คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : การสอบ
บทที่ 4 การสอบ
ด้วยสภาพพื้นที่ซึ่งอุดมสมบูรณ์ผิดจากอาณาเขตที่ฉันอาศัย เพราะเพียงแค่สภาพอากาศ หรือ อุณหภูมิ มันก็ทำให้ฉันรู้สึกสบายจนป่าอันหนาวเหน็บที่เขตอาร์ฟอร์ดเทียบไม่ติด
สิ่งที่ฉันควรกังวลจึงไม่ใช่สภาพอากาศ หากแต่เป็นระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตภายในป่า ในส่วนนี้รวมถึงผู้สมัครคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ฉันอาจจะมีข้อได้เปรียบตรงที่รับรู้เงื่อนไขในการสอบผ่าน แต่คนอื่นๆ ดูเหมือนจะไม่ พวกเขาเหล่านั้นจำเป็นจะต้องคาดการณ์หรือเดาสุ่มว่าการสอบนี้มีเป้าหมายคืออะไร
‘และนั่นแหละคือปัญหา...’
ผลจากการเดาสุ่มสี่สุ่มห้า หวยมันอาจจะไปตกที่การกำจัดผู้สมัครคนอื่นเอาได้ แม้นี่ก็จะเป็นเพียงแค่การคาดการณ์ของฉันเช่นกัน
แต่เชื่อเถอะ... คนบนโลกใบนี้ไม่มีใครมีความคิดที่ปกติกันหรอก
ความคลั่งไคล้ในสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์ของผู้คนในโลกนี้นั้นเกินจินตนาการของฉันมาก พวกเขาพร้อมจะดับเครื่องชนเพื่อทำทุกวิถีทางที่จะพัฒนาพลังเวทย์ของพวกเขา
และขอย้ำอีกครั้งว่าสถานที่ปัจจุบันที่ฉันอยู่คือวิทยาลัยเวทมนตร์ลำดับหนึ่งของทวีป เป็นแหล่งความรู้ที่ครอบครองได้ยากที่สุด
โดยผลตอบแทนของมันก็คือเวทมนตร์ที่เปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นอัจฉริยะ
และเพราะในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ ฝนไม่มีทางจะตกลงมาทั่วฟ้า การแย่งชิงจึงกลายเป็นแนวทางปฏิบัติอย่างหนึ่ง
‘เพราะงั้นเราควรวางแผนให้ดี... สำหรับเกือบแปดชั่วโมงถัดจากนี้’
‘แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าจำนวนผู้สมัครลดลงจนเหลือน้อยเกินไป หรือรอดมาได้มากกว่าความต้องการกันล่ะ?...’
ฉันไม่เข้าใจความคิดที่แท้จริงของวิทยาลัยแห่งนี้ แต่ถึงกระนั้นมันก็มีข้อสันนิษฐานที่ไม่ต้องใช้กำลังสมองให้มาก
‘ถ้าถึงจำนวนที่กำหนดการทดสอบก็คงจะจบไปเอง... งั้นเหรอ?’
แต่มันคือเท่าไหร่และมันถูกต้องหรือเปล่า? แน่นอนว่าไม่มีอะไรมายืนยันว่าฉันคิดถูกด้วยซ้ำ แต่ปัจจุบันฉันจำต้องเก็บความคิดนี้ไว้เป็นแผนสำรองในอนาคต
ปัจจุบันรากฐานที่ดีที่สุดคือข้อมูลและการซ่อนตัว...
ฉันไม่ควรอยู่ในพื้นที่นึงเป็นเวลานานเพราะมีโอกาสถูกพบได้ด้วยการ 【ตรวจจับเวทมนตร์】ของพวกที่มีสัมผัสแปลกประหลาด
เพราะถึงแม้ฉันจะมีการเสแสร้งแต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าคนแบบเจ้า『หัวส้ม』จะไม่โผล่มาอีก...
ถึงจะค่อนข้างโชคร้ายที่พรสวรรค์ของฉันต้องมาเป็นหมันเพราะคนแบบนั้น แต่ฉันก็ยังพอใช้มันกับคนทั่วๆ ไปได้อยู่บ้าง
แต่เริ่มแรกเลย ฉันควรเริ่มต้นด้วยการอยู่เฉยๆ สักพัก ฉันต้องการรู้ว่ามีคนผ่านเส้นทางฉันมากแค่ไหน และพวกเขามีจุดมุ่งหมายคืออะไร
ขณะเดียวกันฉันก็ต้องระมัดระวังพวกมีจิตสัมผัสพิเศษด้วย...
‘ลองอยู่แถวนี้สักครึ่งชั่วโมงก่อนก็แล้วกัน...’
***
“...สภาพพลังเวทย์แถวนี้แปรปรวนจนน่าแปลกมีโอกาสสูงที่จะพบอสูรระดับพิเศษ เราควรอ้อมไปใช้เส้นทางอื่นเพื่อความปลอดภัย”
นักเวทย์หนุ่มกล่าวกับเพื่อนร่วมทีม ด้วยสีหน้าจริงจัง
“เห็นด้วย... ฉันไม่อยากเสียพลังเวทย์กับพวกอสูรอีกแล้ว ยิ่งถ้าเป็นอสูรระดับพิเศษ... แค่คิดก็สยองแล้ว!”
หญิงสาวผมบ็อบตอบรับ ด้วยความตื่นตระหนก
“ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเอาพลังเวทย์ไปเสียกับพวกอสูรอยู่แล้ว เอริค... ฝากหาเส้นทางใหม่ด้วยล่ะ”
สุดท้ายชายหนุ่มอีกคนซึ่งมีผมสีเขียวเข้มจึงกล่าวกลับไป... ในกลุ่มของทั้งสามเขาถือว่าเป็นหัวหน้า
“เข้าใจแล้ว...”
เอริค นักเวทย์หนุ่มผมสีดำตอบรับคำของเขา พลางใช้พลังเวทย์เล็กน้อยตรวจสอบเส้นทางที่ปลอดภัย
“จากจุดนี้หากเราเดินเฉียงขวาเล็กน้อยเราก็จะไปถึงป่าฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ได้เหมือนกัน”
“อา... งั้นเราก็รีบไปกันเถอะ”
ในขณะที่ชายผู้เป็นหัวหน้ายืนยันแนวทางของกลุ่ม ทั้งสามจึงเดินออกจากบริเวณปัจจุบัน
...
‘ดูเหมือนเราจะได้ข้อมูลที่ดูมีประโยชน์มาแล้ว’
ในวินาทีเดียวกัน... ฉันซึ่งดักฟังอยู่ไม่ห่างพลางใช้พรสวรรค์กลบเกลื่อนพลังเวทย์ ได้รับสิ่งที่เป็นประโยชน์กลับมา
‘ป่าฝั่งตะวันตกเฉียงใต้?...อาจจะเป็นสถานที่ในการผ่านการสอบอีกรูปแบบงั้นเหรอ? หรือฉันจะแค่ติ๊ต่างไปเอง...?’
เนื่องจากเป็นข้อมูลที่สุ่มเสี่ยงและมีความเป็นไปได้ว่าพื้นที่ดังกล่าวอาจจะเป็นเพียงกำดัก ฉันจึงยังไม่ตัดสินใจจะเดินทางตามคนเหล่านั้นไป
‘แต่ก็แค่ตอนนี้ล่ะนะ...’
[ การสอบเวลาคงเหลือ 7 ชั่วโมง 17 นาที 36 วินาที ]
เพราะด้วยเวลาที่ผ่านไปช้าราวกับหอยทาก ฉันอาจจะหมดความอดทนในไม่นานและตามพวกนั้นไปจริงๆ
แน่นอนว่าฉันไม่ได้คาดหวังแต่เพียงการรอเวลาหมด...
ไม่ว่าจะปล่อยให้ผู้สมัครต่อสู้กันเองจนจำนวนเหลือเท่ากับความต้องการของวิทยาลัย ก็ดี หรือจะแผนล่าสุดที่เป็นการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวก็ดี
แม้ทั้งคู่จะเป็นเพียงแผนการที่ไม่มีอะไรมารองรับว่าจะสำเร็จ แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ ฉันก็มีแต่ต้องเชื่อใจมันเท่านั้น
แต่ว่า...
‘การทดสอบที่ให้รอ 8 ชั่วโมงแล้วจะผ่าน... วิทยาลัยบ้านี้มันจะน่าเบื่อเกินไปแล้ว’
บอกตามตรงว่าตั้งแต่ที่ได้เห็นเงื่อนไขการสอบผ่าน ฉันก็เอาแต่ตั้งคำถาม...
นี่คือการสอบของวิทยาลัยลำดับ 1 ของทวีปจริงๆ งั้นเหรอ?
แม้จะใช้จิตวิทยาให้ผู้สมัครแก่งแย่งชิงสิทธิ์เข้าเรียนกัน แต่ท้ายที่สุดถ้าเป้าหมายมันแค่นั้นจริงๆ นี่มันก็แค่เกมล้อเลียนผู้สมัครไม่ใช่เหรอไง?
นิสัยหยอกล้อที่ไม่บอกเป้าหมายแท้จริง และปั่นให้ผู้คนต่อสู้กันเองนี่คือเป้าหมายของการสอบ? นี่น่ะเหรอปรัชญาชีวิตที่วิทยาลัยซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของทวีปจะสอน?
เป็นความรู้สึกที่ราวกับได้ดูละครคุณธรรมเกรดต่ำ ที่ทำไปโดยหวังผลประโยชน์จากยอดวิวและการตอบรับที่เลวร้ายจากผู้ชม ซึ่งล้วนแล้วแต่เพิ่มแสงให้คนเหล่านั้นทั้งสิ้น
‘เพราะแบบนั้นมันน่าจะมีอะไรมากกว่าแค่เอาชีวิตรอด... บางทีเราควรจะหาข้อมูลเพิ่มสักหน่อย...’
ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด... ฉันเชื่อในข้อสันนิษฐานที่ผุดขึ้นมาในใจโดยไม่มีหลักฐานยืนยัน มากกว่าหน้าต่างที่เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนตรงหน้าเสียอีก
‘เริ่มการลาดตระเวนเลยจะดีกว่า...’
ฉันคิดขึ้นมาเช่นนั้น และขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมว่าควรระมัดระวังคนแบบเจ้าหัวส้มนั่นในขณะลาดตระเวน...
***
“...ยินดีต้อนรับขอรับ☆!”
บุคคลปริศนาภายในชุดตัวตลกกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“....“
แต่สิ่งที่ตัวตลกได้รับกลับไป เป็นเพียงสีหน้าที่เรียบเฉย... ของหญิงสาวผู้มีผมสีทองยาวสรวย
ดวงตาสีเขียวราวกับหยกเลอค่า จ้องมองไปยังรอยยิ้มจอมปลอมบนหน้ากากของตัวตลก
“เย็นชาจังเลยนะ... เคยมองโลกในแง่ดีบ้างหรือเปล่าเนี้ย?”
ตัวตลกปรับโทนเสียงให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ก่อนจะกล่าวต่อไป...
“ยินดีต้อนรับ ลำดับที่ 1 จาก 300 คน สู่วิทยาลัยเวทมนตร์อาร์ชฟิลด์ขอรับ...”
“จะให้เราเรียกท่านว่าอะไรดีขอรับ?...”
หญิงสาวนิ่งเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง... ดวงตาที่เย็นชาและริ่มฝีปากที่เรียบเฉย พลันโค้งขึ้นเล็กน้อย
“【ไอดอล】เรียกฉันว่า...ไอดอล”
ดวงตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้เล็กน้อย...
【ไอดอล】สมญานาม ของนักเวทย์ปีหนึ่งคนแรกของวิทยาลัยเวทมนตร์อาร์ชฟิลด์ ประจำปีล่าสุด
ตำแหน่งของผู้มีสมญานามถือได้ว่าสำคัญอย่างยิ่ง หากไม่รวมสิทธิประโยชน์มากมายที่จะได้รับในวิทยาลัย พวกเขายังถือเป็นผู้มีสิทธิ์สืบทอดต่ำแหน่งของเหล่าสภาทั้ง 7 อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม...
‘ไอดอล?... นั่นคือหนึ่งในภาษาที่สาบสูญงั้นเหรอ?’
ตลอดเวลาที่ตัวตลกได้ใช้ชีวิตในฐานะผู้ตรวจการพิเศษของวิทยาลัย หรือตลอดทั้งชีวิตของเขา ไม่เคยได้ยินคำใดที่ดูไม่สามารถแปลหรือถอดความได้เช่นนี้
ราวกับคำๆ นั้นถูกนำมาจากโลกใบอื่น... แต่ไม่มีทางที่ตัวตลกจะคาดการณ์ได้เช่นนี้ สำหรับเขา มันก็อาจจะเป็นแค่ภาษาที่หายสาบสูญในอดีตเท่านั้นเอง
“งั้นยินดีต้อนรับอีกครั้งนะขอรับ... คุณไอดอล”
***
“อา...ไอ้วิทยาลัยเวรนี่ เล่นเราเข้าให้แล้วสิ”
ฟันที่แหลมคมราวกับเขี้ยวของฉลาม ถือเป็นสัญลักษณ์ของชายหนุ่มมากกว่าผมสีฟ้าแสบตา และดวงตาแดงราวกับทับทิมเสียอีก
เขากำลังกล่าวด้วยท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อย ขณะที่นั่งอยู่บนซากของอสูรขนาดใหญ่
“ฆาตกรรม... บ้าอะไรกัน?”
เขาจ้องมองไปยังอากาศอันว่างเปล่า พลางแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ว่าแล้วเชียว... ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดนี่หว่า! ทำได้ดีมากไอ้วิทยาลัยเวร!”
ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา โดยที่เบื้องล่างเต็มไปด้วยอสูรสี่ขามากมาย
“พรสวรรค์ของฉันคือนักบดขยี้ ยินดีด้วย... ที่พวกแกจะได้กลายเป็นซากศพ!”
เขามุ่งความสนใจไปยังเหล่าอสูร ด้วยสีหน้าที่มิได้ประหลาดใจ หรือตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อยหากแต่เป็น.... 【ความสนุก】ต่างหาก
ร่างกายของเขาพลันมลายหายไปดังสายลม ไร้ซึ่งเสียงและไร้ซึ่งเงา... และไม่นานนักเสียงของกระดูกที่ถูกบดจนแหลกละเอียดจึงดังขึ้น
[แคร่ก—!!]
อสูรสี่ขาซึ่งมีหน้าตาราวกับสุนัขพันธุ์พิทบูล ร่างของมันค่อยๆ ถูกบดขยี้อย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงดัง กร็อบ! แกร๊บ! จากโครงกระดูกทั่วร่างที่บิดเบี้ยวซึ่งดังคลอไปพร้อมกัน
ไม่นานนักร่างของมันเริ่มแปรสภาพเป็นเพียงบอลทรงกลม ไม่หลงเหลือแล้วซึ่งเค้าโครงเดิมของมันที่เคยเป็นสุนัข...
“เสร็จไปหนึ่ง~!...”
เสียงของชายฟันเขี้ยวดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับร่างที่ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า
เวทมนตร์ระดับสูง【เหาะเหิน】ถูกใช้โดยผู้สมัครซึ่งอยู่ในวัยไม่เกิน 15 ปีเท่านั้น... นับเป็นสิ่งที่ผิดแผกกฎของโลก สีของพลังเวทย์ที่ห่อหุ้มรอบกายของเขาเป็นสีม่วง...
นั่นคือสัญลักษณ์ของนักเวทย์ระดับ 4
“ถึงจะมีเวลาให้เล่นอีกเยอะเลย แต่เพราะฉันเองก็อยากได้ลำดับสูงๆ เพราะงั้น...”
[แคร่ก—! แคร่ก—! แคร่ก—! แคร่ก—!... —แคร่ก!! ]
เสียงร่างกายที่ถูกบดจนแหลกของอสูรแต่ละตัวดังขึ้นพร้อมๆ กัน...
น้ำพุเลือดพลันพุ่งกระจายไปทั่วฟ้า ก่อนจะตกลงมาราวกับหยาดฝน อาบชโลมผืนหญ้าเขียวขจีให้กลายทะเลโลหิตสีแดงฉาน
“ฉันไม่มีเวลาว่างมาเล่นกับพวกอ่อนแอหรอกนะ...”
[ฟรู้มมมม—!!!]
และด้วยความเร็วที่เกินบรรยาย เขาพุ่งตัวออกไปจนเกิดเสียงระเบิดตามหลัง พลันสร้างความตื่นตระหนกครั้งใหญ่ให้กับเหล่านักเวทย์ที่ภาคพื้นดิน
ขณะเดียวกัน... ดวงตาสีน้ำเงินคู่หนึ่งซึ่งจับจ้องไปทั่วทุกมุมของการต่อสู้ กำลังสั่นไหวด้วยความกลัว
‘... นะ-นี่เราพึ่งเจอนักเวทย์พรสวรรค์งั้นเหรอ!?’
ตัวฉัน... ได้แต่ทึ่งกับความสุดยอดของสิ่งที่เรียกว่า นักเวทย์ตัวจริง...
ความคิดเห็น