ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นักเวทย์ไร้ค่าท้าชะตาวิทยาลัยเวทมนตร์

    ลำดับตอนที่ #8 : งานเฉลิมฉลอง

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 67


    บทที่ 8 งานเฉลิมฉลอง


    เขตอาร์ฟอร์ด... ปัจจุบันยังคงมีหิมะตกอยู่ตลอดทั้งปี อย่างไรก็ตามวันนี้มันแตกต่างออกไป


    แม้สภาพโดยรอบของเมืองจะมีแต่ทุ่งหิมะสีขาวโพลนไกลสุดลูกหูลูกตาซึ่งดูแล้วน่าหดหู่ แต่ชาวเมืองกลับส่งเสียงดังครึกครื้น


    อาหารมากมาย หรือความสวยงามของไฟประดับทั่วทางเดินที่ใช้เวลาเตรียมการอยู่หลายวัน 


    ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกจัดขึ้นโดยชาวเมืองผู้ใจดีทั้งหลายภายในเขตอาร์ฟอร์ด


    โดยจุดศูนย์กลางของความรื่นเริงในครั้งนี้ คือบ้านของขุนนางบารอนผู้ครองตำแหน่งสูงสุดภายในเมืองหรือก็คือ『บ้านตระกูลอาร์ฟอร์ด』นั่นเอง 


    และภายในบ้านของตระกูลอาร์ฟอร์ด ซึ่งในวันนี้ถูกประดับตกแต่งด้วยผ้าและไฟหลากสีสัน ตัวการของงานฉลองในครั้งนี้กำลังตาลุกวาว ด้วยภาพของอาหารมากมายที่ประทับอยู่ภายในนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม 


    ‘สะ-สุดยอดเลย...’


    วิลเลี่ยม อาร์ฟอร์ด... หากเรียกให้กระชับลงมาก็ "วิล" ชายหนุ่มเพียงคนเดียวในราชอาณาจักรยุสเทร่า ที่ได้เข้าเรียนภายในวิทยาลัยลำดับหนึ่งของทวีปอาร์ชฟิลด์ 


    ยืนยันโดยหน่วยข่าวกรองมือดีภายในเมือง... 


    และต้องขอบคุณหน่วยข่าวกรองเหล่านั้น ที่ทำให้บัดนี้ตัวฉันได้กลายเป็นคนดังของประเทศไปเสียแล้ว 


    การแพร่กระจายของข่าวลือนั้นรวดเร็วเสียยิ่งกว่าเวลาที่ใช้ในการเดินทาง จากจักรวรรดิอิกดราเซียกลับมาที่เขตอาร์ฟอร์ดเสียอีก 


    เพราะเมื่อมาถึงชาวเมืองก็ต่างพากันยินดีปรีดาให้กับฉันผู้ซึ่งสอบผ่านได้สำเร็จกันเสียแล้ว และด้วยเหตุนั้นฉันจึงต้องเสียเวลาในการเตรียมงานเลี้ยงไปสองถึงสามวัน เพราะความกระตืนรือร้นที่จะจัดงานให้ยิ่งใหญ่ของชาวเมือง


    ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะครั้งนี้มันถือเป็นเรื่องใหญ่โตระดับประเทศ เขตของเราจึงได้รับงบสนับสนุนที่มากขึ้นจากราชวงศ์แห่งยุสเทร่า 


    อีกทั้งงานเฉลิมฉลองครั้งนี้ก็มีบรรดาขุนนางชั้นสูงของประเทศมาร่วมด้วย อาหารจึงต้องดูหรูหรา และงานก็ต้องจัดขึ้นอย่างสมฐานะขุนนาง ถึงแม้ว่าบ้านของฉันจะค่อนข้างแคบเกินกว่าจะเรียกได้ว่าขุนนางก็ตาม


    ฉันเสียเวลาไปมากกับการฝึกซ้อมพิธีรีตองต่างๆ และหาคำกล่าวสำหรับเปิดพิธี...


    ทั้งนี้... นี่เป็นครั้งแรกที่ประเทศเริ่มสนใจในเขตเล็กๆ แถบชานเมืองแบบเขตอาร์ฟอร์ด พ่อและแม่จึงตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าตลอดเวลา แถมเพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ที่จะมีใครสอบเข้าที่อาร์ชฟิลด์ได้ บรรดาราชวงศ์จึงจะเดินทางมาเพื่อยินดีด้วยตนเองอีกต่างหาก


    โดยรวมแล้วมันถือเป็นสุดยอดงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเขตอาร์ฟอร์ดเลยก็ว่าได้


    แต่ถึงจะเป็นงานเลี้ยงที่สุดยอดขนาดนั้น มันก็ยังมีข้อเสียที่ฉันรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดี...


    ‘อา...ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ’


    ฉันคิดขณะจ้องเขม็งไปยังสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร... ทั้งเนื้อ ปลา ฯลฯ ที่วางเรียงรายล้วนถูกปรุงด้วยเชฟฝีมือดี มันส่งกลิ่นหอมฉุยเตะจมูกแทบจะตลอดเวลา 


    เพราะด้วยเหตุผลเรื่อง ภาพลักษณ์ ฉันไม่แม้แต่จะรับประทานอาหารที่วางประดับงานได้... เนื่องจากงานนี้ถือเป็นพิธีสำคัญของทุกชิ้นจึงควรดูสมบูรณ์อยู่เสมอ 


    ฉันจะสามารถกินพวกมันได้ก็หลังจากจบพิธีนู่นเลย...


    ‘น่าเสียดายชะมัด...’


    ฉันได้แต่บ่นภายในใจ... แต่ก็ทำอะไรกับมันไม่ได้  นี่ถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนถ้าหากจะเข้าสู่แวดวงของขุนนาง...


    “วะ-วิล... ได้เวลาเตรียมตัวแล้วล่ะ”


    เสียงของชายดังขึ้นจากด้านหลังของฉัน มันเป็นเสียงของเอ็ดวิน อาร์ฟอร์ด บิดาผู้ให้กำเนิดของฉันในโลกนี้ 


    สิ่งเดียวที่รับรู้ได้จากน้ำเสียงและใบหน้าของเขาในปัจจุบัน คือความวิตกกังวลเข้าขั้นวิกฤต...


    ในครั้งนี้เพราะหัวหน้าครอบครัวคือเขา แม้ฉันจะเป็นตัวหลักของพิธีในครั้งนี้ แต่ส่วนใหญ่คนที่จะต้องรับหน้าที่ในการจัดพิธีและวางแผนต่างๆ คือพ่อของฉันแทบจะทั้งหมด 


    ต้องขอบคุณเขาจริงๆ ที่ทำให้ทุกอย่างมันดำเนินการมาได้จนถึงปัจจุบัน...


    “ขะ-เข้าใจแล้วครับ”


    แน่นอนว่าฉันเองก็ประหม่า จึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ 


    “คงจำที่เราซ้อมกันได้ใช่ใหม?”


    “แน่นอนครับ...”


    ฉันพูดออกไปเช่นนั้น... แต่พ่อของฉันก็ยังคงถามกลับมาอีกครั้ง...


    “ทุกอย่างเรียบร้อยแน่นะ?”


    “ก็...อาจจะประหม่าอยู่บ้างครับ”


    ฉันจึงตอบไปตามความจริง 


    ต่อจากนี้ฉันจะต้องไปยืนอยู่ต่อหน้าผู้มีอิทธิพลของประเทศ พร้อมทั้งกล่าวสุนทรพจน์ที่ตนเองระดมสมองคิดออกมา 


    แค่คิดเช่นนั้นลำไส้ของฉันมันก็ปั่นป่วนจนแทบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว...


    “อะ-อา... นั่นสินะมันจะคงยากเกินไปสำหรับลูกจริงๆ”


    เมื่อเห็นท่าทีซึ่งดูเป็นกังวลของพ่อ ฉันจึงรีบกล่าวออกไป 


    “ไม่ต้องกังวลหรอกครับ...”


    “มันก็แค่ความรู้สึกชั่ววูบที่ผมคิดว่าตนเองด้อยกว่าพวกเขาเท่านั้นเองครับ...”


    สาเหตุของความประหม่าคือพวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นผู้มีอิทธิพล จนทำให้ต้องเจียมเนื้อเจียมตัวเป็นพิเศษ 


    ฉันแค่หวาดกลัวว่าตนเองจะถูกคนเหล่านั้นมองว่ายังไง ระหว่างกล่าวพิธีเปิดก็เท่านั้น...


    “...ผมแค่คิดว่าควรจะเรียกความเชื่อมั่นในตัวผมเองออกมาให้มากกว่านี้สักหน่อย”


    ขณะที่กล่าวเช่นนั้น... ฉันพลางชำเลืองมองไปทางกระจกบานหนึ่ง 


    “อา... นั่นสินะ”


    พ่อตอบกลับมาพร้อมกับมุมปากที่งอขึ้นเล็กน้อย 


    ชุดสูทของวิทยาลัยเวทมนตร์ลำดับหนึ่งของทวีปคือเครื่องแบบที่ฉันสวมในวันนี้ 


    มันเป็นชุดสูทสีน้ำเงินตัดทองที่เด่นสะดุดตาเล็กน้อย และเพราะมันเป็นชุดที่บรรดานักเวทย์ทั่วทั้งประเทศต่างล้มเหลวในการครอบครองมัน ฉันที่สวมมันอยู่ก็ควรจะเชื่อมั่นในตนเองให้มากกว่านี้ 


    เพราะฉันคือชายเพียงคนเดียวในราชอาณาจักรยุสเทร่า... ที่เอื้อมถึงเส้นชัย



    ***



    ภายในห้องรับแขกที่พยายามเพิ่มพื้นที่ให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ แขกจากต่างถิ่นทยอยเข้ามาจนกระทั้งอัดแน่นไปทั่วทั้งห้องในเวลาไม่ช้า 


    เมื่อนั้นก็ถึงคราวที่พิธีเปิดจะเริ่มต้นขึ้น...


    ฉันก้าวขาขึ้นไปบนพื้นที่ต่างระดับซึ่งถือได้ว่าเป็นเวทีในสถานการณ์เช่นนี้ 


    “กระผมขอต้อนรับ... ทั้งท่านคณะราชวงศ์ผู้อุดมไปด้วยเกียรติศักดิ์เหนือแผ่นดิน เหล่าบรรดาขุนนางที่น่าเคารพนับถือ และแขกผู้มีเกียรติที่มาเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองของบารอนไร้ชื่อเฉกเช่นกระผม”


    ฉันเริ่มต้นด้วยการกล่าวทักทาย... ผ่านเครื่องกระจายเสียงที่มีลักษณะคล้ายกับไมโครโฟน ฉันคิดว่าตนเองไม่ได้มีน้ำเสียงที่ดูติดขัดหรือแสดงความโลเลเลยแม้แต่น้อย 


    ฉันกลายเป็นตัวฉันที่อุดมไปด้วยเกียรติยศภายใต้ชุดสูทสีน้ำเงิน ขณะที่ภายในใจคิดถึงหลักในการพูดที่ตนพอจำได้ เพื่อไม่ให้จิตใจไขว้เขว 


    ‘มะ-มองไปที่กำแพง! มองไปที่กำแพง!’


    ฉันไม่กล้าสบตาผู้ฟังเพราะหวาดกลัวปฏิกิริยาตอบรับของพวกเขา 


    “อย่างที่ทุกคนทราบกันดี... จุดมุ่งหมายที่ทำให้งานเลี้ยงแห่งนี้ถูกจัดขึ้นมา คือการเฉลิมฉลองให้กับตัวผม วิลเลี่ยม อาร์ฟอร์ด ซึ่งสามารถสอบเข้าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยลำดับหนึ่งของทวีป อาร์ชฟิลด์ ได้สำเร็จ แต่ก่อนอื่นเลยผมอยากจะขอขอบคุณเวลาและเงินทุนที่ชาวเมืองรวมทั้งประเทศแห่งนี้สนับสนุนเกื้อกูลกันจนทำให้งานเลี้ยงในปัจจุบันสามารถเกิดขึ้นได้”


    “ตัวผมสำนึกในความเมตตานี้เป็นอย่างยิ่ง...”


    ฉันก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ ก่อนจะกล่าวต่อ...


    “ถัดมา... ผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ที่ไม่สามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์ภายในการสอบเข้าเรียนได้มากเท่าที่ควร เพราะภายในการสอบนั้น สิ่งที่ชักนำผมให้สามารถผ่านการทดสอบได้ หาใช่ความสามารถที่เหนือกว่าผู้ใด หากแต่เป็นเพียงโชคชะตาและสัญชาตญาณเท่านั้น”


    อย่างไรก็ตาม ฉันไม่ได้กล่าวถึงพรสวรรค์ของฉัน เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่าอับอาย...


    หากให้ประกาศตนว่าเป็นคนขี้ขลาดที่หลบซ่อนตลอดการแข่งขัน ฉันคงหมดความน่าเชื่อถือยิ่งกว่าพวกที่ใช้ดวงในการสอบผ่านเสียอีก 


    “ทุกคนอาจจะมองว่าผมถ่อมตน หรือเพียงแค่ไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ความลับใดๆ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการทดสอบ... แต่ทุกสิ่งที่ผมได้กล่าวมาก่อนหน้าล้วนเป็นความจริงแทบทั้งสิ้น”


    ยกเว้นเรื่องที่ฉันไม่ได้บอกว่าใช้พรสวรรค์ช่วยไว้เรื่องนึง...


    “โปรดอย่าถือโทษโกรธผมหากคำพูดดังกล่าวมันทำให้พวกท่านขุ่นเคืองใจ... เนื่องจากถึงแม้ผมจะกล่าวว่าตนเองผ่านมันมาได้เพราะดวงล้วนๆ แต่ความยากลำบากและความพยายามของเหล่าผู้คนที่สอบไม่ผ่านยังคงเป็นสิ่งที่ย้ำเตือน... ว่าคนเหล่านั้นไม่ได้ผิดและพวกเขาไม่ได้อ่อนแอ”


    “สิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่อาจไปถึงฝั่งฝันได้ มีเพียงแค่โชคชะตาที่ไม่ยุติธรรมก็เท่านั้นเอง...”


    “และผมไม่เคยรู้สึกว่าตนเองคู่ควรกับตำแหน่งในปัจจุบัน... แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่รู้สึกว่าตนพลาดที่สามารถสอบเข้ามาได้”


    “ในโลกนี้ยังมีคนแข็งแกร่งและคนที่พยายามมากกว่าใครอีกมาก... แต่เนื่องจากอคติและปัจจัยทางด้านโชคทำให้พวกเขาถูกมองข้าม...”


    “ผมจึงตัดสินใจ... ว่าตนเองต้องทำอะไรสักอย่าง”


    “เพื่อเป็นตัวแทนแด่คนที่สูญเสียโอกาส หรือกระทั้งความรักจากครอบครัว เพียงเพราะกฎของโลกที่ถูกเรียกว่าพรสวรรค์และชะตาที่ฟ้าลิขิต


    “ผมรู้ดีว่าทุกท่านในที่นี้อาจจะไม่เข้าใจจุดมุ่งหมายของผม และมองว่าสิ่งที่ผมกำลังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งในสุนทรพจน์ที่แต่งโดยคัดกรองคำพูดมาก่อนแล้ว เพื่อให้มันฟังดูสวยงามและเรียบหรูมากที่สุด”


    “อย่างไรก็ตาม... ต้องขอบคุณครอบครัวของผมหรือตระกูลอาร์ฟอร์ด ที่พวกเขาไม่ได้สร้างผมให้เกิดมาเป็นหุ่นยนต์ที่ทำทุกอย่างตามแบบแผน”


    “เพราะแบบนั้นนี่จึงเป็นความรู้สึกจากใจจริง...”


    “ถึงเหล่าคนที่ตัดสินลูกของตน เพียงเพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถบรรลุจุดมุ่งหมายที่ตนต้องการได้ ผมอยากจะบอกว่าสิ่งที่พวกคุณทำ... มันไม่ต่างอะไรจากการสร้างวิมานในอากาศ...”


    “พวกคุณที่ต้องการบุคลากรคุณภาพ แต่ไม่คิดจะลงแรงสร้างความเชื่อมั่น และความฝันให้กับบุคคลเหล่านั้น ยังคาดหวังที่จะได้รับสิ่งที่ตนเองต้องการงั้นเหรอ?”


    “และผมรู้ดีว่าสิ่งที่ผมกล่าวมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับงานเลี้ยงนี้เลยแม้แต่น้อย”


    “แต่นี่ถือเป็นการแสดงจุดยืนของผมในฐานะนักเวทย์และขณะเดียวกัน... คือนักศึกษาของวิทยาลัยเวทมนตร์ลำดับหนึ่งของทวีป อาร์ชฟิลด์”


    “สุดท้ายนี้... ขอให้พวกท่านทุกคนมีความสุขกับงานเลี้ยง”


    และนั่นคือคำกล่าวสุนทรพจน์ของฉัน ที่สามารถสร้างความบาดหมางกับเหล่านักเวทย์ตระกูลใหญ่ๆ ได้อย่างง่ายดาย 


    มันน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง เมื่อคิดว่าคำกล่าวเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของฉันในประเทศนี้อย่างไร เพราะทั้งขุนนางระดับสูงและราชวงศ์ของยุสเทร่า ต่างก็อยู่กันเต็มห้องรับแขก


    แต่ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะกล้าทำอะไรฉัน... เพราะกฎของโลกเป็นเช่นนี้เสมอ...


    ผู้มีพรสวรรค์จะบดขยี้ผู้ที่อ่อนแอกว่า ตราบใดที่ราชอาณาจักรยังเชื่อเช่นนี้ก็ไม่มีวันที่ฉันจะพบเข้ากับอันตรายใดๆ 


    นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่า สิทธิประโยชน์ของวิทยาลัย ซึ่งฉันไม่เคยได้กล่าวออกไปก่อนหน้า


    มันเป็นไพ่ตายที่ทำให้ฉันกล้าพูดอะไรเสี่ยงๆ แบบนี้ออกไป 


    เพราะปัจจุบัน... นักศึกษาที่ได้เข้าเรียนในอาร์ชฟิลด์จะได้รับการคุ้มครองโดยตรงจากจักรวรรดิ 


    ประเทศเล็กๆ แบบยุสเทร่าจึงไม่มีวันแตะต้องตัวผมได้ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×