ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ๐Red Hair Princess๐เจ้าหญิงต้องสาป๐

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1!!

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 50


                 ในทางเดินคุกใต้ดินแคบๆที่มีกลิ่นเหม็นอับและชื้นค่อนข้างมืดจนแทบจะมองไม่เห็นสิ่ง
    ใดเลยถ้าไม่ได้แสงเพียงน้อยนิดจากเชิงเทียนที่ติดยื่นออกมาจากผนังที่เชิงหนึ่งอยู่ห่างกันออกไป
    พอสมควร แต่แสงเพียงเล็กน้อยนั้นไม่ได้ช่วยให้การหลบเข้ามาในสถานที่ไม่น่าพิสมัยนี้ของชาย
    หนุ่มคนหนึ่งสะดวกขึ้นได้เลย

                    เสียงหอบเบาๆที่เกิดจากการเดินอย่างเร่งรีบและเสียงโฮปตัวยาวที่สะบัดไปมาจากแรงวิ่ง
    ขาของเขาก้าวอย่างว่องไวในความมืดแม้จะมองไม่เห็นอะไรมากนักแต่ชายหนุ่มก็ยังคงเร่งฝีเท้าลง
    บันไดที่ยาวคดเคี้ยวลงไปเรื่อยๆเพื่อไปให้ถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด แต่ความมืดก็ขัดขว้างความเร่งรีบ
    ของเค้าเข้าจนได้

                    พลั่กๆ...พลั่กๆ...ตุ้บๆ...ตุ้บ..

                    ร่างของชายหนุ่มกลิ้งตกบันไดลงมาราวๆสี่สิบขั้น ร่างที่มีแต่รอยบอบช้ำจากการกระแทก
    อย่างแรง มีเลือดไหลซิบออกมาตามแขนขาและศีรษะพยายามลุกขึ้นโดยเรี่ยวแรงทั้งหมดของเค้าที่
    มีเค้าต้องรีบทำให้จุดมุ่งหมายของเขาประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วที่สุดก่อนที่คนเฝ้าปากคุกจะรู้
    ตัวว่าถูกเขาหลอกและกลับมาที่นี่เพื่อจัดการกับเขา

                    ชายหนุ่มรีบสาวเท้ายาวๆไปบนทางเรียบที่เขาตกลงมาถึง ทางนี้ไม่มีบันไดอีกแล้วแสดง
    ให้เห็นว่ามันเป็นที่ที่อยู่ต่ำที่สุดของคุกใต้ดิน เขาเร่งฝีเท้าขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าความปวดที่ข้อเท้าเริ่มทำให้
    เค้าเดินช้าลง เขาจะพลาดไม่ได้ถ้าเขาพลาดจะไม่มีโอกาสให้ได้แก้ตัวอีกเป็นครั้งที่สอง ชีวิตเค้าไม่
    อาจอยู่อย่างมีความสุขได้ ถึงตายไปก็มิอาจตายตาหลับ

                    ในที่สุดเขาก็ได้มาถึงเป้าหมายที่เค้าตั้งใจ ข้างหน้าของเขาเป็นคุกที่ต่างจากคุกโดยทั่วไป
    มันดูแข็งแรงและทรงพลัง กำแพงของคุกที่ถูกสร้างด้วยโลหะพิเศษถูกพิทักษ์รักษาด้วยมนตรามาก
    มายหลายชั้น ทำให้เข้าใจได้ว่าสิ่งที่ถูกจองจำอยู่ข้างในนั้นเป็นสิ่งที่อันตรายมหาสารเพียงได้ถ้าสิ่ง
    นั้นถูกปลดปล่อยออกมา แต่ชายหนุ่มไม่สนใจว่าสิ่งนั้นจะมีอันตรายมากมายขนาดไหน เขามาที่นี่
    เพียงเพื่อปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ข้างในออกมาให้ได้รับอิสรภาพที่พึ่งจะมี

                    "เฟโรมีเซีย!!" ชายหนุ่มเรียกชื่อสิ่งที่อยู่ภายในด้วนน้ำเสียงดีใจพลางถอดโฮปออกจาก
    ตัวเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลานัยตาสีฟ้าใสผมเส้นเล็กยาวถึงท้ายทอยดำขลับดูยุ่งเหยิง แต่ไม่
    มีเสียงใดตอบกลับมาเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ชายหนุ่มมีอาการตระหนกขึ้นมา

                    "เฟโรมีเซีย...ข้าเอง...ฟร็อซท์...ท่านจำเสียงข้าไม่ได้หรือ" ชายหนุ่มเรียกด้วยความหวังว่า
    จะมีเสียงตอบกลับมา เงียบไปอยู่สักสองสามนาทีสิ่งที่ชายหนุ่มฟร็อซท์คาดหวังก็เกิดขึ้น

                    "นั่นท่านหรือฟร็อซท์...ท่านจริงๆมั๊ย" เสียงที่ตอบกลับมาฟังดูเหนื่อยอ่อนแต่ก็มีความยิน
    ดีเจือปนอยู่จนจับได้ว่าเจ้าของเสียงดีใจเพียงไรที่ได้ยินเสียงของฟร็อซท์

                    "ใช่แล้วเจ้าหญิงที่รักของข้า...ข้าดีใจนักที่ท่านยังปลอดภัย" ฟร็อซท์กล่าวยืนยันตัวอย่างดี
    ใจที่มีเสียงตอบกลับมา มันแสดงว่าเจ้าหญิงอันเป็นที่รักของเค้ายังมีชีวิตอยู่แม้จะไม่สุขสบายดีนัก

                    "ฟร็อซท์...ยอดรักของข้า...ข้าดีใจเหลือเกินที่ได้ยินเสียงของท่านอีกครั้ง...ข้าไม่คิดเลยว่า
    จะได้ยินเสียงของท่านก่อนที่ข้าจะตาย
    " น้ำเสียงของเจ้าหญิงเฟโรมีเซียสั่นเครือ นางดีใจยิ่งนักที่
    ได้ยินเสียงคนรักที่รอคอยมาแสนนานอย่างเดียวดายในคุกที่แสนมืดมิดนี่

                    "ไม่มีทางที่ข้าจะปล่อยให้ท่านตายหรอก...ข้าดีใจเหลือเกินที่ท่านยังปลอดภัย"ฟร็อซท์
    เดินมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าคุกใหญ่ที่แข็งแรง

                    "ฟร็อซท์ท่านไม่น่ามาเลยนี่เป็นโชคชะตาของข้า...อีกไม่นานข้าก้อคงจะตายไปในสถาน
    จองจำแห่งนี้...มันอันตรายมากรู้มั๊ยที่ท่านแอบเข้ามา
    "เธอบอกชายผู้เป็นที่รักอย่างห่วงใยเป็นที่สุด
    กลัวว่าตัวเองจะทำให้คนรักต้องตกอยู่ในอันตราย

                    "ท่านสูงส่งเกินกว่าที่จะต้องมาตายที่นี่เฟโรมีเซียที่รัก...ข้าจะเป็นคนพาท่านออกไปเอง"ฟร็อซท์บอกให้เธอมีความหวัง

                    "ไม่มีทางหรอก ท่านก็รู้ว่าท่านพ่อของข้าใช้จอมเวทย์มากขนาดไหนมาร่ายคาถานับพัน
    เพื่อจะกักขังข้าไว้ที่นี่...ท่านพ่อต้องการให้ข้าจบชีวิตต้องคำสาปในที่แห่งนี้...ข้าไม่มีทางหนีไป
    ไหนได้อีกแล้ว...กำแพงคุกนี่แข็งแกร่งเกินไป
    "เธอพูดอย่างหมดหวังเสียงนางที่ดังลอดจากในคุก
    เบาลงไปทันที

                    "ต้องไปได้สิเฟโรมีเซีย...อย่าลืมสิว่าข้าเป็นอัสวินจอมเวทย์ที่เก่งที่สุดในที่นี้...ข้าต้องพาท่านออกไปได้แน่"ฟร็อซท์พยายามทำให้คนรักมีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกครั้ง

                    "ข้ารู้ว่าท่านเก่งหาใครเทียบมิได้...แต่เวทมนต์นับพันของจอมเวทมากมายขนาดนั้น...ต่อ
    ให้ใช้พลังเวทของท่านทั้งหมดก็ไม่มีทางทำลายจนหมดได้
    "เธอยังคงสิ้นหวังที่จะดิ้นรนอยู่ต่อไป

                    "จริงอยู่ยอดรัก...พลังของข้าคนเดียวคงไม่มีทางจะทำลายเวทมนตร์มากมายขนาดนี้ได้...
    แต่เจ้าไม่ต้องห่วง...เรามีคนที่มีพลังเวทมากมายยิ่งกว่าข้า เป็นจอมเวทที่มีพลังมากมายหาใครเปรียบ
    มิได้
    "

                    "ท่านกำลังหมายถึงใคร...คนที่มีพลังเวทมากมายขนาดที่ท่านพูดข้าเห็นจะมีเพียงบาคูแซส
    จอมเวทผู้เก่งกล้าที่ภักดีต่อท่านพ่อเท่านั้น...หนึ่งในจอมเวททั้งหมดที่ร่ายมนต์คาถาเพื่อกักขังข้าไว้
    ในนี้...ไม่มีทางจะมาช่วยข้าออกไปจากที่แห่งนี้อยู่แล้ว
    "เสียงของเธอยิ่งหมดหวังไปจากเดิม

                    "ท่านผิดแล้วยอดรัก...จอมเวทคนนี้เป็นคนที่มีพลังเวทมากยิ่งกว่าบาคูแซสจอมเวทต่ำ
    ทรามคนนั้น...จอมเวทที่ข้าพูดเป็นจอมเวทที่ใครๆก็ต่างหวาดกลัวมีพียงแต่ข้าเท่านั้นที่รู้ว่าไม่น่าหว
    าดกลัวเลย...จอมเวทที่ถูกใครขนานนามว่า เจ้าหญิงต้องคำสาป
    " คำพูดของฟร็อซท์ทำให้เจ้าหญิง
    ที่กำลังหมดหวังลุกขึ้นมา

                    "ข้าอย่างนั้นหรือ...ท่านบอกว่าข้าเป็นคนที่มีพลังเวทมากมายอย่างนั้นหรือ...ทำไมข้าถึงไม่
    เคยรู้เลย...ถ้าข้ามีพลังเวทมากมายขนาดที่ท่านว่าทำไมบาคูแซสถึงไม่ยอมสอนเวทให้กับข้าเหมือน
    กับที่สอนฟามีเรสพี่สาวของข้า"เจ้าหญิงถามอย่างข้องใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

                    "เรื่องนั้นข้ามิอาจบอกท่านตอนนี้ได้...ข้าบอกได้เพียงฟามีเรสพี่สาวของท่านมิได้มีพลัง
    เวทแม้แต่น้อยนางเป็นเพียงหญิงสาวที่มีความอิจฉาริษยาและไม่รู้จักพอ
    "ฟร็อซท์กล่าวอย่างขุ่น
    เคืองใจเค้ารู้ความจริงบางเรื่องที่เจ้าหญิงไม่รู้

                    "แล้วทำไม..."เจ้าหญิงยังคงจะยืนกรานถามต่อไปแน่ๆถ้ามิใช่เพราะเสียงที่ดังมาจากข้าง
    บนของคุกใต้ดิน

                    "เจ้าพวกโง่!!ปล่อยให้จอมเวทไร้ความสามารถนั่นหลอกล่อเอาได้ ป่านนี้มันมิลงไปถึงตัว
    เฟโรมีเซียแล้วหรือไง
    "เสียงของชายวัยชราคนหนึ่งดังขึ้นอย่างโมโหสุดขีดเดาได้ว่าเค้ากำลังด่าว่า
    ทหารเฝ้ายามคุกใต้ดินที่ถูกฟร็อซท์หลอกเพื่อที่จะเข้ามาข้างใน

                    "ท่านพ่อ!!" นางส่งเสียงอย่างตกใจ

                    "ตอนนี้ไม่มีเวลาจะมาพูดเรื่องนั้น...เราเสียเวลากับการพุดคุยมามากเกินพอแล้ว"ฟร็อซท์

    กล่าวอย่างเร่งรีบเมื่อเสียงนั้นเงียบลงเค้าขาดว่าเสียงนั้นต้องเป็นเสียงของกษัตรย์โกรเซอร์บิดาใจ
    ร้ายของเจ้าหญิงผู้เป็นที่รักของเค้าเป็นแน่ ตอนนี้เค้าคงให้ทหารรีบไปตามตัวบาคูแซสเพื่อมาจัด
    การทั้งสองคคนอย่างไม่ต้องสงสัย

                    "แล้วท่านจะให้ข้าทำเช่นไร...ท่านพ่อต้องตามบาคูแซสมาจัดการท่านเป็นแน่...ท่านรีบ
    หนีไปเถอะอย่าต้องมาเป็นอันตรายเพราะข้าเลย
    "เสียงของเจ้าหญิงหวาดกลัวและเร่งเร้าให้คนรัก
    รีบหนีไป

                    "ข้าหนีไปตอนนี้ไม่ได้หรอกเฟโรมีเซีย...ข้าต้องพาท่านไปด้วยวันนี้เป็นวันที่ท่านจะ
    อายุครบ 18 ปีเป็นวันที่พลังทั้งหมดของท่านจะถูกปลดปล่อยออกมา
    "ฟร็อซท์ยืนกราน ในขณะ
    ที่เริ่มมีเสียงฝีเท้านับสิบกำลังวิ่งตรงมาที่นี่

                    "แล้วท่านจะให้ข้าทำเช่นไร...ข้าไม่เคยเรียนรู้การใช้เวทเลย"เฟโรมีเซียวิตกกังวลที่ต้อง
    ทำอะไรที่ไม่เคยรู้มาก่อนในเวลาที่กระชันชิดเช่นนี้

                    "ไม่ยากเลยยอดรักทำตามที่ข้าบอกเท่านั้น"

                    ฟร็อซท์บอกให้เฟโรมีเซียตั้งจิตไว้มั่นแล้วเค้าจะประสานจิตของตนกับเฟโรมีเซียเพื่อที่
    จะดึงนางผ่านกำแพงโลหะพิเศษและมนตราคาถามากมายโดยไม่ให้มีรอยแผลแม้แต่น้อย การที่
    จะผ่านกำแพงทั้งหมดนี้ออกมาโดยปลอดภัยจะต้องใช้พลังเวทเป็นจำนวนมากปกป้องหุ้มกาย

                    เสียงฝีเท้าดังกระชันชิดขึ้นมาเรื่อยๆ ฟร็อซท์เริ่มประสานจิตใช้พลังเวทดึงเวทของ
    เฟโรมีเซียออกมาคุ้มกายนาง มีแสงไอขาวๆห่อหุ้มตัวของฟร็อซท์ไว้บางๆและต่อโยงทะลุกำแพง
    คุกเข้าไปข้างใน เสียงฝีเท้าที่ใกล้ขึ้นมาอีกนั้นทำให้ฟร็อซท์จำต้องเร่งดึงเจ้าหญิงออกมาเค้าใช้
    พลังทั้งหมดดึงนางออกมา เป็นเวลากว่าหนึ่งนาทีที่ฟร็อซท์ท่องเวทและเฟโรมีเซียตั้งจิตมั่น

                    พรึ่บ!!

                    เสี้ยววินาทีที่เจ้าหญิงองค์งามผมสีแดงยาวสยายถึงกลางหลังมีนัยน์ตาสีเดียวกับเส้นผมผิว
    ขาวราวกับนุ่นริมฝีปากแดงระเรื่อ สีผมและตาของนางต่างจากคนทั่วไปต่างแม้แต่กับพวกจอมเวท
    เองจึงไม่แปลกที่จะกลายเป็นเจ้าหญิงต้องคำสาป เมื่อนางปรากฏกายขึ้นต่อหน้าของฟร็อซท์
    ฟร็อซท์ก็ล้มลงทันทีเพราะเร่งใช้พลังเวททั้งหมดในเวลาเดียว

                    "ฟร็อซท์เจ้าเป็นอะไร"เจ้าหญิงทรุดตัวตามเพื่อรับฟร็อซท์ให้ทันจังหวะเดียวกับที่โกรเซอร์บิดาของนาง ฟามีเรส บาคูแซสและทหารนับสิบคนปรากฏกายขึ้น

                    "เฟโรมีเซีย!!"เสียงของบิดาดังกึกก้องอย่างโมโหจนนางต้องสะดุ้ง

                    "โอ้!องค์-หญิง-ที่-รัก"บาคูแซสจอมเวทผอมสูงหน้ายาวเป็นลิ่มดูไม่น่าไว้ใจรำพึงอย่าง
    แสแสร้ง

                    "นังน้องอัปลักษณ์น่าขยะแขยง"ฟามีเรสหญิงสาวผิวขาวนัยตาและผมดำสนิทหน้าตาง
    ดงามตะโกนเกรี้ยวกราดใส่น้องสาวผิดกับหน้าตาของนาง

                    "ทะ...ท่านพ่อ...ฟามีเรส...บาคูแซส"ฟาโรมีเซียตื่นตระหนกที่เห็นคนทั้งหมดมายืนอยู่
    นางหมดหนทางหนีแล้ว

                    "ทหารจับตัวนางกับคนกบฏไว้"สิ้นคำสั่งของกษัตรย์ผู้เป็นใหญ่ทหารทุกนายก็กรูกันเข้า
    มาเพื่อจะจับตัวนางและฟร็อซท์

                    เปรี้ยง!!ตูม!!

                    สายฟ้าเส้นเล็กๆสามสี่เส้นวาดตัวผ่านหน้าทหารลงบนพื้นดังสนั่นเพื่อต้องกันเฟโรมีเซีย
    จากทหาร

                    "ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแตะต้องนางได้"ฟร็อซท์พยายาม
    ลุกขึ้นมาจากอ้อมแขนของเฟโรมีเซียเพื่อนเอาตัวบังนางไว้ แต่ตัวฟร็อซท์ตอนนี้แทบจะไม่ไหว
    แล้วเค้าใช้พลังเวททั้งหมดสู้กับมนตรามากมายที่ผึกนางไว้

                    "มีอัศวินจอมเวทออกตัวมาปกป้องเช่นนี้เห็นทีข้าคงต้องขออนุญาตจัดการอะไรเสีย
    หน่อย
    "บาคูแซสโค้งตัวให้กษัตริย์อย่างสง่างามแล้วก้าวออกมายืนหน้าพวกทหาร

                    "บาคูแซสจอมเวทชั่วอย่าได้คิดแม้แต่จะแตะต้องเจ้าหญิงของข้า"ฟร็อซท์ใช้ตัวบังนางเอา
    ไว้

                    "ฮ่าฮ่าฮ่า!!ข้ายอมรับว่าเจ้าเก่งมากที่ดึงนางออกมาอย่างปลอดภัยจากกำแพงที่เต็มไปด้วย
    เวทมากมายพวกนี้ แต่ตัวเจ้าเองคงเร่งใช้เวทมากเกินไปจนไม่มีแม้แต่แรงที่จะลุกยืนแล้วด้วยซ้ำ
     
    ฮ่าฮ่าฮ่า!!"บาคูแซสหัวเราะดังสนั่นอย่างสุขใจ

                    "ถึงแม้ข้าต้องตายก็จะปกป้องนางให้ได้" ฟร็อซท์กะโกนใส่บาคูแซสอย่างแค้นเคือง

                    "โฮะๆๆ...เจ้าได้ตายสมใจแน่อัศวินจอมเวทผู้กล้า...ฮ่าๆๆ"บาคูแซสหัวเราะชูคฑาเงินประ
    ดับยอดด้วยหินสีดำเป็นมันวาวมีอักษรโบราณสีทองสลักตลอดด้าม

                    "ไม่ได้นะบาคูแซส...ฟร็อซท์เป็นของข้าเจ้าจำทำร้ายเค้าไม่ได้"ฟามีเรสขัดขึ้นก่อนที่
    บาคูแศสจะทันทำอะไร

                    "เอาอย่างนั้นหรือเจ้าหญิงฟามีเรส"บาคูแซสลดคฑาลงยิ้มมุมปากอย่างมีเลสนัย

                    "ลูกหญิง...ฟร็อซท์เป็นกบฏจะเป็นของเจ้าไมได้"โกรเซอร์ขัดลูกสาว

                    "ไม่ได้ก็ต้องได้ท่านพ่อ...ข้าชอบฟร็อซท์จอมเวทชาญฉลาดเก่งกาจไม่มีเทียบแถมหล่อ
    เหลาเช่นนี้หามิได้ง่ายๆท่านพ่อไม่เสียดายความสามารถของเค้าหรือ
    "ฟามีเรสพยายามหว่านล้อม
    บิดา

                    "ก็จริงอยู่" กษัตริย์เฒ่าครุ่นคิด "ได้...งั้นตามใจเจ้าสองคนจะจัดการอย่างไร...แต่อย่าให้
    เฟโรมีเซียทำให้แคว้นของเราต้องเดือดร้อนเป็นอันขาด
    "

                    "ได้ค่ะท่านพ่อ"ฟามีเรสยิ้มรับก่อนจะเดินออกมาหาฟร็อซท์ "ฟร็อซท์ถ้าเจ้ายอมเป็นของ
    ข้า...ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าแต่ถ้าเจ้าปฏิเสธข้าจะให้บาคูแซสขังเจ้าไว้กับน้องอัปลักษณ์ของข้าอยู่ที่นี่
    ตลอดไป
    "

                    "ข้ายอมตายซะดีกว่าเป็นของหญิงที่มีแต่ความโสมมในใจอย่างเจ้า  แต่ถึงแม้จะถูกกักขัง
    ไว้นานเท่าไหร่แต่ถ้ามีเฟโรมีเซียข้าก็จะขออยู่กับนางตลอดไป
    "ฟร็อซท์ตอบหนักแน่นจ้อง
    ฟามีเรสด้วยสายตาที่มั่นคงในคำพูด และเคียดแค้นนางที่มาทำให้คนรักของเขาต้องทุกข์ทรมาณ

                    "กรี๊ดดดดดดด!!"ฟามีเรสแผดเสียงลั่นเมื่อได้ยินดังนั้น

    "บังอาจนัก...เจ้าเป็นใครกันกล้าปฏิเสธคำของข้าหญิงสาวที่งดงามที่สุด...ถ้าเจ้าอยาก
    ทรมาณนักข้าจะให้สมใจ...บาคูแซสข้าเปลี่ยนใจแล้วเมื่อข้าไม่ได้ใครก็ต้องไม่ได้ฆ่าฟร็อซท์ซะ
    "
    สิ้นคำเจ้าหญิงใจอัปลักษณ์บาคูแซสชูคฑาขึ้นอีกครั้งละอองดำทะมึนเข้มค่อยๆแผ่ขยายออกมา
    จากหินสีดำมาโอบล้อมตัวของฟร็อซท์เอาไว้ฟร็อซท์ใช้พลังเวทสุดท้ายร่ายมนต์สร้างทรงกลมหุ้ม
    ร่างเฟโรมีเซียเอาไว้แทนทีจะปกป้องตัวเอง

                    อ้ากกกกกกกกกกกกกกกก!!เสียงของฟร็อซท์ร้องอย่างเจ็บปวดังไปทั่วคุกใต้ดิน

                    "อย่านะบาคูแซส...ได้โปรด..."เฟโรมีเซียอ้อนวอนทุบเกราะป้องกันที่คนรักสร้างไว้ให้
    อย่างปวดร้าวทรมาณใจ

                    "เห็นว่าจะทำตามขอร้องไม่ได้นะองค์หญิง"บาคูแซสยิ้มอย่างพอใจกับภาพที่เห็น

                    "ได้โปรด...อย่าทำร้ายฟร็อซท์"องค์หญิงสะอื้นไห้อย่าสิ้นหวัง

                    ร่างที่ลอยอยู่เหนือพื้นของฟร็อซท์ดิ้นรนและร้องอย่างเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น ทันในนั้นเอง
    ระอองออร่าสีแดงจำนวนมากค่อยๆออกมาจากตัวของฟาโรมีเซีย เกราะที่ฟร็อซท์สร้างไว้เริ่มร้าว
    ละออกสีแดงเริ่มออกมาตามรอยร้าว ได้เห็นดังนั้นบาคูแซสเริ่มมีสีหน้าตระหนก บรรยากาศ
    รอบๆเริ่มขุ่นหมอง หมอกควันสีแดงฟุ้งกระจาย ทหารเริ่มถอยห่างออกไป โกรเซอร์หน้าเสียเหงื่อ
    เม็ดใหญ่ผุดขึ้นหลายเม็ด ฟามีเรสหลบอยู่หลังพ่อตัวสั่นด้วยความกลัว ทุกคนรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไร
    ขึ้น ฟาโรมีเซียเจ้าหญิงต้องคำสาป เจ้าหญิงแห่งสงครามกำลังโกรธแค้น เศร้าโศก สิ้นหวัง
    อารมณ์ต่างๆของเธอช่วยปลุกให้พลังมหาศาลที่หลับไหลเริ่มตื่นขึ้น

                    "แย่แล้วบาคูแซส...ทำอะไรซักอย่างสิขืนปล่อยไว้แบบนี้เฟโรมีเซียทำเมืองข้าพินาศหมดแน่"โกรเซอร์กล่าวอย่างหวาดหวั่น

                    "เฟ..เฟโรมี..เซีย...อย่าทำเช่นนั้น...ไม่อย่างนั้นท่านจะสูญสลาย...ไปกับพลังที่ระเบิดอออกมา"ฟร็อซท์เค้นแรงที่มีอยู่น้อยนิดรองบอกองค์หญิงที่ถูกอารมณ์เข้าครอบงำจนควบคุมพลังไม่ได้

                    "เหตุใดกัน...ทำไมไม่ยอมฟังคำวิงวอนของข้า...ทำไม...ทำไมถึงได้โหดร้ายต่อกันเช่นนี้"
    ฟาโรมีเซียรำพึง เกราะป้องกันที่ฟร็อซท์สร้างเริ่มกะเทาะออก กลุ่มควันสีแดงพุ่งออกมาทางรอย
    แตกต่างๆ บาคูแซสค่อยๆปล่อยฟร็อซท์ลงช้าๆและค่อยๆถอยหลังออกไป

                    "เฟโรมีเซียท่านต้องสงบใจ...อย่าปล่อยพลังหาศาลนั่นออกมา..."ฟร็อซท์ค่อยๆคลานพา
    ร่างที่อ่อนแรงเข้าไปหาคนรักเมื่อถูกปล่อยลงมา

                    "เพราะมาช่วยข้า...ท่านต้องเจ็บปวดทรมาณ"น้ำตาสีแดงดั่งสายเลือดค่อยไหลลงมาอาบ
    แก้มขาวๆทั้งสองข้าง

                    "เฟโรมีเซีย..."ฟร็อซท์ได้เรียกหญิงสาวเป็นครั้งสุดท้าย

                    "ทำไมต้องทำร้ายกันถึงขนาดนี้....ทำไมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม"
    ฟาโรมีเซียควบคุมพลังต่อไปไม่ได้แล้ว พลังทั้งหมดถูกระเบิดออกมาเป็นแรงระเบิดมหาศาล ฝ่าย
    โกรเซอร์รีบวิ่งหนีกันโกลาหลขึ้นมาจากคุกใต้ดิน ฟร็อซท์เข้าไปโอบก่อนร่างหญิงคนรักที่ตะโกน
    ร้องด้วยความเศร้าก่อนที่เพดานคุกทั้งหมดจะพังลงมาไม่มีใครวิ่งหนีได้ไปถึงข้างบนแรงระเบิด
    แรงมากฟามีเรสร้องอย่างหวาดกลัวเมื่อเพดานค่อยๆพังลงมาแระไร้ทางหนี บาคูแซสร้อง
    ตะโกนเวทมากมายเพื่อเปิดทาง  แต่ก็ไม่เป็นผลคุกใต้ดินค่อยๆทลายลงมาเรื่อยๆ เสียงอันโศกเศร้า
    ของฟาโรมีเซียยังคงดังก้อง และเสียงสาปแช่งของจอมเวทที่หมดทางหนีอย่างบาคูแซสและหญิง
    ใจอัปลักษณ์อย่างฟามีเรส

                    "ข้าขอสาปแช่งให้เจ้าไม่ได้พบกับความสุขของรักไปทุกภพทุกชาติ"เสียงสุดท้ายของ
    ฟามีเรสก่อนที่คุกทั้งหมดจะพังลงมา

                    พรึ่บ!!

                    เด็กสาวคนหนึ่งผมดำขลับยาวสยายสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากที่นอนเนื้อตัวชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
     มีแสงอ่อนๆทอดลงมาบนที่นอน

                    "แฮ่กๆ"เธอหอบเบาๆด้วยความตกใจก่อนที่จะหยิบนาฬิกาบนตัวเตียงมาดูอย่างรีบร้อน

                    "หวาย!!แย่แล้วเจ็ดโมงครึ่งแล้ว...ขืนวันนี้ไปสายอีกประธานฮายามินะเอาตายแน่ๆ"ว่า
    แล้วสาวน้อยก็กระโดดพุ่งลงจากเตียงล้างหน้าแปรงฟันแต่งตัวอย่างรวดเร็ว

                    "ฮิเมะไม่กินข้าวเช้าเหรอ"เสียงถามดังมาจากในครัวเมื่อสาวน้อยมินามิวิ่งปรู๊ดผ่านไป

                    "ไม่ล่ะค่ะแม่ไม่ทันแล้วค่ะ"เธอตอบแม่พลางใส่รองเท้าอย่างเร่งรีบและวิ่งออกไป

                    "เด๋วฮิเมะข้าวกล่องล่ะลูก"แม่รีบวิ่งตามออกมาต่ฮิเมะก็วิ่งออกไปแล้ว "แล้วกันเด็กคนนี้"
    ขณะที่หันหน้าจะเดินเข้าบ้าน

                    "ขอบคุณค่ะแม่"ฮิเมะที่วิ่งไปแล้ววิ่งกลับมาดึงห่อข้าวกล่องจากมือแม่แล้วพุ่งตรงไปยัง
    โรงเรียนทันที

                    "เด็กคนนี้ชอบผลุบๆโผล่ๆหยั่งกับหายตัวได้"แม่พึมพำอย่างคนเพิ่งใจหายที่อยู่ๆลูกก้อ
    โผล่มาก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านไป

                    ปิ๊งป่องงงงง.....

                    "แฮ่กๆ....ทันเวลาพอดีเลย"ฮิเมะหอบแฮ่กทันทีที่พ้นเข้าเขตุโรงเรียนทันเวลา

                    "คุณคานารุกิ ฮิเมะ" เสียงเจ้าระเบียบที่คุ้นเคยดังขึ้นใกล้จนมินามิยืนตัวตรงอย่างไม่ตั้งใจ

                    "คะ...คุณฮายามินะ...อะ...อรุณสวัสดิ์ค่ะ"มิยามิพยายามกล่าวอรุณสวัสดิ์กับประธาน
    นักเรียนสาวที่ดูจะไม่ชอบหน้าเธอเอาเสียเลย

                    "วันนี้ยังถือว่าเฉียดฉิวเกินไปถ้าครั้งหน้ายังไม่ดีกว่านี้อย่าหาว่าชั้นไม่เตือน"ฮายามินะ
    พูดอย่างวางมาด

                    "ค่ะ...คราวหน้าจะมาให้เร็วกว่านี้...ขอตัวก่อนนะคะได้เวลาโฮมรูมแล้ว"พูดจบฮิเมะก็รีบ
    วิ่งปรู๊ดขึ้นห้องเรียนทันที

                    ความจริงไม่ใช่ฮายามินะคนเดียวที่ไม่ชอบหน้าฮิเมะยังมีคนอื่นอีกหลายคนที่ไม่ชอบ
    หน้าเธอเป็นเรื่องที่ใครๆก็รู้กัน

                    "อรุณสวัสดิ์...อายาริยูคิ"ฮิเมะกล่าวอรุณสวัสดิ์เพื่อนสนิทเพียงสองคนที่เธอมีใน
    โรงเรียนนี้

                    "อรุณสวัสดิ์ฮิเมะ"ยูคิยิ้มอย่างร่าเริง

                    "เอ๋!...ทำไมวันนี้ยูคิดูท่าทางร่าเริงดีจังมีเรื่องอะไรพิเศษรึปล่าว"ฮิเมะเห็นเพื่อนท่าทางร่า
    เริงผิดปรกติจึงถามอย่างสงสัย

                    "เอ๊ะ!เธอไม่รุ้จริงๆเหรอฮิเมะ"อายาริถามหน้าสงสัยมากๆ

                    "อ่าว...ไม่บอกแล้วชั้นจะรู้ได้ไงล่ะ"

                    "ก็วันนี้นะจะมีนักเรียนย้ายมาใหม่ที่ห้องเราล่ะ"ยูคิทนไม่ไหวตอบแทนอายาริแต่ฮิเมะ
    ก็ยังคงมีท่าทางปรกติ

                    "เหรอ..ก็ดีนะ ว่าแต่น่าตื่นเต้นตรงไหน หรือว่านักเรียนใหม่เป็นดาราที่พวกเธอชอบ"
    ฮิเมะยังคงไม่เข้าใจ

                    "โอ๊ย!!ยัยนี่หน้าตาดีแต่สมองนี่...น่าเขกหัวจริงๆ...ไม่ต้องถึงดาราหรอกย่ะ แต่เป็นผู้ชาย
    นะผู้ชาย...ชั้นกับอายาริเลยตกลงกันว่าถ้าหล่อสาวกรี๊ดจะจับมัดมือมัดเท้าใส่พานให้เธอซะเลยไง
    "
    ยูคิกอดอกมองฮิเมะ
                    "ใช่ๆ...อยู่เป็นโสดมาได้ไงนี่ม.ปลายปี2แล้วนะต้องหาแฟนซักคนสิจะได้เลิกเป็นโรคขาด
    รสชาดรักซะที
    "อายาริเสริม

                    "หา!!ไม่เอาด้วยหรอกเรื่องแบบนั้นน่ะ"ฮิเมะปฏิเสธทันควัน

                    "ไม่เอาได้ไงมีโอกาสทั้งที"ยูคิรีบค้าน

                    "ยูคิ...อายาริ...เธอก้อรู้นะว่าทำชั้นถึงไม่มีแฟน ทำไมผู้ชายในโรงเรียนถึงไม่กล้ามาจีบชั้น"
    ฮิเมะวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วนั่งลง

                    "แต่เด็กใหม่เค้าไม่รู้นี่นา...จริงมั๊ยยูคิ"อายาริยิ้มขอความเห็น

                    "ช่ายยยย..."ยูคิเสริมเห็นด้วยทันที

                    "ชั้นพูดจริงๆนะ..."ฮิเมะจะพูดต่อแต่อาจารย์เดินเข้ามาในห้องพอดียูคิกับอายาริจึงยกมือขึ้นเป็นสัญญาณพักไว้ก่อนแล้วรีบนั่งที่ของตัวเอง "ชั้นไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน"จึงไม่มีใครได้ยินที่ฮิเมะพูดนอกจากอายาริที่นั่งใกล้ๆที่ได้ยินแว่วๆแล้วหันมามามองหน้าเธอเหมือนถามว่าจะพูดอะไร เธอจึงส่ายหน้าน้อยๆเป็นเชิงปฏิเสธ

                    "เอาล่ะ...พวกเธอคงพอจะได้ยินข่าวกันมาบ้างแล้วนะว่าวันนี้จะมีนักเรียนใหม่ย้ายมาอยู่กับเรา...เขามาจากต่างประเทศ อาจจะยังไม่คุ้นกับที่นี่มากนักยังไงก็ช่วยดูแลเพื่อนใหม่ของพวกเราด้วย"อ.ยามิคุระกล่าวเมื่อเข้ามาถึงในห้อง"

                    "จะดูแลให้อย่างดีเลยล่ะ"อายาริหันมาส่งสายตาเป็นสัญญาณให้เพื่อนทั้งสองคน สัญญาณที่สร้างความหนักใจให้กับฮิเมะ

    *********************************************
    นี่เป็นเรื่องใหม่ในรอบหลายปีเลย(หลายปีจริงๆ) อยากให้ช่วยติดตามกันด้วยนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×