คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 งานเทศกาล
บทที่ 7 งานเทศกาล
เสียงจักจั่นร้องระงมไปทั่วท่ามกลางความมืดมิดของป่า แสงจันทร์สลัวสาดส่องลงมายังพื้นโลก แต่ก็ไม่ได้สว่างไสวเท่ากับแสงจากหลอดไฟของโลกเบื้องล่าง งานเทศกาลได้ถูกจัดขึ้นแล้ว โดยมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อตอนเช้าของวัน ขบวนแห่ของงานได้เดินไปทั่วบริเวณตัวเมือง เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดถนนบริเวณทางเข้าออกวัด และลากยาวไปจนถึงริมหาด ตลอดทางล้วนมีแต่ร้านรวงค้าขายกันอยู่มากมาย หลอดไฟหลากสีสันเปิดขึ้นพร้อมกันเมื่ออาทิตย์ตก สร้างบรรยากาศให้งานดูรื่นเริงกว่าเก่า ส่วนบนเนินที่เป็นที่ตั้งของวัดนั้นก็ได้มีร้านค้า และเกมต่าง ๆ จัดไว้ให้ชาวเมือง และนักท่องเที่ยวได้สนุกสนาน เสียงหัวเราะเฮฮาของผู้คนดังไปทั่ว ราวกับเมืองแห่งชายทะเลที่เคยสงบเงียบนั้นไม่เคยมีอยู่จริง และเสียงเหล่านั้นคงจะดังต่อเนื่องไปอีกหลายต่อหลายคืนจนกว่าเทศกาลจะจบลง ช่วงนี้ถือช่วงเวลาที่จะได้หมุนเวียนเงินภายในเมืองเลยทีเดียว
“สภาพอากาศในวันนี้สดชื่นแจ่มใส ท้องฟ้ายามค่ำไร้เมฆหมอกบัง เพราะฉะนั้นอย่าลืมมางานเทศกาลในวันนี้กันนะคะ เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ดิชั้นจะพาไปเยี่ยมชมงานทางด้านนั้นกันเลยนะคะ ตามมาเลยค่ะ....”
ผู้ประกาศข่าวสาวในโทรทัศน์พูดด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เธอยืนอยู่ในงานเทศกาลโดยมีฉากหลังเป็นซุ้มเล่นเกมส์ปาเป้าที่มีคนมุงดูกันเพียบ เด็กชายคนหนึ่งหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่กล้องอย่างสนุกสนานก่อนที่เพื่อนร่วมวงจะตามมาร่วมวงด้วย
จุนนั่งมองภาพข่าวในโทรทัศน์ด้วยใบหน้าเฉยเมย รายการต่าง ๆ ในเคเบิ้ลทีวีของท้องถิ่นคงจะรายงานแต่สถานการณ์สดของงานเทศกาล จุนนั่งคิดถึงเรื่องที่เค้าควรหรือไม่ควรจะทำดีในวันนี้
‘สารภาพ ไม่สารภาพ สารภาพ ไม่น่า สารภาพเถอะ อย่าดีกว่า’
คล้ายมีคนบ้าสองคนนั่งเถียงกันอยู่ในหัวของเค้า เด็กหนุ่มคิดเรื่องนี้มาตั้งกะตื่น กินข้าว หรือว่าทำอะไรต่าง ๆ จนกระทั่งพี่สาวกะน้องสาวเข้ามาทักเด็กหนุ่มก็ยังคงคิดแต่เรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา
“นี่ จุน” ยูโกะในชุดยูกาตะเดินมาตรงหน้าจุนก่อนจะทำท่าโบกมือใส่หน้าเค้า ดวงตาไร้การตอบสนอง
“จุนจังงงง หนูจะไปงานแล้ว ขืนรอนานกว่านี้คงไม่ได้เที่ยวอะไรแน่เลย คนเยอะมากนะ นี่ฮัลโหล”เอมิริเข้ามาช่วย เธออยู่ในชุดยูกาตะสีชมพูอ่อน
“อื้มม จะไปก็ไปเถอะ”จุนพูดทั้งที่ดวงตามองไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“เจ้าเด็กเอื่อยนี่ นายจะไม่ไปรึไงกันยะ”ยูโกะยั๊วะเล็กน้อย
“อื้มม เดี๋ยววตามมไปน่า...”
เฮ้อออ! ยูโกะถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะหันมาพยักเพยิดกะเอมิริ แล้วก็เดินไปที่ประตู
“ถ้างั้น ชั้นพามิกิไปด้วยก่อนนะ ขืนรอเธอคงตายกันพอดี แล้วก็รีบ ๆ ไปล่ะ พวกร้านเกมเค้าโต้รุ่งกันตั้งแต่วันที่ 2 นะยะไม่ใช่วันแรกได้ยินไหม?”
“งืมๆ”
ยูโกะถอนหายใจอีกรอบก่อนจะเดินจากไป มิกิโผล่มาที่หน้าประตูเมื่อสองสาวเดินจากไปแล้ว เด็กหญิงในชุดยูกาตะสีเหลืองอ่อนยืนพิงกับประตู
“จุนยังไม่ไปงั้นเหรอ?”
“อื้ม เธอไปกับพวกพี่เถอะ”จุนนั่งกอดเข่าคิดเรื่องบางอย่างเด็กหนุ่มไม่ได้มองตอบ มีเพียงคำพูดเท่านั้นที่ส่งกลับมา
“กลัวงั้นเหรอ?”
“ป่าวหรอก” จุนอึกอักก่อนจะตอบเสียงค่อย
“งั้นทำไมล่ะ ยิ่งไปสายหล่อนอาจจะกลับไปก่อน”
“แต่เธอไม่ได้มาเพื่อนชั้นซะหน่อย แค่ชวนไปด้วยกัน
”จุนตอบประโยคแรกเสียงดังขณะที่ประโยคด้านหลังกลับเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน ใบหน้าของเค้าแดงเรื่อ ๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุ
“งั้นรึ? ถ้าอย่างนั้นชั้นก็ไปก่อนล่ะนะ” มิกิหลุบตาลงต่ำ ก่อนจะหันหลัง
“อื้ม ขอให้สนุกล่ะ”
“เช่นกัน ขอให้สมหวังนะ” เด็กหญิงเดินจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้เด็กหนุ่มถามความหมาย จุนได้แต่มองไปที่ประตูที่เคยมีคนพูดอยู่ แต่หูก็ได้ยินเสียงปิดประตูเลื่อน และเสียงฝีเท้าที่วิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว
‘ใส่ชุดรุ่มร่ามยังจะวิ่งอีก’
จุนหันกลับมาแล้วเอนตัวลงนอน สูดลมหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ เป็นจังหวะ
‘ถ้าบอกไปแล้วไม่สำเร็จล่ะก็ เข้าหน้ากันไม่ติดแน่นะเว้ย’เสียงหนึ่งพูดขึ้นในหัว
‘แล้วไง อย่างน้อยก็ยังได้แสดงความรู้สึก เกิดเค้ารักตอบ ก็ได้สุขี’ อีกเสียงหนึ่งที่ดูจะเป็นปรปักษ์ดังขึ้น
‘แล้วมันจะคุ้มเร้อ.. พลาดไปนี่ เศร้าตลอดการศึกษาเลยนะเว้ย’ ไอ้ตัวแรกเถียงอีก
‘เออน่า จุนนายต้องไปนะเว้ย มาอ้ำอึ้งอะไรกัน แมนรึเปล่า ของแบบนี้ต้องใจกล้าเว้ย’ ตัวที่สองเลิกแต่หันมาบอกกับจุนแทน
โอยยยยยยยย ปวดหัว แต่ก็น่าลองจริง ๆ นั่นแหล่ะ
ฮึ้ย!!!!
ฮึ้ย!!!!
ฮึ้ย!!!!
เอาเว้ย!!!!!!!!!!!!!!! ตายเป็นตาย
เสียงดังอื้ออึงของผู้คนผ่านเข้ามาในหูทั้งสองของจุน ตอนนี้เด็กหนุ่มเดินอยู่ในงานแล้ว รอบด้านของเค้าเต็มไปด้วยคน คน และคน ร้านค้าต่าง ๆ มากมายมีคนออกันอยู่เต็มไปหมด จุนเดินผ่านร้านตักปลาทองที่มีแต่เด็ก ๆ ร้านช้อนลูกโป่งน้ำที่มีคนหนุ่มสาวที่เป็นคู่รักเข้ามาเล่นกันอยู่เต็มไปหมด ซึ่งส่วนมากจะเป็นฝ่ายชายที่ช้อนลูกโป่งให้ฝ่ายหญิง ร้านต่อมาเป็นขนมสายไหมที่มีเด็ก ๆ มาอออยู่เต็ม รวมไปถึงร้านขายแอปเปิ้ลเชื่อมที่มีคนเยอะเช่นกัน แต่สิ่งที่เด็กหนุ่มสนใจนั้นกลับไม่มีสักอย่าง สายตาของเค้าคอยสอดส่องหาเด็กสาวเพื่อนร่วมชั้น ท่าเดินที่รีบเร่งของจุนดูขัดกับบรรยากาศอันรื่นเริงของงานเทศกาลเสียเหลือเกิน
พลันสายตาของเด็กหนุ่มก็ไปพบกับร่างโปร่งบางของเด็กสาวในชุดยูกาตะสีฟ้าอ่อนเข้าให้ หล่อนเดินเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ อย่างที่เค้าไม่เคยเห็น ใบหน้าดูเหม่อลอยอย่างประหลาดแต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นใบหน้าของเด็กสาวคนเดิมที่เค้ารู้จัก และชอบมาตั้งแต่ได้ทำความรู้จักกันครั้งแรก
เด็กสาวเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังมองไม่เห็นจุนอยู่ดี ผมยาวของเธอถูกถักเป็นเปีย และถูกนำมาพาดไว้ที่บ่าด้านหน้า เด็กสาวเดินอยู่คนเดียวทั้งที่บอกว่านัดกับเพื่อน ๆ ไว้ จุนมองก็ยิ่งอยากเข้าไปทัก แต่อีกใจก็เริ่มกลัวขึ้นมา
แต่ราวกับพระเจ้าจะรู้ทันเลยแกล้งเด็กหนุ่มเสียอย่างนั้น นัตสึโกะที่เดินเหม่อมาตลอดทาง หันมาเจอหน้าจุนเข้าอย่างจุน ใบหน้าของเด็กสาวเหรอหรา ดวงตาเบิกเพราะความตกใจ มือข้างที่ถือกระเป๋ายกขึ้นอย่างลืมตัว
“จุนคุง...?” นัตสึโกะเอ่ยขึ้นเบา ๆ หลังจากที่ตกใจไปกว่า 10 วินาที เธอค่อย ๆ ลดมือลงก่อนจะประสานกันไว้ที่ด้านหน้าท้อง “มาได้ยังไงกันเนี่ย?”
“ก็เธอ..ชวนไม่ใช่เหรอ?”จุนตอบกลับเสียงเบาเช่นกัน เค้าข่มความรู้สึกทั้งหมดเพื่อที่จะทักทายเธอให้เสร็จก่อน
“อื้อ ชั้นนึกว่าจุนคุงจะไม่มาน่ะสิ เธอไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกับเพื่อนในห้องเลยนอกจากอากิระคุง”
“เหอะ ก็..มันชอบมากวนเรื่อย” จุนก้มหน้าตอบ สองมือล้วงลงในกระเป๋ากางเกงเพราะไม่รู้จะไปวางไว้ที่ไหน
“อ๋อ ก็เลยกลายเป็นสนิทกันไปสินะ”นัตสึโกะยิ้มขึ้นอีกครั้ง เธอดูสดใสเหมือนเดิมแล้วจากที่เมื่อกี้ดูเศร้าซึม
“อื้ม แล้ว...เพื่อน ๆ ล่ะ หากันไม่เจอเหรอ นี่ค่ำมากแล้วนะ”เพื่อลดอาการตื่นเต้น จุนแสร้งทำท่าทำทางมองหาเพื่อนคนอื่นทั้งที่เค้าไม่ได้เป็นคนนัด และก็ไม่ได้สนิทสนมด้วยสักนิด แต่ก็ยังดีกว่ามายืนก้มหน้างุด ๆ ละนะ
“อ่า..ก็หากันไม่เจอนั่นแหล่ะ ไม่รู้ว่ามากันรึเปล่าด้วย บางกลุ่มเค้าก็จะมาวันอื่นน่ะดูท่าว่าจะมีแต่ชั้นที่เห่องานนี้ล่ะมั้ง?”นัตสึโกะยิ้มบาง กับคำพูดของตน
“อื้ม งั้นก็แย่สิ แล้วแบบนี้ เธอเลยมาเดินอยู่คนเดียวเนี่ยนะ มานานเท่าไรแล้วเนี่ย” จุนทำท่าตกใจได้เฟกมาก แต่ความจริงเค้าก็ตกใจจริง ๆ นั่นแหล่ะ
“ไม่นานเท่าไรหรอก เดินเล่นไปเรื่อยถนนนี้มีของน่าสนใจเยอะ ชั้นก็ดูไปทั่ว จุนคุงล่ะมานานแล้วเหรอ”
“ไม่นาน ๆ ...ชั้นกำลังเดินหาพวกเธออยู่น่ะ เอ่อ...หมายถึงดูงานไปด้วยน่ะนะ” จุนพูดตะกุกตะกักเอามือเกาหัวแกรก ๆ
“อาฮะ งั้นไปเดินเที่ยวกันมั๊ย มีร้านน่าสนใจเยอะเลยทางโน้นน่ะ”เด็กสาวชี้นิ้วไปทางที่เธอเดินจากมา ก่อนจะหันมารอคำตอบ จุนนึกสงสัยเล็กน้อยว่าเดินเหม่อไม่สนใจอะไรมาตลอดทาง แต่กลับบอกว่าน่าสนใจเนี่ยนะ จุนไม่ได้คิดอะไรมากจึงตอบตกลง แล้วก็ออกเดินไป
ตอนที่เดินไปนั้นจุนได้แต่สำรวจร่างกายของเด็กสาว ไม่ได้มองงานเทศกาลหรือผู้คนใดใด นัตสึโกะชี้ชวนให้เค้าดูนู่นนี่เหมือนเด็กเล็ก ๆ หน้าตาสดใสสะท้อนกับแสงไฟจากหลอดของร้านต่าง ๆ ยิ่งชุดยูกาตะสีสวยยิ่งช่วยให้เธอดูดีกว่าชุดที่เคยเห็น นัตสึโกะชวนจุนเล่นอะไรมากมาย เด็กหนุ่มรู้สึกสนุกสนานแต่ในใจก็ยังคงกังวล บางทีถ้าเธอรู้อาจจะไม่ได้เดินด้วยกันแบบนี้ตลอดไปเลยก็เป็นได้ ใช่ซี้ เรามันไอ้หนุ่มเงียบเฉื่อยประจำห้องนี่ จะไปถูกใจสาวที่ไหน อ๊ะ ยกเว้นยัยเด็กนั่นไว้คน จุนมองใบหน้าด้านข้างเด็กสาวไปพลางคิด ใบหน้าของหล่อนยิ้มแย้มสดใสเหมือนเคยแต่อยู่ ๆ ก็เหมือนไปสะดุดตากับอะไรเข้าสักอย่าง เธอหันกลับมาพอ ๆ กับที่จุนหลบหันไปอีกทางได้ทันพอดี
“จุนคุง นั่นไง ๆ เห็นร้านยิงปืนนั่นมั๊ย ไปเล่นที่ร้านนั้นกันเถอะ มีแต่ของรางวัลน่าสนใจทั้งนั้นเลยนะ”นัตสึโกะพูดไม่หยุดมือก็ชี้ไปทางร้าน
“แต่ว่ายิงปืนเนี่ยนะ ทาคาอิ เธอชอบอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ”จุนเบิกตามองนัตสึโกะอย่างทึ่ง ๆ
“ชอบสิชอบ นะนะ เล่นร้านนี้เถอะนะ” จุนยังคงตกใจกับอาการเหมือนเด็กของนัตสึโกะ แต่ยังไม่ตอบรับคำ เด็กสาวก็ลากเค้าไปทันทีโดยที่สอดแขนเข้าข้างลำตัวจุนแล้วก็ควงเค้าออกไป จุนอึ้งจนถึงกับหยุดกึกทันที นัตสึโกะเห็นจุนไม่เดินจึงหันมาถาม
“ไม่อยากเล่นหรอกเหรอ?” จุนถึงกับส่ายหน้าแรง เค้ามองแขนที่ถูกควงอยู่ชั่ววินาทีแล้วก็กลับมาสบตานัตสึโกะ รอยยิ้มคลี่ออกอย่างอ่อนโยน ทำให้ใบหน้าของเด็กหนุ่มดูมีเสน่ห์ขึ้นอีกเป็นกอง
“อยากเล่นสิ ถ้าเธออยากเล่นชั้นก็อยากเล่น” นัตสึโกะถึงกับอึ้งกับรอยยิ้มที่เธอแทบจะละสายตาลงไม่ได้ทำให้หล่อนไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดที่ดูจะมีความหมายพิเศษนั้น เด็กสาวยิ้มตอบ ก่อนที่จะเดินออกไปพร้อม ๆ กัน
อีกฟากหนึ่งของงานที่จัดขึ้นแถบชายหาด ก็รื่นเริงสนุกสนานไม่แพ้กันสองสาวกับเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งกำลังเป็นกลุ่มที่โดดเด่น ทั้งสามเข้าร่วมเล่นเกมมากมายเสียจนได้ของรางวัลมาเต็มไปหมด ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ถูกแบกไว้บนบ่าของเอมิริ ขณะที่มือซ้ายก็หอบข้าวของพะรุงพะรังมีถุงมากมายที่ด้านในเต็มไปด้วยของรางวัล ขนม ลูกอม และบางอย่างที่เห็นได้ไม่ชัดอัดแน่นเต็มไปหมด ในปากของเด็กสาวอมอมยิ้มจูปาจุ๊ปส์ทำให้แก้มตุ่ยไปข้างหนึ่ง ดวงตาเป็นประกาย และสดใสเหมือนกับเด็กเล็ก ๆ สอดส่ายมองหาของรางวัลชิ้นต่อไป
ด้านข้างของเอมิริ คือสาวสวยร่างสูงโปร่ง ยูโกะอยู่ในชุดยูกาตะที่เปิดบริเวณช่วงคอกว้างจนเกือบเห็นไหล่ หยดน้ำที่ดูคล้ายเหงื่อเกาะติดตามซอกคอ ซึ่งความจริงแล้วเกิดมาจากตอนที่แข่งชิงตำแหน่งนักดื่มคอทองแดง กับอีกงานคือ กินเบียร์ชิงแชมป์ ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่า ยูโกะได้รับรางวัลในปีนี้มาอีกแล้ว ด้วยความที่ทั้งอึด และคอแข็ง บวกกับชอบดื่มอยู่แล้ว หล่อนจึงถือซะว่าเป็นการประหยัดตังไปในตัว(ได้กินฟรี) บนบ่าของสาวเจ้าก็คือถุงที่เต็มไปด้วยเบียร์กระป๋องจำนวนมากซึ่งได้จากงานแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีถุงที่ใส่ขวดเหล้าไว้อีก 2 ถุงด้วย นอกจากเครื่องดื่มอบายมุขแล้ว ก็มีถุงที่ใส่ของกระจุกกระจิกมากมายที่ดูจะเป็นของรางวัลที่หญิงสาวกวาดมาจากร้านใดร้านหนึ่ง ส่วนมือข้างขวาของหล่อนมีถุงผ้าเล็ก ๆ แขวนไว้ที่ข้อมือ ซึ่งบรรจุกระเป๋าสตางค์ และเงินรางวัลที่ได้จากการแข่งขัน และมือถืออีกเครื่องหนึ่ง ส่วนในมือก็ถือ สายไหมสีชมพูอ่อน หญิงสาวมองหาร้านอาหารไปเรื่อยเพราะเริ่มหิวขึ้นมาตะหงิด ๆ ด้านหลังของทั้งคู่ คือ มิกิ เด็กหญิงตัวเล็กในชุดสีเหลืองอ่อนผมถูกมัดขึ้นเป็นจุกทั้งสองข้าง ผูกด้วยโบว์ และประดับประดาด้วยดอกไม้สีขาว เธอดูต่างจากเด็กสาวข้างหน้าเพราะใบหน้าเฉยเมยไม่บ่งบอกความรู้สึกมือทั้งสองโอบตุ๊กตากระต่าย ที่โอบิ(ผ้าพันท้อง)ปักกังหันลมสีสวยเอาไว้ มิกิไม่ได้เล่นเกมจนได้ของรางวัลแต่นี่เป็นของขวัญที่สองผู้อาวุโสกว่ามอบให้ เธอมองหน้ากระต่ายที่ได้รับก่อนจะถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
‘เมื่อไหร่ถึงจะพอเสียทีน้า’มิกิเงยหน้าขึ้นมองสองสาวด้านหน้า ‘ของเยอะขนาดนั้นยังไม่พอใจอีกเหรอเนี่ย ไม่เคยเจอผู้หญิงที่บ้าเล่นเกมได้ขนาดนี้มาก่อนเลย อีกคนก็เหมือนกันดื่มเป็นว่าเล่น แล้วท่าทางแบบนั้นคงคิดจะหาที่ดื่มต่ออีกสินะ’
มิกิถอนใจอีกครั้งอยู่ด้านหลัง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบนแผ่นฟ้า ก้อนเมฆกลุ่มหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวช้า ๆ เผยให้เห็นดวงจันทร์ที่ถูกบดบัง แสงสีนวลสาดลง มิกิมองมันด้วยสายตาอันมั่นคงสองมือโอบกอดตุ๊กตาให้แน่นขึ้น
‘แค่เพียงเท่านี้ สิ่งที่หายไปเนิ่นนานจะได้กลับมา ข้าจะฟื้นคืนอีกครั้งด้วยพลังของดวงดาว และดวงจันทร์ วัตถุแห่งแสงของโลกราตรี แม้จะไม่ได้ยิ่งยอดเท่าจุดกำเนิดแห่งพลังอันแท้จริงของข้า แต่ก็เพียงพอแล้วล่ะ’
“มิกิจัง ๆ” เอมิริหันกลับมาเรียก ทำให้เด็กหญิงต้องละสายตา เธอหันกลับไปหาเด็กสาวทำหน้าสงสัย
“นั่นไงนั่น” เอมิริขยิบตาด้านซ้ายก่อนจะโบกไม้โบกมือไปยังซุ้มหนึ่งซึ่งมีคนอออยู่จำนวนมาก เป็นซุ้มเกมยิงปืนนั่นเอง มิกิมองตามแล้วก็เข้าใจ
“อยากไปเล่นเหรอคะ”
“อื้ม ๆ ของร้านนั้นน่ะน่ารักมากเลย ชั้นเห็นจากไกล ๆ ก็เล็งได้หลายสิบอันแล้วมิกิจังยังไหวใช่มั๊ย? ” ที่ซุ้มมองจากไกล ๆ ไม่ค่อยเห็นอะไร แต่เด็กสาวผู้รักการเล่นเกมแข่งขันเป็นชีวิตจิตใจอย่างเอมิริสามารถมองหาสิ่งที่ต้องการจากที่นั่นได้ทันที เธอหันกลับไปบอกกับยูโกะ
“นี่นี่ พี่ยูโกะ ไปร้านนั้นมั๊ย มีของน่ารักเต็มไปหมดเลยนะ หึหึ ชั้นอยากจะไปกวาดเสียจริง ๆ”เอมิริพูดพลางทำท่าทำทางอย่างกับพวกโรคจิต
“เธอเนี่ยน้า แย่จริง ๆ ของเยอะขนาดนี้ยังจะเล่นอีกเหรอ อีกอย่างจ่ายค่าเกมจะคุ้มกับของพวกนั้นเหรอ” มิกิมองหน้าสาวผู้พี่อย่างอึ้ง ๆ ยายคนนี้รู้จักห้ามปรามอะไรแบบนี้ด้วยงั้นเหรอเนี่ย แต่เด็กสาวผู้น้องก็ตอกกลับมาแบบไม่ใส่ใจ
“กลัวอะไรเล่าพี่ยูโกะน่ะได้ตังมาแยะเลยไม่ใช่เหรอ แถมยังได้เหล้ามากินฟรีอีก ทีนี้ก็ลดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ เหลือให้เล่นเกมได้อีกตั้งเยอะแยะ”เอมิริท้าวสะเอวพูด แต่ดวงตาก็คอยเล็งว่าของที่ต้องเลือกไว้ได้มีใครสอยไปรึยัง
“อื้ม นั่นสินะ ช่างปะไร ฮ่าๆๆๆ ไปเล่นกันดีกว่า ไปเร็วมิกิ ยังมีของต้องไปเอาอีกเยอะ โดนตัดหน้าไปเสียดายแย่” อยู่ ๆ ยูโกะก็เปลี่ยนใจเสียเฉย มิกิแทบจะเป็นลมเพราะอารมณ์ที่แปรปรวนของสองสาว แต่ก็ยังเดินตามไปต้อย ๆ
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็พบว่าเอมิริช่างเป็นนักล่าของรางวัลที่ตาดีเสียจริง ๆ ร้านนี้มีแต่ของน่ารัก ๆ และดูดีมีคุณภาพทั้งนั้น บางอันดูแพงเสียจนไม่น่าจะมาเป็นของรางวัลที่ใช้เงินเพียงแค่ไม่กี่บาทก็เล่นได้แล้ว เจ้าของร้านเป็นชายแก่ ๆ คนหนึ่ง เค้านั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่หลังเคาน์เตอร์ ส่วนข้าง ๆ ก็มีเด็กชายคนหนึ่งยืนเล็งปืนอยู่ ดูจากสภาพท่าจะเป็นหุ่นยนต์โมเดลจากการ์ตูนที่กำลังฮิตในหมู่เด็กผู้ชาย เจ้าหนูนี่พยายามเล็งไปที่มันอย่างไม่ต้องสงสัย รอบข้างมีเพื่อน ๆ ยืนเชียร์อยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย นอกนั้นก็ไม่มีลูกค้ากลุ่มอื่นอีก มิกิได้แต่แปลกใจว่าร้านออกจะน่าเข้าทำไมไม่มีใครมาเล่นเลย
“หวัดดีค่า คุณลุงงงง ต้องเสียตังเท่าไหร่เหรอ” ชายแก่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เหมือนภาพสโลว์โมชั่น เอมิริยังคงยิ้มทำท่าจะควักกระเป๋าเงินใบเล็กที่เหน็บไว้ตรงโอบิ
“ยังไม่ได้เสียหรอก เธอจะเสียก็ต่อเมื่อ ได้รางวัล เพราะรางวัลแต่ละอันมีราคาต่างกัน” ชายแก่อธิบายเรียบ ๆ
“เห มีแบบนี้ด้วยเหรอ แต่แบบนี้ลุงก็เหมือนไม่ได้กำไรอะไรเท่าไหร่เลยน่ะสิ” เอมิริงงหนัก
“นั่นสิ แบบนี้จะดีเรอะ”ยูโกะแสดงความเห็นบ้าง
“เอาเถอะน่า เธออยากเล่นก็เล่นเถอะ”ชายแก่เลิกตอบแล้วหันมาสนใจหนังสือพิมพ์ของตนต่อ
“งั้นแล้ว ก็ขอปืนกับกระสุนยางหน่อยสิ” เมื่อเห็นว่า ผู้อาวุโสตกลงเช่นนั้น ยูโกะก็เลยเลิกถาม แล้วเล่นไปตามที่ชายแก่บอก
ชายแก่เงยหน้าขึ้นช้า ๆ เหมือนเดิมก่อนจะพับหนังสือพิมพ์ เค้าวางมันลงแล้วลุกขึ้นไปด้านหลังเคาน์เตอร์ซึ่งดูจะเป็นที่เก็บอุปกรณ์
“อืมมม ขอดูก่อนนะ ชั้นไม่แน่ใจว่าจะเหลือปืนให้กับเธอหรือเปล่า”
“หือ หมายความว่ายังไงหรือ ที่นี่ไม่ใช่ร้านเกมยิงปืนรึยังไงคะ” เอมิริถาม แม้แต่ยูโกะกับมิกิยังทำท่างง ๆ
“นั่นสินะ จะว่าใช่ดีรึเปล่าล่ะ ชั้นก็ชักไม่แน่ใจเหมือนกัน เธอลองดูอุปกรณ์ในลังก่อนแล้วค่อยตั้งชื่อร้านให้ชั้นก็แล้วกันนะ” ชายแก่กลับมาพร้อมกลับลังกระดาษใบใหญ่ ภายในบรรจัของรกไปหมด ชายแก่นำมันมาวางที่เคาน์เตอร์ก่อนจะทยอยนำของด้านในออกมาทีละอัน เมื่อมิกิได้เห็นก็งงอีกครั้ง ส่วนยูโกะมองอย่างมึน ๆ ไม่แพ้กัน แต่เอมิริกำลังรู้สึกถึงเรื่องสนุกบางเรื่องที่น่าจะท้าทายเธอได้อย่างมาก
อุปกรณ์การเล่นเกมแต่ละอย่างไม่ซ้ำกันสักอัน และดูเหมือนว่าปืนกับกระสุนยางจะไม่มีแล้วด้วย สิ่งที่วางอยู่ตรงหน้ามีเพียงแต่ ลูกดอก หนังสติ๊ก มีดบินอันเล็ก เข็มกับที่เป่าที่ดูเหมือนขลุ่ยที่ถูกเจาะรูตรงกลางทั้งเลา ดาวกระจาย และอาวุธบินทั้งหลายก็ถูกนำออกมากองอีกมากมาย
“ชั้นเหลืออุปกรณ์อยู่แค่นี้แหล่ะ พวกเธอเลือกใช้สักอันก็แล้วกัน แล้วบอกไว้ก่อนว่าของที่เธอทำเสียหายทุกอย่างเป็นเงินทั้งนั้น ถ้าเธอทำพังก็คือจ่าย นี่ถือเป็นข้อตกลง และชั้นไม่รับคืน เปลี่ยนอะไรใดใดทั้งนั้น เชิญ” ชายแก่อธิบายเรียบง่าย แล้วผายมือให้ทั้งสามคนได้เลือกเล่น
“มิน่า ร้านถึงได้เงียบกริบแบบนี้ กติกาแปลกดีนะลุง แบบนี้คงต้องฝีมือดีสักหน่อยถึงจะได้ไอ้พวกนี้กลับบ้านไป”ยูโกะพูดท้าทาย
“น่าสนใจดีออก ชั้นเองก็เบื่ออุปกรณ์แบบเก่า ๆ แล้วเหมือนกัน แต่ว่าถ้าไปโดนอันอื่นเราก็ต้องรับอันนั้นไปด้วยสินะเนี่ย ถ้าไม่แม่นจริงคงเสียเยอะแน่เลย” เอมิริออกความเห็นเหมือนจะกังวล แต่ความจริงกำลังรู้สึกดีใจสุด ๆ ก็เจ้าตัวได้เจอเกมใหม่ ๆ อีกแล้ว
“แต่ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน อุปกรณ์บางอย่างอันตราย อย่าให้โดนใครเข้าล่ะ”ชายแก่ยิ้มตอบก่อนจะหันมาอ่านหนังสือต่อ
“หึหึ งั้นก็เอาล่ะนะ ชั้นเอาไอ้นี่ดีกว่า”เอมิริว่าแล้วก้เดินไปเลือกอุปกรณ์ด้านหน้า เธอตัดสินใจหยิบเจ้าลูกดอกมาหลายสิบอัน แล้วก็เลิกแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อยระหว่างที่ตาก็เล็งของไปด้วย
ยูโกะเองก็เริ่มเกมแล้วเช่นกัน แต่เริ่มจากการมองหาของรางวัลก่อน แล้วกับขวดเหล้าฝรั่งสองสามขวดวางตั้งอยู่ที่ด้านหนึ่งของซุ้มวางห่างกันไม่มากนัก
‘นี่แหล่ะ ที่อยากได้ แล้วจะใช้อะไรกันล่ะนั่น ถ้าปาชูริเคน (อาวุธของนินจา) ออกไปล่ะก็ ขวดแตกแน่ จะเป่าเข็มก็คงไม่ช่วยอะไร’
คิดได้ดังนั้น หญิงสาวก็เดินไปหาอุปกรณ์ที่เอมิริเหลือไว้
‘แส้...? เอาไว้ทำอะไรเนี่ย มีด ใช้ไม่ได้ ๆ ปืนแก็ป ตลกน่า อือ...ลูกตุ้ม? อะไรกันเนี่ย’ ระหว่างที่มองไปเพลิน ๆ หญิงสาวก็เจอะกับ ใบมีดลักษณะกลมมีรูตรงกลางเหมือนนัท มีอยู่ประมาณสามสิบกว่าอัน ยูโกะรู้สึกทึ่งเพียงเล็กน้อย แต่ก็หยิบขึ้นมาเทียบกับปากขวดดู
‘อื้มม นี่แหล่ะ ใช้ได้’
เลือกได้ดังนั้น สาวสวยก็เดินไปยังจุดที่มีขวดเหล้าวางเรียงรายอยู่ทันที
มิกิมองตามทั้งสองคนไป พี่น้องทั้งคู่เล่นกันอย่างสนุกสนาน เป็นภาพที่สดใสร่าเริงเหมาะกับงานเทศกาล แต่เด็กหญิงไม่มีอารมณ์จะร่วมด้วย แสงจันทร์ส่องสว่างเต็มที่ไร้ก้อนเมฆบดบัง ท้องฟ้าโปร่ง จนมองเห็นดาวทุกดวงบนท้องฟ้า
เด็กหญิงมองมันอย่างมีความหวัง
“ฮ่าๆๆๆๆ ขำ ขำชะมัดเลย”
โซราตะ จุน เดินอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย กับเด็กสาวข้างตัว คือ ทาคาอิ นัตสึโกะ จากการเล่นเกมส์ร้านยิงปืนทำให้หนุ่มสาวทั้งสองได้ของรางวัลมามากมาย ทั้งสองเริ่มรู้สึกเหนื่อยจึงตัดสินใจเดินขึ้นเนินไปศาลเจ้าเพื่อหาอะไรกินที่งานแถบนั้น จุนกับนัตสึโกะเล่าเรื่องของตัวเองไปตลอดทาง
“โธ่ มันไม่น่าขำขนาดนั้นซะหน่อย ชั้นก็แค่บาดเจ็บบ่อย ก็เท่านั้น” จุนทำหน้าเจื่อนเมื่อเล่านัตสึโกะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ขอโทษนะ... ฮ่าๆ ก็ชั้นไม่เคยเห็นแม่ที่ไหนซื้อกล่อง ฮ่า ๆ กล่องปฐมพยาบาลให้เป็นของขวัญเลยนิ่ ฮ่าๆ ตลกจะตาย เธอคงจะซนมากสินะ” นัตสึโกะแก้ต่างทั้งที่น้ำตายังปริ่ม
“เอ้ออ ช่างเหอะ” จุนหัวเราะเบา ๆ แล้วก็เดินขึ้นบันไดหินไปยังศาลเจ้าช้า ๆ ข้างบนเนินก็จัดงานเหมือนกับข้างล่าง แต่จะเน้นของกิน ขนม ลูกอมต่าง ๆ คนทั้งสองเดินไปเรื่อย ๆ มองดูร้านค้าต่าง ๆ ที่วางโชว์ขนมน่าตาอร่อยเต็มไปหมด อีกทั้งกลิ่นอาหารหลากหลายก็ส่งกลิ่นหอมเข้ามายั่วยวนจมูก แต่ทั้งสองกลับรู้สึกไม่หิวเลยสักนิด ได้แต่มองชม แล้วก็เดินผ่านไปเฉย ๆ
“สายไหมร้านนี้สีสวยจังนะ” นัตสึโกะหยุดทักร้านขายสายไหมร้านหนึ่ง สีชมพูสวยของขนมหวานม้วนตัวลงบนไม้พลาสติกในมือของคนขายก่อนที่จะถูกส่งให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งที่มาซื้อ เด็กหญิงกินมันอย่างเอร็ดอร่อย
“เอาสองอันครับ” จุนพูดขณะควักหากระเป๋าสตางค์ นัตสึโกะหันมามองจุนแบบเอ๋อ ๆ
“นี่ครับ” จุนส่งเงินให้ ก่อนจะรับไม้สายไหมทั้งสองมา เค้าส่งอันนึงให้นัตสึโกะ แล้วก็งับสายไหมของตัวเองไปด้วย เด็กสาวไม่รู้จะเอ่ยอะไรนอกจาก
“เอ่อ...”
“ชั้นเลี้ยง ยังไงทาคาอิก็อุตส่าห์เดินเที่ยวด้วยกันทั้งวัน ชั้นอยากแสดงความขอบคุณ” จุนรวบรวมความกล้าแทบทั้งหมดพูดออกมา
“อื้อ ขอบใจนะ”นัตสึโกะยิ้มเล็กน้อย และรับมันมา เธอมองสายไหมนั้นด้วยความดีใจ
“จุนคุง ไปทางข้างหลังกันมั๊ย เค้ากำลังจะจุดพลุน่ะ ชั้นมีที่เฉพาะที่เคยไปดู ไปด้วยกันมั๊ย”เด็กสาวชวนด้วยท่าทางประหลาด การชวนผู้ชายไปที่ลับตาสองต่อสองมันก็ต้องตื่นเต้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่กลัวกว่า กลับเป็นเด็กหนุ่มที่ถูกชวน จุนรู้สึกแทบสิ้นสติ ไม่คิดเลยว่าจะได้มีโอกาสอะไรแบบนี้ แต่เค้าก็ยังกลัวว่าจะเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไป จนในที่สุดก็ตัดสินใจตอบตกลง
ด้านหลังของศาลเจ้าไม่ค่อยมืดมากนัก และไม่ค่อยเปลี่ยว เพราะมีหนุ่มสาวหลายคู่มาพลอดรักกันอยู่ แต่บางคนก็แค่มานั่งรอดูพลุเช่นกัน นัตสึโกะ และจุนรู้สึกเขิน ๆ ที่ต้องมาเดินท่ามกลางที่แบบนี้ แต่ทั้งสองก็รีบเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนมาถึงจุดหนึ่งที่ไกลออกไปรอบ ๆ นั้นเป็นพื้นที่ค่อนข้างโล่ง ต้นไม้น้อยทำให้ไม่มีอะไรมาบดบังท้องฟ้า ตึกของศาลเจ้าสร้างมาจนเกือบสุดแล้ว อาณาเขตของมันคงจะสุดแล้วแต่น้อยคนนักที่จะเดินมาไกลขนาดนี้ แต่เพราะความโล่งกว้างทำให้มันเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การดูพลุจริง ๆ
“ทาคาอิ เธอหาที่แบบนี้ได้ยังไงเนี่ย?” จุนมองไปรอบ ๆ ด้วยความทึ่ง นัตสึโกะหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะตอบคำถาม
“ถ้าจุนคุงขยันเดินแบบชั้นก็คงจะเจอที่แบบนี้เองแหล่ะ ชั้นมางานทีไรก็เดินมาตรงนี้ทุกที มันเงียบแล้วก็สงบดี มันค่อนข้างน่ากลัวคนเลยไม่ค่อยเดินเข้ามา ชั้นเลยเป็นคนเดียวที่ได้เจอที่นี่น่ะ เดี๋ยวคอยดูนะ ตรงนี้เราจะเห็นพลุชัดมากเลย” นัตสึโกะเดินไปรอบ ๆ แล้วก็อธิบายให้จุนฟังไปด้วย
“อื้มม ดีจัง เหมือนเป็นความลับเลยแฮะ งั้นชั้นก็รู้ความลับของเธอแล้วงั้นสิ
”จุนพูดประโยคหลังเสียงอ่อย ๆ แล้วในทันใดนั้นพลุลูกแรกก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า แสงของมันสะท้องลงบนใบหน้าของทั้งคู่ ลำแสงสีแดงกระจายไปทั่วผืนฟ้า แล้วจากนั้นพลุอีกหลายลูกก็กระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้ามีหลายสีหลายรูปแบบ จุนมองไฮไลท์สำคัญของงานด้วยดวงตาเป็นประกาย
“สวยจริง ๆ ด้วย เจ๋งเป็นบ้าเลยแฮะ” จุนพูดทั้ง ๆ ตายังมองพลุ นัตสึโกะหันมายิ้มให้เล็กน้อย เด็กสาวหลับตาลงช้า ๆ และลืมขึ้นอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากเปิดออกก่อนจะเอ่ยถ้อยคำ
“โซราตะ จุนคุง”
“ครับ?” จุนหันมามองงง ๆ เพราะคำพูดของนัตสึโกะ
“คือว่า... ชั้นชอบเธอนะ”
จุนหยุดนิ่งท่ามกลางเสียงของสรรพสิ่งรอบตัวที่ดูเหมือนจะหยุดดังไปด้วย ทั้งที่พลุมากมายถูกจุดแต่เค้ากลับหยุดนิ่ง นัตสึโกะขมวดคิ้วใบหน้าแดง เธอกลั้นลมหายใจเพื่อพูดต่อ
“คือว่า... ความจริงก็ไม่ตั้งใจจะบอกหรอก แต่ก็อยากจะบอกให้รู้เอาไว้ ชั้นรู้ว่าเธอคงไม่สนใจ คือชั้นเห็นเธอไม่ค่อยสนใจคนในห้องเท่าไหร่ แล้วก็ไม่เห็นสนใจผู้หญิงคนไหน”ถึงตรงนี้หล่อนก็หยุดหายใจ “ชั้นก็คิดเอาไว้แล้วว่า อาจจะต้องเสี่ยงเพราะอาจจะเข้าหน้ากันไม่ติดอีก แต่ว่า ขอโทษนะ ชั้นคิดว่าถ้าบอกไปก็อาจมีโอกาส...” นัตสึโกะหยุดพูดพร้อม ๆ กับที่พลุหยุดลง จุนยังคงอึ้งสนิทกับสิ่งแปลกประหลาดที่เค้าได้รู้ บางทีการตัดสินใจมาเที่ยวงานครั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเค้าไปตลอดก็ได้
“ชั้นแค่อยากรู้ว่าเธอจะคิดยังไงบ้าง... ก็เท่านั้นเองล่ะ แต่ถ้าไม่อยากตอบอะไรก็ไม่ต้องก็ได้นะ”นัตสึโกะเอ่ยถามทั้งที่อายสุดขีด
‘เวรกรรมจริง ๆ กลายเป็นว่า เธอชอบชั้น แต่กลับนึกว่าชั้นไม่ได้ชอบเธอเลยถึงทำเป็นไม่เข้าไปพูดคุย นี่เพราะเราทำหน้าเบื่อโลกไม่สนใจชาวบ้านแท้ ๆ เธอก็เลยกลัว โธ่เว้ยย’
“อื้มม คือ...ความจริงแล้วนะ”จุนรวบรวมความตั้งใจทั้งหมด และส่งมันไปยังคำพูดของเค้า “มันตลกมากเลย เพราะว่า...ชั้นก็ชอบเธอมาตั้งนานแล้วล่ะนะ ก็ตั้งแต่แรกเลยมั้ง... นะ?”
นัตสึโกะอ้าปากกว้าง ก่อนจะพยายามพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับดูตะกุกตะกักไปหมด
“อ่า...ถ้างั้น...ชั้น...เธอ...อ้าว...แล้ว...ถ้างั้นมันก็”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ ตลกชะมัด สรุปว่าเราแอบชอบกันแล้วก็กลัวกันเองใช่ไหมเนี่ย”
“เห? กลัว นี่จุนคตุงกลัวเรื่องที่ชั้นจะไม่ชอบเนี่ยนะ?”
“ใช่สิ ก็ทาคาอิเป็นถึงสาวฮอตประจำระดับนิ่ ชั้นไม่อาจเอื้อมหรอก”
“แต่ตอนแรกชั้นก็กลัวจริง ๆ น่ะแหล่ะ ก็เธอไม่ค่อยคุยกับใคร แล้วก็เป็นคนที่ดูขรึม ๆ นึกว่าจะกลายเป็นคำปฏิเสธเสียอีก”นัตสึโกะกล่าวตอบ ก่อนจะเถียง “แต่จุนคุงจะกลัวชั้นก็ไม่ถูกนะ ถ้าไม่เข้ามาคุยชั้นก็ไม่รู้หรอก ทำไมไม่เข้ามาคุยกันมั่งเลย”
“ก็ถ้าทำงั้น ก็ไม่ได้ฟังทาคาอิสารภาพรักน่ะสิ ฮ่าๆๆ ใช่มะ?” จุนเริ่มรุ้สึกสนุกจึงแกล้งเข้าให้ ฝ่ายนัตสึโกะเลยได้แต่อายหน้าแดงก่ำ
“หึ แต่ว่าแบบนี้ มันก็ตลกดีจริง ๆ น่ะนะ แบบนี้เรียกว่าสมหวังสินะ”
“อื้ม ชั้นดีใจมากนะที่รู้ว่าเธอคิดเหมือนกัน ชั้นไม่กล้าบอกทาคาอิแน่ แต่เพราะเธอบอกออกมา ชั้นเลยมีโอกาส ขอบคุณนะ”จุนยิ้มกว้างมีเสน่ห์ ก่อนจะค้อมตัวเล็กน้อยให้เด็กสาว จนเธอก้มตอบแทบไม่ทัน
“เอ่อ ชั้นก็ขอบคุณนะ ดีใจมากเลยล่ะ”
“อื้ม... กลับกันรึยังล่ะ?”
“กลับสิ”
“งั้นไปกัน”
นัตสึโกะเดินมาควงแขนจุนก่อนจะหันมายิ้มให้ จุนยิ้มตอบเธอเล็กน้อย ก่อนจะออกเดินไปด้วยกัน เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้น และจบลงด้วยดีผ่านทางสายตาของคน ๆ หนึ่ง มาตลอด มิกิยืนอยู่บนหลังคาของอาคาร ร่างเล็ก ๆ ของเด็กหญิงปกปิดตนเองไว้อย่างมิดชิด แต่ไม่สามารถปกปิดความเศร้าใจเอาไว้ได้ อาการปวดแปลบบริเวณหน้าอกเริ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ แต่เธอก็ยังกอดตุ๊กตาเอาไว้แน่น มือด้านขวาเปล่งประกายแสงสีแดงประหลาด
‘ขอเพียงได้บอกกับเธอเท่านั้น ถ้าเพียงเธอจะลองรับฟัง ชั้นจะแสดงให้เธอเห็น ความจริงของชั้น และจะอธิบายทุกเรื่อง ถ้าเป็นแบบนั้นจะสามารถย้อนคืนความทรงจำให้กับเธอได้ไหมนะ ฮัตสึฮารุ’
ความคิดเห็น