ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นักเวทย์ไร้ค่าท้าชะตาวิทยาลัยเวทมนตร์

    ลำดับตอนที่ #4 : การสอบ

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 67


    บทที่ 4 การสอบ


    ด้วยสภาพพื้นที่ซึ่งอุดมสมบูรณ์ผิดจากอาณาเขตที่ฉันอาศัย เพราะเพียงแค่สภาพอากาศ หรือ อุณหภูมิ มันก็ทำให้ฉันรู้สึกสบายจนป่าอันหนาวเหน็บที่เขตอาร์ฟอร์ดเทียบไม่ติด 


    สิ่งที่ฉันควรกังวลจึงไม่ใช่สภาพอากาศ หากแต่เป็นระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตภายในป่า ในส่วนนี้รวมถึงผู้สมัครคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน


    ฉันอาจจะมีข้อได้เปรียบตรงที่รับรู้เงื่อนไขในการสอบผ่าน แต่คนอื่นๆ ดูเหมือนจะไม่ พวกเขาเหล่านั้นจำเป็นจะต้องคาดการณ์หรือเดาสุ่มว่าการสอบนี้มีเป้าหมายคืออะไร 


    ‘และนั่นแหละคือปัญหา...’


    ผลจากการเดาสุ่มสี่สุ่มห้า หวยมันอาจจะไปตกที่การกำจัดผู้สมัครคนอื่นเอาได้ แม้นี่ก็จะเป็นเพียงแค่การคาดการณ์ของฉันเช่นกัน 


    แต่เชื่อเถอะ... คนบนโลกใบนี้ไม่มีใครมีความคิดที่ปกติกันหรอก 


    ความคลั่งไคล้ในสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์ของผู้คนในโลกนี้นั้นเกินจินตนาการของฉันมาก พวกเขาพร้อมจะดับเครื่องชนเพื่อทำทุกวิถีทางที่จะพัฒนาพลังเวทย์ของพวกเขา 


    และขอย้ำอีกครั้งว่าสถานที่ปัจจุบันที่ฉันอยู่คือวิทยาลัยเวทมนตร์ลำดับหนึ่งของทวีป เป็นแหล่งความรู้ที่ครอบครองได้ยากที่สุด 

    โดยผลตอบแทนของมันก็คือเวทมนตร์ที่เปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นอัจฉริยะ 


    และเพราะในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ ฝนไม่มีทางจะตกลงมาทั่วฟ้า การแย่งชิงจึงกลายเป็นแนวทางปฏิบัติอย่างหนึ่ง 


    ‘เพราะงั้นเราควรวางแผนให้ดี... สำหรับเกือบแปดชั่วโมงถัดจากนี้’


    ‘แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าจำนวนผู้สมัครลดลงจนเหลือน้อยเกินไป หรือรอดมาได้มากกว่าความต้องการกันล่ะ?...’


    ฉันไม่เข้าใจความคิดที่แท้จริงของวิทยาลัยแห่งนี้ แต่ถึงกระนั้นมันก็มีข้อสันนิษฐานที่ไม่ต้องใช้กำลังสมองให้มาก 


    ‘ถ้าถึงจำนวนที่กำหนดการทดสอบก็คงจะจบไปเอง... งั้นเหรอ?’


    แต่มันคือเท่าไหร่และมันถูกต้องหรือเปล่า? แน่นอนว่าไม่มีอะไรมายืนยันว่าฉันคิดถูกด้วยซ้ำ แต่ปัจจุบันฉันจำต้องเก็บความคิดนี้ไว้เป็นแผนสำรองในอนาคต 


    ปัจจุบันรากฐานที่ดีที่สุดคือข้อมูลและการซ่อนตัว...


    ฉันไม่ควรอยู่ในพื้นที่นึงเป็นเวลานานเพราะมีโอกาสถูกพบได้ด้วยการ 【ตรวจจับเวทมนตร์】ของพวกที่มีสัมผัสแปลกประหลาด

    เพราะถึงแม้ฉันจะมีการเสแสร้งแต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าคนแบบเจ้า『หัวส้ม』จะไม่โผล่มาอีก... 

    ถึงจะค่อนข้างโชคร้ายที่พรสวรรค์ของฉันต้องมาเป็นหมันเพราะคนแบบนั้น แต่ฉันก็ยังพอใช้มันกับคนทั่วๆ ไปได้อยู่บ้าง


    แต่เริ่มแรกเลย ฉันควรเริ่มต้นด้วยการอยู่เฉยๆ สักพัก ฉันต้องการรู้ว่ามีคนผ่านเส้นทางฉันมากแค่ไหน และพวกเขามีจุดมุ่งหมายคืออะไร 


    ขณะเดียวกันฉันก็ต้องระมัดระวังพวกมีจิตสัมผัสพิเศษด้วย...


    ‘ลองอยู่แถวนี้สักครึ่งชั่วโมงก่อนก็แล้วกัน...’


    ***


    “...สภาพพลังเวทย์แถวนี้แปรปรวนจนน่าแปลกมีโอกาสสูงที่จะพบอสูรระดับพิเศษ เราควรอ้อมไปใช้เส้นทางอื่นเพื่อความปลอดภัย”


    นักเวทย์หนุ่มกล่าวกับเพื่อนร่วมทีม ด้วยสีหน้าจริงจัง


    “เห็นด้วย... ฉันไม่อยากเสียพลังเวทย์กับพวกอสูรอีกแล้ว ยิ่งถ้าเป็นอสูรระดับพิเศษ... แค่คิดก็สยองแล้ว!”


    หญิงสาวผมบ็อบตอบรับ ด้วยความตื่นตระหนก


    “ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเอาพลังเวทย์ไปเสียกับพวกอสูรอยู่แล้ว เอริค... ฝากหาเส้นทางใหม่ด้วยล่ะ”


    สุดท้ายชายหนุ่มอีกคนซึ่งมีผมสีเขียวเข้มจึงกล่าวกลับไป... ในกลุ่มของทั้งสามเขาถือว่าเป็นหัวหน้า 


    “เข้าใจแล้ว...”


    เอริค นักเวทย์หนุ่มผมสีดำตอบรับคำของเขา พลางใช้พลังเวทย์เล็กน้อยตรวจสอบเส้นทางที่ปลอดภัย 


    “จากจุดนี้หากเราเดินเฉียงขวาเล็กน้อยเราก็จะไปถึงป่าฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ได้เหมือนกัน”


    “อา... งั้นเราก็รีบไปกันเถอะ”


    ในขณะที่ชายผู้เป็นหัวหน้ายืนยันแนวทางของกลุ่ม ทั้งสามจึงเดินออกจากบริเวณปัจจุบัน


    ...


    ‘ดูเหมือนเราจะได้ข้อมูลที่ดูมีประโยชน์มาแล้ว’


    ในวินาทีเดียวกัน... ฉันซึ่งดักฟังอยู่ไม่ห่างพลางใช้พรสวรรค์กลบเกลื่อนพลังเวทย์ ได้รับสิ่งที่เป็นประโยชน์กลับมา 


    ‘ป่าฝั่งตะวันตกเฉียงใต้?...อาจจะเป็นสถานที่ในการผ่านการสอบอีกรูปแบบงั้นเหรอ? หรือฉันจะแค่ติ๊ต่างไปเอง...?’


    เนื่องจากเป็นข้อมูลที่สุ่มเสี่ยงและมีความเป็นไปได้ว่าพื้นที่ดังกล่าวอาจจะเป็นเพียงกำดัก ฉันจึงยังไม่ตัดสินใจจะเดินทางตามคนเหล่านั้นไป


    ‘แต่ก็แค่ตอนนี้ล่ะนะ...’


    [ การสอบเวลาคงเหลือ 7 ชั่วโมง 17 นาที 36 วินาที ]


    เพราะด้วยเวลาที่ผ่านไปช้าราวกับหอยทาก ฉันอาจจะหมดความอดทนในไม่นานและตามพวกนั้นไปจริงๆ 


    แน่นอนว่าฉันไม่ได้คาดหวังแต่เพียงการรอเวลาหมด... 


    ไม่ว่าจะปล่อยให้ผู้สมัครต่อสู้กันเองจนจำนวนเหลือเท่ากับความต้องการของวิทยาลัย ก็ดี หรือจะแผนล่าสุดที่เป็นการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวก็ดี

    ม้ทั้งคู่จะเป็นเพียงแผนการที่ไม่มีอะไรมารองรับว่าจะสำเร็จ แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ ฉันก็มีแต่ต้องเชื่อใจมันเท่านั้น


    แต่ว่า...


    ‘การทดสอบที่ให้รอ 8 ชั่วโมงแล้วจะผ่าน... วิทยาลัยบ้านี้มันจะน่าเบื่อเกินไปแล้ว’


    บอกตามตรงว่าตั้งแต่ที่ได้เห็นเงื่อนไขการสอบผ่าน ฉันก็เอาแต่ตั้งคำถาม...


    นี่คือการสอบของวิทยาลัยลำดับ 1 ของทวีปจริงๆ งั้นเหรอ?


    แม้จะใช้จิตวิทยาให้ผู้สมัครแก่งแย่งชิงสิทธิ์เข้าเรียนกัน แต่ท้ายที่สุดถ้าเป้าหมายมันแค่นั้นจริงๆ นี่มันก็แค่เกมล้อเลียนผู้สมัครไม่ใช่เหรอไง?


    นิสัยหยอกล้อที่ไม่บอกเป้าหมายแท้จริง และปั่นให้ผู้คนต่อสู้กันเองนี่คือเป้าหมายของการสอบ? นี่น่ะเหรอปรัชญาชีวิตที่วิทยาลัยซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของทวีปจะสอน? 


    เป็นความรู้สึกที่ราวกับได้ดูละครคุณธรรมเกรดต่ำ ที่ทำไปโดยหวังผลประโยชน์จากยอดวิวและการตอบรับที่เลวร้ายจากผู้ชม ซึ่งล้วนแล้วแต่เพิ่มแสงให้คนเหล่านั้นทั้งสิ้น


    ‘เพราะแบบนั้นมันน่าจะมีอะไรมากกว่าแค่เอาชีวิตรอด... บางทีเราควรจะหาข้อมูลเพิ่มสักหน่อย...’


    ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด... ฉันเชื่อในข้อสันนิษฐานที่ผุดขึ้นมาในใจโดยไม่มีหลักฐานยืนยัน มากกว่าหน้าต่างที่เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนตรงหน้าเสียอีก


    ‘เริ่มการลาดตระเวนเลยจะดีกว่า...’


    ฉันคิดขึ้นมาเช่นนั้น และขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมว่าควรระมัดระวังคนแบบเจ้าหัวส้มนั่นในขณะลาดตระเวน...


    ***


    “...ยินดีต้อนรับขอรับ☆!”


    บุคคลปริศนาภายในชุดตัวตลกกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง 


    “....“


    แต่สิ่งที่ตัวตลกได้รับกลับไป เป็นเพียงสีหน้าที่เรียบเฉย... ของหญิงสาวผู้มีผมสีทองยาวสรวย 


    ดวงตาสีเขียวราวกับหยกเลอค่า จ้องมองไปยังรอยยิ้มจอมปลอมบนหน้ากากของตัวตลก 


    “เย็นชาจังเลยนะ... เคยมองโลกในแง่ดีบ้างหรือเปล่าเนี้ย?”


    ตัวตลกปรับโทนเสียงให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ก่อนจะกล่าวต่อไป...


    “ยินดีต้อนรับ ลำดับที่ 1 จาก 300 คน สู่วิทยาลัยเวทมนตร์อาร์ชฟิลด์ขอรับ...”


    “จะให้เราเรียกท่านว่าอะไรดีขอรับ?...”


    หญิงสาวนิ่งเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง... ดวงตาที่เย็นชาและริ่มฝีปากที่เรียบเฉย พลันโค้งขึ้นเล็กน้อย 


    “【ไอดอล】เรียกฉันว่า...ไอดอล


    ดวงตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้เล็กน้อย...


    ไอดอลสมญานาม ของนักเวทย์ปีหนึ่งคนแรกของวิทยาลัยเวทมนตร์อาร์ชฟิลด์ ประจำปีล่าสุด


    ตำแหน่งของผู้มีสมญานามถือได้ว่าสำคัญอย่างยิ่ง หากไม่รวมสิทธิประโยชน์มากมายที่จะได้รับในวิทยาลัย พวกเขายังถือเป็นผู้มีสิทธิ์สืบทอดต่ำแหน่งของเหล่าสภาทั้ง 7 อีกด้วย 


    อย่างไรก็ตาม...


    ‘ไอดอล?... นั่นคือหนึ่งในภาษาที่สาบสูญงั้นเหรอ?’


    ตลอดเวลาที่ตัวตลกได้ใช้ชีวิตในฐานะผู้ตรวจการพิเศษของวิทยาลัย หรือตลอดทั้งชีวิตของเขา ไม่เคยได้ยินคำใดที่ดูไม่สามารถแปลหรือถอดความได้เช่นนี้


    ราวกับคำๆ นั้นถูกนำมาจากโลกใบอื่น... แต่ไม่มีทางที่ตัวตลกจะคาดการณ์ได้เช่นนี้ สำหรับเขา มันก็อาจจะเป็นแค่ภาษาที่หายสาบสูญในอดีตเท่านั้นเอง 


    “งั้นยินดีต้อนรับอีกครั้งนะขอรับ... คุณไอดอล”


    ***


    “อา...ไอ้วิทยาลัยเวรนี่ เล่นเราเข้าให้แล้วสิ”


    ฟันที่แหลมคมราวกับเขี้ยวของฉลาม ถือเป็นสัญลักษณ์ของชายหนุ่มมากกว่าผมสีฟ้าแสบตา และดวงตาแดงราวกับทับทิมเสียอีก 


    เขากำลังกล่าวด้วยท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อย ขณะที่นั่งอยู่บนซากของอสูรขนาดใหญ่


    ฆาตกรรม... บ้าอะไรกัน?”


    เขาจ้องมองไปยังอากาศอันว่างเปล่า พลางแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย 


    “ว่าแล้วเชียว... ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดนี่หว่า! ทำได้ดีมากไอ้วิทยาลัยเวร!”


    ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา โดยที่เบื้องล่างเต็มไปด้วยอสูรสี่ขามากมาย 


    พรสวรรค์ของฉันคือนักบดขยี้ ยินดีด้วย... ที่พวกแกจะได้กลายเป็นซากศพ!”


    เขามุ่งความสนใจไปยังเหล่าอสูร ด้วยสีหน้าที่มิได้ประหลาดใจ หรือตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อยหากแต่เป็น.... 【ความสนุก】ต่างหาก 


    ร่างกายของเขาพลันมลายหายไปดังสายลม ไร้ซึ่งเสียงและไร้ซึ่งเงา... และไม่นานนักเสียงของกระดูกที่ถูกบดจนแหลกละเอียดจึงดังขึ้น 


    [แคร่ก—!!]


    อสูรสี่ขาซึ่งมีหน้าตาราวกับสุนัขพันธุ์พิทบูล ร่างของมันค่อยๆ ถูกบดขยี้อย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงดัง กร็อบ! แกร๊บ! จากโครงกระดูกทั่วร่างที่บิดเบี้ยวซึ่งดังคลอไปพร้อมกัน


    ไม่นานนักร่างของมันเริ่มแปรสภาพเป็นเพียงบอลทรงกลม ไม่หลงเหลือแล้วซึ่งเค้าโครงเดิมของมันที่เคยเป็นสุนัข...


    “เสร็จไปหนึ่ง~!...”


    เสียงของชายฟันเขี้ยวดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับร่างที่ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า 


    เวทมนตร์ระดับสูง【เหาะเหิน】ถูกใช้โดยผู้สมัครซึ่งอยู่ในวัยไม่เกิน 15 ปีเท่านั้น... นับเป็นสิ่งที่ผิดแผกกฎของโลก สีของพลังเวทย์ที่ห่อหุ้มรอบกายของเขาเป็นสีม่วง...


    นั่นคือสัญลักษณ์ของนักเวทย์ระดับ 4 


    “ถึงจะมีเวลาให้เล่นอีกเยอะเลย แต่เพราะฉันเองก็อยากได้ลำดับสูงๆ เพราะงั้น...”


    [แคร่ก—! แคร่ก—! แคร่ก—! แคร่ก—!... —แคร่ก!! ]


    เสียงร่างกายที่ถูกบดจนแหลกของอสูรแต่ละตัวดังขึ้นพร้อมๆ กัน...


    น้ำพุเลือดพลันพุ่งกระจายไปทั่วฟ้า ก่อนจะตกลงมาราวกับหยาดฝน อาบชโลมผืนหญ้าเขียวขจีให้กลายทะเลโลหิตสีแดงฉาน


    “ฉันไม่มีเวลาว่างมาเล่นกับพวกอ่อนแอหรอกนะ...”


    [ฟรู้มมมม—!!!]


    และด้วยความเร็วที่เกินบรรยาย เขาพุ่งตัวออกไปจนเกิดเสียงระเบิดตามหลัง พลันสร้างความตื่นตระหนกครั้งใหญ่ให้กับเหล่านักเวทย์ที่ภาคพื้นดิน 


    ขณะเดียวกัน... ดวงตาสีน้ำเงินคู่หนึ่งซึ่งจับจ้องไปทั่วทุกมุมของการต่อสู้ กำลังสั่นไหวด้วยความกลัว


    ‘... นะ-นี่เราพึ่งเจอนักเวทย์พรสวรรค์งั้นเหรอ!?’


    ตัวฉัน... ได้แต่ทึ่งกับความสุดยอดของสิ่งที่เรียกว่า นักเวทย์ตัวจริง...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×