ตอนที่ 9 : บทที่ 8
เหออี้ผิงในห้องนอนรู้สึกว่าการดำรงชีวิตในจวนหลิวนั้นน่าเบื่อยิ่งนัก ไม่ว่ามองไปทางไหนก็ล้วนแต่ไร้ผู้คน หากไม่ตะโกนเรียกหาผู้ใดก็ไม่มีใครโผล่ออกมาให้เห็น หลังจากถูกรังแกด้วยประโยคเช่นนั้นจากหลิวไป๋หลงก็ไม่กล้าไปเรือนตำราอีกเลย ได้แต่นั่งถอนหายใจทิ้งบริเวณริมสระบัวที่อยู่ห่างจากห้องนอนของตนไปไม่ไกล
ในขณะกำลังคิดว่าเวลายาวนานที่เหลืออยู่นั้นจะทำอะไร บุรุษที่หลิวไป๋หลงบอกว่าเป็นญาติผู้น้องก็ชะโงกหน้าเข้ามามองเงาสะท้อนในน้ำเช่นเดียวกับเหออี้ผิง พร้อมกับส่งยิ้มกว้างเผยลักยิ้มสองข้างบุ๋มลึกอย่างน่ามอง ตนตกใจไม่ทันได้ยินเสียงฝีเท้าก็ผงะแทบจะทันทีจนเกือบจะเสียหลักลงน้ำ แต่ได้อีกฝ่ายช่วยประคองเอาไว้ก่อน
“ระวังด้วย”
“ขอบคุณคุณชายถาง”
“รู้จักข้าด้วยหรือ...” น้ำเสียงของถางเล่อถงดูจะประหลาดใจไม่น้อยทีเดียว
“คุณชายหลิวเป็นคนบอก ข้าเห็นท่านอยู่ที่เรือนสมุนไพรเมื่อเช้าจึงเอ่ยถาม ได้คำตอบว่าท่านเป็นน้องชายของคุณชายหลิว” เหออี้ผิงอธิบายพร้อมกับลุกขึ้นยืนและผละออกจากประคองของถางเล่อถง หลิวไป๋หลงสั่งไว้ว่า หากไม่จำเป็นก็ให้เว้นการพบปะกับญาติผู้น้องคนนี้เสีย คิดว่าคงจะไม่ค่อยเป็นมิตรหรือมีเรื่องไม่ถูกกัน เช่นนั้นเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง
“เอ่อ ข้าว่าอากาศค่อนข้างร้อน กำลังจะกลับเข้าไปพักในห้องพอดี”
“ข้าเห็นด้วยกับเจ้า นั้นเรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะ หวังว่าเจ้าจะมีน้ำใจรินชาให้ข้าสักถ้วย” ถางเล่อถงรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจจะเลี่ยง คงเป็นเพราะหลิวไป๋หลงเป็นคนสั่งเอาไว้
“หากคุณชายต้องการชา ข้าเรียกเสี่ยวหยวนไปชงมาให้ดีหรือไม่” เหออี้ผิงรีบหาทางหนีทีไล่ เสี่ยวหยวนที่เดินมาส่งจากเรือนตำราบอกว่า เป็นบ่าวรับใช้ที่ติดตามดูแลหลิวไป๋หลงหากมีอะไรให้เรียกใช้ได้ตลอด ตนคิดว่าคงจะได้เรียกมาในเร็ว ๆ นี้
“เห็นลุงหลิวบอกเจ้า ถามถึงเรือนสมุนไพร เจ้าเองก็ศึกษาเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ” ถางเล่อถงทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วชวนคุยเรื่องอื่นเสียดื้อ ๆ
“เรือนสมุนไพร ใช่... ข้าศึกษามาพร้อมกับคุณหนู ไม่ใช่ ท่านพี่ตั้งแต่เด็ก จึงพอจะมีความรู้อยู่บ้าง ที่คฤหาสน์มีท่านหมอหรือว่าหมอยาอยู่บ้างหรือไม่ ข้ามีเรื่องอยากจะถามมากมาย” เหออี้ผิงได้ยินเรื่องเรือนสมุนไพรก็ตามลุกวาว จนแทบจะลืมเรื่องที่ต้องหลีกเลี่ยงการสนิทสนมกับถางเล่อถงไปเฉย ๆ
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นใคร ไม่จำเป็นต้องกลัวหรือระแวง เรียกตามที่เจ้าเคยชินเถอะ”
“ขอบคุณคุณชาย” เหออี้ผิงควรจะทำใจได้แล้วว่า ความลับเรื่องตนไม่ใช่บุตรชายคนรองของสกุลเหอนั้น ทุกคนในจวนของตระกูลหลิวนั้นคงจะรู้หมดสิ้นแล้ว
“กลับมาพูดเรื่องที่เจ้าสนใจอยากไถ่ถามเกี่ยวกับเรื่องการแพทย์ ข้ายินดีตอบเจ้าทุกอย่าง”
“คุณชาย... หมายถึงว่า คุณชายเป็นท่านหมอของตระกูลหลิว”
“ข้าอาจไม่เก่งกาจนัก แต่หากเจ้าล้มป่วยขึ้นมา ข้าจะเป็นคนช่วยรักษาให้เจ้าเอง” ถางเล่อถงถ่อมตัวอยู่ในที ในระหว่างนั้นก็เดินขนาบข้างกับอีกฝ่ายไปตลอดทาง
“คุณชายเป็นท่านหมอของตระกูลหลิวย่อมไม่ธรรมดาแน่ นับถือ นับถือ”
“เจ้าชมจนตัวข้าแทบลอยได้”
“คิดว่าคนในตระกูลหลิวล้วนลอยได้เสียอีก ไปมารวดเร็วไร้ร่องรอย ฝีมือยุทธ์แต่ละคนย่อมไม่ธรรมดาแน่”
ถางเล่อถงถึงกับหยุดชะงักพร้อมกับหันมาคลี่ยิ้มให้
“หึ สายตาเจ้านี่ช่างสังเกตดีจริง ๆ”
“ไม่หรอก คุณชายท่านชมเกินไปแล้ว” เหออี้ผิงโบกมือปัดประโยคนั้นอย่างไม่จริงจังนัก ที่รับว่าเป็นคำชมเพราะคนในสกุลเหอเองก็มักจะกล่าวถึงอยู่บ่อย ๆ ในความสามารถด้านในนี้ของตน
“เช่นนั้น ข้าคงไม่ต้องเปลืองแรงมากอย่างที่คิด” ถางเล่อถงเอ่ยลอย ๆ ขึ้นมาเสียงเบา แต่อีกฝ่ายก็ยังได้ยิน
“คุณชาย ท่านว่าอะไรนะ ข้าได้ยินไม่ถนัดนัก”
“ไม่มีอะไร” ถางเล่อถงบอกปัด เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องนอนส่วนตัวของเหออี้ผิง ที่จริงสมควรเป็นห้องนอนของญาติผู้พี่ของตนเช่นกัน แต่จะให้นำโลงศพมาไว้ในห้องนี้ด้วยคงจะไม่สะดวก แบบนี้ยิ่งสะดวกกับการดำเนินการแผนการต่าง ๆ สองมือผลักประตูให้เปิดออก ผายมือเชื้อเชิญเจ้าของห้องให้ไปก่อน
“คุณชายต้องไม่เชื่อแน่ สมุนไพรที่ปลูกไว้หน้าเรือนข้าล้วนรู้จักจากการศึกษาจากในตำราเพิ่งจะได้เห็นลำต้นของมันจริง ๆ ก็คราวนี้ไม่คิดว่าในคฤหาสน์จะมีปลูกไว้ด้วย” เหออี้ผิงเอ่ยด้วยความตื่นเต้น นอกจากจะเห็นถางเล่อถงยืนอยู่หน้าเรือนสมุนไพรแล้ว ยังเหลือบไปเห็นสมุนไพรหลากหลายที่ปลูกไว้ที่ด้านหน้า ถึงคฤหาสน์ของสกุลเหอจะใหญ่โต แต่ก็ไม่มีพื้นที่ไว้สำหรับเพาะปลูกสมุนไพรและเรือนรักษาใหญ่โตขนาดนี้
“ข้าเพิ่งได้สมุนไพรหายากมา ถ้าเจ้าไม่รังเกี..”
“อี้เอ๋อร์จะไม่ว่างไปที่เรือนสมุนไพรของเจ้า และอาจจะไม่ว่างไปตลอด” หลิวไป๋หลงที่อยู่ในห้องนอนก่อนแล้วเอ่ยขัดคำเชิญของถางเล่อถงที่ยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำ พร้อมทั้งส่งสายตาและน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าไม่พอใจเป็นอย่างมากไปถึงคนที่สองที่เพิ่งเข้ามา
“จะว่างหรือไม่ว่าง เหตุใดพี่ใหญ่ไม่ให้เสี่ยวอี้เป็นคนตอบด้วยตนเอง” ถางเล่อถงโต้ตอบด้วยคำเรียกขานทั้งสองด้วยความสนิทสนม เป็นการประชดที่หลิวไป๋หลงกระแหนะกระแหนว่าตนไม่ยอมเรียกขานอย่างให้เกียรติเมื่อเช้า อีกทั้งยังเอาคืนด้วยการจงใจเรียกภรรยาของญาติผู้พี่ว่าอี้ตัวน้อยอีกด้วย
“คือว่า...”
เหออี้ผิงรับรู้ได้ถึงแรงกดดันในห้อง แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไปได้จบประโยค หลิวไป๋หลงก็พุ่งตัวเข้าหาญาติผู้น้องอย่างรวดเร็ว พร้อมกับใช้มือกุมลำคอของอีกฝ่ายไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียวแล้วยกจนตัวลอยสูงขึ้นจากพื้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“รีบกลับไปก่อนที่ข้าทนมองหน้าเจ้าต่อไปไม่ไหว”
“ฮะ... ฮ่า ๆ ๆ เจ้าน่ากลัวเกินไปแล้วนะ ฮูหยินน้อยเห็นแล้วจะคิดอย่างไร ระวังจะกลัวสามีอารมณ์ร้ายอย่างเจ้าจนหาทางหนีกลับสกุลเหอไปเสียก่อน” ถางเล่อถงยังไม่เกรงกลัวหัวเราะลั่นพร้อมกับบอกให้หลิวไป๋หลงได้สติ เพราะเหออี้ผิงจะต้องสังเกตแน่ว่าสิ่งที่เห็นนี้หาใช่เรื่องปกติไม่
หลิวไป๋หลงจำใจต้องวางตัวของญาติผู้น้องลงพื้น แต่ไม่วายจะตามไปคว้ากระชากสาบเสื้อเข้ามาพร้อมข่มขวัญ
“อย่าหลงคิดว่าไม่มีผู้ใดหาร่างของเจ้าเจอ ข้าจะรอวันที่จะไม่ต้องเห็นใบหน้าของเจ้าอีกต่อไป ไสหัวของเจ้าไปเสีย แล้วอย่าได้เสนอหน้ามาวุ่นวายกับภรรยาของผู้อื่น” หลิวไป๋หลงกระซิบบอกเสียงขู่อาฆาต ก่อนจะปล่อยมือแล้วออกปากไล่อย่างไม่ไว้หน้า
“พี่ใหญ่ไม่ต้องกลัว ข้าจะอยู่ให้ท่านและฮูหยินน้อยได้เห็นหน้าไปอีกนาน” ถางเล่อถงไม่กลัวคำขู่นั้น พร้อมกับตอบกลับด้วยการแสยะยิ้ม ก่อนหันไปมองที่เหออี้ผิงที่ดูจะทำตัวไม่ถูกเมื่อมาอยู่ตรงกลางระหว่างการทะเลาะของสองพี่น้อง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

224 ความคิดเห็น
-
#176 PuiPui--r (จากตอนที่ 9)วันที่ 27 มกราคม 2564 / 15:36จะทะเลาะกับญาติก็ทะเลาะไปแต่อย่าดุน้องนะ#1760
-
#90 Fueled me (จากตอนที่ 9)วันที่ 18 มกราคม 2564 / 20:15โอ๊ยๆๆ จะปิดไปได้นานถึงหนึ่งปีเชียวหรอ#900