ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นักเวทย์ไร้ค่าท้าชะตาวิทยาลัยเวทมนตร์

    ลำดับตอนที่ #10 : การประมูล

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ย. 67


     

    บทที่ 10 การประมูล


     

    ทุกอย่างมันเริ่มขึ้นหลังจากที่ฉันได้ลองตรวจสอบ 『บัตรนักศึกษา

    ในนั้นมันประกอบไปด้วยข้อมูลของสถาบัน กฎระเบียบเบื้องต้นและรวมถึง สิทธิพิเศษ ที่ฉันจะได้รับ 

     

    แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับนักศึกษาที่จะได้รับสิทธิประโยชน์และการคุ้มครองโดยตรงจากจักรวรรดิ 


     

    ภายนอกสถาบันนักศึกษาจะเปรียบเสมือนอาวุธมีค่าที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง โดยอาศัยอยู่ในจุดที่ปลอดภัยจากภยันอันตรายใต้ชื่อของจักรวรรดิ


     

    แต่กลับกัน... ภายในสถาบันที่เต็มไปด้วยเหล่าคนที่ได้รับสิทธิ์แบบเดียวกัน มันจะยังคงปลอดภัยอยู่หรือเปล่า?


     

    คำตอบคือไม่แน่นอนอยู่แล้ว...

     

    การเหยียดหยามและดูถูกสารพัดที่มาจากการหล่อหลอมของครอบครัวในโลกนี้ คนส่วนใหญ่ต่างก็เก็บกดและอารมณ์ร้าย ทั้งยังถูกปลูกฝังด้วยนิสัยจงเกลียดจงชังต่อคนอ่อนแอ

     

    สิ่งที่จะพอทำให้ฉันอยู่รอดในสังคมที่ว่าด้วยพลังอันต่ำต้อยเช่นนี้และเป็นสิ่งๆ เดียวที่ฉันมีอยู่ คือพรสวรรค์แต่กำเนิดในชื่อ Momuz of Pretending โดยพลังของพรสวรรค์ดังกล่าวคือการปลอมแปลงและเสแสร้งดังชื่อของมัน 

     

    มันทำให้ฉันปรับเปลี่ยน สีหรือกระแสของพลังเวทย์ ได้ดั่งใจนึก แต่มันก็ทำได้แค่นั้น ชีวิตของฉันยังคงไม่ยืนยาวนักในสถาบัน 
     

    เพราะเมื่อใดที่ความลับถูกเปิดเผยชีวิตของฉันก็จบแล้ว...


     

    ฉันจึงต้องการกำลังเสริมจากภายนอกเพื่อป้องกันความลับรั่วไหล และในขณะเดียวกันก็เป็นตัวช่วยในการส่งเสริมความสามารถของฉันให้พัฒนารวดเร็วยิ่งขึ้น 

     

    รัชทายาทจากราชวงศ์ที่ขับเคลื่อนด้วยอำนาจบารมีของขุนนาง จึงกลายเป็นที่ต้องการของฉันในปัจจุบันไปโดยปริยาย

     

    ***

     

    “ขอขอบพระทัยองค์รัชทายาททั้งสี่ที่ทรงเสด็จมาเยี่ยมเยือนยังดินแดนอันรกร้างแสนเข็ญนี้ครับ”

     

    ฉันกล่าวพลางโค้งตัวคำนับบรรดาราชวงศ์ที่นั่งอยู่บนโซฟาที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ภายในห้องปิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปยังพวกเขาทั้งหลายและได้ชะงักไป 

     

    เนื่องจากสิ่งที่ฉันได้เห็นมีเพียงตัวตนที่เทียบเคียงกามเทพที่ทรงประทับอยู่ ณ สุดสายตา

     

    ‘อะ-อืม... สมเป็นราชวงศ์ต่างโลกจริงๆ นั่นแหละนะ’

     

    ความสง่าราศีที่จับต้องได้ยาก ภาพของตัวตนบนชั้นฟ้า นี่คือรูปธรรมของราชวงศ์ที่ฉันมักพบเห็นได้เพียงในนวนิยาย

     

    ผมสีเงินที่อ่อนไสวราวกับขนนก และดวงตาสีฟ้าประดุจไพลิน กรรมพันธุ์ของราชวงศ์แห่งยุสเทร่าเปรียบเสมือนของขวัญจากเทพโดยแท้จริง 

     

    “วะ-หวังว่าพวกท่านจะทรงชอบพระทัยในความรื่นเริงของงานเลี้ยงนะครับ..”

     

    ฉันที่ตกตะลึงกับภาพตรงหน้าพลันกล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกักเล็กน้อย 

     

    ก่อนที่จะมีเสียงตอบกลับจากชายผู้หนึ่งในวินาทีถัดมา

     

    “ถึงแม้จะเป็นเขตเล็กๆ แต่ประชาชนของที่นี่ก็ดูมีความสุข... น่าประทับใจไม่น้อยเลยจริงๆ”

     

    เป็นชายผมสีเงินและดวงตาสีฟ้าที่ดูดุดัน ร่างกายของเขาดูกำยำและโตกว่าบรรดาราชวงศ์คนอื่นๆ 

     

    ในจุดนี้ฉันพลันพบข้อเสียของการเผชิญหน้ากับราชวงศ์หลายๆ คนพร้อมกันในทันที

    เพราะพวกเขาเป็นฝาแฝดที่หน้าตาคล้ายกันไปหมด จึงยากที่จะแยกออกว่าใครเป็นใครหากไม่ได้สังเกตพฤติกรรมของแต่ละคน

     

    “น้ำชาที่ท่านนำมาเสิร์ฟก็รสชาติไม่เลว”

     

    ถัดมาเสียงของหญิงสาวดังขึ้น โดยเธอกล่าวขณะที่นั่งไขว่ห้างพลางจิบน้ำชาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

     

    ‘....เธอคงจะเป็นองค์หญิงลำดับที่หนึ่งไม่ผิดแน่’

     

    ‘ส่วนชายคนก่อนหน้าก็องค์ชายลำดับที่หนึ่ง?’

     

    ‘อา... บางทีฉันควรจะขอรูปถ่ายของคนพวกนี้จากอีฟเอาไว้’ 

     

    ฉันคิดเช่นนั้นแต่มันก็สายเกินไปแล้วในตอนนี้ ขณะนั้นเนื่องจากรูปถ่ายมีราคาแพงฉันจึงไม่ได้บอกให้อีฟไปหามันมาให้ อีกทั้งฉันก็ไม่ได้คิดว่าราชวงศ์แต่ละคนจะหน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะแบบนี้


     

    ถ้าอีฟไม่ได้บอกนิสัยคร่าวๆ และบุคลิกพื้นฐานของคนเหล่านี้มา ฉันก็ไม่แน่ใจเลยว่าจะมองออกว่าใครเป็นใคร

     

    ‘ทำเอาสงสัยเลยว่าพวกชาวเมืองที่นั่นเขาแยกออกกันได้ยังไง..’

     

    ฉันได้แต่สงสัยกับทักษะประหลาดของอีฟและชาวเมืองในเมืองหลวงที่สามารถจำแนกรัชทายาทแต่ละคนได้

     

    “บางทีเราควรจะเริ่มพูดคุยกันถึงเหตุผลที่ท่านเชิญพวกเรามาในห้องส่วนตัวเช่นนี้ก่อนดีหรือเปล่า?”

     

    ในขณะที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิด เสียงของชายที่ดูเด็กกว่าองค์ชายลำดับที่หนึ่งก็ดังขึ้น 

     

    ‘อา... องค์ชายลำดับที่สาม?’

     

    ฉันเดาได้ไม่ยากเนื่องจากในห้องนี้มีรัชทายาทเพียงสี่คน ที่ได้ชื่อว่ามีอิทธิพลมากที่สุดในยุสเทร่า 

     

    และฉันก็ไม่แปลกใจที่รัชทายาทคนอื่นๆ ไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ เพราะการไม่แย่งอาหารเสือแล้วอยู่นิ่งๆ ย่อมดีกว่าเอาตัวไปเสี่ยงเป็นอาหารเสือเสียเอง 

     

    “นั่นสินะครับ”

     

    ฉันตอบรับคำกล่าวขององค์ชายลำดับที่สามก่อนจะเริ่มพูดต่อ...

     

    “ทุกท่านที่นี่... อยากได้ตัวผมไปเป็นพวกหรือเปล่าครับ?”

     

    หลังคำกล่าวของฉัน ความเงียบขรึมอย่างผิดปกติพลันตามมา 

     

    ‘เราพูดตรงไปหรือเปล่านะ?’

     

    แต่เนื่องจากไม่มีความจำเป็นจะต้องเกริ่นให้เป็นพิธีรีตองอะไรมาก เพราะใจความสำคัญที่ฉันจะพูดมันก็มีแค่นั้นจริงๆ 

     

    สุดท้ายความเงียบก็ยังคงอยู่ภายในห้องที่เริ่มอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ 

     

    “.....”

     

    “โดยละเอียดคือตัวผมต้องการความช่วยเหลือนิดหน่อยจากพวกท่าน และหากสิ่งที่พวกท่านเสนอนั้นตรงตามความต้องการของผม ผมก็จะยอมตกอยู่ใต้อาณัติและเป็นบริวารให้นั่นเอง”


     

    ตัวฉันที่รู้สึกเหมือนต้องพูดอะไรสักอย่างจึงกล่าวเสริมออกไปเช่นนั้น 

     

    “...ก็ยังดีที่ท่านบุตรแห่งบารอนยังคงเข้าใจความต้องการของเรา แม้กระนั้นก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นฝ่ายลงมือเองเช่นนี้”

     

    องค์ชายลำดับที่สามกล่าวขึ้นภายใต้ความเงียบสงัด เสียงของเขาราวกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ บรรยากาศที่เริ่มอึดอัดของห้องพลันเบาบางลง 

     

    “ทั้งนี้... มันคงจะดีถ้าท่านพอจะบอกได้ว่าเงื่อนไขที่ท่านต้องการคืออะไร”

     

    สิ้นสุดคำกล่าวขององค์ชายลำดับที่สาม ฉันก็เปิดปากตอบกลับไปในทันที

     

    “เรื่องเงื่อนไขพวกเราสามารถคุยกันได้ทีหลังครับ ก่อนหน้านั้นผมอยากจะให้พวกท่านทราบกติกาในการพูดคุยกันเสียก่อน”


     

    ใบหน้าของราชวงศ์ทั้งสี่ดูจริงจังขึ้นมาในทันที องค์ชายลำดับที่หนึ่งเริ่มปริปากของเขา

     

    “กติกางั้นเหรอ?... คงไม่ใช่ว่าท่านกำลังคิดจะเปลี่ยนที่นี่ให้เป็นลานประมูลงั้นสินะ?”

     

    เขาถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

     

    “ท่านพี่... คำถามนั้นดูเหมือนท่านจะไม่ได้กลั่นกรองมันก่อนพูดเลยนะ?”

     

    แต่โดยพลัน องค์หญิงลำดับที่หนึ่งพูดเชิงประชดกับคำถามของเขาด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ 

     

    “การที่เรามาอยู่ที่นี่ตอนนี้มันก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคำถามของท่านแล้วไม่ใช่งั้นหรือ?”

     

    เธอกล่าวต่อพร้อมกับรอยยิ้มขี้เล่นบนใบหน้า 

     

    อย่างไรก็ตาม... มันคงจะเป็นการเสียมารยาทหากฉันไม่ตอบคำถามของเขา และปล่อยให้องค์หญิงลำดับที่หนึ่งพูดจาเยาะเย้ยต่อไปเช่นนี้

     

    “....ก็ไม่ถูกซะทีเดียว”

     

    ฉันจึงเอ่ยปากตอบออกไปเช่นนั้น

     

    “การประมูลในตอนนี้จะอยู่ในรูปแบบเสนอราคาครั้งเดียวครับ...”

     

    “ทุกท่านลองมองไปยังประตูที่อยู่ด้านหลังของพวกท่านสิครับ สถานที่แห่งนั้นคือห้องพูดคุยพิเศษซึ่งพวกท่านมีสิทธิ์ในการพูดคุยขอเสนอกับผมได้อย่างเต็มที่ ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าจะเข้าไปได้แค่คนเดียวต่อครั้งเท่านั้นครับ”

     

    “และเราจะทำการพูดคุยถึงเงื่อนไขกันด้วยเวลาที่จำกัดไม่เกินครั้งละ 30 นาที และผลลัพธ์ของการพูดคุยผมจะบอกหลังจากได้ทำการคุยกับทั้งสี่ท่านเสร็จแล้วครับ”

     

    “สุดท้ายนี้... หากคำพูดของผมทำให้พวกท่านไม่สบายใจก็ขออภัยด้วยครับ” 

     

    “และแน่นอนว่าผมไม่ได้คิดจะบังคับพวกท่านให้เข้าร่วม ทุกท่านสามารถออกจากห้องนี้ได้ทันทีที่ต้องการเลยครับ”

     

    สิ้นสุดคำกล่าวของฉันราชวงศ์ทั้งสี่คนยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน ฉันจึงกล่าวพร้อมเผยรอยยิ้มบนใบหน้า


     

    “เป็นอันว่าทุกท่านสมัครใจนะครับ”

     

    ด้วยเหตุนั้นเองการประมูลที่ถูกล็อคผลเอาไว้แต่แรกก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×