คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : งานเฉลิมฉลอง
บทที่ 8 งานเฉลิมฉลอง
เขตอาร์ฟอร์ด... ปัจจุบันยังคงมีหิมะตกอยู่ตลอดทั้งปี อย่างไรก็ตามวันนี้มันแตกต่างออกไป
แม้สภาพโดยรอบของเมืองจะมีแต่ทุ่งหิมะสีขาวโพลนไกลสุดลูกหูลูกตาซึ่งดูแล้วน่าหดหู่ แต่ชาวเมืองกลับส่งเสียงดังครึกครื้น
อาหารมากมาย หรือความสวยงามของไฟประดับทั่วทางเดินที่ใช้เวลาเตรียมการอยู่หลายวัน
ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกจัดขึ้นโดยชาวเมืองผู้ใจดีทั้งหลายภายในเขตอาร์ฟอร์ด
โดยจุดศูนย์กลางของความรื่นเริงในครั้งนี้ คือบ้านของขุนนางบารอนผู้ครองตำแหน่งสูงสุดภายในเมืองหรือก็คือ『บ้านตระกูลอาร์ฟอร์ด』นั่นเอง
และภายในบ้านของตระกูลอาร์ฟอร์ด ซึ่งในวันนี้ถูกประดับตกแต่งด้วยผ้าและไฟหลากสีสัน ตัวการของงานฉลองในครั้งนี้กำลังตาลุกวาว ด้วยภาพของอาหารมากมายที่ประทับอยู่ภายในนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม
‘สะ-สุดยอดเลย...’
วิลเลี่ยม อาร์ฟอร์ด... หากเรียกให้กระชับลงมาก็ "วิล" ชายหนุ่มเพียงคนเดียวในราชอาณาจักรยุสเทร่า ที่ได้เข้าเรียนภายในวิทยาลัยลำดับหนึ่งของทวีปอาร์ชฟิลด์
ยืนยันโดยหน่วยข่าวกรองมือดีภายในเมือง...
และต้องขอบคุณหน่วยข่าวกรองเหล่านั้น ที่ทำให้บัดนี้ตัวฉันได้กลายเป็นคนดังของประเทศไปเสียแล้ว
การแพร่กระจายของข่าวลือนั้นรวดเร็วเสียยิ่งกว่าเวลาที่ใช้ในการเดินทาง จากจักรวรรดิอิกดราเซียกลับมาที่เขตอาร์ฟอร์ดเสียอีก
เพราะเมื่อมาถึงชาวเมืองก็ต่างพากันยินดีปรีดาให้กับฉันผู้ซึ่งสอบผ่านได้สำเร็จกันเสียแล้ว และด้วยเหตุนั้นฉันจึงต้องเสียเวลาในการเตรียมงานเลี้ยงไปสองถึงสามวัน เพราะความกระตืนรือร้นที่จะจัดงานให้ยิ่งใหญ่ของชาวเมือง
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะครั้งนี้มันถือเป็นเรื่องใหญ่โตระดับประเทศ เขตของเราจึงได้รับงบสนับสนุนที่มากขึ้นจากราชวงศ์แห่งยุสเทร่า
อีกทั้งงานเฉลิมฉลองครั้งนี้ก็มีบรรดาขุนนางชั้นสูงของประเทศมาร่วมด้วย อาหารจึงต้องดูหรูหรา และงานก็ต้องจัดขึ้นอย่างสมฐานะขุนนาง ถึงแม้ว่าบ้านของฉันจะค่อนข้างแคบเกินกว่าจะเรียกได้ว่าขุนนางก็ตาม
ฉันเสียเวลาไปมากกับการฝึกซ้อมพิธีรีตองต่างๆ และหาคำกล่าวสำหรับเปิดพิธี...
ทั้งนี้... นี่เป็นครั้งแรกที่ประเทศเริ่มสนใจในเขตเล็กๆ แถบชานเมืองแบบเขตอาร์ฟอร์ด พ่อและแม่จึงตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าตลอดเวลา แถมเพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ที่จะมีใครสอบเข้าที่อาร์ชฟิลด์ได้ บรรดาราชวงศ์จึงจะเดินทางมาเพื่อยินดีด้วยตนเองอีกต่างหาก
โดยรวมแล้วมันถือเป็นสุดยอดงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเขตอาร์ฟอร์ดเลยก็ว่าได้
แต่ถึงจะเป็นงานเลี้ยงที่สุดยอดขนาดนั้น มันก็ยังมีข้อเสียที่ฉันรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดี...
‘อา...ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ’
ฉันคิดขณะจ้องเขม็งไปยังสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร... ทั้งเนื้อ ปลา ฯลฯ ที่วางเรียงรายล้วนถูกปรุงด้วยเชฟฝีมือดี มันส่งกลิ่นหอมฉุยเตะจมูกแทบจะตลอดเวลา
เพราะด้วยเหตุผลเรื่อง ภาพลักษณ์ ฉันไม่แม้แต่จะรับประทานอาหารที่วางประดับงานได้... เนื่องจากงานนี้ถือเป็นพิธีสำคัญของทุกชิ้นจึงควรดูสมบูรณ์อยู่เสมอ
ฉันจะสามารถกินพวกมันได้ก็หลังจากจบพิธีนู่นเลย...
‘น่าเสียดายชะมัด...’
ฉันได้แต่บ่นภายในใจ... แต่ก็ทำอะไรกับมันไม่ได้ นี่ถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนถ้าหากจะเข้าสู่แวดวงของขุนนาง...
“วะ-วิล... ได้เวลาเตรียมตัวแล้วล่ะ”
เสียงของชายดังขึ้นจากด้านหลังของฉัน มันเป็นเสียงของเอ็ดวิน อาร์ฟอร์ด บิดาผู้ให้กำเนิดของฉันในโลกนี้
สิ่งเดียวที่รับรู้ได้จากน้ำเสียงและใบหน้าของเขาในปัจจุบัน คือความวิตกกังวลเข้าขั้นวิกฤต...
ในครั้งนี้เพราะหัวหน้าครอบครัวคือเขา แม้ฉันจะเป็นตัวหลักของพิธีในครั้งนี้ แต่ส่วนใหญ่คนที่จะต้องรับหน้าที่ในการจัดพิธีและวางแผนต่างๆ คือพ่อของฉันแทบจะทั้งหมด
ต้องขอบคุณเขาจริงๆ ที่ทำให้ทุกอย่างมันดำเนินการมาได้จนถึงปัจจุบัน...
“ขะ-เข้าใจแล้วครับ”
แน่นอนว่าฉันเองก็ประหม่า จึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“คงจำที่เราซ้อมกันได้ใช่ใหม?”
“แน่นอนครับ...”
ฉันพูดออกไปเช่นนั้น... แต่พ่อของฉันก็ยังคงถามกลับมาอีกครั้ง...
“ทุกอย่างเรียบร้อยแน่นะ?”
“ก็...อาจจะประหม่าอยู่บ้างครับ”
ฉันจึงตอบไปตามความจริง
ต่อจากนี้ฉันจะต้องไปยืนอยู่ต่อหน้าผู้มีอิทธิพลของประเทศ พร้อมทั้งกล่าวสุนทรพจน์ที่ตนเองระดมสมองคิดออกมา
แค่คิดเช่นนั้นลำไส้ของฉันมันก็ปั่นป่วนจนแทบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว...
“อะ-อา... นั่นสินะมันจะคงยากเกินไปสำหรับลูกจริงๆ”
เมื่อเห็นท่าทีซึ่งดูเป็นกังวลของพ่อ ฉันจึงรีบกล่าวออกไป
“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ...”
“มันก็แค่ความรู้สึกชั่ววูบที่ผมคิดว่าตนเองด้อยกว่าพวกเขาเท่านั้นเองครับ...”
สาเหตุของความประหม่าคือพวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นผู้มีอิทธิพล จนทำให้ต้องเจียมเนื้อเจียมตัวเป็นพิเศษ
ฉันแค่หวาดกลัวว่าตนเองจะถูกคนเหล่านั้นมองว่ายังไง ระหว่างกล่าวพิธีเปิดก็เท่านั้น...
“...ผมแค่คิดว่าควรจะเรียกความเชื่อมั่นในตัวผมเองออกมาให้มากกว่านี้สักหน่อย”
ขณะที่กล่าวเช่นนั้น... ฉันพลางชำเลืองมองไปทางกระจกบานหนึ่ง
“อา... นั่นสินะ”
พ่อตอบกลับมาพร้อมกับมุมปากที่งอขึ้นเล็กน้อย
ชุดสูทของวิทยาลัยเวทมนตร์ลำดับหนึ่งของทวีปคือเครื่องแบบที่ฉันสวมในวันนี้
มันเป็นชุดสูทสีน้ำเงินตัดทองที่เด่นสะดุดตาเล็กน้อย และเพราะมันเป็นชุดที่บรรดานักเวทย์ทั่วทั้งประเทศต่างล้มเหลวในการครอบครองมัน ฉันที่สวมมันอยู่ก็ควรจะเชื่อมั่นในตนเองให้มากกว่านี้
เพราะฉันคือชายเพียงคนเดียวในราชอาณาจักรยุสเทร่า... ที่เอื้อมถึงเส้นชัย
***
ภายในห้องรับแขกที่พยายามเพิ่มพื้นที่ให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ แขกจากต่างถิ่นทยอยเข้ามาจนกระทั้งอัดแน่นไปทั่วทั้งห้องในเวลาไม่ช้า
เมื่อนั้นก็ถึงคราวที่พิธีเปิดจะเริ่มต้นขึ้น...
ฉันก้าวขาขึ้นไปบนพื้นที่ต่างระดับซึ่งถือได้ว่าเป็นเวทีในสถานการณ์เช่นนี้
“กระผมขอต้อนรับ... ทั้งท่านคณะราชวงศ์ผู้อุดมไปด้วยเกียรติศักดิ์เหนือแผ่นดิน เหล่าบรรดาขุนนางที่น่าเคารพนับถือ และแขกผู้มีเกียรติที่มาเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองของบารอนไร้ชื่อเฉกเช่นกระผม”
ฉันเริ่มต้นด้วยการกล่าวทักทาย... ผ่านเครื่องกระจายเสียงที่มีลักษณะคล้ายกับไมโครโฟน ฉันคิดว่าตนเองไม่ได้มีน้ำเสียงที่ดูติดขัดหรือแสดงความโลเลเลยแม้แต่น้อย
ฉันกลายเป็นตัวฉันที่อุดมไปด้วยเกียรติยศภายใต้ชุดสูทสีน้ำเงิน ขณะที่ภายในใจคิดถึงหลักในการพูดที่ตนพอจำได้ เพื่อไม่ให้จิตใจไขว้เขว
‘มะ-มองไปที่กำแพง! มองไปที่กำแพง!’
ฉันไม่กล้าสบตาผู้ฟังเพราะหวาดกลัวปฏิกิริยาตอบรับของพวกเขา
“อย่างที่ทุกคนทราบกันดี... จุดมุ่งหมายที่ทำให้งานเลี้ยงแห่งนี้ถูกจัดขึ้นมา คือการเฉลิมฉลองให้กับตัวผม วิลเลี่ยม อาร์ฟอร์ด ซึ่งสามารถสอบเข้าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยลำดับหนึ่งของทวีป อาร์ชฟิลด์ ได้สำเร็จ แต่ก่อนอื่นเลยผมอยากจะขอขอบคุณเวลาและเงินทุนที่ชาวเมืองรวมทั้งประเทศแห่งนี้สนับสนุนเกื้อกูลกันจนทำให้งานเลี้ยงในปัจจุบันสามารถเกิดขึ้นได้”
“ตัวผมสำนึกในความเมตตานี้เป็นอย่างยิ่ง...”
ฉันก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ ก่อนจะกล่าวต่อ...
“ถัดมา... ผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ที่ไม่สามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์ภายในการสอบเข้าเรียนได้มากเท่าที่ควร เพราะภายในการสอบนั้น สิ่งที่ชักนำผมให้สามารถผ่านการทดสอบได้ หาใช่ความสามารถที่เหนือกว่าผู้ใด หากแต่เป็นเพียงโชคชะตาและสัญชาตญาณเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม ฉันไม่ได้กล่าวถึงพรสวรรค์ของฉัน เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่าอับอาย...
หากให้ประกาศตนว่าเป็นคนขี้ขลาดที่หลบซ่อนตลอดการแข่งขัน ฉันคงหมดความน่าเชื่อถือยิ่งกว่าพวกที่ใช้ดวงในการสอบผ่านเสียอีก
“ทุกคนอาจจะมองว่าผมถ่อมตน หรือเพียงแค่ไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ความลับใดๆ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการทดสอบ... แต่ทุกสิ่งที่ผมได้กล่าวมาก่อนหน้าล้วนเป็นความจริงแทบทั้งสิ้น”
ยกเว้นเรื่องที่ฉันไม่ได้บอกว่าใช้พรสวรรค์ช่วยไว้เรื่องนึง...
“โปรดอย่าถือโทษโกรธผมหากคำพูดดังกล่าวมันทำให้พวกท่านขุ่นเคืองใจ... เนื่องจากถึงแม้ผมจะกล่าวว่าตนเองผ่านมันมาได้เพราะดวงล้วนๆ แต่ความยากลำบากและความพยายามของเหล่าผู้คนที่สอบไม่ผ่านยังคงเป็นสิ่งที่ย้ำเตือน... ว่าคนเหล่านั้นไม่ได้ผิดและพวกเขาไม่ได้อ่อนแอ”
“สิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่อาจไปถึงฝั่งฝันได้ มีเพียงแค่โชคชะตาที่ไม่ยุติธรรมก็เท่านั้นเอง...”
“และผมไม่เคยรู้สึกว่าตนเองคู่ควรกับตำแหน่งในปัจจุบัน... แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่รู้สึกว่าตนพลาดที่สามารถสอบเข้ามาได้”
“ในโลกนี้ยังมีคนแข็งแกร่งและคนที่พยายามมากกว่าใครอีกมาก... แต่เนื่องจากอคติและปัจจัยทางด้านโชคทำให้พวกเขาถูกมองข้าม...”
“ผมจึงตัดสินใจ... ว่าตนเองต้องทำอะไรสักอย่าง”
“เพื่อเป็นตัวแทนแด่คนที่สูญเสียโอกาส หรือกระทั้งความรักจากครอบครัว เพียงเพราะกฎของโลกที่ถูกเรียกว่าพรสวรรค์และชะตาที่ฟ้าลิขิต”
“ผมรู้ดีว่าทุกท่านในที่นี้อาจจะไม่เข้าใจจุดมุ่งหมายของผม และมองว่าสิ่งที่ผมกำลังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งในสุนทรพจน์ที่แต่งโดยคัดกรองคำพูดมาก่อนแล้ว เพื่อให้มันฟังดูสวยงามและเรียบหรูมากที่สุด”
“อย่างไรก็ตาม... ต้องขอบคุณครอบครัวของผมหรือตระกูลอาร์ฟอร์ด ที่พวกเขาไม่ได้สร้างผมให้เกิดมาเป็นหุ่นยนต์ที่ทำทุกอย่างตามแบบแผน”
“เพราะแบบนั้นนี่จึงเป็นความรู้สึกจากใจจริง...”
“ถึงเหล่าคนที่ตัดสินลูกของตน เพียงเพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถบรรลุจุดมุ่งหมายที่ตนต้องการได้ ผมอยากจะบอกว่าสิ่งที่พวกคุณทำ... มันไม่ต่างอะไรจากการสร้างวิมานในอากาศ...”
“พวกคุณที่ต้องการบุคลากรคุณภาพ แต่ไม่คิดจะลงแรงสร้างความเชื่อมั่น และความฝันให้กับบุคคลเหล่านั้น ยังคาดหวังที่จะได้รับสิ่งที่ตนเองต้องการงั้นเหรอ?”
“และผมรู้ดีว่าสิ่งที่ผมกล่าวมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับงานเลี้ยงนี้เลยแม้แต่น้อย”
“แต่นี่ถือเป็นการแสดงจุดยืนของผมในฐานะนักเวทย์และขณะเดียวกัน... คือนักศึกษาของวิทยาลัยเวทมนตร์ลำดับหนึ่งของทวีป อาร์ชฟิลด์”
“สุดท้ายนี้... ขอให้พวกท่านทุกคนมีความสุขกับงานเลี้ยง”
และนั่นคือคำกล่าวสุนทรพจน์ของฉัน ที่สามารถสร้างความบาดหมางกับเหล่านักเวทย์ตระกูลใหญ่ๆ ได้อย่างง่ายดาย
มันน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง เมื่อคิดว่าคำกล่าวเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของฉันในประเทศนี้อย่างไร เพราะทั้งขุนนางระดับสูงและราชวงศ์ของยุสเทร่า ต่างก็อยู่กันเต็มห้องรับแขก
แต่ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะกล้าทำอะไรฉัน... เพราะกฎของโลกเป็นเช่นนี้เสมอ...
ผู้มีพรสวรรค์จะบดขยี้ผู้ที่อ่อนแอกว่า ตราบใดที่ราชอาณาจักรยังเชื่อเช่นนี้ก็ไม่มีวันที่ฉันจะพบเข้ากับอันตรายใดๆ
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่า สิทธิประโยชน์ของวิทยาลัย ซึ่งฉันไม่เคยได้กล่าวออกไปก่อนหน้า
มันเป็นไพ่ตายที่ทำให้ฉันกล้าพูดอะไรเสี่ยงๆ แบบนี้ออกไป
เพราะปัจจุบัน... นักศึกษาที่ได้เข้าเรียนในอาร์ชฟิลด์จะได้รับการคุ้มครองโดยตรงจากจักรวรรดิ
ประเทศเล็กๆ แบบยุสเทร่าจึงไม่มีวันแตะต้องตัวผมได้
ความคิดเห็น