คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ผ่านแล้ว?
บทที่ 5 ผ่านแล้ว?
กลิ่นเหม็นคาวและแอ่งน้ำสีเลือด สภาพโดยรวมของทัศนียภาพตรงหน้า อัดแน่นไปด้วยความน่าสะอิดสะเอียน
‘ระ-รู้สึกเหมือนจะอ้วกเลย...’
มันไม่ใช่ภาพที่คนทั่วไปอยากจะดูเลยแม้แต่น้อย... ซากสัตว์อสูรที่เละไม่เป็นท่า อวัยวะที่บิดตัวจนเสียรูป ดวงตาที่ถลนออกมาจากเบ้า ฯลฯ ซึ่งไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้
‘...หมอนั่น....มันโคตรจะตัวอันตรายเลยไม่ใช่หรือไง?’
ไม่ควรเข้าใกล้อย่างถึงที่สุด ภายในใจของฉันกู่ร้องเช่นนั้น ขณะที่เหงื่อตกท่วมหน้า
‘แถมยังเป็นพวกแปลกที่ชอบพูดคนเดียวอีก...’
อัจฉริยะมักจะแปลกเสมออาจจะเป็นคำกล่าวที่ไม่ผิด...
ชายคนก่อนถึงจะแข็งแกร่ง แต่นิสัยแปลกๆ ของเขาทำให้ฉันนึกถึงตัวเองตอนมัธยมต้น ขณะนั้นฉันเคยคิดว่าในแขนขวาของตนมีพลังลี้ลับซ่อนอยู่
‘อา... แค่คิดก็ขนลุกแล้ว...’
เอาเป็นว่าช่างเรื่องนั้นก่อนจะดีกว่า
‘แต่อย่างน้อยเราก็ยังพอได้อะไรอยู่บ้าง...’
ด้วยคำพูดของเขากับการกระทำ มันอาจจะพอมีบางสิ่งที่พอจะสาวไปถึงเบื้องหลังของการสอบอยู่ก็เป็นได้
‘ถึงนิสัยของเขาจะน่าขยะแขยงไปเสียหน่อยก็ตาม...’
เริ่มต้นด้วยการบ่นกับตัวเองซึ่งไม่ได้สลักใจความสำคัญเอาไว้
ทว่า...ถัดจากนั้นไปคือประโยคสำคัญ
‘ "ต้องรีบแล้ว"...งั้นเหรอ?’
เป็นคำกล่าวที่ขัดกับเป้าหมายในการสอบครั้งนี้โดยสิ้นเชิง...
[ เวลาคงเหลือ 6 ชั่วโมง 38 นาที 42 วินาที ]
ฉันจ้องมองไปยังหน้าต่างบอกเวลาด้วยความรู้สึกสับสนในใจ
ก่อนอื่นเลย... ถ้าไม่พึ่งสัญชาตญาณประหลาดที่ตัวฉันมีอยู่ในตอนนี้ ก็อาจจะคิดได้ว่าเขาเป็นเพียงผู้ที่ยังไม่เข้าใจจุดมุ่งหมายของการสอบที่แท้จริง
แต่นั่นจะเป็นไปได้จริงๆ เหรอ? สำหรับอัจฉริยะ... ความมั่นใจนั่นมันดูไม่เหมือนกับแววตาของคนโง่เขลาเลยแม้แต่น้อย
นี่ยังรวมถึงกลุ่มคนก่อนหน้าที่ฉันพบขณะที่พวกเขาเดินทางไปยัง ป่าทิศตะวันตกเฉียงใต้ และเมื่อดูจากทิศทางที่ชายแปลกๆ คนก่อนหน้าพุ่งไป ก็ถือเป็นเส้นทางเดียวกันพอดี
‘มันเลย... ดูไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญ’
ฉันคิดก่อนจะมองไปยังสิ่งที่ฉันเชื่อมั่นมาตั้งแต่เริ่มต้นการสอบ...
[ หน้าต่างสถานะ ]
แม้จะน่าเชื่อถือเพราะเป็นสิ่งที่ฉันได้รับมาจากพระเจ้า... แต่เมื่อลองคิดดูแล้ว ฉันไม่ควรเอาความมั่นใจทั้งหมด มาลงกับหน้าต่างเพียงแผ่นเดียว
เพราะสำหรับวิธีในการสอบผ่านแบบทดสอบของวิทยาลัยแห่งนี้ที่หน้าต่างสถานะบอก มันดูงี่เง่าจนเกินไป... ประกอบเข้ากับสัญชาตญาณที่บ่งบอกว่ามันเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล
ยิ่งรวมเข้ากับข้อมูลของอัจฉริยะหนึ่งคนและนักเวทย์อีกสามคน ผลสุดท้ายฉันจึงตัดสินใจขึ้นมาได้...
‘...ถ้าไป ก็คงไม่มีอะไรเสียหายหรอก’
"ป่าทิศตะวันตกเฉียงใต้"
สถานที่ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักเวทย์ หรือชายฟันเขี้ยวคนนั้นพากันเดินทางไป มันควรจะต้องมีอะไรสักอย่าง...
ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ... ฉันคงไม่ต้องกังวลแม้จะไปถึงแล้วพบแต่เพียงความว่างเปล่า ที่น่ากังวลจริงๆ มีแค่กับดักที่ไม่รู้ว่าจะมีจริงหรือไม่ก็เท่านั้น
และบางที...แม้แต่กับดักก็อาจจะไม่มีเลยนอกเสียจากการคิดไปเองของฉันเช่นกัน
แต่เรื่องที่แน่นอนคือฉันต้องเสแสร้งให้เนียนและกลมเกลียวไปกับธรรมชาติให้มากที่สุด เพื่อป้องกันตนเองจากนักเวทย์ขณะที่เดินทางไปยังที่แห่งนั้น
ฉันไม่อาจรับรู้ความเป็นมิตรของนักเวทย์ที่เหลือได้... เพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ในสถานการณ์แบบนี้
‘งั้นออกเดินทางกันเถอะ’
ฉันตัดสินใจอีกครั้งอย่างแน่วแน่ พลันก้าวเดินไปตามทางที่เลือก...
‘...หวังว่ามันจะเป็นความคิดที่ถูกล่ะนะ’
และเพื่อให้คิดแบบนั้นได้ ฉันอาจจะต้องนำศรัทธาที่มีทั้งชีวิตมาใช้... เพราะจุดที่ฉันอยู่ตอนนี้เกี่ยวพันกับอนาคตของฉันโดยตรง
มันจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นสู่ชีวิตที่มั่งคั่งและสุขสบาย หรือเป็นเพียงความเพ้อฝันที่เสี่ยงจะพาฉันกลับไปทำนาที่บ้านนอก
วิธีเดียวที่จะรู้ได้มีเพียงแค่การไปเห็นด้วยตาตัวเองเท่านั้น...
.....
‘และ... บางทีเราอาจจะคิดผิดก็ได้’
สองชั่วโมงหลังจากตะเกียดตะกายราวกับคนขี้แพ้ ฉันเดินทางมาถึงสุดขอบของป่าทิศตะวันตกเฉียงใต้ ระหว่างทางฉันหลบซ่อนจากนักเวทย์มากมาย และโชคยังดีที่ไม่มีใครตรวจจับตัวตนของฉันได้เลย
อย่างไรก็ตาม... ที่บั่นปลายของการเดินทาง ฉันพบเพียงพงไพรหน้าทึบที่ทับถมกันจนกลายเป็นกำแพงสูง ซึ่งไม่มีที่ให้ลอดตัวผ่านไปได้เท่านั้น
มันมาพร้อมกับพลังเวทย์หนาแน่นที่อบอวลไปทั่วอากาศ ถ้าให้อธิบายมันคือกำแพงที่สร้างขึ้นโดยนักเวทย์ระดับสูงไม่ผิดแน่
มันเปรียบเสมือนกรงนกที่ขังผู้สมัครสอบเอาไว้... ขณะเดียวกันก็ถือเป็นจุดสิ้นสุดของสนามสอบ
อย่างไรก็ตาม... แม้จะเห็นได้ชัดว่ามันเป็นทางตัน ฉันกลับต้องโต้แย้ง..
‘แต่นี่คงจะเป็นทางที่ถูกต้องแล้ว...’
ด้วยความแปลกประหลาดเพียงอย่างเดียว ที่ยังคงทำให้ฉันไขว้เขว และเอนเอียงไปทางสัญชาตญาณของฉัน...คือการหายตัวไปของผู้สมัครคนอื่นๆ
เห็นได้ชัดว่ามีนักเวทย์มากกว่าสิบคนในเส้นทางเดียวกันกับฉัน ซึ่งเดินทางนำหน้าเปรียบเสมือนไกด์นำทาง ที่พาฉันมาพบกับสถานที่แห่งนี้จนได้
ถ้าให้เล่าสั้นๆ พวกเขาเป็นกลุ่มนักเวทย์ที่มีเป้าหมายเดียวกันกับฉัน และเดินทางมายังสุดขอบป่าทิศตะวันตกเฉียงใต้ โดยตัวฉันได้ใช้มานาทั้งชีวิตเพื่อพยายามซ่อนตัวขณะสะกดรอยตามมา
แต่เรื่องประหลาดก็เกิดขึ้น เพราะในชั่วพริบตาที่ฉันไม่ทันมอง ร่างของพวกเขาเหล่านั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
ฉันไม่กล้าเดินดุ่มๆ ไปสำรวจบริเวณกำแพงอย่างใกล้ชิด เนื่องจากระแวงว่านั่นอาจจะเป็นการซุ่มโจมตีของคนเหล่านั้นก็ได้ จึงทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้แถวๆ นั้น และหวังเพียงใครสักคนจะมาเป็นหนูลองยาให้ก่อน
ขณะเดียวกันก็ตระหนักอยู่ในใจ...
‘ไม่มีทางที่คนทั้งกลุ่มจะซ่อนตัวได้รวดเร็วและไร้ร่องรอยขนาดนั้น...’
แน่นอนว่าถึงจะยังไม่ทราบสาเหตุของการหายตัวไปในชั่วพริบตา แต่จิตใจของฉันไม่ได้ปลักใจเชื่อว่าคนเหล่านั้นกำลังหลบซ่อนอยู่เลยแม้แต่น้อย กลับกันฉันคิดว่าตนได้พบกุญแจหลักในการสอบผ่านแล้ว
แต่เนื่องจากนี่เกี่ยวพันกับชีวิต ฉันจึงต้องยืนยันให้แน่ใจ ผ่านผู้สมัครคนอื่นๆ
ทั้งนี้สุดท้ายแล้วหน้าต่างสถานะของฉันอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์จริงๆ ถ้าเรื่องทั้งหมดปรากฎออกมาว่าวิธีผ่านการสอบคือกำแพงนั่น
‘ถ้าเป็นแบบนั้น... ก็ขอสาปแช่งไอ้พระเจ้านั่นสักหน่อยเถอะ’
และฉันจึงต้องทนรอไปอีกเกือบชั่วโมง กว่าจะมีใครสักคนมาถึงสถานที่แห่งนี้...
....
“แฮ่ก!! แฮ่ก!!..”
เสียงหอบดังถี่ๆ พร้อมกับพุ่มไหม้กอหญ้าที่ถูกแหวกออกอย่างรวดเร็ว ร่างของชายผมสีเทาดำโผล่ขึ้นด้วยสภาพอิดโรย
“ถะ-ถึงสักที!!”
หน้าตาของเขาดูไม่ค่อยสู้ดีนัก ผิวที่ขาวจนซีด เหงื่อที่ไหลออกท่วมร่าง และนัยน์ตาสีดำสนิทแสดงออกถึงความเหนื่อยล้า ราวกับคนที่พึ่งใช้แรงทั้งชีวิตกับอะไรสักอย่างมา
โดยไม่รีรอ ชายคนนั้นพุ่งตัวเข้าใส่กำแพงไม้หนาโดยไม่แม้แต่จะคิดให้ปวดหัวอย่างฉัน
[พรึ่บ—!!!]
และแทนที่ด้วยเสียงกระแทกจากผิวหนังอันบอบบาง กับไม้เถาวัลย์อันแข็งปั๊ก เสียงของสายลมเบาๆ กลับดังขึ้นแทน และร่างกายของชายคนนั้นก็พลันทะลุเข้าไปภายในกำแพง
‘....’
ฉันทำได้เพียงจ้องมองด้วยความรู้สึกสับสน ขณะเดียวกันฉันก็คาดไว้แล้วว่ามันจะต้องพิศดารแบบนี้
‘...แต่ไม่มีทางที่คนทั่วไปจะรู้หรอก ว่าต้องเอาตัวพุ่งชนแบบนั้น...’
‘อย่างที่คิด... ขนาดการสอบยังคัดคนไม่ปกติสินะ’
ถ้าไม่มีพรสวรรค์ของฉันที่ทำให้ได้รับข้อมูลมากมายได้ง่ายๆ แบบนี้ คนทั่วไปคงหมดสิทธิ์สอบผ่าน...
‘แต่ขอบใจนะ พ่อหนุ่มใกล้ตาย...’
ต้องขอบคุณเขา ที่ทำให้ฉันยืนยันข้อสงสัยของตัวเองได้สักที... และในขณะเดียวกันก็รับประกันความไร้ประโยชน์ของหน้าต่างสถานะได้แล้ว
‘ต่อจากนี้ฉันคงไม่เชื่อหน้าต่างขยะนี่อีกแล้วละ...’
ฉันคิดขึ้นมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิด...
หลังจากนั้นจึงขยับตัวออกจากพุ่มหญ้า และตรงไปใช้มือสัมผัสกำแพงสีเขียวขจี ซึ่งสร้างขึ้นจากไม้และเถาวัลย์
[พุ่บ...]
ชั่วพริบตานั้นมือของฉันที่สัมผัสก็พลันจมดิ่งเข้าไปภายในกำแพง ฉันรู้สึกเย็นที่ปลายนิ้วเล็กน้อยจากอุณหภูมิที่อีกฟาก
“ฮ่าา—....เอาล่ะ...”
ฉันสูดลมหายใจให้เต็มปอด ก่อนจะพุ่งเข้าไปภายในนั้นพร้อมกลั้นหายใจ...
เปลือกตาของฉันปิดลงชั่วขณะ ก่อนจะเปิดออกเมื่อรับรู้ได้ว่าตนเองเข้ามาอยู่ภายในแล้ว
“....ถ้ำ?...งั้นเหรอ?”
ถัดจากป่าก็กลายมาเป็นถ้ำ...
อันดับแรกฉันรีบกวาดตามองหานักเวทย์คนอื่นๆ ซึ่งอาจจะดักรออยู่ที่ปากทางเข้า...
“...ไม่มีใครเลย?...”
แต่ดูเหมือนฉันจะคิดมากไปเอง... ตั้งแต่แรกฉันเตรียมใจเอาไว้ว่าอาจจะมีนักเวทย์ดักซุ่มโจมตี
และเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฉันจึงตัดสินใจจะเข้าไปพร้อมๆ กับชายคนก่อนหน้า และหวังเพียงชายคนนั้นจะเป็นเหยื่อให้กับกลุ่มนักเวทย์ที่เข้ามาก่อน และเพิ่มโอกาสให้ฉันหลบหนีได้อย่างปลอดภัย
‘แต่ดูเหมือนจะไม่ต้องแล้ว...’
“เฮ้อ~... ค่อยยังชั่วหน่อย’
ฉันถอนหายใจเบาๆ ลำดับต่อไปคือการตรวจสอบสถานที่ปัจจุบัน...
เมื่อมองไปรอบๆ สิ่งที่ฉันพบมีเพียงทิวทัศน์ของถ้ำที่ไกลสุดลูกหูลูกตา มีคบเพลิงคอยให้แสงไฟเป็นระยะๆ โครงสร้างของถ้ำเป็นเพียงเส้นทางตรงเปล่าๆ ที่ไร้ซึ่งเงาของสิ่งมีชีวิตใดๆ
‘ดูเหมือน... จะทำได้แค่เดินตรงไปสินะ’
ฉันไม่มีทางเลือกค่อยๆ ก้าวเท้าออกไป...
.....
ณ ปลายทาง... ประตูไม้บานหนึ่งปิดสนิท มีตัวเลขเขียนเอาไว้ที่กลางประตู
[ 82 ]
ฉันที่ไม่คิดจะคาดเดาอะไรมากกับตัวเลขบนประตู ทำเพียงเอื้อมมือออกไปบิดลูกกลอนก่อนจะผลักมันออกไป...
“ยินดีต้อนรับ...ขอรับ✰~”
อีกฟากฝั่งของบานประตู ฉันพบเข้ากับบุุคคลปริศนาในชุดของตัวตลก ยืนรอฉันอยู่ภายในห้องสีขาวสะอาดตา
“ยืนยันรายชื่อผู้สอบผ่านลำดับที่ 82.. วิลเลี่ยม อาร์ฟอร์ด✰~ ยินดีต้อนรับท่านเข้าสู่วิทยาลัยเวทมนตร์ อาร์ชฟิลด์ ขอรับ~”
ตัวตลกกล่าวด้วยน้ำเสียงรื่นเริง ในขณะที่ฉันเต็มไปด้วยความสับสน...
‘ห๊ะ?...’
‘อะไรนะ? นี่คือผ่านแล้ว?...’
เป็นการสอบผ่านที่ฉันไม่ได้รู้สึกลำบาก หรือรันทดเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ฉันทำตลอดการสอบคือเดินเล่นในป่า ได้ยินอะไรก็หูเบาเชื่อไปเสียหมดจนสุดท้าย...
“ถามจริงดิ?...”
ก็สอบผ่านได้เฉยเลย
ความคิดเห็น