คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ผลการสอบ
บทที่ 6 ผลการสอบ
‘นี่มัน... เรื่องบ้าอะไร?!...’
ภายในห้องกว้างที่อัดแน่นไปด้วยผู้เข้าสมัครซึ่งนั่งอยู่ตามเก้าอี้ของตน ฉันพลันตระหนักได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
ความรู้สึกสิ้นหวังที่ฉันไม่เคยได้พบมาก่อนตลอดการสอบปฏิบัติ มันปรากฏขึ้นมาทันทีที่ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องนี้ได้ไม่ถึงห้านาที
สถานการณ์ปัจจุบันเลวร้ายกว่าก่อนหน้ามาก...
ทั้งความท้าทายและความยากลำบาก ช่วงเวลานี้รีดเร้นสัญชาตญาณดิบของวานรที่หลับไหลในร่างกายมนุษย์เมื่อครั้นอดีตกาลของฉันออกมา
เหงื่อที่ไหลท่วมหน้า ดวงตาที่ฉันใช้จับจ้องแทบจะทะลักออกจากเบ้า เส้นเลือดที่ปูดโปนทั่วใบหน้าเนื่องจากความเครียดสะสม
บางทีมันอาจจะเป็นคำบรรยายที่ดูเวิ่นเว้อเกินความจริงไปบ้าง แต่มันก็น่าสิ้นหวังจริงๆ
‘ทำไม?....’
ฉันพร่ำถามภายในจิตใจ ขณะพยายามอดกลั้นเสียงที่พร้อมจะหลุดปากทุกเมื่อ
‘ทำไมมันถึงได้มีข้อสอบอัตนัยกันล่ะเนี่ย!?’
ดังที่กล่าว... สถานที่ซึ่งฉันถูกตัวตลกพามาหลังจากถูกบอกว่าสอบผ่าน คือห้องสอบพิเศษ บททดสอบทฤษฎีเวทมนตร์
มันอาจจะฟังดูปกติสำหรับการสอบเข้าเรียนในสถานที่สักแห่งในโลกเก่าของฉัน แต่มันแตกต่างออกไปราวฟ้ากับเหวเมื่อเทียบกับโลกใบนี้...
โดยปกติแล้ว การทดสอบสติปัญญามันเป็นสิ่งที่วิทยาลัยเวทมนตร์ไม่คิดจะทำกัน เนื่องจากต้นทุนชีวิตที่แตกต่างกัน ไม่ได้เป็นสิ่งที่วัดพรสวรรค์แต่กำเนิดของผู้สมัครเรียน
ยกตัวอย่างก็ฉันซึ่งเกิดมาฐานะยากจนและไม่มีทุนทรัพย์มากพอจะซื้อตำรามาศึกษาด้วยตนเอง เนื่องจากราคาของตำราเล่มนึงมากพอจะซื้ออาหารประทังชีวิตครอบครัวฉันได้ทั้งปี
และโดยปกติแล้วพรสวรรค์มีค่ามากกว่าความรู้ในหัว เพราะสำหรับผู้มีพรสวรรค์การจะเพิ่มพูนสติปัญญาของตนเองมันไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว ทั้งยังจะทำได้ดีกว่าผู้ไม่มีพรสวรรค์มากโข...
นี่จึงเป็นเหตุผลที่มากพอจะทำให้วิทยาลัยต่างๆ ไม่คิดจะสอบวัดความรู้และเน้นไปที่การสอบที่ใช้ความสามารถในด้านเวทมนตร์หรือสัญชาตญาณเสียมากกว่า
แน่นอนว่าทั้งหมดล้วนทำเพื่อวัดพรสวรรค์สำหรับการเข้าเรียนต่อแทบทั้งสิ้น
และถึงแม้ว่าฉันจะยังไม่รู้ว่าสนามสอบก่อนหน้ามันมีไว้เพื่ออะไร และจุดประสงค์ของมันคืออะไร แต่สำหรับวิทยาลัยแห่งทวีป การที่ฉันไม่รู้ไม่ได้แปลว่ามันไม่มี
ฉันเพียงแค่ผ่านมันมาได้อย่างไร้อุปสรรคเกินไป จนไม่เข้าใจถึงความยากลำบากที่แท้จริงของมัน
แต่เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น...
เพราะปัจจุบัน ฉันพึ่งโดนวิทยาลัยบ้านี่ ตลบหลังด้วยข้อสอบทฤษฎีเวทมนตร์ ซึ่งตลอดทั้งชีวิตไม่เคยได้อ่านมันสักเล่ม
และพอเจอแบบนี้เข้าไป ข้อแก้ต่างที่ฉันเคยพร่ำคิดเพื่อกู้หน้าให้วิทยาลัยสำหรับการสอบก่อนหน้าพลันเปลี่ยนเป็น
"บางทีวิทยาลัยบ้านี่อาจจะแค่มีผู้อำนวยการสติไม่ดี ที่อยากคัดเลือกนักเรียนด้วยวิธีประหลาดก็เท่านั้นเอง..."
‘ถ้าฉันสอบไม่ผ่านเพราะข้อสอบทฤษฎีล่ะก็... ขอให้ไอ้คนที่อยู่เบื้องหลังการสอบพิเศษบ้านี่เป็นหมันไปซะ!’
สุดท้ายฉันจึงทำได้แค่สาปแช่งในใจ กับการทรยศอันโหดร้ายของวิทยาลัยแห่งนี้... ก่อนที่จะทุ่มเทรอยหยักในสมองทั้งหมด ให้กับกระดาษข้อสอบขนาด A3 บนโต๊ะของฉัน
ครึ่งบนของกระดาษเป็นโจทย์ที่ฉันอ่านแทบจะไม่รู้เรื่องซึ่งมีรูปประกอบเป็นวงเวทย์ที่ซับซ้อนจนแค่จ้องเพียงชั่วขณะก็สามารถทำให้สมองล้าได้ ขณะที่ครึ่งล่างเป็นที่โล่งสำหรับเขียนคำตอบ
ความเลวร้ายที่สุดของการสอบนี้คือชนิดของข้อสอบที่เป็นประเภท อัตนัย รูปแบบที่เปิดโอกาสให้ผู้สอบได้เขียนความคิดของตนเองลงไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันเชื่อว่าทุกคนบนโลกเกลียดที่สุด
‘อา...ไม่มีทางที่เราจะตอบได้แน่นอน’
และภายในไม่ถึงอึดใจเดียว ฉันที่รู้ดีถึงความรู้ในหัวของตนเองตัดสินใจยอมแพ้กับข้อสอบประหลาดนี่...
‘....แต่ไหนๆ ก็จะสอบไม่ผ่านแล้ว....’
ฉันกำปากกาขนนกในมือแน่น ก่อนจะจุ่มปลายปากกาลงในแก้วใส่หมึก...
‘ก็ขอละเลงให้เต็มที่กับครึ่งหน้าที่เหลือเลยแล้วกัน!’
หลังจากนั้น... ด้วยหัวที่ดันเกิดอารมณ์สุนทรีย์ขึ้นมา ประกอบกับความช็อคที่ได้รับรู้ว่าตนจะต้องกลับบ้านมือเปล่า ฉันจึงทุ่มเวลาไปกับการวาดวงเวทย์ประกอบพิธีอัญเชิญซาตานลงไป...
แน่นอนว่ามันไม่ใช่วงเวทย์ของจริง... เป็นแค่รูปลักษณ์ในจินตนาการซึ่งออกแบบมาจากลักษณะเด่นของสิ่งที่คนเชื่อกัน อาธิเช่นตัวเลขที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง 666 หรือสัญลักษณ์ดาวห้าแฉก
แน่นอนว่าหลังจากนี้ไปมันจะกลายเป็นประวัติอันดำมืดของฉันอย่างแน่นอน แต่ปัจจุบันฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย ในหัวสมองมีแต่ความรู้สึกที่ว่าอยากเรียกซาตานออกมาระเบิดห้องสอบและวิทยาลัยให้หายไปจากทวีป
***
....
หลังจากสอบเสร็จ... ฉันพึ่งจะรู้ตัวว่าก่อนหน้านี้ตนได้กระทำสิ่งที่คลับคล้ายคลับคลากับชีวิตช่วงมัธยมต้นของตน...
ในวัยที่อาจจะเรียกได้ว่าไม่มีเพื่อนคบมากที่สุดในชีวิต... และบางครั้งก็ถูกเรียกว่าเป็นพวกสติไม่ดี
‘คะ-โคตรน่าอายเลย....’
วงเวทย์อัญเชิญซาตานอะไรนั่น เป็นสิ่งที่ฉันมักจะวาดเป็นประจำในช่วงเวลานั้น ฉันทำพร้อมกับจินตนาการถึงการแลกเปลี่ยนวิญญาณของตนเองเพื่อพรสวรรค์
แต่หลังจากขึ้นชั้นมัธยมปลายฉันที่กลับมามีสติ ก็ตัดสินจะใจฝังชีวิตในช่วงเวลานั้นไว้ในเงามืดตลอดไป และฉันก็ทำมันได้ดีเสมอมาจนกระทั้งปัจจุบัน
....ฉันพึ่งจะวาดไอ้วงเวทย์บ้านั่นลงไปในข้อสอบที่คาดว่าจะถูกตรวจโดยอาจารย์ของวิทยาลัยอันดับหนึ่งของทวีป...
‘ตรวจงั้นเหรอ.... ดะ-เดี๋ยวนะ!?’
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ฉันจะรู้สึกเจ็บใจในตนเองไปมากกว่านี้ ฉันก็พลันตระหนักได้ถึงสิ่งผิดปกติในการสอบ
‘....มันไม่มีช่องให้เขียนชื่อไม่ใช่เหรอ!?’
วินาทีถัดมาร่างของฉันพลันแข็งทื่อ... ความรู้สึกราวกับถูกทรยศอีกครั้งปรากฏขึ้นในใจ
พร้อมๆ กันนั้นเอง ตัวตลกพลันเดินเข้ามาภายในห้องสอบก่อนจะกล่าว
“ขอบคุณสำหรับความกรุณา! พวกท่านคงจะทราบดีอยู่แล้วว่าการสอบพิเศษนี้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในการเข้าเรียนแต่อย่างใด~!”
นั่นถือเป็นการทารุณกรรมทางจิตใจรูปแบบใหม่สำหรับฉัน...
“เนื่องจากนโยบายโดยทั่วไปของวิทยาลัยต่างๆ การสอบทฤษฎีจึงไม่มีส่วนในการสอบเข้าอยู่แล้ว เราจึงไม่คิดว่าจะต้องแจ้งให้ทราบแต่แรก! อย่างไรก็ตามเราต้องการจะบอกจุดมุ่งหมายของการสอบในครั้งนี้ขอรับ~!”
‘ไม่ล่ะ.. ช่วยแจ้งให้ครบถ้วนทีเถอะ’
ในฐานะวิทยาลัยลำดับหนึ่ง นี่มันทำให้ฉันหัวเสียอย่างมาก ต่อความไม่ละเอียดในข้อมูลข่าวสาร ซึ่งสร้างความเข้าใจผิดได้มากมายกับคนโง่เช่นฉัน
“แนวคิดและทฤษฎีต่างๆ ที่พวกท่านเคยได้ฟัง อ่าน หรือเพ้อไปเอง จะถูกนำไปอยู่ในรายการที่ต้องแก้ไขของวิทยาลัย เพื่อจะคัดสรรค์หลักสูตรที่ใช้งานได้ดีที่สุดออกมา แน่นอนว่ามันเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้นขอรับ!”
ตัวตลกพลันกล่าวต่อ...
“แต่เพื่อการศึกษาที่ดีที่สุด เราจึงอยากให้ท่านแสดงความคิดและสัญชาตญาณดิบออกมา การสอบจึงเป็นแบบไม่ระบุตัวตนเพื่อความเป็นส่วนตัวและลดอคติก่อนเข้าเรียนขอรับ!~”
“ทั้งนี้ขอขอบคุณพวกท่านเป็นอย่างสูง! ที่กรุณาเข้ารับสอบการสอบพิเศษครั้งนี้ขอรับ!”
หลังกล่าวจบตัวตลกพลันโค้งตัวคำนับอย่างสุภาพ แน่นอนว่าตลอดการพล่ามที่ยาวเหยียด ฉันจ้องเขม็งไปที่หน้าของเขาพร้อมกับส่งความอาฆาตเล็กๆ ออกไป
แต่ถึงกระนั้น... ฉันก็โล่งใจมากกว่าที่ได้รู้ว่าข้อสอบจะไม่มีใครสาวต้นตอมาถึงฉันได้ และขณะเดียวกันฉันก็ได้เข้าเรียนในวิทยาลัย
‘ก็ถือว่าเจ๊าๆ กันไป... ก็แล้วกัน’
สุดท้ายฉันก็ละทิ้งความคิดชั่ววูบที่อยากจะต่อยหน้าตัวตลกนั่น...
‘จะว่าไป... เราไม่ได้สังเกตจำนวนผู้สอบผ่านเลยแฮะ...’
เมื่อย้อนกลับไป ฉันเป็นคนที่เข้ามาในห้องสอบเป็นลำดับที่ 82 จึงต้องรอผู้เข้าสอบคนอื่นๆ และมันใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ตลอดเวลาฉันมัวแต่คิดเรื่องการสอบทฤษฎีเวทมนตร์ ฉันจึงไม่ได้สนใจเรื่องจำนวนผู้สอบผ่านเลยแม้แต่น้อย
ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ และเริ่มนับจำนวนโต๊ะ โดยทั้งห้องมีแถวทั้งหมด 15 แถวและแต่ละแถวมีเก้าอี้ 20 ตัว...
‘สะ-สามร้อย??’
จำนวนผู้สอบผ่านทั้งหมดจึงคิดเป็น 1 ใน 4 ของจำนวนผู้เข้าสอบ ซึ่งเป็นอัตราที่ค่อนข้างเลวร้าย
เพราะก่อนที่จะเข้าสอบได้ก็จำจะต้องผ่านการคัดเลือกของวิทยาลัยมาก่อน ผู้ที่มีสิทธิ์เข้าสอบจึงถือว่าเป็นอัจฉริยะแทบทั้งสิ้น
‘อา... นี่เรา...โชคดีเกินไปใหมเนี้ย?’
การที่ฉันสอบผ่านมาได้ต้องขอบคุณโชคชะตาที่เข้าข้างแบบแปลกๆ ในวันนี้ เพราะหากฉันรู้ตัวเรื่องเป้าหมายในการสอบช้าเกินไป ก็คงจะไม่มีหน้ามาอยู่ในห้องนี้
‘รู้สึกเหมือนจะมีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นหลังจากนี้เลย’
และเนื่องจากการโชคดีเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากชีวิตของฉันมาก ฉันเลยเริ่มรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา...
‘...หวังว่าจะไม่ซวยถึงขั้นตายก่อนวัยอันควรอีกรอบก็พอ...’
นับจากนี้ชีวิตในวิทยาลัยเวทมนตร์ของฉันซึ่งเต็มไปด้วยความหายนะก็ใกล้เข้ามาอีกก้าวนึงแล้ว...
ความคิดเห็น