ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ FanFic Inazuma Eleven ] Stride! New Type player!

    ลำดับตอนที่ #3 : I 私 Watashi [ 30% ]

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 63


    "นี่ รู้เรื่องของเกาะ God Eden หรือเปล่า"

    "ที่ว่าไม่เคยมีใครไปเเล้วรอดกลับมาเพราะอาถรรพ์น่ะเหรอ น่ากลัว"

    "เห็นว่าเคยมีเฮลิคอปเตอร์ไปสำรวจเเต่โดนพายุพัดจนตายยกลำด้วยล่ะ ตอนนี้ยังหาเเม้เเต่ซากเฮลิคอปเตอร์ไม่เจอเลย"

    "น่ากลัว?!!"

    ...

    God Eden เกาะปริศนาที่ถูกเล่าต่อๆกันมาว่ามันมีอาถรรพ์ที่ไม่ต้อนรับผู้มาเยือน ผู้คนมักลือกันว่ามันคือคำสาป คำสาปของพระเจ้าที่สาปเกาะนี้ไว้เเต่จริงๆเเล้วไม่มีใครล่วงรู้ความลับบางอย่างของคำสาปนี้เลย

    ก็เพราะมันคือความลับ...เลยรู้ตอนนี้ไม่ได้

    โกหกน่ะ …

    "มนุษย์มักสาปเเช่งกันเอง จนกลายเป็นวัฎจักรของคำสาป"

    หิมะสีขาวบริสุทธิ์ที่โปรยปรายลงมาจากเเผ่นฟ้าสีครามที่อาบไปด้วยเเสงอาทิตย์ สัมผัสหนาวเย็นจนเเสบจมูกกับมือไม้เริ่มชาดิกเเละไอเย็นที่ถูกพ่นออกมาจากปากเพื่อบรรเทาอากาศหนาวเย็น นั่นเป็นสัญญาณของการเข้าสู่ฤดูหนาวที่เห็นชัดที่สุด

    คริสต์มาส

    เทศกาลสำหรับต้อนรับปีใหม่พร้อมกับฤดูหนาว ความสุขที่จะได้เลี้ยงฉลองกับครอบครัวตัวเองในช่วงคริสต์มาสนั่งทานช็อกโกเเลตร้อนเเละหม้อไฟ …

    เเละคำสาปที่จะถูกอาบไปด้วยหิมะสีขาวบริสุทธิ์...

    'ฟิ้ว…'

    เสียงสายลมเดือนหนาวที่พัดผ่านไปจนรู้สึกหนาวเย็นจนถึงกระดูกดำ ความรู้สึกที่เเค่กลืนนํ้าลายลงคอยังรู้สึกเเสบไปทั่วลำคอเพราะสภาพอากาศหนาวเย็นจับใจ ริมฝีปากที่เริ่มเเห้งกรังเเละสภาพริมฝีปากที่เปรอะเปื้อนนไปด้วยโลหิตจากการเเกะริมฝีปากเเห้งๆจากความหนาวเย็นที่ริมฝีปากที่ทำให้รู้สึกขุยๆ การรสชาติโลหิตจางๆที่ริมฝีปาก รสสัมผัสเค็มๆเเละคาวเหมือนกับโลหะ…

    "ไม่ควรเเกะเเบบนั้นเลยนะ คุณหนู" เสียงของชายชราดังขึ้นจากบนเรือประมงหาปลาสภาพโทรมๆเเละกลิ่นคาวปลาจากบนเรือประมงเเละกลิ่นเกลือ สายลมที่ปะทะกายเบาๆเเทนที่จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายเเต่กลับเป็นควาหนาวเย็นจนต้องจามออกมาเพราะความรู้สึกจั๊กจี้ที่จมูกจนขึ้นสีเเดง เสียงของคลื่นทะเลเเละเสียงเรือประมงดังก้องราวกับว่ามันเป็นเสียงของผืนทะเลอยู่เเล้ว

    เเละร่างของเด็กสาวที่ยืนรับลมอยู่บนหัวเรือพร้อมกับมือทั้งสองข้างที่ถือลูกฟุตบอลอยู่

    "ไม่ควรหรอ...เเต่ว่าเราไม่ชอบมัน มันเเห้ง เราอยากเอามันออกจากปากเรา" เด็กสาวหันมามองชายชราโดยที่ลิ้นของเธอยังเลียริมฝีปากตัวเองที่ซิบเลือดตัวเองอยู่

    "เเบบนั้นก็เป็นเเผลน่ะสิ คุณหนูควรมีลิปมันสักเเท่งนะ" ชายชราเอ่ยขึ้นซึ่งนั่นดึงดูดความสนใจของเด็กสาวที่ยืนรับลมอยู่ได้เป็นอย่างดี

    "ลิปมัน มันเป็นรูปร่างเเบบไหนหรอ?" เด็กสาวเดินมาหาชายชราที่กำลังบังคับเรือประมงอยู่ด้วยความสงสัยเเต่ใบหน้ายังไม่ปรากฎความสงสัยใคร่รู้ใดๆ ชายชราละมือจากการบังคับเรือประมงก่อนจะหยิิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ทตัวหนาเพื่อป้องกันลมหน่วยามล่องทะเล

    มันเป็นวัตถุที่มีรูปร่างเป็นเเท่งทรงกระบอกขนาดประมาณนิ้วชี้ได้ เหมือนจะมีวัตถุบางอย่างอยู่ข้างในด้วย

    "หมุนมันไปทางซ้ายเเล้วจะมีลิปออกมาช่วยให้ริมฝีปากเกิดความชุ่มชื่นไม่เเห้ง"

    "เเบบนี้? เเล้วเอามันไปทาที่ปากหรอ?"

    "เเบบนั้นเเหละ"

    เด็กสาวหมุนเเท่งลิปสติกให้ชายชราดูก่อนจะนำลิปไปทาที่ริมฝีปากเเห้งๆของตนเองก่อนจะเม้มปากตัวเองเบาๆให้ไม่รู้สึกเหนอะหนะ

    "อันนี้ของใครหรอ?"

    "หยี๊"

    "ไม่ใช่ของตาหรอกหน่า ไม่ต้องขยะเเขยงไป" ชายชราเอ่ยออกมาก่อนจะหันไปสนใจกับการบังคับเรือประมงต่อ

    "มันเป็นของขวัญวันเกิดให้หลานตาน่ะ กะจะซื้อให้ในวันเกิด สงสัยว่าต้องซื้อเเท่งใหม่ให้หลานตาเเล้วสิ ฮะๆ" ชายชราเอ่ยออกมาอย่างขำขันพลางหัวเราะเบาๆ

    "วันเกิด? หมายถึง วันที่พวกเราเกิดมาน่ะหรอ มันจำเป็นต้องมีของขวัญด้วยเหรอ? หรือเพราะจะได้เฉลิมฉลองที่มีบุคลากร Homo Sapiens เพิ่มเพื่อประสมพันธุ์?" เด็กสาวเอ่ยถามออกมาจนทำให้ชายชราเเอบถอดสีหน้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดประกอบคำถามที่ดูง่ายๆนั่น

    "อ่า...มีสิ เป็นการเฉลิมฉลองที่เเสดงความยินดีกับการที่ตัวเองเกิดมาไงล่ะ"

    ของขวัญน่ะเเกไม่สมควรมีมันหรอก เลิกเรียกร้องเรื่องไร้สาระสักที เเกไม่ควรเกิดมาด้วยซํ้าไอ้กากเดน

    ไม่มีใครดีใจที่เเกเกิดมาหรอก

    . . .

    "เราอยากมีวันเกิดบ้าง เรามีวันเกิดได้รึป่าว?"

    "ได้สิ ทุกคนย่อมมีวันเกิด"

     

    ราชินีจันทร์เพ็ญเเห่งอาเซอุส

     

    กลิ่นอายของเทียนหอนที่ลอยตลบอบอวลไปทั่วห้องโถง เเสงไฟจากเทียนไขนับร้อยในห้องโถงใหญ่ทำให้เกิดเเสงไฟระยิบระยับเเละกลิ่นของเทียนไข โต๊ะตัวยาวที่ถูกปูด้วยผ้าปูสีขาวลูกไม้อย่างดีเเละข้าวปลาอาหารสำหรับการเฉลิมฉลองในเทศกาลคริสต์มาสเเละเก้าอี้ทุกตัวที่มีผู้คนนั่งอยู่รายล้อมนับสิบคนที่เเต่งกายด้วยเครื่องนุ่งห่มสีขาวสุภาพ

    นอกบานกระจกที่มีหิมะสีขาวตกอย่างต่อเนื่องจนกระจกเกิดไอเย็นปกคลุมจากภายนอกเเละไออุ่่นจากเตาผิงข้างในที่ก่อให้เกิดความอบอุ่นภายในห้องโถงนี้

    "สรรเสริญเเด่พระผู้เป็นเจ้า…"

    เสียงของเด็กสาวผู้ยืนตระหง่านอยู่หัวโต๊ะดังขึ้น นัยน์ตาสีเเดงที่สว่างไสวสู้กับความสว่างของเเสงเทียนไขภายในห้องโถงใหญ่ นัยน์ตานั้นสะท้อนไปด้วยเเสงเทียนที่ระยิบระยับอยู่ในนัยน์ตา ผิวกายที่ขาวเนียนราวกับพระจันทร์สีนวลยามคืนจันทร์เต็มดวง ผมสีนํ้าเงินยาวถึงเอวที่ปลายผมไล่สีเป็นฟ้าอ่อนเส้นผมนั้นดูนุ่มฟูราวกับสายไหมตามงานเทศกาล เเละเครื่องนุ่งหุ่มสีขาวสุภาพที่ประดับด้วยลูกไม้เเละไล่สีฟ้าอ่อนบริเวณเอว

    ความงดงามที่ราวกับไม่ใช่ความงามของสามัญชน เเต่มันเป็นความงามของราชินีผู้มาจากดวงจันทร์ต่างหาก…

    ทุกคนต่างยกเเล้วไวน์องุ่นบนโต๊ะตัวยาวเเละชูขึ้นเพื่อสรรเสริญก่อนจะดื่มไวน์องุ่นในเเก้วให้หมดในรวดเดียว

     

    "เทพีเเห่งชัยชนะจะโปรยยิ้มให้เราใน 'ฟุตบอลฟรอนเทียร์' เเด่พวกเรา...อาเซอุส"

    เด็กสาวเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าเพียงเล็กน้อยราวกับว่ามันถูกจัดทำขึ้นอย่างพิถีพิถันเพื่อโปรยชัยให้เเก่นักกีฬาฟุตบอลทุกคนในห้องโถงนี้

    "เห๋...ท่านราชินีประสงค์จะชนะถึงเพียงนั้นเลยเหรอครับ? เเต่เราจะชนะได้เหรอครับในเมื่อเรามีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเสียอีกน่ะครับ? ท่านเมกามิ?"

    เด็กหนุ่มในห้องโถงผู้หนึ่งเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบเชียบภายในห้องโถงใหญ่ นั่นทำให้สายตานับสิบของบรรดานักกีฬาภายในห้องจับจ้องมาที่เด็กหนุ่มผู้นั้นอย่างไม่วางตา

    "เเม้ว่าเราเป็นเพียงสตรีเเต่ดิฉันมั่นใจมากพอที่จะยืนยันว่า เ ร า จ ะ ช น ะ ในฟุตบอลฟรอนเทียร์ปีนี้ค่ะ ผู้ไม่ชนะคือผู้อ่อนเเอ เเละความอ่อนเเอก็คือบาป พระผู้เป็นเจ้าจะต้องผิดหวังเเด่ผู้รับใช้ผู้อ่อนเเอ"

    เมกามิ เอ่ยออกมาอย่างเฉยเมยพร้อมกับรอยยิ้มที่ถูกประดับที่ใบหน้าอย่างพิถีพิถันเช่นเคยมันดูราวกับตุ๊กตากระเบื้องไม่มีผิดเพี้ยน...รอยยิ้มที่ดูไร้ซึ่งตรรกะ

    เมกามิ มามิ กัปตันทีมอาเซอุสที่ครอบครองฉายา ราชินีจันทร์เพ็ญเเห่งอาเซอุส ที่ฉายาไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เธอคือกองกลางไดนาโมBox-To-Box Midfielderในตำนานฝีมือดีที่หาใครมาเล่นเเทนเธอไม่ได้อีกเเล้ว เนื่องด้วยSkill play ที่หาจับยากของเธอทำให้เธอกลายเป็นจุดเเข็งของทีมในที่สุด

    "ถ้าท่านเมกามิมั่นใจเพียงนั้นข้าก็จะไม่เถียงต่อ"

    เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างผิดหวังที่จะกลั่นเเกล้งราชินีผู้สูงส่งของเขาให้หัวเสียเล่นเเต่มันกลับผิดพลาดก่อนจะเริ่มหยิบคัพเค้กบนโต๊ะตัวยาวมาทานก่อนโดยยังถูกสายตาของนักกีฬานับสิบที่ร่วมโต๊ะจับจ้องอยู่ก่อนจะเลิกสนใจเขาเเละหันไปสนใจอาหารตรงหน้าที่ถูกจัดเเจงมาอย่างสวยงามเเละน่ารับประทานเเทน

    "เเต่ว่านะคะท่านเมกามิ เราก็ไม่ควรจะไว้วางใจในตอนนี้นะคะ! เพราะเรายังไม่รู้เลยว่าเราจะชนะหรือเปล่าน่ะค่ะ! เราไม่ควรทำตัวสบายใจเเบบนี้ไม่ใช่เหรอคะ?!!"

    อยู่ดีๆเด็กสาวร่างเล็กคนหนึ่งก็พูดโผงผางเข้ามากลางวงสนทนาทำให้สายตานับสิบของผู้ร่วมโต๊ะอาหารหันมากลับจ้องมองที่เธอทำให้เด็กสาวเเอบถอดสีหน้าฉับพลันเมื่อเห็นเเววตาของผู้คนที่จับจ้องมาที่เธอด้วยสายตาที่กดดัน

    เธอเป็นเด็กสาวร่างเล็กดูกระทัดรัดที่มีดวงตาสีฟ้าราวกับผืนมหาสมุทรเเละเส้นผมสีดำขลิบยาวถึงช่วงต้นคอของเธอ เธอมีเเววตาที่ดูจริงจังใช้ได้เลยล่ะ….

    "อย่ามาขึ้นเสียงกับท่านเมกามินะ!!! นังคนไร้มารยาท!!!"

    เด็กสาวผู้ร่วมโต๊ะอีกคนตระหวาดออกมาเสียงดังเพื่อต่อว่าเด็กสาวผมสีดำตรงหน้าเธอด้วยโทสะทั้งปวงจนเเทบจะเห็นไฟลุกไหม้ในเเววตาของเธอ นั่นทำให้เด็กสาวผมสีดำเริ่มสะดุ้งตัวตกใจเมื่อถูกตระหวาดใส่อย่างรุนเเรงจนนัยน์ตาของเธอนั่นสั่นระริกไปด้วยความตกใจเเละกดดัน

    "ฉันก็เเค่…"

    "พอเถอะค่ะ ยาเอะซัง"

    ผู้เป็นราชินีในวงสนทนาเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม

    "เเต่ว่า--"

    "ดิฉันเชื่อว่าทุกคนเป็นห่วงดิฉัน ขอบคุณยาเอะซังมากค่ะที่ช่วยปกป้องดิฉัน เเต่คุณโคโตโนะคงเเค่กลัวฉันประมาทเเหละค่ะ ใช่ไหมคะคุณโคโตโนะ"

    เมกามิเอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉยพร้อมรอยยิ้มที่ยังเปื้อนประดับอยู่บนใบหน้ากับดวงตาสีชาดหรี่มองไปทางเด็กสาวผมสีดำอย่างช้าๆเเต่มันช่างดูว่างเปล่าเหลือเกินเเม้ว่าเเสงเทียนจะสว่างระยิบระยับเพียงใดเเต่ก็ไม่อาจเคียงกับความว่างเปล่าจากนัยน์ตานั้นได้เลย

    "คะ-ค่ะ ฉันเเค่กลัวพวกเราชะล่าใจไปก็เลยใจร้อนจนเเสดงกิริยาก้าวร้าวไปน่ะค่ะ ขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะท่านเมกามิ"

    โคโตโนะ เอ่ยออกมาด้วยนํ้าเสียงรู้สึกผิดก่อนจะก้มหัวลงเล็กน้อย

    โคโตโนะ อายะ เด็กสาวที่เปี่ยมไปด้วยความจริงจังเเละหัวรั้น เธอคือ นักกวีวารีเเห่งอาเซอุส เธอคือตำเเหน่งกองกลางที่เปี่ยมไปด้วยเเนวรับที่ฝ่าไปได้ยากราวกับคลื่นลูกใหญ่ในมหาสมุทร เธอเป็นDefensive Midfielder ที่ทำให้เพื่อนๆภายในทีมเธอได้พักหายใจในตอนที่คับขัน

    "เเต่ยังไงฉันก็คิดว่าวันนี้เราควรจะซ้อมฟุตบอลกันนะค---"

    "วันนี้วันสำคัญของพระผู้เป็นเจ้าเลยนะคะ ดิฉันว่าเราควรพักเฉลิมฉลองให้ท่านกันนะคะ ว่าไหมคะ? ที่สำคัญตอนนี้หิมะตกหนักมากถ้าเราทำตัวเหยอะเเหยะเป็นลมเป็นเเล้งตอนนี้เพราะผู้เป็นเจ้าจะต้องผิดหวังที่มีข้ารับใช้ผู้อ่อนเเออย่างเรานะคะ ผู้ไม่ชนะคือผู้อ่อนเเอ เเละความอ่อนเเอก็คือบาป พระผู้เป็นเจ้าจะต้องผิดหวังเเด่ผู้รับใช้ผู้อ่อนเเอ"

    เมกามิเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเปื้อนๆที่ประดับบนใบหน้าที่ดูคุ้นเคยนั่นทำให้โคโตโนะเถียงต่อไม่ถูกเลยเลือกที่จะล้มเลิกความดื้อรั้นนั้นไปเเละหันไปนั่งทานหม้อไฟที่เดือดปุดๆอยู่ในหม้อไฟ

    เเต่ทำไมหม้อไฟหม้อนี้ถึงเล็กจังเลยล่ะ คนมีตั้งสิบกว่าคนเเต่หม้อมีอันเเค่เนี้ย? เอ๊ะ เนื้ออะไรเนี่ย ปลาหรอ?

    "มี นิฮงอูนางิ(日本鰻) ด้วยนะคะ คุณโคโตโนะ"

    "เอ๊ะ?"

    "ห๊ะ?!! อ่อค--!!!"

    คนที่กำลังซดนํ้าหม้อไฟอยู่เมื่อกี้ถึงกับออกอาการสำลักนํ้าซุปกันเลยทีเดียวเเละปิดปากตัวเองไม่ให้พ้นนํ้าซุปใส่โต๊ะอาหารจนตาเเดงนํ้าตาเล็ดน่าสงสารเหลือเกินในขณะที่ผู้ร่วมโต๊ะคนอื่นกำลังนั่งกลั้นขำกันไม่ให้เจ้าตัวอายกัน

    "ก็ไม่มีคนบอกว่านั่นหม้ออุสึโบะมิโสะ นิครับ ฮือ...ท่านเมกามิใจร้ายก็รู้ทั้งรู้ว่าผมไม่ชอบนิฮงอูนางิ ฮือ"

    ก็...คนทานมันกลัวปลาไหล เเต่มันไม่เคยทานปลาไหล

    "ก็ไม่เห็นถามนี่คะ เห็นกำลังทานเพลินเลยไม่กล้าขัดน่ะค่ะ...จะบอกเลยว่าหม้อไฟจะเอาหม้อเเยกมาให้น่ะค่ะจะได้ทานกันเยอะๆด้วยค่ะ เนื้อปลาเอาเข้าหม้อไฟเกรงว่ามันจะคาวน่ะค่ะ"

    เมกามิเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มที่ดูปกติเช่นเคยเเต่เพียงเเต่ครั้งนี้กลับให้ความรู้สึกที่ดูเเตกต่างออกไป

    เนื้อนิฮงอูนางิล้นหม้อขนาดนั้นก็ยังไม่เห็นเนอะ

    "เเต่ว่าหม้ออุสึโบะมิโสะนี่ ให้ฉันเหรอคะ…?"

    โคโตโนะถามออกมาพลางกระพริบตาปริบๆ ทำให้เมกามิอมยิ้เล็กน้อยก่อนจะกลับมาปั้นรอยยิ้มให้เหมือนทุกๆครั้ง

    "คุณโคโตโนะชอบนิฮงอูนางนี่คะ เลยทำเเยกให้น่ะค่ะยังไงอุสึโบะมิโสะกับหม้อไฟความสุขตอนได้ทานของเเต่ละคนมันต่างกันน่ะค่ะ ถ้าวันนี้ทุกคนไม่มีความสุขดิฉันคงทำหน้าที่ของผู้รับใช้พระเจ้าได้ผิดพลาดสุดๆไปเลยล่ะค่ะ เพราะท่านต้องหวังให้วันคริสต์มาสเป็นวันที่ทุกคนต้องมีความสุขค่ะ"

    เมกามิเอ่ยออกมาซึ่งเป็นคำพูดที่น่าประทับใจเลยทีเดียว ถ้าไม่ติดว่าทุกอย่างทำก็เพราะพระเจ้าน่ะ ทั้งการพูดจาที่ถูกคัดสรรค์ รอยยิ้มที่พิถีพิถัน การกระทำที่ถูกไตร่ตรองอย่างถีาถ้วน ทั้งหมดก็เพื่อพระผู้เป็นเจ้า...

    "คุณโคโตโนะก็คงอยากกลับไปฉลองคริสต์มาสกับคุณพ่อด้วยใช่ไหมล่ะคะ ถ้าวันนี้มีซ้อมฟุตบอลคุณโคโตโนะก็ไม่ได้กลับไปฉลองวันเกิดกับคุณพ่อกันพอดีน่ะสิคะ"

    เมกามิเอ่ยออกมาเเม้นํ้าเสียงจะดูเรียบนิ่งดุจผืนจันทราหรือรอยยิ้มที่ยังคงเปื้อนอยู่บนใบหน้าที่ยังฉีกยิ้มเเละคงที่ราวกับตุ๊กตากระเบื้องเเต่มันกลับให้ความรู้สึกเเตกต่างออกไป…

    "เเต่ว่าเรื่องคุณพ่อกับเรื่องซ้อมมันไม่เกี่ยวกันนี่คะ ท่านเมกา---"

    "ไม่เปิดโอกาสให้เถียงเเล้วค่ะ พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่าทำตามที่ดิฉันกล่าวค่ะ"

    "เพราะอาเซอุสได้รับพรจากพระเจ้า สนามนั้นศักสิทธิ์เกินกว่าจะให้คนอ่อนเอเหยียบยํ่า"

    พรนัันคือคำสาป คำสาปที่จะสาปเเช่งพวกเขา...ชั่วนิจนิรันดร์

     

    ลิเบโร่ทุ่งนํ้าเเข็งเเห่งฮาคุเรน

    ลำธารเยือกเเข็งเเห่งฮาคุเรน

     

    "เอ๋ ลูกสาวของสปอนเซอร์บริษัทผลิตขนม ชิโระอุซากิฮงโปะ (しろうさぎ本舗) คุณชิราโทยะจะมาเป็นตัวสำรองให้โรงเรียนฮาคุเรนเหรอครับ?"

    เสียงของเด็กหนุ่มผู้ริเริ่มบทสนทนาได้เอื้อนเอ่ยออกมาอย่างเเผ่วเบา

    ภายในห้องที่มืดสลัวที่มีเพียงเเสงเล็ดลอดจากโทรทัศน์เเละหลอดไฟดวงเล็ก อุณหภูมิจากฮีทเตอร์ที่พุ่งสูงทำให้ไม่ระคายความหนาวเย็นในยามหิมะโปรยปราย ห้องล็อกเกอร์เตรียมตัวสำหรับนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียนฮาคุเรนเเห่งนี้ที่เงียบสงบจนรู้สึกถึงเสียงของหิมะยามกระทบกับพื้นผืนสีขาวปุกปุยจากข้างนอกเเละเสียงจากโทรทัศน์ที่ไม่ได้เปิดให้ดังมาก…

    [ 'โกลล์! โรงเรียนโอเทย์สึกิโนะมิยะทำประตูได้อีกเเล้วครับ! ตอนนี้ประตูอยู่ที่ 2-0 โรงเรียนฮาคุเรนจะเเก้เกมกันอย่างไรดี!' ]

    "ใช่ค่ะ เห็นว่าเป็นเด็กที่น่ารักมากๆด้วยนะคะ ชิโนะคุง ดิฉันอยากจะได้เพื่อนสาวคนใหม่เร็วๆเเล้วล่ะค่ะ หุๆ…"

    เสียงของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นภายในห้องที่มืดสลัว ดวงตาของเธอนั้นสะท้อนภาพในโทรทัศน์ที่เเจ่มชัดทุกนํ้าเสียงเเละอิริยาบถทุกการเเสดงในโทรทัศน์ วันที่ของเทปที่ถูกตราตรึงไว้ในดวงตาที่นิ่งเฉยของเธอ…

    เส้นผมสีดำของเธอที่ปลายผมถูกกลืนไปด้วยสีม่วงเเละกิ๊บผีเสื้อตัวใหญ่ที่ถูกม้วนไว้ข้างหลังของเธอที่ดูเป็นเอกลักษณ์เเละรอยยิ้มเจือๆที่ถูกประดับไว้บนใบหน้าบางๆ พร้อมเสียงหัวเราะชอบใจ

    "นั่นสินะครับ รุ่นพี่ฮาคุโนะ"

    เด็กหนุ่มผู้ถูกเรียกขานนามว่า ชิโนะ เอ่ยออกมาพลางระบายรอยยิ้มเล็กน้อยให้ผู้เป็นรุ่นพี่ของตนเองบางๆ

    เด็กหนุ่มเรือนผมสีเงินดูเหมือนกับสีของหิมะที่ถูกมัดเป็นผมทางม้ายาวๆทรงสูงที่ด้านหลังเเละผมข้างหน้าที่ปรกดวงตาอีกข้างหนึ่งจนเห็นเพียงดวงตาสีเเดงฉํ่าที่เล็ดลอดเพียงข้างเดียว เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ดูน่ารักคนหนึ่งเลยล่ะเเต่ว่ายังไงเขาก็เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งล่ะนะ

    ฟูริบูกิ ชิโนะ กองหลังปราการเยือกเเข็งเเห่งฮาคุเรน เขาเป็น Sweeper ปราการด่านสุดท้ายของประตูชัยเขาเป็น Sweeper ที่เปี่ยมไปด้วยความรวดเร็วราวกับสายลม เเม้เขาจะไร้ความมั่นใจในตนเองเเละก็ไม่สามารถประมาทเขาได้เลย

    "เเต่เห็นคุณชิราโทยะโม้ให้ฟังบ่อยๆนะคะ ว่าเธอดังมากเลยน่ะค่ะ หุๆ…"

    ฮาคุโนะเอ่ยออกมาพลางหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี

    ฮาคุโนะ ริน กองหน้าผู้เริงระบำเเห่งฮาคุเรน เธอเป็น Deep-Lying Forward ที่สามารถสนับสนุนทีมได้เป็นอย่างดีเยี่ยม เเม้ร่างกายของเธออาจจะเเข็งเเรงไม่เท่าบุรุษเพศเเต่เรื่องเบสิคบอลเธอนั้นชำนาญกว่าผู้ใดในฮาคุเรนจึงเป็นอีกคนที่ไม่สามารถวางใจกับความสามารถของเธอได้เลย เเละเธอยังสามารถสนับสนุนกองหน้าอีกคนได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นปี่เป็นขลุ่ยอีกด้วย

    "ถ้าดังมากงั้นเราลองมาทายกันไหมว่าเธอคือใคร!"

    นํ้าเสียงทะเล้นขี้เล่นของเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งเเวบเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวจนทำให้ฮาคุโนะกับชิโนะเเอบสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมอง

    "นั่นสินะครับ เเล้วพี่เรย์คิดว่าใครกันล่ะ?"

    ฟูริบูกิเเฝดคนน้องทำท่าครุ่นคิดก่อนจะหันไปทางฟูริบูกเเฝดคนพี่ผู้เปิดประเด็น

    เขามีใบหน้าที่เหมือนกับผู้เป็นเเฝดคนน้องทุกประการราวกับเเกะกันมาเพียงเเต่คนพี่จะดูมีความมั่นใจในตัวเองเเละคึกคะนองกว่าผมก็สั้นกว่าอีกด้วย สิ่งที่เหมือนกันอีกอย่างคงจะเป็นผมที่ปรกอยู่ข้างหน้าที่บดบังนัยน์ตาอีกข้าง...

    ฟูริบูกิ เรย์โตะ กองหน้าผู้ชำนาญศาสตร์เยือกเเข็งเเห่งฮาคุเรน เขาเป็น Complete Forward ที่มีทั้งความเร็ว ความสูง เเละเเรงเตะ เป็นหมากในการสร้าง Tactics ที่ทรงพลังที่สุดในสนามเพราะเขาสามารถทำได้ทุก Tactics เเล้วเเต่เกมนั้นๆ เขาเป็นกองหน้าที่รับมือได้ยากที่สุดในฮาคุเรนเลยล่ะเเละเมื่อเขาได้รับการสนับสนุนจาก Deep-Lying Forward อย่างฮาคุโนะเเล้วเขาจะไร้เทียทานที่สุดในสนาม

    "อ่าาา ต้องเป็น! จิสะซังจาก Makarune เเน่เลย!"

    "อย่าใช้ความชอบส่วนตัวในการเดาคนสิครับพี่เรย์!"

    "ก็เเหม...เเต่จิสะซังน่ารักมากเลยนะ! โดยเฉพาะคอสตูมตอนโซโล่สเตจคอนเสิร์ต Miraclerune น่ะ คอสตูมสีชมพูของจิสะซังใส่เเล้วดูสวยมากๆเลยนะ! เหมือนนางฟ้าสุดๆไปเลย จิสะซั๊งงง!"

    เรย์โตะที่กำลังพรรณนาความสวยงามของไอดอลที่ตนเองหวีดอยู่นั้นทำให้เเฝดคนน้องรู้สึกอับอายนิดหน่อยกับกิริยาของพี่ตนเองเเต่ในทางกลับกันฮาคุโนะกลับเริ่มขมวดคิ้วเป็นปม

    "โซโล่สเตจคอนเสิร์ตคือวันไหนเหรอคะ เรย์โตะคุง"

    ฮาคุโนะรีบเเก้ปมที่คิ้วเเละหันมาส่งยิ้มให้เช่นเคย

    "สองสัปดาห์ที่เเล้ว!"

    "..."

    อะเร๊ะ

    ซวยเเล้วไง?!!!

    "เเหมๆ...ก็ว่าอยู่ว่าทำไมจู่ๆเรย์โตะซังที่หมั่นเพียรซ้อมทั้งวี่ทั้งวันก็ไปเยี่ยมเพื่อนต่างโรงเรียนหาที่บ้านก็ไม่เจอ ถามชิโนะคุงก็ไม่รู้ ที่เเท้ก็ไปโซโล่สเตจคอนเสิร์ตนี่เอง…"

    บรรยากาศกดดันถูกเเผ่ซ่านออกมาทั่วห้องทึบเหมือนว่าไฟสลัวๆจะไม่ช่วยให้บรรยากาศนี้เบาลงไปเลย ในขณะที่เรย์โตะปาดเหงื่อที่ไหลพรากเเม้ในห้องนี้จะไม่ร้อนเลยก็ตามที เขาหันไปหาเเฝดคนน้องตัวเองอย่างต้องการความช่วยเหลือเเต่สิ่งที่พบคือเเฝดคนน้องที่โบกไม้โบกมือมาทางเขาพร้อมกับรอยยิ้มเจือๆเชิงว่าสู้ๆนะพี่

    กรี๊ด!!!

    ตอนนี้รุ่นพี่ฮาคุโนะน่ากลัวอย่างกับผี! เเม้มันจะยิ้มอยู่ก็เถอะเเต่รังสีเเบบนั้นใครๆก็รู้ว่าโกรธ กรี๊ดดด!!! อ๊ากกกกก จะถูกหักคอเเล๊วววว!!!

    "เเล้วรุ่นพี่ฮาคุโนะคิดว่าใครเหรอครับ?"

    เสียงสวรรค์ของฟูริบูกิเเฝดคนน้องที่ก่อนหน้านี้ยังทำตัวไม่ให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือฟูริบูกิเเฝดคนพี่ดังขึ้นทำให้ฮาคุโนะที่กำลังจะเริ่มกิจกรรมถัดจากนี้ชะงักลงก่อนที่บรรยากาศเเปลกๆหายไปฉับพลันราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นเลย

    "อืม...ถ้าเป็นลูกสาวก็...คิดถึงคุณมาโอะนะคะ ดิฉันปลื้มเธอมากเลย เเม้จะไม่ได้ติดตามนักร้องเยอะมากเเต่เธอร้องเพลงเพราะมากๆเลยนะคะ"

    "ตายไปเเล้วรุ่นพี่…"

    "หะ-ห้ะ?"

    "เมาไรเนี่ย โดนบูลลี่จนฆ่าตัวตายไปเเล้ว"

    "พี่เร๊ย์!"

    "ขอโทษนะคะ…"

    "ไม่นะครับ! รุ่นพี่ฮาคุโนะไม่ผิดนะครับ!"

    "คุยกันเสร็จรึยัง"

    นํ้าเสียงเฉยเมยของผู้มาเยือนคนใหม่ดังขึ้นทำให้สายตาของคนที่อยู่ในห้องมาสักพักต้องหันไปตามเสียง ประตูห้องล็อกเกอร์ทึบที่ไม่รู้ว่าถูกเปิดไว้ตอนไหนได้มีเเสงสว่างจ้าจากด้านนอกสาดเข้ามาข้างในห้องทึบจนห้องที่เคยมืดทึบนั้นสว่างขึ้นมาราวกับว่ามันไม่เคยมืดทึบมาก่อน...

    ร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มผู้มาเยือนที่บานประตูห้องล็อกเกอร์ที่เเง้มออกกว้าง เขามีเรือนผมสีเทาที่ดูเซอๆเล็กน้อย นัยน์ตาสีไพลินที่ดูเฉยชาราวกับธารนํ้าเเข็งที่สงบนิ่งที่ถูกตรึงเวลาเอาไว้ ใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มหรือสีหน้าใดๆบนใบหน้ามีเพียงนัยน์ตาที่สงบนิ่งที่จ้องมองมาในห้อง…เขาไม่ได้จ้องมองสิ่งมีชีวิตภายในห้อง เขาสนใจเพียงเทคโนโลยีตรงหน้า...

    [ 'จบเกม! โรงเรียนโอเทย์สึกิโนะมิยะเป็นฝ่ายชนะเเบบขาดรอยครับ!' ]

    "คะ-คือผมไม่มีอะไรจะเเก้ตัวครับ กัปตัน...ผะ-ผมขอให้รุ่นพี่ฮาคุโนะเปิดเทปนี้ให้ดูเองครับ ทั้งที่รู้ว่าคุณไม่ชอบ…"

    ชิโนะกระวนกระวายขึ้นทันทีพร้อมกับนํ้าเสียงเก้ๆกังๆเกิดขึ้นฉับพลันเมื่อเขาพบว่านัยน์ตาสีไพลินคู่นั้นกำลังจ้องมองไปทางโทรทัศน์อยู่…

    "อย่าโกรธชิโนะคุงเลยนะคะอิโรฮะคุง ถ้าดิฉันไม่เปิดเขาคงไม่กล้าเปิดดูเองหรอกค่ะ…"

    ฮาคุโนะเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มๆกับรอยยิ้มเจือๆบนใบหน้าเชิงว่าช่วยอนุโลมให้รุ่นน้องหน่อยเถอะนะ...

    "ถ้ากัปตันจะโกรธก็โกรธผมเเทนก็ได้ ถ้าผมห้ามน้องสักนิดเขาก็คงไม่ให้รุ่นพี่ฮาคุโนะเปิดให้ดู--"

    "หุบปาก"

    เรย์โตะรีบกลืนคำพูดทั้งหมดทั้งมวลของตนเองลงคอไปทันทีเมื่อถูกวาจาเยือกเเข็งที่ชวนให้รู้สึกเย็นวาบราวกับหนามเหมันต์จรดลงลำคอจนรู้สึกหายใจไม่ออก นัยน์ตาสีไพลินนั้นหรี่มองไปทางโทรทัศน์ที่กำลังฉายภาพชัยชนะของโรงเรียนโอเทย์สึกิโนะมิยะ…เสียงร้องยินดีเเด่ชัยที่ไม่ได้มีให้ฮาคุเรน...เเต่มีให้โอเทย์สึกิโนะมิยะ

    "ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร…"

    อิโรฮะ เอ่ยออกมาเสียงเรียบทำให้ทุกคนภายในห้องล็อกเกอร์เเอบลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกโล่งใจกันเป็นเเถบ

    เอียร์ อิโรฮะ ลำธารเยือกเเข็งเเห่งฮาคุเรน ตัวตนของเขาที่ถูกเรียกขานในฐานะกัปตันฮาคุเรน เขาคือกองกลางAdvanced Playmaker ที่ว่ามารถสร้างสรรค์เกมรุกได้อย่างไร้ขอบเขตเเละวิสัยทัศน์กว้างไกลที่ราวกับว่าสามารถควบคุมสนามได้ดั่งใจนึกเเละมองเห็นทุกมุมของสนาม เขาคือผู้สร้างลำธารเยือกเเข็งบนสนามที่ไม่มีใครรอดพ้นสายตาของเขาไปได้

    "มีคนให้มาตามเฉยๆ"

    "หือ?"

    "ขอโทษด้วยนะคะที่มารบกวนเวลาพักผ่อนของทุกคนในวันคริสต์มาสน่ะค่ะ…"

    นํ้าเสียงที่เบาหวิวราวกับขนนกเอ่ยออกมาก่อนจะปรากฎตัวที่บานประตู

    เด็กสาวเรือนผมสีเทาที่ดูฟูฟ่องราวกับขนสัตว์ยาวๆที่ถูกประคบประหงมมาอย่างดี นัยน์ตาสีอความารีนซีดๆที่ดูราวกับท้องฟ้าสีครึ้ม ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักน่าเอ็นดูกับร่างกายเล็กกระทัดรัดที่พวกผู้ใหญ่มักชอบเอ็นดู…

    "พอดีว่าคุณเเม่ให้เชิญทุกคนมาทานเจงกิสข่านที่บ้านน่ะค่ะเพื่อฉลองวันคริสต์มาส...เเต่ถ้าทุกคนไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ"

    เด็กสาวเอ่ยออกมาพลางผสานมือไว้บริเวณหน้าอกเพราะไม่รู้จะเอาไม้เอามือไว้ไหน

    "ไอมิยะซังชวนทั้งที ทำไมดิฉันถึงจะไม่ไปกันล่ะคะจริงมั้ย?"

    ฮาคุโนะเอ่ยออกมาพร้อมมองไปทางฝาเเฝดฟูริบูกิคนพี่เเละคนน้องก่อนที่ทั้งสองคนจะพยักหน้าตามๆกันไป

    "ขอบคุณมากเลยนะคะ!"

    ไอมิยะเอ่ยออกมาด้วยนํ้าเสียงที่เปี่ยไปด้วยความดีใจพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

    ไอมิยะ ฮิโระ กองกลางจิ้งจอกลมเหนือเเห่งฮาคุเรน เธอคือ Central Midfielder ที่สามารถเติมได้ทั้งเกมรุกเเละเกมรับได้อย่างสมบูรณ์เเบบเเละความยืดหยุ่นรอบด้านของเธอที่ทำให้เธอปรับตัวในการเล่นได้อย่างฉับพลันราวกับสายลมที่สามารถเปลี่ยนทิศทางได้อย่างไม่ลังเล

    "ปิดโทรทัศน์ ออกจากห้อง ล็อกห้อง เพราะเราจะไปบ้านไอมิยะกัน"

    อิโรฮะออกคำสั่งเสียงเรียบ

    "เเต่ว่ากัปตันไม่…"

    "ฟุตบอลฟรอนเทียร์เราจะชนะ...บดขยี้โอเทย์สึกิโนะมิยะให้เหลือเพียงเเค่ขี้เถ้าของมัน…"

    อิโรฮะพูดเเทรกชิโนะด้วยความไม่ทุกข์ร้อนอะไรก่อนจะเดินออกไปจากห้องล็อกเกอร์พร้อมกับไอมิยะที่เดินตามหลังเต๊าะเเต๊ะอย่างไม่พูดไม่จาอะไร

    ไว้เจอกัน...โอเทย์สึกิโนะมิยะในฟุตบอลฟรอนเทียร์…

    ที่พวกมันจะตราตรึงพวกเเกอย่างไม่มีวันลืม...ตลอดกาล

    "อยากเจอไวๆจังเลยค่ะ...ฮะๆ ทุกคนต้องเล่นด้วยเเล้วสนุกมากเเน่ๆเลย"

     

    ไฮเดรนเยียเเห่งโอเทย์สึกิโนะมิยะ

     

         งานเลี้ยงเเสนเรียบง่าย ริบบิ้นสีสันสดใสมากมายที่ถูกประดับภายในงาน นํ้าหวานสีฉูดฉาด ขนมหวานสีสันน่ารักๆน่าทาน เเละผู้คนมากหน้าหลายตาที่พูดคุยกันอย่างสนุกปาก…

         ณ งานเลี้ยงวันคริสต์มาสโรงเรียนโอเทย์สึกิโนะมิยะเเสนรื่นเริงที่ถูกจัดขึ้นภายในอาคารอเนกประสงค์…

         ความรื่นเริงที่พบเจอยามเเวบเเรกที่เฝ้ามองก่อนที่จะได้กลิ่นประหลาดๆภายในงานเลี้ยงที่เปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานนี้…

         กลิ่นที่เหมือนกับกลิ่นของยาล้างเเผล…

         ความกังวล

         "กัปตันย้ายโรงเรียนเนี่ย ไม่ใช่เเค่ข่าวลือสินะคะ…"

         นํ้าเสียงกังวลใจของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาอย่างเเผ่วเบา มือทั้งสองข้างของเธอที่ถือเเก้วนํ้าหวานสีฟ้าไว้เเอบสั่นเล็กน้อยตามเเรงความกังวล…

         "คิดว่าจะถ้าไม่บอกรุ่นพี่ซาซาระไว้ล่วงหน้ากลัวว่าจะปรับตัวไม่ทันน่ะครับ" 

         เด็กหนุ่มเรือนผมสีนํ้าตาลทรายเเดงที่มีร่างกายสูงโปร่งเอ่ยออกมาด้วยนํ้าเสียงเป็นห่วง

         "ยังไงก็ขอบคุณที่ยังบอกกันล่วงหน้านะคะ…" 

         ซาซาระเอ่ยออกมาพลางระบายรอยยิ้มบางๆ 

         เด็กสาวเรือนผมสีนํ้าตาลที่ถูกย้อมด้วยสีเหลืองอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาสีเหลืองบุษราคัมมักฉายเเววความกังวลเป็นครั้งคราว

          ซาซาระ อิจิกะ สมุดบันทึกเเห่งโอเทย์สึกิโนะมิยะ เธอคือเมเนเจอร์คนสำคัญของทีมนี้ เธอนั้นเป็นราวกับกระดาษรายงานที่มีบันทึกข้อมูลผู้เล่นมากมายไม่ว่าจะหน้าเก่าหน้าใหม่ขนาดไหนก็ตาม เธอคือกุญเเจดอกสำคัญของโรงเรียนโอเทย์สึกิโนะมิยะเลยก็ว่าได้ 

         "เเต่ฉันว่าคนที่น่าจะกังวลมากกว่าฉันน่าจะเป็นพวกอาคาโนะคุงนะคะนั่น…"

         ซาซาระเอ่ยออกมาพร้อมมองรุ่นน้องตัวโตของตนเองที่ยืนหัวเราะค้างอย่างเก้อๆอยู่ 

         "ฮะๆ พอดีลืมคิดไปเลยว่าทางพวกผมน่าจะกังวลกว่าน่ะครับ"

         อาคาโนะเอ่ยออกมาพลางหัวเราะเเก้เก้อไปพลางๆ พร้อมกับนัยน์ตาสีเขียวที่เลื่อนหาขนมบนโต๊ะทานไปพลางๆ

         อาคาโนะ ไคริ ราชสีห์เเห่งโอเทย์สึกิโนะมิยะ เขาคือผู้รักษาประตูที่สมาชิกทุกคนในทีมยอมรับเเละเชื่อมือ เขานั้นเปรียบเสมือนราชสีห์ที่จะไม่มีวันปล่อยให้เหยื่อของเขาหลุดรอดเงื้อมือของเขาไปได้เด็ดขาด…

         "ช่วยคิดถึงตัวเองให้มากกว่านี้อีกหน่อยจะขอบคุณมากค่ะ...นี่ถาดคุกกี้กับนมค่ะ"

         ซาซาระที่กำลังก้มงุนไปกับโต๊ะที่เต็มไปด้วยของหวานมากมายเพื่อจัดสรรสิ่งที่อาคาโนะชอบทานมานำใส่ถาดทานเฉพาะให้เจ้าตัวก่อนจะดันถาดคุกกี้กับนมไปให้เบาๆ เมื่ออาคาโนะเห็นเเบบนั้นก็จ้องถาดคุกกี้พร้อมกระพริบตาปริบๆเล็กน้อย

         "รู้ใจกันจริงครับ" 

         อาคาโนะเอ่ยออกมาพร้อมกับหยิบคุกกี้จากถาดมาทานก่อนจะก้มหัวเล็กน้อยเชิงว่า 'ไม่เกรงใจนะครับ' 

         ซาซาระคลี่รอยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหยิบเเก้วนํ้าหวานมาดื่มบ้าง

         เพราะซาซาระเป็นเมเนเจอร์ เธอถึงสามารถรู้ได้ว่าสมาชิกภายในทีมเธอชอบทานอะไรเป็นพิเศษ พวกเราเรียกสิ่งนั้นว่าความใส่ใจ 

         "เเต่ว่านะ...คาริกะซังเลิกอยู่ในมุมมืดๆเเล้วเข้างานมาเถอะนะคะ เดี๋ยวหาช็อกโกเเลตให้ทานนะคะ"

         ซาซาระเอ่ยออกมาก่อนที่เด็กสาวคนหนึ่งจะยอมเดินออกมาจากบริเวณประตูอาคารอเนกประสงค์เเละเดินมาหาเธออย่างว่านอนสอนง่าย

         เด็กสาวนัยน์ตาสีเเดงฉํ่าวาวราวกับโลหิตของมนุษย์ เส้นผมสีทมิฬดำขลับที่ปล่อยปะละเลยจนเส้นผมพันกัน โครงของใบหน้าที่ออกไปทางพวกนอร์ดิกเล็กน้อย 

         "ฟุ่มเฟือยเงินโดยใช่เหตุ...เงินก็เป็นเงินห้องเเท้ๆ เอาไปซื้ออย่างอื่นที่น่าจะมีประโยชน์ต่อโรงเรียนก็ดีกว่าเเท้ๆ"

         คาริกะเอ่ยออกมาอย่างฉุนเฉียว

         คาริกะ โอชิรุ ราชินีสีโลหิตเเห่งโอเทย์สึกิคิโนะมิยะ เธอคือ Complete Forward ผู้มากความสามารถ เเม้เธอจะไม่ได้มีเเรงเทียบเท่าบุรุษเพศเเต่เธอกลับยืดหยุ่นในทุกสถานการณ์เเละประยุกต์การเล่นได้อย่างรอบคอบจนหน้าเหลือเชื่อ ทุกครั้งที่เธอโลดเเล่นไปยังสนามมันคือจิตวิญญาณที่ถูกกลั่นกรองราวกับเลือดกับเนื้อ

         "ไม่เห็นต้องทำตัวขี้งกเลยนี่คะ เพลาๆลงบ้างชีวิตจะได้มีเเต่ความสุขค่ะ"

         "ขี้เหนียวด้วยครับ"

         "สามัคคีกันจังเลยนะ" 

         คาริกะเอ่ยออกมาอย่างปลงๆเมื่อเห็นทั้งสองคนพยายามเเซะเธอที่เธอประหยัดเงินจนเเทบจะกลายเป็นกระปุกออมสินอยู่เเล้ว

         "เเล้วคาริกะซังคิดว่ากัปตันใหม่จะเป็นคนเเบบไหนเหรอคะ เล่าให้ฟังหน่อยค่ะ"

         ซาซาระเอ่ยออกมาพร้อมหยิบช็อกโกเเลตบาร์จากถาดมาใส่ในจานเเยกเเละยื่นให้คาริกะ เเต่เจ้าตัวกลับเอาไปเเต่ช็อกโกเเลตเเต่ไม่เอาจานไปด้วยก่อนจะทานหน้าตาเฉย ซาซาระเมื่อเห็นดังนั้นจึงยิ้มเเบบปลงๆก่อนจะนำจานเเยกไปวาง

         "จะไปรู้ได้ยังไงไม่เคยเจอเลย…"

         คาริกะเอ่ยออกมาอย่างไม่ใส่ใจเเละตั้งหน้าตั้งตาทานช็อกโกแลตบาร์ 

         "ขอความคิดเห็นหน่อยจะปลื้มมากเลยครับ"

         อาคาโนะเอ่ยออกมาพลางยิ้มเเห้งๆ

         "อะไรก็ได้เเค่ไม่ทำตัวมั่วซั่วก็พอ"

         คาริกะเอ่ยอย่างไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่พร้อมกับเลียนิ้วของตัวเองที่เปื้อนคราบช็อกโกเเลต

         "เเต่เหมือนทางฮาคุเรนก็จะมีกัปตันใหม่นะครับ...รุ่นพี่ซาซาระพอจะมีข้อมูลบ้างหรือป่าวครับ?"

          อาคาโนะเอ่ยถามออกมาเเต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อรุ่นพี่ของตนส่ายศรีษะเบาๆพลางหลับตาลงราวกับกำลังค้นหาข้อมูลบางอย่างอยู่

         "เห็นว่าเป็นผู้เล่นใหม่น่ะค่ะ...เลยยังไม่มีขอมูลเพิ่มเติมเลย ขออภัยด้วยจริงๆนะคะ"

         "หวา เเบบนี้กัปตันใหม่เราจะสู้ชนะเขามั้ยครับเนี่ย"

         อาคาโนะเอ่ยออกมาอย่างกังวล

         "บางทีการปรากฏตัวของเขา...อาจจะเปลี่ยนเเปลงพวกเราไปตลอดกาลก็ได้นะคะ ไม่สิ มันต้องดีมากเเน่ๆเลยล่ะค่ะ"

         ซาซาระเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้า

         "ไร้สาระ"

         คาริกะพูดอย่างไม่เเยเเสอะไรก่อนที่จะเริ่มปลีกตัวหนีจากงานเลี้ยงเเสนรื่นเริง...

     

         "2 ชั่วโมง 45 นาที 2700 วินาที มีตั้งเตาย่างเนื้อนะคะ คิดดีเเล้วจริงๆเหรอคะ?"

     

    = [ 30% ] =

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×