้เซฟมันคงจะเป็นห่วงผมเพราะว่าผมกำลังจะโดนไม้เรียวเท่านั้นแหละ”

    ผมทำสายตาเป็นเชิงให้มันพยักหน้ารับ มันพยักหน้ารับงง ๆ ผมเริ่มพูดต่อ “เพราะฉะนั้น อาจารย์จะลงโทษผมก็ตามสบายเลยครับ”

    ดูท่าอาจารย์จะเข้าใจ และบอกให้เซฟนั่งลง จากนั้นจึงหันหน้ากลับมาหาผม “ไปนั่งที่ได้ วันนี้ฉันไม่เอาเรื่องเธอ”

    ทำไมเรื่องมันจบลงได้อย่างรวดเร็วแบบนั้นฟะ จำผมเองออกจะงง ๆ แต่ก็พยักหน้ารับแต่โดยดี รู้แล้ว ๆ อาจารย์คงจะเห็นมิตรภาพระหว่างผมกับไอ้เซฟว่าเป็นห่วงกันมากแค่ไหนแน่ ๆ ไม่รู้ว่าอาจารย์เชื่อกับคำโกหกที่แสนจะน้ำเน่าไปนิดส์ของผมได้ยังไง ไอ้เพื่อนผมบางคนมันส่งเสียงเสียดายนึกว่าจะได้เห็นอะไรดี ๆ ผมเดินไปที่โต๊ะของผมที่อยู่ข้าง ๆ ไอ้เซฟนั่นแหละ ผมมองมัน มันมองผม สลับกับยัยไดอารี่ ดูท่ายัยนี่จะไม่รู้ตัวว่ามีคนมองเห็นเธอเลยแฮะ

    ผมรู้จักกับผีสมองเสื่อมอีกทั้งยังไม่สนใจอะไรเลยอีกหรอเนี่ย!!

    “ไอ้มิกซ์”

    เซฟทำหน้าปั้นยากและกระซิบมาที่ผม ที่กำลังหยิบหนังสือชีวะสำหรับม.5 ขึ้นมาเปิด ผมหรี่ตามองมัน

    “อะไร” ผมถาม มันทำหน้าตาไม่เชื่อ แบบว่า...เฮ้ย!! แกไม่รู้สึกตัวหรอว่ามีผีตามแกอยู่...ผมเดาสีหน้ามันออก...แต่ผมทำหน้าตาบ้องแบ้วใส่มันจนมันต้องหันหน้าหนีอย่างไม่สนใจ แต่ผมเห็นว่ามันมองยัยดาลี่(เปลี่ยนชื่อให้ซะเลย) เป็นระยะ ๆ เฮอะ...

    ...ผมว่าเธอควรจะรู้สึกตัวได้แล้วนะ...ยัยผีบ้า!!!

    และแล้วก็มาถึงเวลาพักกลางวัน ^o^

    ปึ้ง!

    ไอ้เซฟมันกระแทกสมุดเล่มหนึ่งบนโต๊ะผมทันทีที่อาจารย์เดินออกไปจากห้อง และเขม่นตามองผมด้วยแววตาสงสัยอย่างสุดขีด สลับกับยัยไดอารี่ที่กำลังนั่งยอง ๆ และก้มหน้าทำอะไรอยู่กับขาเก้าอี้อีกตัวข้าง ๆ ผม

    ...ยัยนี่ไม่เคยเห็นเก้าอี้รึไงฟะ...

    “มิกซ์...” มันหยุดพูดเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่กับตัวมันเอง สงสัยไอ้เซฟคงกำลังคิดหนักว่าจะบอกผมเรื่องยัยดาลี่ดีรึป่าวแน่ ๆ

    “ฉันหิวข้าวว่ะ กินข้าว ๆ “ ผมรีบบอกมันอย่างรวดเร็วและลุกพรวดจนมันถอยไปข้างหลังสองก้าวและพยักหน้ารับ เฮอะ…ง่ายดีแฮะ นั่นแหละดีแล้ว แกไม่ต้องสนใจอะไรหรอก

    ผมเดินนำออกไปนอกห้องโดยที่ไอ้เซฟมันพึมพำบ้าอะไรของมันก็ไม่รู้

    เสียงโรงอาหารจอแจอย่างกับอะไรดี ผมค่อยๆ เดินผ่านร้านค้าไปทีละร้านสองร้าน เด็กนักเรียนทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง พากันแย่งซื้อข้าวกันอย่างกับไม่เคยมีอะไรใส่กระเพาะมาซักอาทิตย์

    “กรี้ดดด ๆ ๆ พี่เซฟ ๆ “ เด็กรุ่นน้องคนหนึ่งเมื่อเห็นไอ้เซฟ ก็ส่งเสียงกรี้ด ๆ อย่างกับเห็นดารา ดูมันจะตกใจเล็กน้อยก่อนจะฉีกยิ้มให้พอเป็นพิธี จากนั้นเด็กรุ่นน้องอีกหลายต่อหลายคนก็พากันกรี้ดตาม

    ….จะบ้าตาย…มันหล่อตรงไหนฟะ ผมยังหล่อกว่าเยอะ….

    “พี่เซฟเล่นอินไลน์สเก็ตหรอคะ” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งถาม และตามมาด้วยเสียงของใครหลายคนที่บ่งบอกถึงความปลื้มปิติจนผมหมั่นไส้ มันพยักหน้ารับและบุ้ยใบ้มาทางผม

    “เพื่อนพี่ก็เล่น…แต่เป็นสเก็ตบอร์ด” มันพูด -*- เด็กรุ่นน้องหลายคนมองมายังผม แต่ก็หันกลับไปอย่างรวดเร็ว

    “พี่เซฟต้องเล่นเก่งมากๆ แน่เลยค่ะ อยากเห็นจัง”

    ดูดิ ไอ้เด็กรุ่นน้องไม่เห็นผมอยู่ในสายตาเลยให้ตายสิ โธ่โว้ยใครเค้าอยากจะมีเพื่อนที่หน้าตาดีกว่าตัวเองมั่งฟะ แต่ผมว่าไอ้เด็กพวกนี้ควรจะจับมาล้างตาเสียใหม่ จะได้ดูออกว่าผม! กับไอ้เซฟใครมันจะหน้าตาดีกว่ากัน แต่มีบางคนที่ยังมองค้างอยู่ …ก็ยังดี…

    เซฟมันยิ้มแห้งๆ กลับไปเมื่อเห็นผมทำหน้านิ่ว มันบอกขอตัวรุ่นน้องและเดินออกมาสั่งข้าวกับผม

    “แกจะกินอะไร” มันถาม เฮอะจะกินอะไรล้า ไม่สน…ผมไม่ตอบมัน…ข้อหาที่มีหญิงมาติดมากกว่า….

    “ป้า…เอาข้าวขาหมู” ผมตะโกนสั่งป้าขายข้าวสารพัดขา ทั้งข้าวขาไก่ (มีป่าววะ) ข้าวขาเป็ด( แล้วมันมีมั้ยเนี่ย) ข้าวขาปลา(เอาเข้าไป ปลามันไม่มีขา) เอาเป็นว่าผมสั่งข้าวขาหมูก็แล้วกัน

    “ผมด้วย” มันตะโกน และเบือนหน้ากลับมาที่ผม “ฉันว่า…นายควรจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นดีกว่ามั้ง จะได้สูงๆ ไง”

    ดูมันพูด…ผมชักจะยั้วะจริง ๆ แล้วนะ ความจริงผมสูงตั้ง 178 ซม. นี่มันไม่ใช่เตี้ย ๆ นะครับผมรับรอง แต่มันนี่ดิ สูงตั้ง 183 มันถึงได้เห็นว่าผมเตี้ยกว่ามันยังไงล่ะ….ถ้าจะให้ผมอธิบายถึงเพื่อนของผมคนนี้ อธิบายไปก็ไม่วายกัดมันอีกนั่นแหละ

    สูง….ขาว….จะว่าตี๋ มันก็ไม่ตี๋ ตาก็โตพอใช้ได้ คิ้วโก่งได้รูป ผอมหุ่นแบบนักกีฬาทีมชาติเอาเป็นว่าผมอธิบายได้แค่เนี่ย เพราะหากอธิบายมากกว่านี้ อาจจะคิดว่าผมเป็นเกย์ที่คิดจะชอบเพื่อนตัวเอง แค่ผมคิดผมก็ขนลุก (แล้วผมจะคิดทำไมวะ) เอาเป็นว่า มันไปเดินที่ไหนใครก็คิดว่ามันเป็นดาราได้เลยแหละ ไอ้ผมน่ะหรอ คงเป็นได้แค่เพื่อนพระเอกล่ะว้า (แต่เรื่องนี้ผมเป็นพระเอก โย้ว ^0^\/)

    “แกยกมือทำไม…ข้าวได้แล้ว” ไอ้เซฟมันพูด ทำให้ผมต้องยกมือลงมารับจานข้าวจากป้าและส่งเงินไปให้ จากนั้นผมจึงเดินออกมาจากดง (เด็กนักเรียน) และเริ่มมองหาที่ว่าง

    “มิกซ์ ๆ” เพื่อนผู้ชายของผมอีกกลุ่มหนึ่งกวักมือเรียก ผมไม่รอช้ารีบเดินไปทันที

    “เวย์…คนเยอะฉิบเป๋ง” ผมบ่นกับคนที่อยู่ตรงข้ามมันหัวเราะร่วน ส่วนเพื่อน ๆ อีกประมาณ 2-3 คนก็กำลังกินข้าวอย่างเอาเป็นเอาตาย

    “คนเยอะแล้วไง…มันไม่น่าขำเท่ากับที่แกตะโกนใส่หน้าอาจารย์ว่า “หุบปาก” หรอกว่ะ” เวย์หัวเราะอีกครั้ง ผมยิ้มให้มันก่อนจะวางจานข้าวลง และได้เซฟก็ตามมาทีหลัง และนั่งลงข้าง ๆ

    “คนเยอะฉิบเป๋ง” เซฟบ่น ส่วนไอ้เวย์มันก็หัวเราะออกมาอีก อะไรมันจะเส้นตื้นขนาดนั้น

    “ฉันว่าพวกนายนี่คล้าย ๆ กันเลยว่ะ พูดยังพูดเหมือนกันเด๊ะ…จะว่าไปแล้วตอนไอ้มิกซ์มันมา…นายลุกขึ้นมาทำไมว่ะ”

    ผมชะงักกึกแต่ไอ้เซฟก็แค่เพียงยักไหล่ทำท่าทางไม่สนใจ จากนั้นผมเริ่มกินข้าวขาหมู ที่ผมลงมติว่ามันโครตจะอร่อย(ก็คืออร่อยนั่นแหละ) ไอ้เซฟมันมอง ๆ มาที่ผมแปลก ๆ อีกแล้ว เออใช่…ผมลืมยัยสมุดโน๊ตว่างเปล่า(ไดอารี่)ไปเลย ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนแล้วหว่า?

    “เฮ้ย!!”

    ผมแทบจะสำลักขาหมูตายท้องกลมแบบนางนาก …แต่นางนากไม่ได้ตายด้วยข้าวขาหมู…= =’’

    แค่ก ๆ ผมรีบยกน้ำขึ้นมากินอย่างรวดเร็วและทุบอกตัวเองดังปึก ๆ จนเพื่อน ๆ ทั้งโต๊ะหันหน้ามามองผมด้วยสายตาสงสาร

    ….สงสารก็มาช่วยกันมั้งสิฟะ!!

    ผมเห็นยัยผีบ้ากำลังจด ๆ จ้อง ๆ อยู่กับอะไรซักอย่าง….ที่หัวไอ้เวย์! เธอสงสัยอะไรที่หัวไอ้เวย์มันฟะ เธอมองมาที่ผมที่อยู่ตรงข้ามและยิ้มหวาน โอ้ยอยากจะบ้าตาย!! >o<

    “มิกซ์ ๆ เพื่อนมิกซ์ มีขวัญตั้งสองขวัญแน่ะ” ^^”

    สิ้นเสียงของยัยไดอารี่ ได้เซฟมันปล่อยช้อนส้อมที่อยู่ในมือเสียงดังแคร้งงง!!

    0_0!! นี่คือหน้าตาของมันตอนนี้แหละ ทุกคนเปลี่ยนความสนใจไปยังไอ้เซฟเป็นตาเดียว ส่วนไดอารี่ก็มองเซฟงง ๆ ว่าเป็นอะไร

    ….ตายล่ะหว่า…แบบนี้มันก็รู้น่ะสิว่าผมมองเห็นยัยดาลี่…

    มันก้มหน้า และเงยขึ้นมาใหม่ อีกทั้งยังจ้องมองมาที่ผมโดยไม่สนใจใคร

    “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับแก”

    “เรื่องอะไร? คุยมาดิ” ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และตักข้าวจะใส่ปาก…แต่มันกลับมาจับมือผมไว้!!

    “เฮ้ย…” ผมอุทาน ท่ามกลางสายตาของเพื่อน ๆ อีกนับ 5-6 คนที่มองมายังผมกับไอ้บ้าเซฟตาไม่กระพริบ

    …พวกมันคงไม่คิดอย่างที่ผมคิดหรอกนะ….ก็พวกมันกำลังคิดว่าผมกับไอ้เซฟ…จุด จุด จุด

    “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับแก คนเดียว เดี๋ยวนี้!!” มันพูดจบก็รีบล็อคคอและลากผมออกมาจากโรงอาหารทันที ส่วนไอ้เวย์มองตามอย่างทึ่ง ๆ อึ้งและเสียว เพื่อนที่เหลือรู้สึกจะจับกลุ่มคุยกันอย่างเมามันส์

    …..เรื่องของผมกับไอ้เซฟ…. TT_TT

    “เฮ้ย!! แกจะรีบไปตามควายรึไงวะ” ผมตะโกนถามเพราะผมโดนมันล็อคคออยู่ ผมทั้งดึงทั้งยื้อมันอย่างน่าดำหน้าแดง ก็แน่ล่ะสิ! เพราะตอนนี้ผมกำลังจะหมดลมหายใจอยู่แล้ววววว

    ดูเหมือนไอ้เซฟมันจะนึกขึ้นได้ก็รีบปล่อยหัวผมออกทันที ตอนนี้ผมกับมันมายืนอยู่ตรงทางเดินเชื่อมต่อระหว่างอาคาร หากใครจะออกนอกโรงเรียนก็ต้องผ่านทางนี้นั่นแหละ แต่มันกลับหาที่ ๆ ที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยและเงียบที่สุดเพื่อคุยกับผม ก็คือตรงข้าง ๆ อาคารด้านหลังตึกที่ยังส่งกลิ่นใหม่ของปูนที่โบกอยู่เลย

    “แก…” มันพูดตะกุกตะกัก

    “มีอะไรก็พูด ๆ มาฉันรีบ” ผมเร่งมัน แต่ดูมันทำท่าแบบนั้นแล้วผมอยากจะเอาอะไรใกล้ ๆ ตัวขว้างใส่หน้าให้มันความจำเสื่อมให้รู้แล้วรู้รอด อ่า…ยัยไดอารี่ ก็ไม่รู้สึกตัวเอาซะเลย เธอกำลังดู(จะดูอะไรนักหนาฟะ)รอยแยกตรงกลางตึก นี่ถ้าผมไม่มองตามเธอผมก็คงไม่สังเกตนะเนี่ย

    ….ว่าตึกมันร้าว!!…

    ผมหันกลับมาทำหน้าเคร่งขรึมอีกรอบ ความจริงแล้วผมควรจะพูดความจริงกับไอ้เซฟ ดีกว่ามาปกปิดมันเอาไว้ ดูท่า…จะปิดยังไงก็คงปิดไม่มิด เพราะว่ามันเองก็มองเห็นไดอารี่ที่เป็นผีเพราะเหตุอันใดไม่อาจทราบได้ ผมว่าถ้าผมเป็นไอ้เซฟก็คงจะมีอาการแบบมันนี่แหละ จะพูดแต่ไม่กล้าพูด

    “เออ…” ผมเอ่ยออกมาก่อน มันชะงักกึก เอาว่ะ พูดมันไปตรง ๆ นั่นแหละผมชี้ไปยังไดอารี่ที่หันหน้ามาพอดี “ไม่มีใครมองเห็น…ยัยนี่เป็นผี”

    ตาสบตา ระหว่างไอ้เซฟกับยัยยาสีฟันดอกบัวคู่(ดาลี่ก็ยาสีฟันละวะ) มันกระพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ ยัยดาลี่ก็เหมือนกัน ดูเหมือนเธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่านอกจากผมจะมีใครมองเห็นเธออีก

    0o0! ไอ้เซฟ

    o_O! ยัยผีบ้า

    “เฮ้ย!! จะจ้องกันอีกนานม้ายยย” ผมตะโกน ดูเหมือนว่าจะชะงักด้วยกันทั้งคู่ ไดอารี่ส่งยิ้มหวาน(อีกล่ะ) มาให้ผม เธอพยักหน้าเหมือนกับว่าให้แนะนำตัวให้เพื่อนผมรู้จักบ้าง เฮอะ…เอาวะ ก็ด้ายย

    “ไอ้เซฟ…ยัยนี่ชื่อ ไดอารี่ เรียกว่าดาลี่ก็ได้” ผมแนะนำ ดูเหมือนเธอจะกระตุก ๆ เรื่องชื่อใหม่ที่ถูกเปลี่ยนเรียบร้อย “ดาลี่…ส่วนเพื่อนมิกซ์ชื่อเซฟ โอเค…”

    ผมถามเธอพยักหน้าอย่างพออกพอใจ “ยินดีที่ได้รู้จักค่าาา เซฟเท่ห์จังเลย”

    ไอ้เซฟก้าวถอยหลังไปหลายก้าว มันพยักหน้ารับ และค่อย ๆ เดินกลับมาใหม่…เป็นบ้าไปแล้วรึป่าวฟะ แต่จะว่าไปตอนผมเจอยัยนี่ยังเป็นมากกว่ามันอีก =_=’’

    “ยะ...ยินดีที่ได้รู้จัก” มันพูดและส่งยิ้มสดใสกลับไปให้เธอบ้าง เท่านั้นแหละแววตาของยัยดาลี่ทอประกายวาววับ อย่างดีอกดีใจ จะก้าว(ลอย) เข้าไปใกล้ ๆ แต่ดูเหมือนไอ้เซฟจะยังกล้า ๆ กลัว ๆ ก็เลยถอยไปหนึ่งก้าว มันหันหน้ามาหาผม พร้อมกับยืนบังโดยมียัยดาลี่ยืนทำหน้าใสซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ด้านหลัง

    “แกได้มายังไงวะ” มันกระซิบถามโดยพยายามอย่างยิ่งยวดไม่ได้คนข้างหลัง(ยัยยาสีฟัน)ได้ยิน ดูมันถามซี้...ได้มายังไง...หยั่งกับลูกนกฉะนั้นแล -*-

    “ไว้ฉันจะเล่าให้แกฟัง รู้เฉพาะตอนนี้ไปก่อน ยัยผีนี่ความจำเสื่อม และจำอะไรไม่ได้เลย ก็เท่ากับความจำเสื่อมนั่นแหละ” ทำไมผมพูดจาวกวนแบบนี้ แต่ดูท่าไอ้เซฟมันจะเข้าใจแฮะ

    ........ดีปาย.......

    “งั้นฉันขอ”

    “หา!!” ผมตะโกนเสียงดังใส่หูมันจนมันรีบยกมือขึ้นปิดหูทันที ยัยดาลี่ยังคงยืนยิ้มอยู่อย่างงั้นแหละ มันรีบลดเสียงลงอย่างเร็วไว ไม่สนใจอาการตกใจของผมเลยแม้แต่น้อย

    “ไดอารี่...เป็นรักแรกพบของฉันว่ะ”

    มันกระซิบ เอาเข้าแล้วสิ ไอ้เซฟมันมีผู้หญิงที่เป็นคนมาจีบมันเป็นสิบ ๆ มันไม่สน จะมาสนผีที่เป็นผู้หญิงเนี่ยนะ ผมจะไม่แปลกใจเลย ถ้ายัยดาลี่จะมีคนมาจีบตอนที่เธอยังเป็นคนน่ะนะ

    แต่ตอนนี้เธอเป็นผี นะโว้ย...เป็นผี ผมย้ำกับตัวของผมเอง และเหลียวมองเพื่อนรักที่ทำท่ากึ่งขอร้องกึ่งยอมให้มันซะดี ๆ แบบนี้

    เฮ้อ...กลุ้มครับ ผมกลุ้มใจจังเลย...



    โปรดติดตามตอนต่อไป...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×