คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เจ๊อะเจอ!!! แบบผิดคาดด -[]-''
1 .
“เฮ้ยมิกซ์...กลับบ้านกันเถอะว่ะ ดึกมากแล้วโว้ย”
เพื่อนซี้ปึ้กของผมตะโกนเรียกในขณะมองดูนาฬิกาข้อมือของมัน ทำให้ผมที่กำลังเล่นสเก็ตบอร์ดต้องกระโดดลงมายืนอยู่ในจุดเดียวที่เพื่อนผมหยุดอยู่
“กี่โมงแล้ววะ เซฟ” ผมถามและมองไปรอบๆ ความจริงวันนี้ก็เป็นวันที่สนุกอีกวันหนึ่ง เพราะผมและเพื่อนจะมีเวลามาฝึกก็แค่ช่วงเย็นของวันจันทร์และวันศุกร์เท่านั้นผมเล่นสเก็ตบอร์ดส่วนเซฟเล่นอินไลน์สเก็ต และในเวลานี้ก็มีแค่ผมและไอ้เซฟเท่านั้นทั้งๆ ที่ช่วงเย็น ๆ จะมีคนธรรมดามาเล่นเต็มลานกว้างไปหมด
“5 ทุ่ม” มันปาดเหงื่อเล็กน้อย
0_0!! “จริงดิ!” ผมถามด้วยอาการตกใจ
“ฉันจะโกหกแกทำไมละวะ” ไอ้เพื่อนยากตัดบทด้วยความหงุดหงิดและถอดรองเท้าสเก็ตคู่ใจของตัวเอง
“ถอดทำไม เล่นมันกลับไปถึงบ้านนั่นแหละ” ผมถาม
-_-++ ทำไมมันทำหน้าแบบนี้ฟะ?
“บ้านฉันอยู่ไกลเป็นกิโลไม่เหมือนบ้านแก...ที่อยู่ใกล้แค่ขี้ประติ๋ว” และมันก็นั่งกับเก้าอี้เปลี่ยนเป็นรองเท้าคู่ใหม่ เออใช่ผมลืมไป ดันไปถามคำถามโง่ ๆ ซะนี่
“และอีกอย่างพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนโว้ย ฉันจะกลับบ้านไปนอน” และมันก็จับเชือกและแกว่งรองเท้าสเก็ตไปพาดไว้บนบ่าหยิบกระเป๋านักเรียนสีดำและเดินจากไปเลย ดูมันทำสิบอกจะไปก็ไป และทิ้งผมยืนแหง่วเปล่าแปล่วเอกาและวังเวง จะว่าไปวันนี้มันก็ดูวังเวงจริง ๆ แฮะ น่าแปลกจริง ๆ
(^o^)v เอาวะ กลับบ้านซะที พอจะหันหลังกลับและลากสเก็ตบอร์ด ไปหยิบกระเป๋าตรงเก้าอี้นั่ง จากนั้นผมก็แล่นสเก็ตบอร์ดคู่ใจออกไปท่ามกลางความมืดที่มีแต่แสงไฟจากหลอดนีออนตามทางเดินและท้องถนนที่บัดนี้หารถราที่วิ่งผ่านได้น้อยเต็มที
ผมทรงตัวอยู่บนแผ่นกระดานและกางแขนเพื่อรับลมที่ปลิวพัดผ่านใบหน้าของผมพร้อมกับสูดอากาศเข้าสู่ปอดลึก ๆ การที่ผมได้เจอกับสิ่งที่ผมรัก ก็คือสเก็ตบอร์ดที่ผมเล่นอยู่นี่แหละมันทำให้ผมรู้สึกปลอดโปร่งและสบายตัวเลยทีเดียวและแถมยังเป็นถนนที่ว่าง ๆ แบบนี้ยิ่งรู้สึกดีเข้าไปใหญ่ ^^
ผมมาหยุดอยู่กลางสี่แยกไฟแดงแห่งหนึ่ง และก็เป็นหนึ่งในทางกลับบ้านของผมเองนั่นแหละ ผมเหลียวซ้ายแลขวาอยู่พักใหญ่เผื่อจะมีรถอะไรแล่นผ่านมา และก็จะข้าม...
วินาที่ที่ผมกำลังจะข้ามถนน ผมกลับได้ยินเสียง เสียงหวาน ๆ แว่วมาตามสายลม แต่ผมก็ได้ยินชัดเต็มสองหู
“ช่วยด้วย”
o_0!! ผมเหลียวไปมองข้างหลังเร็วเท่าความคิด ใช่ ๆ ผมต้องหูฝาดเหง
“เสียงใครวะ!” อ่าวเวรสิครับ ผมว่าผมหูฝาดแต่ทำไมไปถาม
อะไรแบบนั้น = =’’ ผมจึงหันหน้ากลับมาจะข้ามถนนอีกครั้ง และถอนหายใจให้กับความหูไวของตัวเอง
พริบตา!!
ผมมองเห็นวัตถุประหลาดอยู่ตรงหน้าผม ถึงจะเป็นตรงหน้า แต่ก็อยู่เกือบจะอีกฝั่งของฝากถนนเลยทีเดียว ผมข้ามถนนไปอย่างระมัดระวังและหยุดก้มลงมองวัตถุตรงหน้า
มันเป็นของขวัญครับ ดูโทรมพอใช้ได้ กระดาษฝ้ายสีขาวก็เกือบจะหลุด แถมสภาพก็ยังดูใหม่อย่างน่าตกใจ ผมก้มลงเก็บขึ้นมาอย่างพินิจพิเคราะห์ มันมีน้ำหนักพอสมควรเลยทีเดียว เอ...ใครจะเอาของขวัญชิ้นนี้ไปให้ใครกันหนอ แต่ก็น่าสงสารที่เจ้าของไม่มีโอกาสได้ให้และคงเฟอะฟะน่าดูที่ทำของขวัญชิ้นใหญ่ขนาดนี้ตกได้ ความจริงมันก็ไม่ใหญ่เท่าไหร่หรอกครับแฮะ ๆ
แทนที่ผมจะเอาเวลามาเดาอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผมลืมไปเลยว่านี่มันดึกมากแล้วดังนั้นจึงรีบแจ้นกลับบ้านอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังมีของขวัญที่ผมเจอติดมือกลับไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
“มิกซ์ขอโทษคร้าบ ทีหลังจะไม่กลับดึกแล้วคร้าบบบ” ผมรีบเบรกสเก็ตบอร์ดทันทีเมื่อถึงหน้าบ้านและมีแม่ของผมยังยืนคอยอยู่ตรงหน้าบ้านนั่นแหละ อะไรจะเป็นห่วงผมขนาดนั้น = =’’ ผมอยู่ม.5 แล้วน้า
“ไอ้ลูกสุดเลิฟ ไหงวันนี้กลับดึ้กดึกล่ะจ๊ะ”
=_=’’ นั่น...แม่ของผมเล่นสำนวนกับผมซะด้วย น้ำเสียงฟังดูดี้ดีแต่ผมไม่คิดว่ามันจะดีเลยซักนิด
“ง่ะ...เอ่อ ธุรกิจเอ้ย!...ชมรมรัดตัว รถติด อากาศร้อนครับ” ผมรีบหาข้อแก้ตัวพลันวันและแตะขาเก็บอุปกรณ์ล้อเลื่อนมาไว้ในอ้อมแขนข้างซ้าย ดูท่าแม่ผมจะรู้ดี เธอเงยหน้าหรี่ตาลงดุจสายตาของเหยี่ยวจ้องจะจับหนูแต่สายตาไปหยุดอยู่ที่ของขวัญที่ผมเจอที่มือขวา จนผมต้องรีบเก็บไปไว้ด้านหลังตัวเองและยิ้มกลับแห้ง ๆ
“นั่นอะไร?...นัดสาว...เดท...แล้วจบลงด้วยการพาเข้าโรงแรมรึไง”
0_0 โอ้ว!! แม่ผมพูดตรงเกินไปแว้วววววว
“เปล่า ๆ โธ่...แม่ครับ มิกซ์ไม่ใช่คนแบบนั้น~” ผมรีบบอกปัดและวิ่งหนีเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจเสียงถอนหายใจตามหลังเลยแม้แต่น้อย
ณ ห้องนอนของผมเอง ^^
ผมโยนกระเป๋าดังโครมไว้มุมนึงของห้องและทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเพราะความเหนื่อย ก็ตั้งแต่เลิกเรียนตอน 4 โมงเย็นมันก็ปาเข้าไปตั้ง 5 ทุ่มกว่าแล้วนี่หน่า
“เอ๊ะ” นี่มือของผมก็ยังมีของขวัญติดมืออยู่อีกหรอเนี่ย ผมมองมันอย่างไม่สนใจและโยนมันไปกองอยู่กับมุมหนึ่งของห้อง
ปึก!!
มันกลิ้งกุลุดกุลุดไปตามพื้นห้องสีฟ้า จากนั้นกระดาษรู้สึกว่ามันจะทนแรงกระแทกไม่ไหวและฉีกขาดจนมีบางสิ่งบางอย่างปรากฏขึ้นมาโดยที่ผมไม่ทันสังเกต
ผมลุกและกำลังจะหยิบผ้าขนหนูในตู้ใส่เสื้อผ้า แต่กลับต้องชะงักกึก หันซ้ายแลขวาและปิดตู้เสื้อผ้าเสียงดังปั้ง ผมมองกลับมายืนจังก้าอยู่กลางห้อง
0_o ควันอะไรกันฟะ แถวนี้เค้าเผาป่ากันรึไง... ความสงสัยของผมเกิดขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อในห้องเต็มไปด้วยควันสีขาวฟุ้ง ผมนึกสงสัยถึงจะเผาป่าแต่ทำไมมันไม่มีกลิ่นไหม้!!
แต่ว่า
พระเจ้า!! ถึงเป็นอย่างงั้นก็ต้องมีคนวางเพลิงแน่ๆ ม้ายยยยยย!!!!
ท่ามกลางนาทีระทึกสำหรับตัวผมแต่ขามันกลับก้าวไม่ออก ผมแค่ต้องการจะออกไปบอกแม่ว่า...
“ไฟไหม้ ๆ ๆ ๆ ๆ”
“ได้โปรดช่วยฉันด้วย”
“เฮ้ยยย!!” ผมตะโกนเสียงหลง พระเจ้านี่มันเรื่องอะไรกัน ผมหูฝาดขึ้นมาอีกแล้ว ชีวิต!!!
ทันใดนั้นท่ามกลางฝุ่นควันที่ขมุกขมัวผมกลับมองเห็นร่าง ๆ หนึ่ง ๆ โผล่ขึ้นมา ย้ำนะครับว่าโผล่ มันโผล่ออกมาจากของขวัญที่ผมเก็บไว้ ผมจะจำไปตลอดชีวิตเลยว่าอย่าไปเก็บของจากข้างทางมากินอย่างเด็ดขาด ถึงตอนนี้ผมจะไม่ได้กินก็เถอะ
ผมมองตาค้าง ใช่! ค้างสิ ก็นี่มันเป็นผู้หญิง แต่แน่นอนเธอไม่ใช่คน! ก็คนที่ไหนจะหายตัวมายืนอยู่กลางห้องของผมได้ล้าาา
TToTT!!
เมื่อเธอหันมาสบตากับผมที่ยืนสะดุ้งอยู่อย่างงั้น สายตาของเธอเล่นทำเอาใจของผมไหววูบด้วยความรู้สึกบางอย่าง เธอสวยน่ารัก ผมจะต้องจีบเธอแน่ ๆ หากเธอเป็นคน...ไม่ใช่ผี...
“ช่วย...ช่วยฉันด้วย” เธอพึมพำกลับไปกลับมาอีกทั้งน้ำตานองหน้าราวสายเลือด เสมือนกับว่าเธอกำลังพูดกับตัวเองโดยไม่เห็นสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ผมก็ตกใจจนไม่รู้จะตกใจอะไรดีแล้ว เท้าของผมดันไวไปสะกิดเอาสเก็ตบอร์ดสีน้ำเงินที่ตั้งไว้ที่พื้นจนมันล้มเสียงดัง
แคร้ง!!
ได้ผล...เธอชะงักครับ TT_TT แต่ผมไม่ได้ต้องการแบบน้าน~~
ดูเธอจะแปลกใจไม่ใช่น้อยที่เห็นผมยืนอยู่ตรงหน้าเธอ จากนั้นเธอจึงละสายตามองสำรวจไปทั่วห้องของผมทั้ง ๆ น้ำตา
“คะ...คุณเป็นใคร? ช่วยฉันด้วย”
0_0!! ผมส่ายหน้า ผมไม่ต้องการคุยกับผี!!
“ผี!!”
แล้วผมจะตอบกลับไปทำไมเนี่ย = =''
“ผี” เธอทวนคำและเอียงคออย่างงง ๆ ไม่ช้ายยย ผมไม่ได้จะบอกว่าผมเป็นผี ก็เธอเองนั่นแหละ!!
(-_-++)
“ผีบ้า ผีบอของแกน่ะสิ ไอ้มิกซ์!!” แม่ผมเปิดประตูผลั้วะเข้ามาอย่างเหลืออดและแยกเขี้ยว(เหมือนหมา)ใส่ผม อ่า...เสียงของผมมันรบกวนโสตประสาทมากขนาดนั้นเลยหรอ =_=’’
ผมกลั้นหายใจ “แม่...แม่เห็นอย่างที่มิกซ์เห็นรึป่าว” แม่ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัย อ่า...ควันรู้สึกมันจะหายไปแล้วแฮะ แต่ยัยผีนั่นยังยืนอยู่
“เห็นอะไร” แม่ผมกวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องที่สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย นั่นเป็นเพราะว่าแม่ผมเป็นคนจัดเองไม่ใช่ผม แต่ผมว่าห้องของหนุ่มโสดควรจะรก ๆ หน่อยถึงจะดีว่ามั้ย?
วิญญาณเด็กสาวก็ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นต่อไป เหมือนจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรซะเลย เอาแต่ร้องไห้ลูกเดียว ผมชี้มือไปยังจุดที่เธอยืนอยู่
“เห็นอะไรที่ไม่ใช่คน” ผมย้ำ
“อะไรที่ไม่ใช่คนงั้นเรอะ แกประสาทกลับไปแล้วรึไง อาบน้ำและก็นอนซะ ไม่งั้นอย่าหวังว่าพรุ่งนี้แกจะได้ไปโรงเรียน” แม่ผมพูดเสียงเขียว ไม่รอคำตอบของผมและดึงประตูกลับเสียงดังโคร้มออกไปเลย (YoY) แง้ ๆ ๆ ไม่สิ...ผมเป็นลูกผู้ชายจะมามัวร้องไห้ไม่ได้ ผมส่ายหัวสุดแรงเกิด
แต่เมื่อมองไปยังวิญญาณดวงนั้นทำเอาผมใจหายแวบ พร้อมกับหยิบสร้อยพระในคอออกมาทันทีและยกมือไหว้ขึ้นหัว
“โอม~...จงหายไปจงหายไป ชินะปัญชะระฯ”
“คุณกำลังทำอะไร? ช่วยฉันด้วย”
“คาถาชินปัญชรไล่ผี” 0_0!! ผมสะดุ้งเฮือกนี่ผมกำลังคุยกับผีอยู่!! โอ้ววว ประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ตัวผมเองไม่คิดอยากจะเจอเลยซักนิด ให้ตายสิ >_< จะดีใจดีมั้ยเนี่ย...
แต่ทำไมคาถาไล่ผีมันไม่ได้ผลล้าาาา!!!
“เธอจะพูดอย่างอื่นเป็นไม๊ นอกจากช่วยฉันด้วยน่ะ” ผมทำใจดีสู้ผี เอ้าว่ะ ยังไงก็คงไม่ตามมาหลอกหลอนผมหรอกนะ
“ช่วยฉันด้วย”
ต่อมความโกรธของผมเริ่มกระะตุกกึก ๆ ยัยผีบ้านี่มันจะพูดแบบนี้อีกนานมั้ย
“ช่วยอะไร?” ผมถาม เอาวะ ช่วย ๆ จะได้รีบหาย ๆ ไป เอ้อ...! ต้องเป็นแบบนี้เป็นแน่แท้ แผ่เมตตา!!
ผมเริ่มสวดแบบที่พระสวดนั่นแหละ “สัพเพสัพตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อน...”
“ไม่ใช่!!” เธอตะโกน โอ้...คราวนี้ไม่ใช่ ช่วยฉันด้วย แล้วแฮะ
“และอะไรล่ะ?”
“ช่วย...ช่วยอะไรไม่รู้” เธอตอบทั้งน้ำตา
=_=’’ ให้ตายสิครับ นี่ผมกำลังคุยอยู่กับผีที่ความจำเสื่อมรึไง “ไม่เอาแผ่เมตตาแล้วจะเอาอะไรล่ะ” ผมค่อย ๆก้าวขาแบบกระดึบๆ ไปนั่งที่เตียงและกอดเข่า
“ไม่รู้...ชะ...”
“หยุด!!” ผมตะเบ็งเสียง ให้ตายสิ ผมจะใจอ่อนอยู่หรอกหากมีผู้หญิงมายืนร้องไห้แบบนี้จะกระโดดเข้าไปปลอบเลยล่ะ แต่นี่ ยัยนี่เป็นผี!! ยังไงผมก็ไม่กล้า ได้แต่พยายามรักษาท่าทีอย่างหวาด ๆ เธอสะดุ้งด้วยความตกใจเสียงตะโกนของผม บ้าชะมัด ผมต่างหากล่ะที่ต้องกลัว
“ฉันจะช่วยเธอได้ยังไงเล่า ก็ในเมื่อเธอไม่รู้อะไรเลย งั้นไปหาคนอื่นมาช่วยก็แล้วกัน” ผมพูดอย่างมาดมั่น เอาว่ะ ปฏิเสธและก็รีบลอยไปห่าง ๆ ไปชิ้ว ๆ
ใบหน้าของเธอยังคงส่อแววสับสน “ฉันชี่ออะไร...นายเป็นใคร...ฉันเป็นใคร...ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง...ฉะ...”
“หยุด!!” โอ้วว...นี่ผมห้ามเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย พอเห็นแบบนี้ผมก็ใจอ่อนเป็นเหมือนกัน จริง ๆ แล้ววิญญาณสาวก็น่าสงสารไม่ใช่น้อย ดูไปเธอก็ออกจะน่ารักผมตรงสีดำหยกศกนิด ๆ ยาวประบ่าสูงประมาณ 162 อายุก็น่าจะน้อยกว่าผมซักปีสองปี น่าเสียดายมาตายตั้งแต่อายุยังน้อย ผมถอนใจหนึ่งครั้ง
“เอาล่ะ...เธอไม่ต้องนึกอะไรแล้ว โอเคมั้ย” ผมถาม ส่วนเธอก็พยักหน้ารับหงึกแต่โดยดี
“อืม”
...โอเคค่อยคุยกันรู้เรื่อง...
“เธอชื่ออะไร” ผมถามต่อ แต่ดูเธอจะชะงักกึกและขมวดคิ้ว เหมือนกับว่าเธอพยายามจะนึก...นึก...และก็นึก...โธ่โว้ย! แค่ชื่อตัวเองยังนึกไม่ออกแล้วจะเอาอะไรกินล่ะครับ (นี่ผมรู้สึกจะถามหาแต่เรื่องกินนะเนี่ย)
เธอชี้ไปยังของขวัญที่เธอออกมา ผมจึงต้องจำใจลุกขึ้นไปเก็บและทอดมองเธอเป็นระยะ ๆ เพราะกลัวว่าจากผีสาวน้อยอ่อนหวานจะกลับกลายเป็นผีสาวสยองขวัญหน้าปูดกระหายเลือดตาสีแดงและกระโดดมาตะครุบคอของผม
รู้สึกว่ามันจะกางออกเป็นที่เรียบร้อย ของขวัญด้านในปรากฏออกมาให้เห็น เป็นขวดโหลใส่น้ำและมีผู้เล่นที่เป็นตัวตุ๊กตาเล่นอินไลน์สเก็ตละมั้ง เหมือน ๆ พอเขย่า ๆ จากนั้นเกล็ดประดับระยิบระยิบที่อยู่ใต้พื้นโหลก็ออกมาสร้างความสดใสให้กับของขวัญชิ้นนี้จนผมมองมันอย่างอมยิ้ม แต่ก็ต้องรีบชะงักเพราะเธอก็จ้องตอบกลับมา
ผมยื่นให้เธอ อาจจะไม่เรียกว่ายื่น แต่เป็นการนำไปวางไว้ตรงหน้าเท่านั้น แต่เธอก็ส่ายหน้าและชี้ไปที่เศษกระดาษแผ่นนึงที่ติดออกมาด้วยต่างหาก กระดาษสีชมพูแผ่นเล็ก ๆ ที่ผมไม่ทันสังเกต ผมเหลือบมองเธอราวกับขออนุญาตถือวิสาสะอ่านได้หรือไม่ เธอก็พยักหน้าตอบอย่างโดยดี
ใจความของกระดาษแผ่นเล็กที่เต็มไปด้วยลายมือบรรจงสวยงามมีอยู่ว่า...
สวัสดีค่ะ^^
นี่คือการรวบรวมความกล้ามากที่สุดของเราเลยล่ะ (ก่อนจะมาก็ถอนหายใจมาหลายที)
เพราะต้องการพบเธอนั่นแหละ ของขวัญชิ้นนี้ที่มอบให้ไม่ใช่ในโอกาสพิเศษอะไรนะคะ
(รับไว้เถอะค่ะ >/\\<) แต่ที่ให้เพราะอยากให้เท่านั้น ถ้ามันทำให้เธอไม่พอใจ ก็ทิ้งมันไปซะนะคะ
และนั่นหมายความว่ารับความรู้สึกของเราไม่ได้เช่นกัน TT_TT
แต่ขอให้รู้ว่าเราแอบมองเธอมานานแล้ว เธอเท่ห์มาก ๆ ค่ะ คิดแล้วอายจริง ๆ
แม้แต่ก็ยังไม่รู้จักเสียด้วยซ้ำ
ชอบนะคะ
ไดอารี่
เออ...เหอ...จดหมายสารภาพรัก ยัยนี่ร้ายใช่เล่นขนาดผมอ่านผมยังเขินแทนเลย เมื่อผมอ่านจบก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ เอ๊ะ...แต่เดี๋ยวก่อนไม่แน่ ๆ ผมตัดสินใจอ่านทวนอีกครั้งความนี้ก็อ่านให้เธอได้ยินด้วย เธอมีสีหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ ๆ จนกลายมาเป็นแดงจัด นี่ขนาดเป็นผีนะเนี่ย
“นี่เราเขียนจดหมายได้น่าอายขนาดนี้เลยหรอเนี่ย” เธอพึมพำเบา ๆ เฮอะ...แต่ผมก็ได้ยิน
“แสดงว่านี่เป็นจดหมายของเธอจริง ๆ ใช่มั้ย” ผมถามเพื่อความแน่ใจ
เธอส่ายหัว “ไม่รู้สิคะ ก็...ฉันรู้สึกแบบนั้นนี่หน่า”
คำตอบของเธอเล่นทำเอาผมเบ้ปากอยากจะเอาหัวโขกกับพื้นห้องให้รู้แล้วรู้รอด!! แต่คิดไปคิดมาแล้วมันเจ็บไม่เอาดีกว่า
“เธอจะรู้อะไรบ้างมั้ยเนี่ย”
“ใจร้าย!” เธอตะโกนลั่นห้องซึ่งมีแต่ผมเพียงผู้เดียวที่ได้ยิน และมันทำให้หูผมแทบแตก
“คุณน่ะใจร้ายที่สุด...ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจำอะไรไม่ได้”
โอ๊ะ! เธอเคยบอกด้วยหรอ ผมเห็นแต่เธอร้องว่าช่วยฉันด้วย ๆ อย่างเดียว -*-
“ก็จำไม่ได้เข้าใจมั้ยเล่า!!” เธอตะโกนอีกครั้งเล่นเอาแก้วหูแทบระเบิดและ... “ช่วยฉะ...”
“โอเค!” ผมตะโกนขัด “โอเคเลย เอาไว้ว่ากันพรุ่งนี้ ฉันอาบน้ำนอน โอเค” ผมรีบขัดและวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว หัวสมองตอนนี้กำลังแสดงความคิดเห็นแย้งกันเอง ถ้าช่วย...จะช่วยยังไง ทำบุญกรวดน้ำไปให้เรอะ จากที่เห็นเมื่อกี้ คาถาชินบัญชรใช้ไม่ได้ผล แสดงว่าหากผมทำบุญเธออาจจะไม่หายไปก็ได้ แต่จะให้ช่วยยังไงกันเล่า และถ้าไม่ช่วย...เธอจะตามผมไปทุกแห่งรึป่าว ผมอยากจะให้สาวสวยที่เป็นคนมาตามมากกว่าผีนะครับ
เมื่ออะไรมันดีขึ้นเมื่อร่างกายได้โดนน้ำ ทั้ง ๆ ที่คิดอะไรก็แทบจะไม่ออก เมื่อผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็ต้องตกใจ เพราะยัยผีนี่หลับครับท่าน ผีก็หลับเป็นด้วยหรอ
ผมถอนหายใจเฮือกและก้มลงนั่งยอง ๆ ดูผีสาวหน้าตาจิ้มลิ้มอยู่ห่าง ๆ ดูไปแล้วเธอก็น่าสงสารขนาดนอนน้ำตาก็ยังไหลออกมาอยู่เลย
“ฉันจะช่วยเธอเอง”
(ก็ได้วะ)
ตอนนี้ตาของผมกำลังจะปิดแล้วครับ พรุ่งนี้ผมก็ต้องไปโรงเรียน วันนี้ช่างผ่านไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจสำหรับชีวิตผมจริง ๆ ความจริงแล้วตัวผมนั้นชอบสเก็ตบอร์ดที่สุดรองลงมาก็ต้องเป็นผู้หญิง ที่ตัวผมเองก็ไม่คิดอยากจะไปจีบใครเค้าหรอก ก็...กลัวไม่มีเวลาให้นี่หน่า แถมผมยังบ้าอยู่กับกีฬาเอ็กซ์ตรีมซะขนาดนั้น สาวที่ไหนจะมาชอบ ผมคิดอะไรไปเรื่อย ๆ และผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว...
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น