ตอนที่ 13 : บทที่ 12
ความทรมาน เจ็บปวด เศร้าเสียใจก็ไม่เท่ากับการต้องทนเห็นผู้อื่นถูกสังหารเพื่อรักษาความลับดำมืดนี้เอาไว้
หลิวไป๋หลงได้แต่กลัดกลุ้มอยู่ภายในจวนแปดเหลี่ยมที่วางโลงศพและร่างของตนเอาไว้มาตลอดหลายปี หากโครงกระดูกไร้ชีวิตนี้ไม่ถูกนำไปฝังและทำพิธีอย่างถูกต้องภายนอก ตนและวิญญาณของทุกคนในคฤหาสน์หลิวจะต้องทนทุกข์วนเวียนอยู่ในสถานที่นี้ตลอดไป
ผ่านวันที่ได้ร่วมหอกับเหออี้ผิงมาหลายวันแล้ว หลิวไป๋หลงยังไม่กล้าพบหน้าภรรยาตรง ๆ เพียงแต่คอยไปสอดส่องดูแลห่าง ๆ เฝ้ามองไม่ปรากฏตัวให้เห็นเท่านั้น หากอีกฝ่ายบังเอิญเอ่ยถึงตนก็แสร้งทำเป็นมาหาแล้วรีบจากไปอ้างเพียงว่ามีธุระต้องทำ ทั้ง ๆ ที่ก็อยู่ในเรือนนอนมาตลอด
ความจริง ความลับนี้หลิวไป๋หลงไม่สนใจจะปิดบัง ใจหนึ่งกลัวว่าเหออี้ผิงจะรับไม่ได้ หวาดกลัวจนอยากจะหนีไปจากสกุลหลิว แต่ภายในใจลึก ๆ รู้ดีว่าอี้ผิงมีจิตใจดีงาม เห็นอกเห็นใจผู้อื่น กตัญญูรู้คุณคน หากได้รับรู้ความลับนี้เข้าด้วยตั้งใจมาตายเพื่อทดแทนบุญคุณแล้ว อาจยินยอมตายอย่างไม่เสียดายเพื่อคอยดูแลรับใช้ตน
แต่หลิวไป๋หลงทำไม่ได้ ในเมื่อตนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของบิดามาตลอด แล้วจะกลับคำพูดของตัวเองเพื่อเหนี่ยวรั้งคนเป็นให้อยู่ได้อย่างไร
นอกเหนือความกลัดกลุ้มเหล่านี้ หลิวไป๋หลงพบว่าเหออี้ผิงเป็นคนว่าง่ายเชื่อฟังยิ่งนัก แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยตลอดอีกทั้งยังต้องอยู่ด้วยตัวเองคนเดียวลำพังก็ไม่สร้างความวุ่นวายให้ต้องคอยเป็นกังวล นอกจากเรือนตำราแล้วอีกฝ่ายไม่เคยไปยุ่งย่ามแถวเรือนหลังคฤหาสน์อีกเลย
อีกทั้งไม่พยายามไปข้องแวะกับถางเล่อถงที่เรือนสมุนไพร ทำให้ตนโล่งใจเป็นอันมาก
“เฝ้าผู้อื่นไม่ให้เขารู้ตัวเช่นนี้ หรือเจ้าคิดว่าฮูหยินน้อยเป็นนักโทษมากกว่าภรรยา” ถางเล่อถงเฝ้ารอโอกาสมาหลายวัน แต่ไม่อาจเข้าถึงตัวเหออี้ผิงได้ เพราะหลิวไป๋หลงคอยระแวดระวังและเฝ้าอยู่ตลอด
“ขอเพียงกันอี้เอ๋อร์ให้ห่างจากภัยอันตรายได้ จะเป็นฮูหยินหรือนักโทษก็ช่าง ทุกสิ่งล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าทั้งนั้น” หลิวไป๋หลงเอ่ยพร้อมกับลุกหนีตั้งใจจะแฝงตัวเข้าไปดูเหออี้ผิงในเรือนตำราและเลี่ยงจะพบหน้าญาติผู้น้อง แต่คิดถึงจะถูดตัดหน้าเสียก่อน
ถางเล่อถงปรากฏตัวเข้าไปในเรือนตำราก่อน เมื่อเห็นเหออี้ผิงกำลังขะมักเขม้นอ่านตำราแพทย์เมื่อเงยหน้าเห็นคนเข้ามาก็รีบลุกขึ้นวางตำราลง ลุกลี้ลุกลนมองหาหลิวไป๋หลงด้วยกลัวว่าจะมาเห็นเข้า
“คุณชายถาง”
“หลายวันมานี้ เหตุใดเจ้าไม่ไปเยี่ยมเยียนข้าที่เรือนสมุนไพรบ้าง”
“ขะ ข้า คือ... เรื่องเป็นเช่นนี้ เมื่อหลายวันก่อนข้ามีอาการป่วยเล็กน้อย จึงอยู่แต่ภายในห้องนอนไม่ได้ออกไปไหน พอมีแรงลุกไหวจึงมาที่เรือนตำราศึกษา ไม่ได้เข้าไปทักทายคุณชายถางเพราะกลัวว่าจะเป็นการรบกวน” เหออี้ผิงเป็นเช่นนั้นจริงดังที่กล่าว หลังจากร่วมหอร่างกายที่เคยแข็งแรงดีก็อ่อนแอขึ้นมา ปวดร้าวจนแทบขยับตัวไม่ไหว อุณหภูมิในตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด จึงเอาแต่นอนพักอยู่ภายในห้องเฉย ๆ จนเมื่อดีขึ้นถึงได้มีโอกาสออกมา
“เจ็บป่วย ไม่ให้ข้าตรวจดู”
“เอ่อ... ข้าสบ...”
ถางเล่อถงไม่ฟังคำฉวยข้อมือไปจับชีพจรมาตรวจ ก่อนจะปล่อยแล้วเอ่ยเรียบ ๆ
“ร่างกายไม่สมดุล ธาตุหยินแฝงในตัวอยู่มากบดบังธาตุหยาง เจ้าร่วมหอกับพี่ใหญ่แล้วสินะ” ถางเล่อถงคาดเดาได้ไม่ยาก ร่างกายของเหออี้ผิงไม่สมดุลถูกดึงพลังหยางออกไปธาตุหยินแทรกเข้ามา สาเหตุที่จะเป็นได้เช่นนั้นก็เพราะร่วมสังวาสกับร่างไร้วิญญาณของหลิวไป๋หลง
เหออี้ผิงไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยออกมาตรง ๆ เช่นนั้น ได้แต่อ้ำอึ้งพูดไม่ออกใบหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย ยิ่งครุ่นคิดไปถึงเหตุการณ์วันนั้นก็ยิ่งร้อนรุ่ม โชคดีที่หลิวไป๋หลงเข้ามาพอดีช่วยให้สถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี้ผ่านไปได้เร็วขึ้น ไม่ต้องทนเห็นสีหน้ารู้ทันของถางเล่อถง
“สามี ภรรยาเข้าหอกันเจ้าเป็นคนอื่น จะวุ่นวายอยากรู้ไปทำไม” หลิวไป๋หลงยอมปรากฏตัวเมื่อเห็นท่าทีไม่สบายใจของเหออี้ผิง ก่อนจะเดินเข้าไปอีกฝ่ายก็รีบลุกขึ้นมาหาทันที
“ท่านพี่... ท่านมาแล้ว” เหออี้ผิงรู้ว่าสองพี่น้องไม่ถูกกัน ตนไม่อยากให้หลิวไป๋หลงเข้าใจผิดและโมโหโกรธเหมือนวันก่อนนั้นอีก
หลิวไป๋หลงคว้าแขนภรรยามาแล้วกุมมือเอาไว้พบว่าในร่างกายมีไอเย็นอยู่มากอย่างที่ถางเล่อถงบอก แม้ในใจจะเป็นห่วงและกังวลอยู่มากแต่ไม่อาจวางใจให้ญาติผู้น้องดูแลเรื่องสุขภาพของเหออี้ผิงได้
“ดูเจ้า ใครมาเห็นเข้าจะคิดว่าเจ้ากำลังคิดเรื่องไม่ดี” หลิวไป๋หลงว่าแล้วก็ใช้นิ้วชี้ตีลงบนสันจมูกเบา ๆ คล้ายจะตำหนิ
“ขะ... ข้า...”
“พวกท่านรักใคร่กันดี ช่างน่าตื้นตันใจ หากเสี่ยวอี้เป็นสตรีคงจะดีไม่น้อย สกุลหลิวจะได้มีทายาทสืบทอดเสียที อ๋อ... ลืมไป บางทีก็อาจไม่ได้เสมอไป” ถางเล่อถงแทรกการสนทนาของทั้งสองคน พร้อมกับแฝงความหมายไปถึงหลิวไป๋หลงว่า ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรีก็ไม่อาจมีทายาทให้ได้
หลิวไป๋หลงหันหน้ามามองญาติผู้น้องอย่างโกรธขึ้ง แต่พอจะก้าวเข้าไปจัดการเหออี้ผิงกลับกุมมือของตนแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังเดินมาทางด้านหน้าเอ่ยกับถางเล่อถงด้วยตัวเอง
“ต่อให้ข้าไม่อาจมีทายาทให้สกุลหลิวได้ แต่ข้าสามารถอยู่เคียงข้างท่านพี่คอยดูแล คอยปรนนิบัติท่านพี่ได้เช่นกัน ไม่รบกวนให้คุณชายถางมาเป็นกังวลใจแทน” เหออี้ผิงไม่อยากให้หลิวไป๋หลงอารมณ์ไม่ดีเช่นวันนั้นอีก ญาติผู้น้องคนนี้ถึงแม้จะทำทีเหมือนเป็นห่วงเป็นใย แต่สีหน้าและน้ำเสียงกลับฟังดูไม่จริงใจ
ในเมื่อตนอยู่ในฐานะภรรยา สมควรต้องปกป้องไม่ให้ผู้อื่นมาดูแคลนสามี
“เสี่ยวอี้... วาจาเจ้านี่ช่างเชือดเฉือน เขาถึงว่ากันว่า อยู่กับสิ่งใดก็มักจะเป็นกลายเป็นสิ่งนั้น” ถางเล่อถงแม้โกรธก็ระงับอารมณ์ตนเองไว้อย่างแนบเนียน แต่ก็ไม่วายจะถางถางไปถึงหลิวไป๋หลง
“ข้าขอนับว่าเป็นคำชมจากคุณชาย อีกอย่าง... คุณชายถางเองมีฐานะเป็นญาติผู้น้องของท่านพี่ เหตุใดไม่เรียกขานข้าให้เหมาะสมกว่านี้เล่า จะพี่สะใภ้หรือฮูหยินน้อยก็แล้วแต่ท่านเลือกได้เลย”
หลิวไป๋หลงเหลียวมามองภรรยาที่ออกวาจาสั่งสอนญาติผู้น้องของตนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ไม่คิดว่าเหออี้ผิงจะมีมุมเช่นนี้ด้วย มือของตนยังกุมอยู่แต่ถูกอีกฝ่ายกระชับแน่นมากขึ้นกว่าเดิม
“ได้ ข้าต้องทำตนให้เหมาะสมแน่ ฮูหยินน้อย” ถางเล่อถงโกรธจนแทบอยากจะเข้าบีบคอเหออี้ผิงให้ตายทันที จะได้ไม่ต้องเสียเวลาวางแผนให้ยุ่งยาก แต่ยังไม่ใช่วันนี้ ในเมื่อเป็นของสำคัญของหลิวไป๋หลงก็สมควรจะพิถีพิถันมากกว่านี้สักหน่อย จะได้เจ็บปวดทรมานให้มาก... มากจนอยากจะตายอีกครั้งแบบนั้นถึงจะสาสม
“เล่อถง... สมควรต้องขอบใจพี่สะใภ้เจ้าที่ช่วยสั่งสอนให้เจ้ารู้จักมารยาทเสียบ้าง”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตกลงพี่น้องคู่นี้เค้ามีเรื่องอะไรกัน? อีตาถงก็ดูจะเกลียดอีพี่หลงอยู่นะ