คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1!!
ในทางเดินคุกใต้ดินแคบๆที่มีกลิ่นเหม็นอับและชื้นค่อนข้างมืดจนแทบจะมองไม่เห็นสิ่ง
ใดเลยถ้าไม่ได้แสงเพียงน้อยนิดจากเชิงเทียนที่ติดยื่นออกมาจากผนังที่เชิงหนึ่งอยู่ห่างกันออกไป
พอสมควร แต่แสงเพียงเล็กน้อยนั้นไม่ได้ช่วยให้การหลบเข้ามาในสถานที่ไม่น่าพิสมัยนี้ของชาย
หนุ่มคนหนึ่งสะดวกขึ้นได้เลย
เสียงหอบเบาๆที่เกิดจากการเดินอย่างเร่งรีบและเสียงโฮปตัวยาวที่สะบัดไปมาจากแรงวิ่ง
ขาของเขาก้าวอย่างว่องไวในความมืดแม้จะมองไม่เห็นอะไรมากนักแต่ชายหนุ่มก็ยังคงเร่งฝีเท้าลง
บันไดที่ยาวคดเคี้ยวลงไปเรื่อยๆเพื่อไปให้ถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด แต่ความมืดก็ขัดขว้างความเร่งรีบ
ของเค้าเข้าจนได้
พลั่กๆ...พลั่กๆ...ตุ้บๆ...ตุ้บ..
ร่างของชายหนุ่มกลิ้งตกบันไดลงมาราวๆสี่สิบขั้น ร่างที่มีแต่รอยบอบช้ำจากการกระแทก
อย่างแรง มีเลือดไหลซิบออกมาตามแขนขาและศีรษะพยายามลุกขึ้นโดยเรี่ยวแรงทั้งหมดของเค้าที่
มีเค้าต้องรีบทำให้จุดมุ่งหมายของเขาประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วที่สุดก่อนที่คนเฝ้าปากคุกจะรู้
ตัวว่าถูกเขาหลอกและกลับมาที่นี่เพื่อจัดการกับเขา
ชายหนุ่มรีบสาวเท้ายาวๆไปบนทางเรียบที่เขาตกลงมาถึง ทางนี้ไม่มีบันไดอีกแล้วแสดง
ให้เห็นว่ามันเป็นที่ที่อยู่ต่ำที่สุดของคุกใต้ดิน เขาเร่งฝีเท้าขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าความปวดที่ข้อเท้าเริ่มทำให้
เค้าเดินช้าลง เขาจะพลาดไม่ได้ถ้าเขาพลาดจะไม่มีโอกาสให้ได้แก้ตัวอีกเป็นครั้งที่สอง ชีวิตเค้าไม่
อาจอยู่อย่างมีความสุขได้ ถึงตายไปก็มิอาจตายตาหลับ
ในที่สุดเขาก็ได้มาถึงเป้าหมายที่เค้าตั้งใจ ข้างหน้าของเขาเป็นคุกที่ต่างจากคุกโดยทั่วไป
มันดูแข็งแรงและทรงพลัง กำแพงของคุกที่ถูกสร้างด้วยโลหะพิเศษถูกพิทักษ์รักษาด้วยมนตรามาก
มายหลายชั้น ทำให้เข้าใจได้ว่าสิ่งที่ถูกจองจำอยู่ข้างในนั้นเป็นสิ่งที่อันตรายมหาสารเพียงได้ถ้าสิ่ง
นั้นถูกปลดปล่อยออกมา แต่ชายหนุ่มไม่สนใจว่าสิ่งนั้นจะมีอันตรายมากมายขนาดไหน เขามาที่นี่
เพียงเพื่อปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ข้างในออกมาให้ได้รับอิสรภาพที่พึ่งจะมี
"เฟโรมีเซีย!!" ชายหนุ่มเรียกชื่อสิ่งที่อยู่ภายในด้วนน้ำเสียงดีใจพลางถอดโฮปออกจาก
ตัวเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลานัยตาสีฟ้าใสผมเส้นเล็กยาวถึงท้ายทอยดำขลับดูยุ่งเหยิง แต่ไม่
มีเสียงใดตอบกลับมาเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ชายหนุ่มมีอาการตระหนกขึ้นมา
"เฟโรมีเซีย...ข้าเอง...ฟร็อซท์...ท่านจำเสียงข้าไม่ได้หรือ" ชายหนุ่มเรียกด้วยความหวังว่า
จะมีเสียงตอบกลับมา เงียบไปอยู่สักสองสามนาทีสิ่งที่ชายหนุ่มฟร็อซท์คาดหวังก็เกิดขึ้น
"นั่นท่านหรือฟร็อซท์...ท่านจริงๆมั๊ย" เสียงที่ตอบกลับมาฟังดูเหนื่อยอ่อนแต่ก็มีความยิน
ดีเจือปนอยู่จนจับได้ว่าเจ้าของเสียงดีใจเพียงไรที่ได้ยินเสียงของฟร็อซท์
"ใช่แล้วเจ้าหญิงที่รักของข้า...ข้าดีใจนักที่ท่านยังปลอดภัย" ฟร็อซท์กล่าวยืนยันตัวอย่างดี
ใจที่มีเสียงตอบกลับมา มันแสดงว่าเจ้าหญิงอันเป็นที่รักของเค้ายังมีชีวิตอยู่แม้จะไม่สุขสบายดีนัก
"ฟร็อซท์...ยอดรักของข้า...ข้าดีใจเหลือเกินที่ได้ยินเสียงของท่านอีกครั้ง...ข้าไม่คิดเลยว่า
จะได้ยินเสียงของท่านก่อนที่ข้าจะตาย" น้ำเสียงของเจ้าหญิงเฟโรมีเซียสั่นเครือ นางดีใจยิ่งนักที่
ได้ยินเสียงคนรักที่รอคอยมาแสนนานอย่างเดียวดายในคุกที่แสนมืดมิดนี่
"ไม่มีทางที่ข้าจะปล่อยให้ท่านตายหรอก...ข้าดีใจเหลือเกินที่ท่านยังปลอดภัย"ฟร็อซท์
เดินมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าคุกใหญ่ที่แข็งแรง
"ฟร็อซท์ท่านไม่น่ามาเลยนี่เป็นโชคชะตาของข้า...อีกไม่นานข้าก้อคงจะตายไปในสถาน
จองจำแห่งนี้...มันอันตรายมากรู้มั๊ยที่ท่านแอบเข้ามา"เธอบอกชายผู้เป็นที่รักอย่างห่วงใยเป็นที่สุด
กลัวว่าตัวเองจะทำให้คนรักต้องตกอยู่ในอันตราย
"ท่านสูงส่งเกินกว่าที่จะต้องมาตายที่นี่เฟโรมีเซียที่รัก...ข้าจะเป็นคนพาท่านออกไปเอง"ฟร็อซท์บอกให้เธอมีความหวัง
"ไม่มีทางหรอก ท่านก็รู้ว่าท่านพ่อของข้าใช้จอมเวทย์มากขนาดไหนมาร่ายคาถานับพัน
เพื่อจะกักขังข้าไว้ที่นี่...ท่านพ่อต้องการให้ข้าจบชีวิตต้องคำสาปในที่แห่งนี้...ข้าไม่มีทางหนีไป
ไหนได้อีกแล้ว...กำแพงคุกนี่แข็งแกร่งเกินไป"เธอพูดอย่างหมดหวังเสียงนางที่ดังลอดจากในคุก
เบาลงไปทันที
"ต้องไปได้สิเฟโรมีเซีย...อย่าลืมสิว่าข้าเป็นอัสวินจอมเวทย์ที่เก่งที่สุดในที่นี้...ข้าต้องพาท่านออกไปได้แน่"ฟร็อซท์พยายามทำให้คนรักมีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกครั้ง
"ข้ารู้ว่าท่านเก่งหาใครเทียบมิได้...แต่เวทมนต์นับพันของจอมเวทมากมายขนาดนั้น...ต่อ
ให้ใช้พลังเวทของท่านทั้งหมดก็ไม่มีทางทำลายจนหมดได้"เธอยังคงสิ้นหวังที่จะดิ้นรนอยู่ต่อไป
"จริงอยู่ยอดรัก...พลังของข้าคนเดียวคงไม่มีทางจะทำลายเวทมนตร์มากมายขนาดนี้ได้...
แต่เจ้าไม่ต้องห่วง...เรามีคนที่มีพลังเวทมากมายยิ่งกว่าข้า เป็นจอมเวทที่มีพลังมากมายหาใครเปรียบ
มิได้"
"ท่านกำลังหมายถึงใคร...คนที่มีพลังเวทมากมายขนาดที่ท่านพูดข้าเห็นจะมีเพียงบาคูแซส
จอมเวทผู้เก่งกล้าที่ภักดีต่อท่านพ่อเท่านั้น...หนึ่งในจอมเวททั้งหมดที่ร่ายมนต์คาถาเพื่อกักขังข้าไว้
ในนี้...ไม่มีทางจะมาช่วยข้าออกไปจากที่แห่งนี้อยู่แล้ว"เสียงของเธอยิ่งหมดหวังไปจากเดิม
"ท่านผิดแล้วยอดรัก...จอมเวทคนนี้เป็นคนที่มีพลังเวทมากยิ่งกว่าบาคูแซสจอมเวทต่ำ
ทรามคนนั้น...จอมเวทที่ข้าพูดเป็นจอมเวทที่ใครๆก็ต่างหวาดกลัวมีพียงแต่ข้าเท่านั้นที่รู้ว่าไม่น่าหว
าดกลัวเลย...จอมเวทที่ถูกใครขนานนามว่า เจ้าหญิงต้องคำสาป" คำพูดของฟร็อซท์ทำให้เจ้าหญิง
ที่กำลังหมดหวังลุกขึ้นมา
"ข้าอย่างนั้นหรือ...ท่านบอกว่าข้าเป็นคนที่มีพลังเวทมากมายอย่างนั้นหรือ...ทำไมข้าถึงไม่
เคยรู้เลย...ถ้าข้ามีพลังเวทมากมายขนาดที่ท่านว่าทำไมบาคูแซสถึงไม่ยอมสอนเวทให้กับข้าเหมือน
กับที่สอนฟามีเรสพี่สาวของข้า"เจ้าหญิงถามอย่างข้องใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"เรื่องนั้นข้ามิอาจบอกท่านตอนนี้ได้...ข้าบอกได้เพียงฟามีเรสพี่สาวของท่านมิได้มีพลัง
เวทแม้แต่น้อยนางเป็นเพียงหญิงสาวที่มีความอิจฉาริษยาและไม่รู้จักพอ"ฟร็อซท์กล่าวอย่างขุ่น
เคืองใจเค้ารู้ความจริงบางเรื่องที่เจ้าหญิงไม่รู้
"แล้วทำไม..."เจ้าหญิงยังคงจะยืนกรานถามต่อไปแน่ๆถ้ามิใช่เพราะเสียงที่ดังมาจากข้าง
บนของคุกใต้ดิน
"เจ้าพวกโง่!!ปล่อยให้จอมเวทไร้ความสามารถนั่นหลอกล่อเอาได้ ป่านนี้มันมิลงไปถึงตัว
เฟโรมีเซียแล้วหรือไง"เสียงของชายวัยชราคนหนึ่งดังขึ้นอย่างโมโหสุดขีดเดาได้ว่าเค้ากำลังด่าว่า
ทหารเฝ้ายามคุกใต้ดินที่ถูกฟร็อซท์หลอกเพื่อที่จะเข้ามาข้างใน
"ท่านพ่อ!!" นางส่งเสียงอย่างตกใจ
"ตอนนี้ไม่มีเวลาจะมาพูดเรื่องนั้น...เราเสียเวลากับการพุดคุยมามากเกินพอแล้ว"ฟร็อซท์
กล่าวอย่างเร่งรีบเมื่อเสียงนั้นเงียบลงเค้าขาดว่าเสียงนั้นต้องเป็นเสียงของกษัตรย์โกรเซอร์บิดาใจ
ร้ายของเจ้าหญิงผู้เป็นที่รักของเค้าเป็นแน่ ตอนนี้เค้าคงให้ทหารรีบไปตามตัวบาคูแซสเพื่อมาจัด
การทั้งสองคคนอย่างไม่ต้องสงสัย
"แล้วท่านจะให้ข้าทำเช่นไร...ท่านพ่อต้องตามบาคูแซสมาจัดการท่านเป็นแน่...ท่านรีบ
หนีไปเถอะอย่าต้องมาเป็นอันตรายเพราะข้าเลย"เสียงของเจ้าหญิงหวาดกลัวและเร่งเร้าให้คนรัก
รีบหนีไป
"ข้าหนีไปตอนนี้ไม่ได้หรอกเฟโรมีเซีย...ข้าต้องพาท่านไปด้วย
วันนี้เป็นวันที่ท่านจะ
อายุครบ 18 ปีเป็นวันที่พลังทั้งหมดของท่านจะถูกปลดปล่อยออกมา"ฟร็อซท์ยืนกราน ในขณะ
ที่เริ่มมีเสียงฝีเท้านับสิบกำลังวิ่งตรงมาที่นี่
"แล้วท่านจะให้ข้าทำเช่นไร...ข้าไม่เคยเรียนรู้การใช้เวทเลย"เฟโรมีเซียวิตกกังวลที่ต้อง
ทำอะไรที่ไม่เคยรู้มาก่อนในเวลาที่กระชันชิดเช่นนี้
"ไม่ยากเลยยอดรักทำตามที่ข้าบอกเท่านั้น"
ฟร็อซท์บอกให้เฟโรมีเซียตั้งจิตไว้มั่นแล้วเค้าจะประสานจิตของตนกับเฟโรมีเซียเพื่อที่
จะดึงนางผ่านกำแพงโลหะพิเศษและมนตราคาถามากมายโดยไม่ให้มีรอยแผลแม้แต่น้อย การที่
จะผ่านกำแพงทั้งหมดนี้ออกมาโดยปลอดภัยจะต้องใช้พลังเวทเป็นจำนวนมากปกป้องหุ้มกาย
เสียงฝีเท้าดังกระชันชิดขึ้นมาเรื่อยๆ ฟร็อซท์เริ่มประสานจิตใช้พลังเวทดึงเวทของ
เฟโรมีเซียออกมาคุ้มกายนาง มีแสงไอขาวๆห่อหุ้มตัวของฟร็อซท์ไว้บางๆและต่อโยงทะลุกำแพง
คุกเข้าไปข้างใน เสียงฝีเท้าที่ใกล้ขึ้นมาอีกนั้นทำให้ฟร็อซท์จำต้องเร่งดึงเจ้าหญิงออกมาเค้าใช้
พลังทั้งหมดดึงนางออกมา เป็นเวลากว่าหนึ่งนาทีที่ฟร็อซท์ท่องเวทและเฟโรมีเซียตั้งจิตมั่น
พรึ่บ!!
เสี้ยววินาทีที่เจ้าหญิงองค์งามผมสีแดงยาวสยายถึงกลางหลังมีนัยน์ตาสีเดียวกับเส้นผมผิว
ขาวราวกับนุ่นริมฝีปากแดงระเรื่อ สีผมและตาของนางต่างจากคนทั่วไปต่างแม้แต่กับพวกจอมเวท
เองจึงไม่แปลกที่จะกลายเป็นเจ้าหญิงต้องคำสาป เมื่อนางปรากฏกายขึ้นต่อหน้าของฟร็อซท์
ฟร็อซท์ก็ล้มลงทันทีเพราะเร่งใช้พลังเวททั้งหมดในเวลาเดียว
"ฟร็อซท์เจ้าเป็นอะไร"เจ้าหญิงทรุดตัวตามเพื่อรับฟร็อซท์ให้ทันจังหวะเดียวกับที่โกรเซอร์บิดาของนาง ฟามีเรส บาคูแซสและทหารนับสิบคนปรากฏกายขึ้น
"เฟโรมีเซีย!!"เสียงของบิดาดังกึกก้องอย่างโมโหจนนางต้องสะดุ้ง
"โอ้!องค์-หญิง-ที่-รัก"บาคูแซสจอมเวทผอมสูงหน้ายาวเป็นลิ่มดูไม่น่าไว้ใจรำพึงอย่าง
แสแสร้ง
"นังน้องอัปลักษณ์น่าขยะแขยง"ฟามีเรสหญิงสาวผิวขาวนัยตาและผมดำสนิทหน้าตาง
ดงามตะโกนเกรี้ยวกราดใส่น้องสาวผิดกับหน้าตาของนาง
"ทะ...ท่านพ่อ...ฟามีเรส...บาคูแซส"ฟาโรมีเซียตื่นตระหนกที่เห็นคนทั้งหมดมายืนอยู่
นางหมดหนทางหนีแล้ว
"ทหารจับตัวนางกับคนกบฏไว้"สิ้นคำสั่งของกษัตรย์ผู้เป็นใหญ่ทหารทุกนายก็กรูกันเข้า
มาเพื่อจะจับตัวนางและฟร็อซท์
เปรี้ยง!!ตูม!!
สายฟ้าเส้นเล็กๆสามสี่เส้นวาดตัวผ่านหน้าทหารลงบนพื้นดังสนั่นเพื่อต้องกันเฟโรมีเซีย
จากทหาร
"ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแตะต้องนางได้"ฟร็อซท์พยายาม
ลุกขึ้นมาจากอ้อมแขนของเฟโรมีเซียเพื่อนเอาตัวบังนางไว้ แต่ตัวฟร็อซท์ตอนนี้แทบจะไม่ไหว
แล้วเค้าใช้พลังเวททั้งหมดสู้กับมนตรามากมายที่ผึกนางไว้
"มีอัศวินจอมเวทออกตัวมาปกป้องเช่นนี้เห็นทีข้าคงต้องขออนุญาตจัดการอะไรเสีย
หน่อย"บาคูแซสโค้งตัวให้กษัตริย์อย่างสง่างามแล้วก้าวออกมายืนหน้าพวกทหาร
"บาคูแซสจอมเวทชั่วอย่าได้คิดแม้แต่จะแตะต้องเจ้าหญิงของข้า"ฟร็อซท์ใช้ตัวบังนางเอา
ไว้
"ฮ่าฮ่าฮ่า!!ข้ายอมรับว่าเจ้าเก่งมากที่ดึงนางออกมาอย่างปลอดภัยจากกำแพงที่เต็มไปด้วย
เวทมากมายพวกนี้ แต่ตัวเจ้าเองคงเร่งใช้เวทมากเกินไปจนไม่มีแม้แต่แรงที่จะลุกยืนแล้วด้วยซ้ำ
ฮ่าฮ่าฮ่า!!"บาคูแซสหัวเราะดังสนั่นอย่างสุขใจ
"ถึงแม้ข้าต้องตายก็จะปกป้องนางให้ได้" ฟร็อซท์กะโกนใส่บาคูแซสอย่างแค้นเคือง
"โฮะๆๆ...เจ้าได้ตายสมใจแน่อัศวินจอมเวทผู้กล้า...ฮ่าๆๆ"บาคูแซสหัวเราะชูคฑาเงินประ
ดับยอดด้วยหินสีดำเป็นมันวาวมีอักษรโบราณสีทองสลักตลอดด้าม
"ไม่ได้นะบาคูแซส...ฟร็อซท์เป็นของข้าเจ้าจำทำร้ายเค้าไม่ได้"ฟามีเรสขัดขึ้นก่อนที่
บาคูแศสจะทันทำอะไร
"เอาอย่างนั้นหรือเจ้าหญิงฟามีเรส"บาคูแซสลดคฑาลงยิ้มมุมปากอย่างมีเลสนัย
"ลูกหญิง...ฟร็อซท์เป็นกบฏจะเป็นของเจ้าไมได้"โกรเซอร์ขัดลูกสาว
"ไม่ได้ก็ต้องได้ท่านพ่อ...ข้าชอบฟร็อซท์จอมเวทชาญฉลาดเก่งกาจไม่มีเทียบแถมหล่อ
เหลาเช่นนี้หามิได้ง่ายๆท่านพ่อไม่เสียดายความสามารถของเค้าหรือ"ฟามีเรสพยายามหว่านล้อม
บิดา
"ก็จริงอยู่" กษัตริย์เฒ่าครุ่นคิด "ได้...งั้นตามใจเจ้าสองคนจะจัดการอย่างไร...แต่อย่าให้
เฟโรมีเซียทำให้แคว้นของเราต้องเดือดร้อนเป็นอันขาด"
"ได้ค่ะท่านพ่อ"ฟามีเรสยิ้มรับก่อนจะเดินออกมาหาฟร็อซท์ "ฟร็อซท์ถ้าเจ้ายอมเป็นของ
ข้า...ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าแต่ถ้าเจ้าปฏิเสธข้าจะให้บาคูแซสขังเจ้าไว้กับน้องอัปลักษณ์ของข้าอยู่ที่นี่
ตลอดไป"
"ข้ายอมตายซะดีกว่าเป็นของหญิงที่มีแต่ความโสมมในใจอย่างเจ้า แต่ถึงแม้จะถูกกักขัง
ไว้นานเท่าไหร่แต่ถ้ามีเฟโรมีเซียข้าก็จะขออยู่กับนางตลอดไป"ฟร็อซท์ตอบหนักแน่นจ้อง
ฟามีเรสด้วยสายตาที่มั่นคงในคำพูด และเคียดแค้นนางที่มาทำให้คนรักของเขาต้องทุกข์ทรมาณ
"กรี๊ดดดดดดด!!"ฟามีเรสแผดเสียงลั่นเมื่อได้ยินดังนั้น
"บังอาจนัก...เจ้าเป็นใครกันกล้าปฏิเสธคำของข้าหญิงสาวที่งดงามที่สุด...ถ้าเจ้าอยาก
ทรมาณนักข้าจะให้สมใจ...บาคูแซสข้าเปลี่ยนใจแล้วเมื่อข้าไม่ได้ใครก็ต้องไม่ได้ฆ่าฟร็อซท์ซะ"
สิ้นคำเจ้าหญิงใจอัปลักษณ์บาคูแซสชูคฑาขึ้นอีกครั้งละอองดำทะมึนเข้มค่อยๆแผ่ขยายออกมา
จากหินสีดำมาโอบล้อมตัวของฟร็อซท์เอาไว้ฟร็อซท์ใช้พลังเวทสุดท้ายร่ายมนต์สร้างทรงกลมหุ้ม
ร่างเฟโรมีเซียเอาไว้แทนทีจะปกป้องตัวเอง
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกก!!เสียงของฟร็อซท์ร้องอย่างเจ็บปวดังไปทั่วคุกใต้ดิน
"อย่านะบาคูแซส...ได้โปรด..."เฟโรมีเซียอ้อนวอนทุบเกราะป้องกันที่คนรักสร้างไว้ให้
อย่างปวดร้าวทรมาณใจ
"เห็นว่าจะทำตามขอร้องไม่ได้นะองค์หญิง"บาคูแซสยิ้มอย่างพอใจกับภาพที่เห็น
"ได้โปรด...อย่าทำร้ายฟร็อซท์"องค์หญิงสะอื้นไห้อย่าสิ้นหวัง
ร่างที่ลอยอยู่เหนือพื้นของฟร็อซท์ดิ้นรนและร้องอย่างเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น ทันในนั้นเอง
ระอองออร่าสีแดงจำนวนมากค่อยๆออกมาจากตัวของฟาโรมีเซีย เกราะที่ฟร็อซท์สร้างไว้เริ่มร้าว
ละออกสีแดงเริ่มออกมาตามรอยร้าว ได้เห็นดังนั้นบาคูแซสเริ่มมีสีหน้าตระหนก บรรยากาศ
รอบๆเริ่มขุ่นหมอง หมอกควันสีแดงฟุ้งกระจาย ทหารเริ่มถอยห่างออกไป โกรเซอร์หน้าเสียเหงื่อ
เม็ดใหญ่ผุดขึ้นหลายเม็ด ฟามีเรสหลบอยู่หลังพ่อตัวสั่นด้วยความกลัว ทุกคนรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไร
ขึ้น ฟาโรมีเซียเจ้าหญิงต้องคำสาป เจ้าหญิงแห่งสงครามกำลังโกรธแค้น เศร้าโศก สิ้นหวัง
อารมณ์ต่างๆของเธอช่วยปลุกให้พลังมหาศาลที่หลับไหลเริ่มตื่นขึ้น
"แย่แล้วบาคูแซส...ทำอะไรซักอย่างสิขืนปล่อยไว้แบบนี้เฟโรมีเซียทำเมืองข้าพินาศหมดแน่"โกรเซอร์กล่าวอย่างหวาดหวั่น
"เฟ..เฟโรมี..เซีย...อย่าทำเช่นนั้น...ไม่อย่างนั้นท่านจะสูญสลาย...ไปกับพลังที่ระเบิดอออกมา"ฟร็อซท์เค้นแรงที่มีอยู่น้อยนิดรองบอกองค์หญิงที่ถูกอารมณ์เข้าครอบงำจนควบคุมพลังไม่ได้
"เหตุใดกัน...ทำไมไม่ยอมฟังคำวิงวอนของข้า...ทำไม...ทำไมถึงได้โหดร้ายต่อกันเช่นนี้"
ฟาโรมีเซียรำพึง เกราะป้องกันที่ฟร็อซท์สร้างเริ่มกะเทาะออก กลุ่มควันสีแดงพุ่งออกมาทางรอย
แตกต่างๆ บาคูแซสค่อยๆปล่อยฟร็อซท์ลงช้าๆและค่อยๆถอยหลังออกไป
"เฟโรมีเซียท่านต้องสงบใจ...อย่าปล่อยพลังหาศาลนั่นออกมา..."ฟร็อซท์ค่อยๆคลานพา
ร่างที่อ่อนแรงเข้าไปหาคนรักเมื่อถูกปล่อยลงมา
"เพราะมาช่วยข้า...ท่านต้องเจ็บปวดทรมาณ"น้ำตาสีแดงดั่งสายเลือดค่อยไหลลงมาอาบ
แก้มขาวๆทั้งสองข้าง
"เฟโรมีเซีย..."ฟร็อซท์ได้เรียกหญิงสาวเป็นครั้งสุดท้าย
"ทำไมต้องทำร้ายกันถึงขนาดนี้....ทำไมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม"
ฟาโรมีเซียควบคุมพลังต่อไปไม่ได้แล้ว พลังทั้งหมดถูกระเบิดออกมาเป็นแรงระเบิดมหาศาล ฝ่าย
โกรเซอร์รีบวิ่งหนีกันโกลาหลขึ้นมาจากคุกใต้ดิน ฟร็อซท์เข้าไปโอบก่อนร่างหญิงคนรักที่ตะโกน
ร้องด้วยความเศร้าก่อนที่เพดานคุกทั้งหมดจะพังลงมาไม่มีใครวิ่งหนีได้ไปถึงข้างบนแรงระเบิด
แรงมากฟามีเรสร้องอย่างหวาดกลัวเมื่อเพดานค่อยๆพังลงมาแระไร้ทางหนี บาคูแซสร้อง
ตะโกนเวทมากมายเพื่อเปิดทาง แต่ก็ไม่เป็นผลคุกใต้ดินค่อยๆทลายลงมาเรื่อยๆ เสียงอันโศกเศร้า
ของฟาโรมีเซียยังคงดังก้อง และเสียงสาปแช่งของจอมเวทที่หมดทางหนีอย่างบาคูแซสและหญิง
ใจอัปลักษณ์อย่างฟามีเรส
"ข้าขอสาปแช่งให้เจ้าไม่ได้พบกับความสุขของรักไปทุกภพทุกชาติ"เสียงสุดท้ายของ
ฟามีเรสก่อนที่คุกทั้งหมดจะพังลงมา
พรึ่บ!!
เด็กสาวคนหนึ่งผมดำขลับยาวสยายสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากที่นอนเนื้อตัวชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
มีแสงอ่อนๆทอดลงมาบนที่นอน
"แฮ่กๆ"เธอหอบเบาๆด้วยความตกใจก่อนที่จะหยิบนาฬิกาบนตัวเตียงมาดูอย่างรีบร้อน
"หวาย!!แย่แล้วเจ็ดโมงครึ่งแล้ว...ขืนวันนี้ไปสายอีกประธานฮายามินะเอาตายแน่ๆ"ว่า
แล้วสาวน้อยก็กระโดดพุ่งลงจากเตียงล้างหน้าแปรงฟันแต่งตัวอย่างรวดเร็ว
"ฮิเมะไม่กินข้าวเช้าเหรอ"เสียงถามดังมาจากในครัวเมื่อสาวน้อยมินามิวิ่งปรู๊ดผ่านไป
"ไม่ล่ะค่ะแม่ไม่ทันแล้วค่ะ"เธอตอบแม่พลางใส่รองเท้าอย่างเร่งรีบและวิ่งออกไป
"เด๋วฮิเมะข้าวกล่องล่ะลูก"แม่รีบวิ่งตามออกมาต่ฮิเมะก็วิ่งออกไปแล้ว "แล้วกันเด็กคนนี้"
ขณะที่หันหน้าจะเดินเข้าบ้าน
"ขอบคุณค่ะแม่"ฮิเมะที่วิ่งไปแล้ววิ่งกลับมาดึงห่อข้าวกล่องจากมือแม่แล้วพุ่งตรงไปยัง
โรงเรียนทันที
"เด็กคนนี้ชอบผลุบๆโผล่ๆหยั่งกับหายตัวได้"แม่พึมพำอย่างคนเพิ่งใจหายที่อยู่ๆลูกก้อ
โผล่มาก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านไป
ปิ๊งป่องงงงง.....
"แฮ่กๆ....ทันเวลาพอดีเลย"ฮิเมะหอบแฮ่กทันทีที่พ้นเข้าเขตุโรงเรียนทันเวลา
"คุณ
"คะ...คุณฮายามินะ...อะ...อรุณสวัสดิ์ค่ะ"มิยามิพยายามกล่าวอรุณสวัสดิ์กับประธาน
นักเรียนสาวที่ดูจะไม่ชอบหน้าเธอเอาเสียเลย
"วันนี้ยังถือว่าเฉียดฉิวเกินไปถ้าครั้งหน้ายังไม่ดีกว่านี้อย่าหาว่าชั้นไม่เตือน"ฮายามินะ
พูดอย่างวางมาด
"ค่ะ...คราวหน้าจะมาให้เร็วกว่านี้...ขอตัวก่อนนะคะได้เวลาโฮมรูมแล้ว"พูดจบฮิเมะก็รีบ
วิ่งปรู๊ดขึ้นห้องเรียนทันที
ความจริงไม่ใช่ฮายามินะคนเดียวที่ไม่ชอบหน้าฮิเมะยังมีคนอื่นอีกหลายคนที่ไม่ชอบ
หน้าเธอเป็นเรื่องที่ใครๆก็รู้กัน
"อรุณสวัสดิ์...อายาริ
ยูคิ"ฮิเมะกล่าวอรุณสวัสดิ์เพื่อนสนิทเพียงสองคนที่เธอมีใน
โรงเรียนนี้
"อรุณสวัสดิ์ฮิเมะ"ยูคิยิ้มอย่างร่าเริง
"เอ๋!...ทำไมวันนี้ยูคิดูท่าทางร่าเริงดีจังมีเรื่องอะไรพิเศษรึปล่าว"ฮิเมะเห็นเพื่อนท่าทางร่า
เริงผิดปรกติจึงถามอย่างสงสัย
"เอ๊ะ!เธอไม่รุ้จริงๆเหรอฮิเมะ"อายาริถามหน้าสงสัยมากๆ
"อ่าว...ไม่บอกแล้วชั้นจะรู้ได้ไงล่ะ"
"ก็วันนี้นะจะมีนักเรียนย้ายมาใหม่ที่ห้องเราล่ะ"ยูคิทนไม่ไหวตอบแทนอายาริแต่ฮิเมะ
ก็ยังคงมีท่าทางปรกติ
"เหรอ..ก็ดีนะ ว่าแต่น่าตื่นเต้นตรงไหน หรือว่านักเรียนใหม่เป็นดาราที่พวกเธอชอบ"
ฮิเมะยังคงไม่เข้าใจ
"โอ๊ย!!ยัยนี่หน้าตาดีแต่สมองนี่...น่าเขกหัวจริงๆ...ไม่ต้องถึงดาราหรอกย่ะ แต่เป็นผู้ชาย
นะผู้ชาย...ชั้นกับอายาริเลยตกลงกันว่าถ้าหล่อสาวกรี๊ดจะจับมัดมือมัดเท้าใส่พานให้เธอซะเลยไง"
ยูคิกอดอกมองฮิเมะ
"ใช่ๆ...อยู่เป็นโสดมาได้ไงนี่ม.ปลายปี2แล้วนะต้องหาแฟนซักคนสิจะได้เลิกเป็นโรคขาด
รสชาดรักซะที"อายาริเสริม
"หา!!ไม่เอาด้วยหรอกเรื่องแบบนั้นน่ะ"ฮิเมะปฏิเสธทันควัน
"ไม่เอาได้ไงมีโอกาสทั้งที"ยูคิรีบค้าน
"ยูคิ...อายาริ...เธอก้อรู้นะว่าทำชั้นถึงไม่มีแฟน ทำไมผู้ชายในโรงเรียนถึงไม่กล้ามาจีบชั้น"
ฮิเมะวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วนั่งลง
"แต่เด็กใหม่เค้าไม่รู้นี่นา...จริงมั๊ยยูคิ"อายาริยิ้มขอความเห็น
"ช่ายยยย..."ยูคิเสริมเห็นด้วยทันที
"ชั้นพูดจริงๆนะ..."ฮิเมะจะพูดต่อแต่อาจารย์เดินเข้ามาในห้องพอดียูคิกับอายาริจึงยกมือขึ้นเป็นสัญญาณพักไว้ก่อนแล้วรีบนั่งที่ของตัวเอง "ชั้นไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน"จึงไม่มีใครได้ยินที่ฮิเมะพูดนอกจากอายาริที่นั่งใกล้ๆที่ได้ยินแว่วๆแล้วหันมามามองหน้าเธอเหมือนถามว่าจะพูดอะไร เธอจึงส่ายหน้าน้อยๆเป็นเชิงปฏิเสธ
"เอาล่ะ...พวกเธอคงพอจะได้ยินข่าวกันมาบ้างแล้วนะว่าวันนี้จะมีนักเรียนใหม่ย้ายมาอยู่กับเรา...เขามาจากต่างประเทศ อาจจะยังไม่คุ้นกับที่นี่มากนักยังไงก็ช่วยดูแลเพื่อนใหม่ของพวกเราด้วย"อ.ยามิคุระกล่าวเมื่อเข้ามาถึงในห้อง"
"จะดูแลให้อย่างดีเลยล่ะ"อายาริหันมาส่งสายตาเป็นสัญญาณให้เพื่อนทั้งสองคน สัญญาณที่สร้างความหนักใจให้กับฮิเมะ
*********************************************
นี่เป็นเรื่องใหม่ในรอบหลายปีเลย(หลายปีจริงๆ) อยากให้ช่วยติดตามกันด้วยนะคะ
ความคิดเห็น