ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สามีคนนี้คนที่เธอบอกไม่รัก (มีe-book)

    ลำดับตอนที่ #4 : เจ็บแต่เก็บอาการ 1/4

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.พ. 67


    เอาเข้าจริงก็พอรู้ชะตากรรมของตัวเองว่าต้องถูกภรรยาในนามปฏิเสธ เพราะตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเขาเปิดเผยตลอดว่าคิดกับเธอเช่นไร แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีจะหวั่นไหว ยังเฉยชาและไร้เยื่อใย ตั้งแต่วันแรกที่เจอกระทั่งวินาทีนี้

    "แต่เราเป็นเพื่อนกันได้นะ หรือเป็นพี่น้องก็ได้เพราะคุณอายุมากกว่าฉันตั้งสองปี"

    นิรณาไม่อยากให้คอนเนกชั่นระหว่างปริชน์ต้องสิ้นสุด อย่างไรคุณย่าเธอก็เอ็นดูเขา อนาคตข้างหน้าต่อให้หลุดพ้นพันธะต่อกัน ก็เลี่ยงที่จะพบเจอได้ยากอยู่ดี

    "ผมเป็นอะไรก็ได้แล้วแต่คุณจะให้ และคุณไม่ต้องลำบากใจ ทำตัวให้เป็นปกติ ส่วนผมจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองให้ดี"

    ความเสียใจในดวงตาของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนเล็กน้อย ถึงจะไม่สมหวังแต่อย่างน้อยได้บอกว่ารู้สึกเช่นไรเขาก็พอใจแล้ว

    “แสดงว่าเราเป็นพี่น้องกันได้”

    ปริชย์พยักแทนคำตอบ เอื้อมมือขยับผ้าห่มมาคลุมกายให้หญิงสาว เพื่อให้เธอได้หลับพักผ่อนอย่างสบายใจ

    “นอนได้แล้ว ผมจะลงไปนอนที่ห้องทำงานนะ…ฝันดีครับ”

    ไฟในห้องนอนดับลง พร้อมกับรอยยิ้มที่เคยมีของชายหนุ่มค่อย ๆ เลือนหาย สีหน้าขมขื่นอมทุกข์เข้ามาแทนที่

    ไม่ถูกรักใครกันจะไม่เจ็บ เขาอาจเก่งพอที่จะเก็บอาการแต่ไม่เก่งพอที่จะไม่รู้สึกอะไร

     

    เสียงประตูปิดลงพร้อม ๆ กับการหายไปของใครบางคน นิรณายังคงลืมตาอยู่ในความมืด มือบางกำผ้าห่มแน่น เสียงปริชย์สารภาพรักยังดังก้องอยู่ในหัว ใครจะไปคิดว่าผู้ชายหน้านิ่ง พูดจากวนบาทาจะชอบเธอได้ แล้วมันเกิดขึ้นตอนไหนกัน เธอไปทำให้เขาตกหลุมรักตอนไหน หญิงสาวเจ็บความสงสัยเอาไว้ในใจพยายามข่มตาหลับเพื่อไม่ให้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับปริชญ์เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตมากเกินไป

    ปริชญ์หย่อนกายลงเก้าอี้อย่างหมดเรี่ยวแรง นิ้วยาวได้รูปยกขึ้นคลึงขมับไปมาหวังบรรเทาความหนักอึ้ง เขาสงบสติที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยตัวเองร่วมชั่วโมง ครุ่นคิดด้วยเหตุและผลได้ว่า

    เราสามารถรักใครคนหนึ่งได้มากเท่าที่ใจเราอยากรักได้ แต่ตรงกันข้ามเราไม่สามารถทำให้คนคนนั้นรักเราได้มากอย่างที่เรารักเขา

    ชายหนุ่มส่ายศีรษะไปมา ขับไล่ความฟุ้งซ่านออกจากสมอง เอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบของสำคัญที่เตียมไว้ออกมา มันคือตั๋วเครื่องบินไปอังกฤษของนิรณา คุณหญิงประภาให้เขาเตรียมไว้ได้หลายวันแล้วทว่าเขายังไม่ได้มอบให้หญิงสาว กำหนดเดินทางคืออีกสองสัปดาห์

    “เวลาผ่านไปไวมาก อีกไม่นานคงจากกันแล้วสินะ”

    ความรู้สึกใจหายที่ต้องแยกจากแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ ภาพในอดีตที่เคยตกลงกับประภาและนิรุจผุดขึ้นมาตอกย้ำของเขตเวลาอีกครั้ง

    หนึ่งปีก่อน

    "เรียกผมมาด่วนขนาดนี้ คุณท่านทั้งสองมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ" ปริชญ์ค้อมศีรษะ หย่อนกายลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามคุณหญิงประภาและนิรุจ เขาเดาว่าเรื่องที่จะพวกท่านจะให้ช่วยคงสำคัญมากเพราะผู้มีพระคุณทั้งสองแลดูมีสีหน้าเคร่งเครียด

    "ฉันมีเรื่องจะขอร้อง" สายตาคนอายุมากกว่าแฝงไปด้วยความหนักอกหนักใจ ก่อนจะเอ่ยเรื่องที่ต้องการให้ปริชญ์ช่วยเหลืออ

    "ฉันอยากให้ปั้นแต่งงานกับยัยนับ" ดวงตาคมเข้มเบิกกว้าง สิ่งที่ได้ฟังค่อนข้างเหลือความคาดหมาย

    “หมายความว่าไงครับ ไหนว่าคุณนับกำลังจะแต่งงานกับแฟนต้นเดือนหน้า" ปริชญ์งุนงง เรื่องที่เขาถูกร้องขอดูจะย้อนแย้งกับความเป็นจริง เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนเขาเพิ่งได้รับการ์ดเชิญจากคุณหญิงประภาเพื่อไปร่วมงานแต่งของหลานสาวท่าน

    "ยัยนับรถคว่ำ กำลังรักษาตัวที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าลูกสาวของฉันเส้นประสาทไขสันหลังได้รับบาดเจ็บอาจจะกลายเป็นคนพิการเดินไม่ได้" นิรุจตอบเสียงสั่น ในขณะที่สายตาสบมองมารดาว่าต่อจากนี้เขาจะเป็นคนเจรจากับปริชญ์เอง

    ปริชญ์ทั้งตกใจทั้งใจหายชั่วขณะ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นกับนิรณาอย่างนี้

    "อาการตอนนี้เป็นไงบ้างครับ" ถ้อยคำนี้แฝงไว้ด้วยความห่วงใยอย่างเต็มเปี่ยม

    "ร่างกายเริ่มฟื้นตัว ยกเว้นขาที่ไม่มีแรง หนักสุดคงเป็นสภาพจิตใจที่ย่ำแย่" ปริชญ์มองใบหน้าอมทุกข์ของนิรุจอย่างอาทร นิรณาเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านพอเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นหัวอกคนเป็นพ่อคงแทบแตกสลาย

    "แล้วแฟนคุณนับ..."

    "ไอ้ตฤณมันขอเลิกกับยัยนับ แล้วก็ยกเลิกงานแต่งงานด้วย พอมันเห็นลูกสาวฉันพิการมันก็รับตีตัวออกหาก" นิรุจกำมือแน่นจนเป็นหมัดยามพูดถึงเหตุการณ์อันกระทบกระเทือนจิตใจ เจ็บแค้นแทนลูกจนอยากจะลากคอไอ้ตัวดีคนนั้นมากระทืบเสียให้สิ้นเรื่อง

    "ใจเย็นๆ รุจ อย่าเพิ่งใช้อารมณ์ เอาเข้าจริงฝ่ายนั้นเขาก็ไม่ได้ผิดทั้งหมด ถ้าเลือกได้ใครเขาจะอยากแต่งงานกับคนพิการจริงไหม ปล่อยเขาไปเถอะถือเสียว่าไม่ใช่คู่แท้ของยัยนับ" คุณหญิงประภาปรามลูกชายด้วยเหตุและผล เรื่องแบบนี้โทษใครได้ที่ไหน

    "เพื่อรักษาหน้าของพวกเรา และอยากให้ไอ้ตฤณมันรู้ว่านับไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอก ฉันและคุณแม่เลยอยากให้ปั้นช่วยแต่งงานกับลูกสาวฉัน ฉันอาจจะไม่ได้สนิทกับปั้นเหมือนคุณแม่ แต่ฉันมั่นใจว่าปั้นคือคนที่เชื่อใจได้ และสามารถดูแลยัยนับได้อย่างดี"

    “ผม…”

    "ฉันไม่ได้ให้ปั้นอยู่กับหลานฉันนานหรอก อย่างน้อย ๆ ก็ขอแค่หนึ่งปี หลังจากครบระยะเวลาที่ฉันพูดไปปั้นจะเป็นอิสระแน่นอน” ประภาพูดเสริม

    "แล้วทำไมต้องเป็นหนึ่งปีครับ"

    "เพราะฉันอยากให้เวลาหลาน ปล่อยให้ยัยนับได้ทำใจสักพัก เจ็บให้พอ ร้องไห้ออกมาเต็มที่ แล้วต่อจากนี้ต้องเข้มแข็งและอยู่ให้ได้ ระหว่างนี้ฉันกับเจ้ารุจจะพยายามหาหมอที่เก่งที่สุดให้ยัยนับไปด้วย และถ้าทุกอย่างลงตัวฉันกับหลานก็จะย้ายไปอยู่ที่อังกฤษถาวร กรอบเวลานี้เหมาะสมที่สุด ดีไม่ดีอาจจะเร็วกว่านั้น"

    "พอจะช่วยเราได้ไหม ?" นิรุจทวนถามเด็กในอุปการะของมารดาอย่างคาดหวัง เพราะถ้าไม่ใช่ปริชญ์เขาก็ไม่ไว้ใจใคร

    อีกทั้งอุบัติเหตุที่เกิดกับลูกสาวนั้นมีเค้าว่าจะเกิดจากความตั้งใจ ซึ่งยังหาตัวคนร้ายไม่เจอ การที่นิรณาอยู่กับปริชญ์ผู้ซึ่งมีเส้นสายธุรกิจสีเทาอยู่พอตัวจะทำให้ปลอดภัยกว่าการอยู่ที่อื่น

    "ได้ครับ ผมจะแต่งงานกับคุณนับ บอกกำหนดงานมาได้เลย แต่ผมขออะไรอย่างได้ไหมครับ" ปริชญ์เกริ่นนำขอข้อแลกเปลี่ยน

    “ลองว่ามาสิ” คนอายุมากกว่าจ้องหน้าคนกล้าต่อรองแน่นิ่งคล้ายไม่พอใจ

    “หนึ่งปีต่อจากนี้ ผมขอจีบคุณนับได้ไหมครับ” ปริชญ์ไม่มีอะไรจะเสีย ในเมื่อชอบพอนิรณาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพอมีโอกาสก็ต้องคว้าไว้ ต่อให้จะคว้าได้เพียงลมก็ตาม

    นิรุจหันมาสบตาคุณหญิงประภาโดยอัตโนมัติ มุมปากทั้งคู่โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม แล้วพยักหน้าให้กัน

    “กล้าขอฉันก็กล้าให้ จีบให้ติดแล้วกัน”

     

    *****

    อิพี่ก็รักของเขามาตั้งนาน

    ฝากเป็นกำลังใจให้พี่ปั้นด้วยน๊า^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×