คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอกย้ำ 1/1
เช้าวันต่อมา
ปริชญ์และนิรณาทานอาหารเช้าพร้อมกันเฉกเช่นทุกวัน ทว่าวันนี้บรรยากาศการร่วมโต๊ะนั้นดูแปลกออกไป จากที่เคยมีเสียงของชายหนุ่มชวนคุยเย้าแหย่กลับถูกความเงียบเข้าปกคลุม
"ข้าวต้มอร่อยนะ คุณทานเยอะ ๆ" ประโยคนี้คือประโยคที่ปริชญ์จะพูดทุกเช้า มาวันนี้กลับเป็นนิรณาที่เป็นฝ่ายพูดแทน
"ผมไม่ค่อยหิว คุณทานเถอะ" กุ้งในถ้วยถูกตักมาให้นิรณา แม้เขาจะดูเคร่งขรึมแต่ไม่ละเลยที่จะเอาใจใส่
"คุณจะเข้าบริษัทแต่เช้าเลยเหรอ ?"
"เปล่า วันนี้ผมจะพาคุณไปซื้อของ"
"ของอะไร ?"
ปริชญ์ยกน้ำขึ้นจิบ แล้วหยิบเอกสารที่เตรียมไว้ส่งให้นิรณา แล้วบอกถึงสิ่งที่หญิงสาวจะต้องทำนับจากนี้
"คุณต้องบินไปอังกฤษกับคุณหญิงในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า เพราะมีหมอที่สามารถรักษาคุณได้ ท่านให้ผมเตรียมตั๋วเครื่องบินให้คุณแล้วก็พาไปซื้อของเพื่อให้สำหรับการเดินทาง"
เขาเคยเกริ่นเรื่องนี้ให้นิรณารู้ตั้งแต่แต่งงานกันแรก ๆแล้ว เพื่อความสบายใจ เธอจะได้รู้ว่าการอยู่ร่วมกันมันมีเหตุและผล
"ทำไมเร็วจัง"
คนฟังเสียงแผ่ว พลันเกิดความรู้สึกโหวงหวิวในอกอย่างบอกไม่ถูก
"เพื่อการรักษา ยิ่งเร็วยิ่งดีกับตัวคุณ" สุดท้ายแล้วคนที่ได้ประโยชน์ที่สุดคือนิรณา เขายินดีกับเธอที่มีโอกาสในการรักษาตัว และที่สำคัญมีโอกาสที่จะกลับมาเดินได้อีกครั้งด้วย
"คุณจะไปกับฉันไหม ?"
"ผมดูแลคุณครบหนึ่งปีตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับคุณท่านและพ่อของคุณแล้ว หลังจากนี้คงไม่สามารถทำเกินหน้าที่ได้ แต่ยังไงผมก็จะคอยถามไถ่อาการคุณตลอด"
อีกอย่างคือเขาไม่รู้ว่าจะตามไปในฐานะอะไร สู้อยู่ห่าง ๆอย่างห่วง ๆในพื้นที่ของตัวเองดีกว่า
"ฉันไม่อยู่ คุณคงสบายหูน่าดู"
ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้นช้า ๆรอยยิ้มที่เหมือนมีเหมือนไม่มีผุดขึ้นวูบหนึ่ง
"ช่องทางการติดต่อของผมอยู่ในโทรศัพท์คุณหมดแล้ว ถ้าวันไหนอยากบ่นอยากระบาย ผมพร้อมรับฟังเสมอ"
ปกติเขาไม่ใช่คนดี อดทนไม่เก่งกับความงี่เง่าของผู้หญิง แต่สำหรับนิรณาคือข้อยกเว้น
"ขอบคุณนะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง"
ดวงตาคู่สวยติดตรึงอยู่บนใบหน้าคมเข้มของเขา แม้ความสัมพันธ์ของเธอและปริชญ์จะราบเรียบ อยู่กันแบบทนไปวัน ๆทะเลาะกันบ้าง ขัดใจกับนิสัยบางอย่างของเขาจนพานมีปากเสียง ทว่าพอมองย้อนกลับไป นอกจากครอบครัวแล้วก็มีเขาที่คอยเคียงข้างเธอในวันที่ทุกข์ที่สุด
ปริชญ์พานิรณามาซื้อของที่ห้าวสรรพสินค้า คอยเลือกเสื้อผ้า และของใช้ช่วยเธอนานหลายชั่วโมงด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม กระทั่งได้ทุกอย่างครบตามต้องการจึงพาหญิงสาวไปจชำระค่าใช้จ่าย
"ฉันจ่ายเองดีกว่า ฉันซื้อไปตั้งเยอะ" มือบางยกขึ้นแตะวงแขนแกร่งเพื่อห้ามไม่ให้ปริชญ์หยิบบัตรออกจากกระเป๋า
นักธุรกิจหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ ชิงยื่นบัตรเครดิตการ์ดให้พนักงาน แล้วหันมาคุยกับหญิงสาว
"ถือว่าเป็นของขวัญจากสามีคนนี้แล้วกัน"
"แต่ฉันรู้สึกติดค้างคุณยังไงไม่รู้"
เสื้อผ้า กระเป๋า หรือแม้แต่เครื่องสำอางที่ปริชญ์จ่ายมีราคาเหยียบแสน จะไม่ให้เธอเกรงใจได้อย่างไร เงินมิใช่น้อยเลย
"รักษาตัวหายดีแล้ว ค่อยกลับมาซื้อคืนให้ก็ได้ครับ คุณภรรยา" ไม่กี่นาทีถุงเสื้อผ้าและของใช้ก็ถูกยื่นมาให้ชายหนุ่มพร้อมคำขอบคุณจากพนักงานเป็นอันเสร็จสิ้นการซื้อขาย
"ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" นิรณาคลี่ยิ้ม มองลึกลงไปในม่านตาสีเข้ม จำใจยอมรับของที่อีกฝ่ายซื้อให้ ทุกความดีที่ปริชญ์ปฏิบัติต่อกันเธอจะไม่มีวันลืม
ปริชญ์ค้อมศีรษะรับ พยายามจดจำรอยยิ้มแสนหวานของคนตรงหน้าเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจ คนที่ทำให้เขารู้ว่าความรักไม่จำเป็นต้องครอบครอง ขอแค่ได้มองอีกฝ่ายมีความสุขเท่านี้ก็พอแล้ว
สองสายตาสบมองกันแน่นิ่งครู่ใหญ่ ก่อนจะละออกจากกันเมื่อมีลูกค้าคนอื่นเข้ามาในร้าน เสียงที่ค่อนข้างดังของผู้มาใหม่ทำให้นิรณาหันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงเปล่งชื่อออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ
"ตฤณ!" หญิงสาวลำคอตีบตัน พยายามสะกดความรู้สึกแสบร้อนที่ผุดขึ้นมาในดวงตา น่าเศร้านักที่ครั้งหนึ่งเธอเคยไปหลงรักคนเลือดเย็นอย่างเขา
ตฤณมองอดีตคนรักไม่วางตาหลังจากไม่เจอกันร่วมปี ตั้งแต่บอกเลิกนิรณาที่โรงพยาบาล เขาก็ไม่มีโอกาสได้พบหน้าเธออีก
"ไม่เจอกันนานเลยนะนับ เป็นไงบ้างสบายดีไหม ?"
นิรณากำมือแน่นควบคุมอารมณ์โกรธ เกลียด และเสียใจเอาไว้สุดกำลัง เธอไม่ชอบคำถามที่ดูเหมือนจะหวังดีและเห็นใจจากตฤณเหลือเลย ดูปลอมจริง ๆ
หากห่วงใจเธอมากแล้วทิ้งกันไปทำไม คนที่เคยบอกว่าจะอยู่เคียงข้างยามทุกข์และสุขไปอยู่ไหนกัน โกหกทั้งเพ
ความคิดเห็น