คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : คนในอดีต 1/4
คาร์แคลถอนหายใจเสียงพรืดก่อนจะตำหนิคนในความดูแลไปตรง ๆ ว่า
"เหตุผลแค่นี้ พี่ว่ามันไม่เพียงพอเลยนะหวาย นั่นลูกค้านะเขาจ้างงานเรา"
"เอาเถอะค่ะ หวายรู้ว่าหวายต้องทำยังไง หวายจะทำงานต่อจนจบ หวายไม่อยากเสียค่าปรับเพราะผิดสัญญา"
ในเมื่อมันเกิดผลกระทบทั้งตัวเงินและภาพลักษณ์ เธอก็จะฝืนทำต่อจนเสร็จ อดีตที่ผ่านมาเธอสูญเสียหลายอย่างให้กับผู้ชายคนนั้นไปมากพอแล้ว มาถึงตอนนี้เธอจะไม่ยอมสูญอีกต่อไป แม้แต่บาทเดียวก็ไม่ยอม!
"ดีมากค่ะลูกสาว ค่อยสมกับเป็นหวายหน่อย"
คาร์แคลตบลงบนไหล่ของดาราสาว คาดเดาว่าวีรญาคงจะเหนื่อยเกินไปกระมังถึงได้พูดอะไรออกมาโดยไม่ไตร่ตรอง ต่อไปเธอคงต้องเลือกรับงานให้ดาราสาวน้อยลง จะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น
"หวายขออยู่คนเดียวสักพักนะคะ ขอทำสมาธิก่อนเริ่มถ่ายโฆษณาสักพัก" เธออยากทบทวนตัวเองและทบทวนว่าต่อจากนี้จะวางตัวอย่างไรกับจิรากร เพื่อให้ทำงานต่อจนจบอย่างราบรื่นไม่กระทบกับใคร
"ได้ ๆ มีอะไรก็เรียกพี่แล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปเตรียมมื้อเที่ยงมาให้"
"ขอบคุณค่ะพี่แคล"
วีรญายกสองมือขึ้นกุมขมับ หลังจากผู้จัดการออกไป หญิงสาวพยายามรวบรวมสติและสมาธิ เธอรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะทำตัวให้เป็นปกติเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจิรกร เธอและเขาจบกันไม่ดี มีความบาดหมางในใจที่กลายเป็นบาดแผลทางความรู้สึก ทำให้การร่วมงานกันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างฝืน
แบรนด์ชุดชั้นในก็มีตั้งมากมายทำไมโชคะตาถึงได้เล่นตลกให้เธอต้องมารับงานนี้ด้วยก็ไม่รู้ ซวยจริง ๆ สงสัยจบงานคงต้องแก้ด้วยการไปทำบุญเก้าวัดกันเลยกระมังชีวิตถึงจะดีขึ้น
"ทำงานกับบริษัทผัวเก่า มันเครียดขนาดนั้นเลยเหรอ?"
วีรญาหันหลังกลับไปทางเจ้าของเสียงที่ฟังตั้งแต่ประโยคแรกก็รู้ว่าเป็นใคร จิรกรกำลังยืนกอดอกพิงผนังอยู่ภายในห้องด้วยท่าทีสบาย ๆ
"ฉันไม่ได้เครียด แค่รังเกียจจนไม่อยากอยู่ใกล้"
ว่าพรางนึกโทษตัวเองที่มัวแต่นั่งเหม่อจนไม่รู้ตัวว่าเขาเข้ามาตอนไหน
“เหอะ! คิดว่าผมอยากอยู่ใกล้คุณนักเหรอ ถ้าผมรู้ว่าพี่สาวผมเอาคุณมาเป็นพรีเซนเตอร์แต่แรกผมไม่มีทางเห็นด้วยแน่ และจะค้านหลังชนฝาเลย" เขาไม่รู้ข้อมูลมาก่อนหน้า และไม่เข้าใจกิ่งกาญด้วยว่าเหตุใดถึงเอาวีรญามาร่วมงาน ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าผู้หญิงคนนี้คือคนรักเก่าของน้องชาย
"หมายความว่าไง?"
"ก็ผมเพิ่งรู้เมื่อกี้ว่าเจ้กิ่งเป็นคนเลือกคุณมาทำงาน ส่วนเจ้เกษเพิ่งรู้พร้อมผมอีกเหมือนกัน"
สามพี่น้องประชุมสายโทรศัพท์คุยกันเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่ากิ่งเกล้าเป็นคนเลือกวีรญา ส่วนเกษราไม่ทราบอะไรเลยด้วยซ้ำ
"พวกคุณทำธุรกิจด้วยกัน?"
"ใช่ พวกเราแบ่งหน้าที่กันทำงาน ผมดูแลการผลิตเจ้เกษบริหาร ส่วนเจ้กิ่งดูการตลาด"
"ฉันเองก็ไม่รู้ว่าพวกคุณคือเจ้าของสินค้า ถ้าฉันรู้แต่แรกคงไม่รับงาน" เธอเชื่อว่าจิรกรคงรู้สึกโหว่งหวิวไม่ต่างกัน และเชื่ออีกเช่นกันว่าถ้าเลือกได้เขาคงเลือกที่จะไม่พบเจอ
"มาถึงขั้นนี้แล้ว เราคงทำอะไรไม่ได้" งานมันดำเนินการมาครึ่งทางแล้ว ขืนเปลี่ยนคนทางเขาก็เสียหายไม่น้อย
"ฉันรู้ และก็หวังว่าคุณและครอบครัวของคุณจะไม่พูดเรื่องในอดีตเกี่ยวกับฉัน" ตอนนี้เธอมีชื่อเสียงระดับหนึ่งในวงการบันเทิง แสงกำลังส่องมาถึง จึงไม่อยากให้เรื่องราวความรักในอดีตต้องมากลบให้ตัวเองมอดดับ
"ดาราเขาห่วงภาพลักษณ์ทุกคนหรือเปล่า กะแค่เคยมีผัวจะอายอะไรนักหนา?" แน่นอนว่าเขาไม่คิดแฉอดีตภรรยา เพราะถ้าคิดจะทำคงทำไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เธอเด่นดังมาจนถึงทุกวันนี้หรอก
"เคยมีมันไม่น่าอายหรอกค่ะ แต่ฉันดันเคยมีผัวชั่วนี่สิ เลยอาย" เอาเข้าจริงต่อให้จิรกรจะป่าวประกาศว่าตัวเองเป็นอดีตสามีเธอก็พร้อมยอมรับความจริง แต่ถ้าเลือกได้ก็อยากปิดมากกว่า เพราะมันส่งผลกระทบกับสังกัดและผู้ใหญ่ที่เคารพในวงการหลายท่าน
"พูดอย่างกับผมทำไม่ดีกับคุณมากมาย ตอนอยู่ด้วยกันผมก็ยกย่องเชิดชู" ถ้อยคำที่หลุดออกมาจากปากคู่สนทนาระคายความรู้สึกไม่น้อยเลย เขามั่นใจว่านอกจากติดเพื่อนกับติดเที่ยวกลางคืนแล้ว อย่างอื่นไม่น่าเป็นปัญหาในชีวิตคู่ คำว่าชั่วไม่น่าใช้กับคนอย่างเขาได้
วีรญายิ้มเหยียด ดวงตากลมโตปรากฏความไม่พอใจ การโต้แย้งกันไปมาทำให้อารมณ์ที่เคยสงบนิ่งมาตลอดของเธอเริ่มปะทุ
"คนอย่างคุณมันก็ดีแต่หาข้ออ้างมากลบความผิดของตัวเอง ไม่เคยรู้ไม่เคยสำนึกอะไรเลย"
"ผมรู้ว่าเมื่อก่อนอาจไม่ค่อยใส่ใจ ละเลยกันไปบ้าง แต่อย่าพูดเหมือนผมทำผิดร้ายแรงเหมือนฆ่าใครตายได้ไหม"
ประโยคท้ายของชายหนุ่มทำเอาเส้นความอดทนของดาราสาวขาดสะบั้น มือบางเผลอกำปมเสื้อคลุมไว้แน่นจนเป็นหมัด ราวกับมันกระทบความรู้สึกเข้าอย่างจัง
"ต่อให้ตายจริง ๆ คุณก็คงไม่สำนึก เพราะคนอย่างคุณมันรักตัวเองมากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว" ความขุ่นเคืองสะท้อนออกมากับน้ำเสียงชัดเจน กระนั้นเธอก็ยังพยายามนับเลขในใจเพื่อควบคุมกระแสโทสะเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
"จะสื่ออะไรก็พูดมาตรง ๆ"
จิรกรหรี่ตาลงเล็กน้อย มองลึกลงในดวงตาเขาเต็มไปด้วยคำถามว่าเหตุใดคนตรงหน้าถึงได้ดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างนี้ ทั้งที่เขาก็ไม่ได้ชวนทะเลาะด้วยซ้ำ
"ไม่มีอะไร...มันจบไปแล้ว"
ริมฝีปากบางเฉียบเม้มเข้ากันแน่นสนิท วางสีหน้าให้ราบเรียบเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายคาดเดาความรู้สึก
คนทั้งสองมองหน้ากันนิ่ง ก่อนที่จิรกรจะเป็นฝ่ายถอนหายใจออกมาเสียงพรืดพลางเอ่ย
"ไม่มีอะไรก็ดี ยังไงเราก็ต้องทำงานด้วยกันต่อ ผมไม่อยากให้เราทะเลาะกัน"
วีรญาเงียบไปครู่หนึ่ง วงแขนเรียวยกขึ้นกอดอกปรายตามองเขาอย่างประเมินการแล้วออกความคิดเห็น
"เท่าที่ฟังมาดูเหมือนฉันจะร่วมงานกับพี่เกษและพี่กิ่ง ส่วนคุณอยู่นอกตำแหน่งที่จะมาเกี่ยวข้องกับพรีเซนเตอร์อย่างฉัน"
จิรกรดูแลการผลิต จะเอาตัวมาใกล้เธอทำไม มันดูผิดแผนกผิดงาน เขาควรกลับและให้เกษราและกิ่งกาญมาทำหน้าที่ในจุดนี้
"เกี่ยวสิ ในเมื่อผมคือผู้บริหารของแบรนด์ อีกอย่างตอนนี้เจ้เกษกับเจ้กิ่งอยู่ญี่ปุ่นเลยฝากผมมาดูแลความเรียบร้อยของการถ่ายทำ ผมต้องเกี่ยวข้องเต็ม ๆ"
ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ดวงตาคมเข้มสบมองอีกฝ่ายอย่างหยอกเย้า แอบชื่นชมการเก็บข้อมูลของอีกฝ่ายเธอยังคงเป็นคนที่หาเหตุผลมาแย้งเขาได้เสมอ
"ฉันล่ะอยากจะยกเลิกงาน ให้รู้แล้วรู้รอดจริง ๆ"
เสียงเล็กพึมพำเบา ๆ ยกมือขึ้นกุมขมับพลางสะบัดหน้า หมุนตัวหันหลังให้ชายหนุ่ม เธอเกลียดการยอกย้อนของเขา และเกลียดท่าทางการเป็นผู้ชนะ
"จะทำอะไรคิดให้ดี คิดให้รอบคอบเพราะผลลัพธ์ที่ตามมามันกระทบกับหลายส่วน" จิรกรพูดถูกทุกอย่างเธอไม่เถียง และเธอก็เป็นมืออาชีพพอที่จะไม่ทำให้ใครเดือนร้อน
"ฉันรู้ว่าต้องทำยังไงต่อไป"
ขาเรียวหมายก้าวออกจากห้อง ทว่าจิรกรก็ไวกว่า รั้งข้อมือเล็กของหญิงสาวให้หยุดนิ่ง
"หวาย...เราจะคุยกันดี ๆ ไม่ได้เลยเหรอ?"
น้ำเสียงของเขาอ่อนลง ขณะที่พูดก็มองเห็นแววตาเฉยเมยไร้ความรู้สึกของเธอวามขึ้น
"..."
วีรญาเงียบไปหลายวินาที ระบายลมหายใจออกมาเบาๆ ข่มกลั้นความรู้สึกอัดแน่นไว้ในอกข้างซ้าย อันที่จริงกิริยาที่เธอแสดงออกมันแฝงคำตอบอย่างชัดเจนอยู่แล้ว นี่เขาโง่หรือแกล้งโง่อยู่กันแน่
“เราเป็นพี่น้องกันได้นะหวาย ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอก็ได้ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว"
จิรกรพยายามประนีประนอม ยอมเป็นฝ่ายลดทิฐิสานสัมพันธ์ที่เคยขาดสะบั้นให้กลับมา เพื่อลดการปะทะระหว่างที่ทำงานร่วมกัน
นีรญากัดฟันกรอดให้กับความหน้าไม่อายของอดีตสามี ดวงตาของเธอฉายแววเย็นชาและความเหินห่างชนิดหนึ่งออกมา ซึ่งเป็นดั่งอาวุธไร้รูปร่างที่เชือดเฉือนใจคนมองให้เจ็บลึกเสียยิ่งกว่าคมมีด
"โทษนะคะ ฉันไม่ได้อยากเป็นพี่น้องกับ...เหี้ย!"
นีรญาปัดมือหนาออกจากตัว สลัดสัมผัสที่คล้ายอ่อนโยนคล้ายทนุถนอมนั้นทิ้ง เธอไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับจิรกรแล้ว แค่ใช้อากาศร่วมกันอยู่ในตอนนี้ก็ฝืนใจจะแย่ ความรู้สึกมันพังยับเกินกว่าจะญาติดีกันได้ ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด
จิรกรอ้าปากค้าง ใบหน้าคมเข้มเจื่อนลง ได้แต่มองตามอีกฝ่ายอย่างคาดไม่ถึง เขารู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบหัวเข้าอย่างจัง เพราะไม่คิดว่าจะได้ฟังประโยคกระแทกใจจากคนที่เคยรัก
ความคิดเห็น