ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึกการรอคอย

    ลำดับตอนที่ #2 : วันแรก

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 48




    3 Oct 2005

    Dear diary,





    สุริยันก้าวย่างร่างอรุณ        ทอความอุ่นอบอวนชวนสมัย

    ราตรีล่วงร่วงล้ำน้ำตาใคร            ผู้โหยไห้หวนคิดจิตเฝ้าตรม



    แสงอาทิตย์ค่อยๆถักทอสายใยแห่งความสว่างไสวไปทั่วทุกดินแดน ไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม แสงแห่งนี้ก็ยังคงสร้างความอบอุ่นให้แก่มวลมนุษย์ทั้งหลาย ฉันก็คือคนหนึ่งที่หวังเฝ้ารอแสงแห่งนี้ด้วยจิตใจที่จดจ่อ เพราะนั่นคือเวลาที่คนที่ฉันเฝ้ารอคอยจะติดต่อกลับมาอีกครั้ง



    ตี 5 แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือแผดขึ้นข้างๆตัวจนทำให้ฉันสะดุ้ง นี่ฉันเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เพราะเท่าที่จำได้ก็คือฉันนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่หน้าเตียงโดยวางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ๆ ทำไมน่ะหรอ ก็เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คนที่คิดถึงติดต่อมา ฉันจะรีบรับโดยไม่ปล่อยให้สัญญาณเรียกดังนานจนเกินไปน่ะสิ



    \"เธอ...ชั้นถึงแล้วนะ\" เสียงอ่อนโยนที่คุ้นเคยดังผ่านสัญญาณเข้ามาสู่โสตประสาท

    \"จ้า...\" ฉันแค่รับคำ โทรศัพท์ก็ถูกวางสายลงไปโดยฝีมือของผู้ที่โทรมา ไม่แม้แต่รอคำที่อยากจะบอกว่าคิดถึงจากปลายสายอีกด้านหนึ่งเลย



    ฉันลุกขึ้นก่อนที่จะเก็บหนังสือและเศษกระดาษที่กระจัดกระจายอยู่เกลื่อนห้องให้เข้าที่เข้าทาง และแล้วที่เสียงเคาะประตูห้องจะดังขึ้นเป็นสัญญาณปลุก แน่นอน ฉันแค่ตอบรับออกไป แต่ก็ไม่ได้เปิดประตูห้อง

    เสียงเคาะครั้งที่สองดังขึ้น ฉันขานรับเช่นเดิม การกระทำเดิมๆเริ่มวนซ้ำๆ และสุดท้ายมันจบลงด้วยเสียงประตูห้องโดนเข้าจนแทบจะหลุด และตามด้วยเสียงเตะดังโครมจนฉันสะดุ้ง



    \"นี่เราทำผิดอะไรอีก\" ฉันคิดพลางถอนหายใจหน่ายๆ ก่อนที่จะออกมาอาบน้ำพร้อมกับอาการปวดจี๊ดที่ขมับซ้าย



    สายน้ำรินไหลพร้อมกับน้ำตา.. ถ้าหากฉันแสดงอารมณ์ไม่พอใจแม้เพียงเล็กน้อย คงกลายเป็นเรื่องใหญ่ทั้งบ้าน ความไม่พอใจ ความไม่ชอบใจคงได้แต่สะกดเอาไว้ แล้วค่อยๆปล่อยไปพร้อมกับสายน้ำเย็นที่ชำระร่างกายอยู่ในตอนนี้

    ยิ่งน้ำจากฝักบัวกระทบร่างลงทีไร ก็ยิ่งทิ่มแทงให้รู้สึกเจ็บปวด มันไม่ใช่แค่เพียงเรื่องนี้หรอก แต่ภาพทั้งหมดมันเป็นเพียงอดีตที่ตอกย้ำและตราตรึงไว้ด้วยหมุนแห่งกาลเวลาเท่านั้น อาการปวดหัวกำเริบขึ้นอีกครั้งจนทำให้อยากอาเจียน ขาทั้งสองข้างทรุดฮวบลงกับพื้นปล่อยให้น้ำจากฝักบัวสายลงเป็นฝอยรดร่างอยู่อย่างนั้น

    ฉันมันก็เป็นแค่เด็กที่ไม่มีใคร ไม่เคยนึกไม่เคยฝันเลยว่าจะได้สิ่งที่สวยงามอย่างมิตรภาพจากเขา แต่แล้ววันหนึ่งทุกๆอย่างมันก็ค่อยๆเปลี่ยนไปด้วยสิ่งที่เรียกว่ากาลเวลา กว่าจะรู้ตัวก็กลายเป็นแอบชอบเพื่อนตัวเองไปแล้ว..



    \"อดีตที่เจ็บปวดมันแก้ไขไม่ได้ แต่เรายังต้องเดินหน้าต่อไป อย่าไปฝังใจเลย\" คำพูดจากคนที่แสนดีคนหนึ่งซึ่งตอนนี้อยู่ไกลแสนไกลเหลือเกิน



    ความจริงแล้วคนเรานั้น มันก็ต้องลุกขึ้นแล้วเดินต่อไปจนกว่าจะเดินไม่ไหวนั่นล่ะ ฉันก็เช่นกัน คิดได้ก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่ลึกๆข้างในกลับรู้สึกอ้างว้างขึ้นมาจับใจนึกอยากให้เขารีบกลับมาไวๆ เสียดายที่ไม่ได้คุยอะไรเลยตอนที่เขาโทรมา อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นโทร แต่ว่าเจ้าของหมายเลขกลับปิดเครื่อง ฉันทำได้แค่ถอนใจก่อนที่จะโยนโทรสัพท์มือถือใส่ไว้ในกระเป๋าอย่างเสียไม่ได้ อยากจะบอกแค่ว่าคิดถึงเธอเหลือเกิน แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป



    เช้านี้มีแต่ความเงียบเหงา นั่งมองยวดยานที่แล่นผ่านไปมา ก็ยิ่งทำให้นึกถึงใครบางคนที่เคยหัวเราะด้วยกัน นั่งมองรถติด แต่ใจจริงน่ะมันอาจจะลอยไปถึงคนไกลแล้วก็ได้



    ก่อนเข้าเรียน ลงโทรดูอีกที และคราวนี้ฉันสัญญากับตัวเองว่าจะพูดออกไปให้ได้



    ปาฏิหาริย์มีจริงหรือเปล่าไม่รู้แต่ฉันโทรหาเขาติด แค่นี้มันก็เรียกรอยยิ้มจางๆจากฉันได้เป็นอย่างดี ฉันรีบเผ่นออกไปนั่งนอกห้องก่อนที่พวกตัวแสบข้างในจะแซว



    \"เธอ..คิดถึงจัง\" คำพูดแรกที่รับสายทำเอาฉันหน้าบาน

    \"คิดถึงเหมือนกัน\" ฉันตอบพร้อมๆกับอาการที่หน้าทั้งหน้ามันร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

    \"ไม่ต้องคิดถึงกูหรอก..............\" เสียงโห่ฮาจากไอ้พวกตัวป่วนข้างนอกแซวขึ้นจนฉันต้องแยกเขี้ยวแล้วชะแว้บหลบมุมไปแอบคุยเงียบๆ



    และแล้วเรื่องราวจากคนไกลก็หลั่งไหลออกมาจากความทรงจำ สู่คนที่รอคอย



    \"เอาล่ะต้องเข้าเรียนแล้ว\" ฉันตัดบทเพราะอาจารย์ประจำวิชากำลังเดินมาสอน ทั้งๆที่ใจจริงไม่อยากจะวางเลย..



    วันนี้ทั้งวันฉันแทบจะเรียกได้ว่ากังวลล่ะมั๊ง ป่านนี้นายไม้ตัวแสบคงเที่ยวเพลินไปแล้ว แต่ฉันกลับคิดถึงคนผีทะเลที่โดดขึ้นรถทัวร์เมื่อวานอยู่เป็นนานสองนาน ..เฮ้อ..

    จริงสิพูดถึงเรื่องนี้แล้วก็แค้นแสนแค้น ยัยตัวแสบทั้งหลาย แม่คุณทั้งยุแถมตั้งทฤษฎีมาเล่าซะเป็นตุเป็นตะ จินตนาการไปเรื่อย เล่นเอาฉันขำซะแทบตาย ก็เพราะรู้น่ะสิว่าคนอย่างเขา ไม่ทำเรื่องแบบนั้นแน่ๆ เอ... แต่ว่าฉันอาจจะมองเขาดีไปรึเปล่าน๊า แต่ช่างเถอะ ขึ้นรถกลับบ้านอ่านหนังสือท่าจะดีกว่า..

    รถราในเมืองติดอย่างหฤโหดด้วยเหตุที่ว่า สายฝนกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา รถเมล์คันที่นั่งก็เปิดเพลงเหงาๆเคล้าสายฝนดีเสียจริง ใจหนึ่งก็อยากฟัง แต่อีกใจกลับอยากกระโดดถีบคนขับที่มันเปิดแต่ละเพลงแทงใจอย่างไรบอกไม่ถูก แต่เอาเถอะ ถึงบ้านอย่างมีสวัสดิภาพก็พอ แต่แล้วโทรศัพท์มือถือก็สั่นขึ้นมาอีกครั้ง



    เบอร์ของไม้!!



    ฉันรับไม่ทันเลยคว้าโทรศัพท์แล้วโทรกลับไป แต่ก็กลายเป็นบริการฝากข้อความไปซะเฉยๆ ในใจเริ่มคิดเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า ลางสังหรณ์ในตอนแรกคงเป็นแค่ลาง แต่ใจกลับกลัว ไม่เอาน่าไม่มีอะไรหรอก คงแค่ปิดเครื่อง



    สิ่งที่ทำได้ยากอย่างหนึ่งของมนุษย์ก็คือการระงับประสาทไม่ให้พะวงถึงเรื่องที่กำลังจะเกิด ไม่ให้คิดถึงคนที่เป็นห่วง และนั่นคือสิ่งที่ฉันพยายามทำ



    เกือบๆ 3 ทุ่ม โทรศัทพ์สั่นอีกครั้งและครั้งนี้ฉันก็ได้ยินเสียงๆเดิมที่รอคอยมานานแสนนาน



    \"คิดถึงเธอนะ ที่นี่ ตอนนี้น่ะ อยากจะกอดเธอจัง\" เสียงอ้อนคล้ายเด็กของชายหนุ่มจากแดนไกลทำเอาฉันหน้าแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

    \"คิดถึงเหมือนกัน อยากอยู่ใกล้ๆนะ\" คำตอบที่ตอบไปนั้นฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าพูดออกไปได้ยังไง มันทำให้ตัวเองแทบจะกรี๊ด

    \"กลางคืนแบบนี้ มันเหงานะ หมอนมีอยู่ 2 ใบแต่นอนคนเดียว..\"

    \"ก็ไปหาคนนอนด้วยสิ\" ฉันประชดให้อึกใหญ่ๆเพราะรู้ดีว่าความหมายของเขามันคืออะไร ตั้งแต่รู้จักและคบกัน ฉันกับเขาไม่เคยมีอะไรเกินเลยไปกว่าเพื่อนชายหรือเพื่อนหญิงทั่วๆไป

    \"ไม่เอาหรอก น่ากลัวจะตายไป เป็นใครก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะให้คิดนะ...ชั้นว่าอยากได้เด็กที่คุยอยู่มานอนกอดมากกว่า\" ผู้ชายคนนี้ทั้งทะเล้นทั้งขี้อ้อนไม่มีใครเกิน

    \"บ้า!\" เสียงแหวปนๆเขินดังขึ้นจากปากฉัน

    \"นี่พูดจริงๆนะ คิดถึงเธอมากๆ อยากให้เธอมาอยู่ใกล้ๆ อยากจะกอดเธอจัง\" น้ำเสียงนุ่มแต่ฟังดูเหงาของเขายิ่งทำให้ใจของฉันมันสั่นได้ไม่เป็นส่ำ

    \"คิดถึงสิ อยากอยู่ใกล้ๆนะ\" ฉันตอบกลับไปด้วยโทนเสียงเดียวกัน คงเหมือนที่เขาพูดไว้ ยิ่งตัวไกลใจยิ่งคิดถึง

    \"แค่ไม่กี่ทุ่ม แต่ที่นี่ก็เงียบน่าดูเลยนะ ถ้าเป็นกรุงเทพ ป่านนี้ชั้นคงมีอะไรทำตั้งเยอะแยะสินะ\"

    \"เอาน่า ตอนนี้ก็พักผ่อนให้สบายนะ\"

    \"อื้ม เธอ...คิดถึงนะ\"

    \"จ้า\" เขาเว้นช่วงไว้ ราวกับว่ากำลังจะวางสาย เด็กที่รอโทรศัพท์แทบเป็นแทบตายเลยถามเสียงอ่อย

    \"จะวางแล้วหรอ...\" และเสียงตอบกลับมาก็กลายเป็นเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆอย่างเอ็นดู

    \"ไม่วางแล้วจะคุยอะไรล่ะหืม..\" เสียงอ่อนโยนปนทะเล้นตอบกลับมาตาสไตล์ แต่ว่าฉันกลับหน้าแดงโดยที่ไม่รู้ตัว

    \"นี่เธอ โทรมาแล้วปิดเครื่องแบบนี้น่ะ ชั้นใจไม่ดีรู้มั๊ย กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น\"

    \"รู้แล้วล่ะ แต่ก็ขอปิดนั่นแหละ กลัวว่าจะโดนตามตัวเจอน่ะ\" น้ำเสียงจากขี้เล่นกลายเป็นจริงจังไปในทันที

    \"ก็เพราะเป็นห่วงถึงได้โทรมา เธอทำแบบนี้แม่เธอก็น่าสงสารน่ะสิ\" ฉันยังคงเป็นฉัน เป็นเด็กผู้หญิงที่ทั้งแข็งทั้งกระด้าง เพราะขาดการดูแลจากผู้เป็นแม่ ผู้ที่สอนกิริยาและท่าทางของผู้หญิงให้อ่อนหวานน่ารัก ดังนั้นฉันคงจะรับไม่ได้แน่ ถ้าหากใครไม่ดูแลหรือทำไม่ดีกับบุพการี และยิ่งเป็นเขา ก็ยิ่งทำให้ฉันไม่พอใจ จนบางทีก็ยังพาลโกรธที่พูดไม่ดีกับซะเฉยๆ ซึ่งเขาก็รู้ดี

    \"ช่วยไม่ได้นี่ แต่ชั้นสัญญาแล้วกันนะว่ากลับไปจะสารภาพทุกอย่างเลย\" คำตอบที่เป็นจริงเป็นจังลั่นออกมาจากปากลูกผู้ชาย

    \"เอาล่ะไม่กวนล่ะนะ ไปนอนเถอะ\" ฉันตัดบทก่อนที่จะวางสาย แต่ในใจอยากให้เขาวางก่อนซะมากกว่า แต่ไม่ว่าจะดื้อยังไง ก็คงต้องเป็นฝ่ายวางก่อนซะทุกที มีอยู่ครั้งหนึ่งฉันกับเขาเกี่ยงกันวาง โดยที่ยังเล่นวางก่อนดิ ดิๆๆ เป็นเด็กๆจนกลับมาหัวเราะกันอยู่เช่นเดิม แต่จนแล้วจนรอด ฉันก็ยังคงต้องวางสายไป...



    แม้ไม่ได้อยู่ใกล้กัน ขอแค่ได้ยินเสียง แค่นี้ก็คงเพียงพอแล้ว



    แค่ได้บอกเธอว่า คิดถึงเธอเหลือเกิน





    วีเรศวร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×