NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โชกโชน

    ลำดับตอนที่ #7 : คนในอดีต 1/4

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ย. 67


    คาร์แคลถอนหายใจเสียงพรืดก่อนจะตำหนิคนในความดูแลไปตรง ๆ ว่า

    "เหตุผลแค่นี้ พี่ว่ามันไม่เพียงพอเลยนะหวาย นั่นลูกค้านะเขาจ้างงานเรา"

    "เอาเถอะค่ะ หวายรู้ว่าหวายต้องทำยังไง หวายจะทำงานต่อจนจบ หวายไม่อยากเสียค่าปรับเพราะผิดสัญญา"

    ในเมื่อมันเกิดผลกระทบทั้งตัวเงินและภาพลักษณ์ เธอก็จะฝืนทำต่อจนเสร็จ อดีตที่ผ่านมาเธอสูญเสียหลายอย่างให้กับผู้ชายคนนั้นไปมากพอแล้ว มาถึงตอนนี้เธอจะไม่ยอมสูญอีกต่อไป แม้แต่บาทเดียวก็ไม่ยอม!

    "ดีมากค่ะลูกสาว ค่อยสมกับเป็นหวายหน่อย"

    คาร์แคลตบลงบนไหล่ของดาราสาว คาดเดาว่าวีรญาคงจะเหนื่อยเกินไปกระมังถึงได้พูดอะไรออกมาโดยไม่ไตร่ตรอง ต่อไปเธอคงต้องเลือกรับงานให้ดาราสาวน้อยลง จะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น

    "หวายขออยู่คนเดียวสักพักนะคะ ขอทำสมาธิก่อนเริ่มถ่ายโฆษณาสักพัก" เธออยากทบทวนตัวเองและทบทวนว่าต่อจากนี้จะวางตัวอย่างไรกับจิรากร เพื่อให้ทำงานต่อจนจบอย่างราบรื่นไม่กระทบกับใคร

    "ได้ ๆ มีอะไรก็เรียกพี่แล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปเตรียมมื้อเที่ยงมาให้"

    "ขอบคุณค่ะพี่แคล"

    วีรญายกสองมือขึ้นกุมขมับ หลังจากผู้จัดการออกไป หญิงสาวพยายามรวบรวมสติและสมาธิ เธอรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะทำตัวให้เป็นปกติเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจิรกร เธอและเขาจบกันไม่ดี มีความบาดหมางในใจที่กลายเป็นบาดแผลทางความรู้สึก ทำให้การร่วมงานกันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างฝืน

    แบรนด์ชุดชั้นในก็มีตั้งมากมายทำไมโชคะตาถึงได้เล่นตลกให้เธอต้องมารับงานนี้ด้วยก็ไม่รู้ ซวยจริง ๆ สงสัยจบงานคงต้องแก้ด้วยการไปทำบุญเก้าวัดกันเลยกระมังชีวิตถึงจะดีขึ้น

    "ทำงานกับบริษัทผัวเก่า มันเครียดขนาดนั้นเลยเหรอ?"

    วีรญาหันหลังกลับไปทางเจ้าของเสียงที่ฟังตั้งแต่ประโยคแรกก็รู้ว่าเป็นใคร จิรกรกำลังยืนกอดอกพิงผนังอยู่ภายในห้องด้วยท่าทีสบาย ๆ

    "ฉันไม่ได้เครียด แค่รังเกียจจนไม่อยากอยู่ใกล้"

    ว่าพรางนึกโทษตัวเองที่มัวแต่นั่งเหม่อจนไม่รู้ตัวว่าเขาเข้ามาตอนไหน

    “เหอะ! คิดว่าผมอยากอยู่ใกล้คุณนักเหรอ ถ้าผมรู้ว่าพี่สาวผมเอาคุณมาเป็นพรีเซนเตอร์แต่แรกผมไม่มีทางเห็นด้วยแน่ และจะค้านหลังชนฝาเลย" เขาไม่รู้ข้อมูลมาก่อนหน้า และไม่เข้าใจกิ่งกาญด้วยว่าเหตุใดถึงเอาวีรญามาร่วมงาน ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าผู้หญิงคนนี้คือคนรักเก่าของน้องชาย

    "หมายความว่าไง?"

    "ก็ผมเพิ่งรู้เมื่อกี้ว่าเจ้กิ่งเป็นคนเลือกคุณมาทำงาน ส่วนเจ้เกษเพิ่งรู้พร้อมผมอีกเหมือนกัน"

    สามพี่น้องประชุมสายโทรศัพท์คุยกันเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่ากิ่งเกล้าเป็นคนเลือกวีรญา ส่วนเกษราไม่ทราบอะไรเลยด้วยซ้ำ

    "พวกคุณทำธุรกิจด้วยกัน?"

    "ใช่ พวกเราแบ่งหน้าที่กันทำงาน ผมดูแลการผลิตเจ้เกษบริหาร ส่วนเจ้กิ่งดูการตลาด"

    "ฉันเองก็ไม่รู้ว่าพวกคุณคือเจ้าของสินค้า ถ้าฉันรู้แต่แรกคงไม่รับงาน" เธอเชื่อว่าจิรกรคงรู้สึกโหว่งหวิวไม่ต่างกัน และเชื่ออีกเช่นกันว่าถ้าเลือกได้เขาคงเลือกที่จะไม่พบเจอ

    "มาถึงขั้นนี้แล้ว เราคงทำอะไรไม่ได้" งานมันดำเนินการมาครึ่งทางแล้ว ขืนเปลี่ยนคนทางเขาก็เสียหายไม่น้อย

    "ฉันรู้ และก็หวังว่าคุณและครอบครัวของคุณจะไม่พูดเรื่องในอดีตเกี่ยวกับฉัน" ตอนนี้เธอมีชื่อเสียงระดับหนึ่งในวงการบันเทิง แสงกำลังส่องมาถึง จึงไม่อยากให้เรื่องราวความรักในอดีตต้องมากลบให้ตัวเองมอดดับ

    "ดาราเขาห่วงภาพลักษณ์ทุกคนหรือเปล่า กะแค่เคยมีผัวจะอายอะไรนักหนา?" แน่นอนว่าเขาไม่คิดแฉอดีตภรรยา เพราะถ้าคิดจะทำคงทำไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เธอเด่นดังมาจนถึงทุกวันนี้หรอก

    "เคยมีมันไม่น่าอายหรอกค่ะ แต่ฉันดันเคยมีผัวชั่วนี่สิ เลยอาย" เอาเข้าจริงต่อให้จิรกรจะป่าวประกาศว่าตัวเองเป็นอดีตสามีเธอก็พร้อมยอมรับความจริง แต่ถ้าเลือกได้ก็อยากปิดมากกว่า เพราะมันส่งผลกระทบกับสังกัดและผู้ใหญ่ที่เคารพในวงการหลายท่าน

    "พูดอย่างกับผมทำไม่ดีกับคุณมากมาย ตอนอยู่ด้วยกันผมก็ยกย่องเชิดชู" ถ้อยคำที่หลุดออกมาจากปากคู่สนทนาระคายความรู้สึกไม่น้อยเลย เขามั่นใจว่านอกจากติดเพื่อนกับติดเที่ยวกลางคืนแล้ว อย่างอื่นไม่น่าเป็นปัญหาในชีวิตคู่ คำว่าชั่วไม่น่าใช้กับคนอย่างเขาได้

    วีรญายิ้มเหยียด ดวงตากลมโตปรากฏความไม่พอใจ การโต้แย้งกันไปมาทำให้อารมณ์ที่เคยสงบนิ่งมาตลอดของเธอเริ่มปะทุ

    "คนอย่างคุณมันก็ดีแต่หาข้ออ้างมากลบความผิดของตัวเอง ไม่เคยรู้ไม่เคยสำนึกอะไรเลย"

    "ผมรู้ว่าเมื่อก่อนอาจไม่ค่อยใส่ใจ ละเลยกันไปบ้าง แต่อย่าพูดเหมือนผมทำผิดร้ายแรงเหมือนฆ่าใครตายได้ไหม"

    ประโยคท้ายของชายหนุ่มทำเอาเส้นความอดทนของดาราสาวขาดสะบั้น มือบางเผลอกำปมเสื้อคลุมไว้แน่นจนเป็นหมัด ราวกับมันกระทบความรู้สึกเข้าอย่างจัง

    "ต่อให้ตายจริง ๆ คุณก็คงไม่สำนึก เพราะคนอย่างคุณมันรักตัวเองมากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว" ความขุ่นเคืองสะท้อนออกมากับน้ำเสียงชัดเจน กระนั้นเธอก็ยังพยายามนับเลขในใจเพื่อควบคุมกระแสโทสะเอาไว้ให้ได้มากที่สุด

    "จะสื่ออะไรก็พูดมาตรง ๆ"

    จิรกรหรี่ตาลงเล็กน้อย มองลึกลงในดวงตาเขาเต็มไปด้วยคำถามว่าเหตุใดคนตรงหน้าถึงได้ดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างนี้ ทั้งที่เขาก็ไม่ได้ชวนทะเลาะด้วยซ้ำ

    "ไม่มีอะไร...มันจบไปแล้ว"

    ริมฝีปากบางเฉียบเม้มเข้ากันแน่นสนิท วางสีหน้าให้ราบเรียบเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายคาดเดาความรู้สึก

    คนทั้งสองมองหน้ากันนิ่ง ก่อนที่จิรกรจะเป็นฝ่ายถอนหายใจออกมาเสียงพรืดพลางเอ่ย

    "ไม่มีอะไรก็ดี ยังไงเราก็ต้องทำงานด้วยกันต่อ ผมไม่อยากให้เราทะเลาะกัน"

    วีรญาเงียบไปครู่หนึ่ง วงแขนเรียวยกขึ้นกอดอกปรายตามองเขาอย่างประเมินการแล้วออกความคิดเห็น

    "เท่าที่ฟังมาดูเหมือนฉันจะร่วมงานกับพี่เกษและพี่กิ่ง ส่วนคุณอยู่นอกตำแหน่งที่จะมาเกี่ยวข้องกับพรีเซนเตอร์อย่างฉัน"

    จิรกรดูแลการผลิต จะเอาตัวมาใกล้เธอทำไม มันดูผิดแผนกผิดงาน เขาควรกลับและให้เกษราและกิ่งกาญมาทำหน้าที่ในจุดนี้

    "เกี่ยวสิ ในเมื่อผมคือผู้บริหารของแบรนด์ อีกอย่างตอนนี้เจ้เกษกับเจ้กิ่งอยู่ญี่ปุ่นเลยฝากผมมาดูแลความเรียบร้อยของการถ่ายทำ ผมต้องเกี่ยวข้องเต็ม ๆ"

    ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ดวงตาคมเข้มสบมองอีกฝ่ายอย่างหยอกเย้า แอบชื่นชมการเก็บข้อมูลของอีกฝ่ายเธอยังคงเป็นคนที่หาเหตุผลมาแย้งเขาได้เสมอ

    "ฉันล่ะอยากจะยกเลิกงาน ให้รู้แล้วรู้รอดจริง ๆ"

    เสียงเล็กพึมพำเบา ๆ ยกมือขึ้นกุมขมับพลางสะบัดหน้า หมุนตัวหันหลังให้ชายหนุ่ม เธอเกลียดการยอกย้อนของเขา และเกลียดท่าทางการเป็นผู้ชนะ

    "จะทำอะไรคิดให้ดี คิดให้รอบคอบเพราะผลลัพธ์ที่ตามมามันกระทบกับหลายส่วน" จิรกรพูดถูกทุกอย่างเธอไม่เถียง และเธอก็เป็นมืออาชีพพอที่จะไม่ทำให้ใครเดือนร้อน

    "ฉันรู้ว่าต้องทำยังไงต่อไป"

    ขาเรียวหมายก้าวออกจากห้อง ทว่าจิรกรก็ไวกว่า รั้งข้อมือเล็กของหญิงสาวให้หยุดนิ่ง

    "หวาย...เราจะคุยกันดี ๆ ไม่ได้เลยเหรอ?"

    น้ำเสียงของเขาอ่อนลง ขณะที่พูดก็มองเห็นแววตาเฉยเมยไร้ความรู้สึกของเธอวามขึ้น

    "..."

    วีรญาเงียบไปหลายวินาที ระบายลมหายใจออกมาเบาๆ ข่มกลั้นความรู้สึกอัดแน่นไว้ในอกข้างซ้าย อันที่จริงกิริยาที่เธอแสดงออกมันแฝงคำตอบอย่างชัดเจนอยู่แล้ว นี่เขาโง่หรือแกล้งโง่อยู่กันแน่

    “เราเป็นพี่น้องกันได้นะหวาย ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอก็ได้ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว"

    จิรกรพยายามประนีประนอม ยอมเป็นฝ่ายลดทิฐิสานสัมพันธ์ที่เคยขาดสะบั้นให้กลับมา เพื่อลดการปะทะระหว่างที่ทำงานร่วมกัน

    นีรญากัดฟันกรอดให้กับความหน้าไม่อายของอดีตสามี ดวงตาของเธอฉายแววเย็นชาและความเหินห่างชนิดหนึ่งออกมา ซึ่งเป็นดั่งอาวุธไร้รูปร่างที่เชือดเฉือนใจคนมองให้เจ็บลึกเสียยิ่งกว่าคมมีด

    "โทษนะคะ ฉันไม่ได้อยากเป็นพี่น้องกับ...เหี้ย!"

    นีรญาปัดมือหนาออกจากตัว สลัดสัมผัสที่คล้ายอ่อนโยนคล้ายทนุถนอมนั้นทิ้ง เธอไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับจิรกรแล้ว แค่ใช้อากาศร่วมกันอยู่ในตอนนี้ก็ฝืนใจจะแย่ ความรู้สึกมันพังยับเกินกว่าจะญาติดีกันได้ ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด

    จิรกรอ้าปากค้าง ใบหน้าคมเข้มเจื่อนลง ได้แต่มองตามอีกฝ่ายอย่างคาดไม่ถึง เขารู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบหัวเข้าอย่างจัง เพราะไม่คิดว่าจะได้ฟังประโยคกระแทกใจจากคนที่เคยรัก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×