คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 ชะตา
บทที่ 3 ชะตา
"ฮารุ ฮารุ ฮึกฮึก จำฉันไม่ได้จริงน่ะเหรอ"เด็กหญิงยังคงสะอึกสะอื้น ในขณะที่เธอลอกคอของจุนไว้
"ทำไมถึงได้ โง่ ทุกทีเลยนะ เรื่องแบบนี้ ฮึกฮึก ฉัน...ฉันน่ะ เฝ้ารอเธอมานานแค่ไหนรู้ไหม ตามหาเธอ....."
แม้น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจะเศร้าโศกเสียใจเพียงไรแต่บุคคลทั้งสามก็ยังมิอาจเข้าใจได้ถึงความหมายของมัน เด็กหญิงต้องการอะไรกันแน่ ทุกคนต่างคิดได้แค่นี้
"มิกิ มิกิจัง โอ้ย อย่าเพิ่งลอกคอฉันสิ มันมีอะไรเหรอ ฮา..ฮารุที่ว่าน่ะ"จุนลอดเสียงผ่านลำคออย่างยากลำบากถามขึ้น ขณะที่มือก็พยายามดึงตัวของมิกิออกไป
"นั่นไงล่ะ! เธอ ฮือๆ ไม่เคยจำอะไรได้เลย! บ้าที่สุด! ทำไมฉันจะต้อง..." เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของมิกิยังดังไม่หยุด
"มิกิ! ทำอะไรน่ะหา ออกมานี่สิ พี่เค้าเจ็บอยู่นะ" เมื่อผู้เป็นแม่เริ่มได้สติ ก็รีบเข้าไปดึงตัวเด็กหญิงออกมา แต่ทว่าแรงดิ้นของหล่อนกลับยิ่งรุนแรงขึ้นจนทำให้คุณนายล้มลงไป
จุนยังคงอึ้งอยู่อย่างนั้น 'เด็กคนนี้ เวรกรรมจริง ชั้นไปทำไรใครไว้วะ? ทำไมอยู่ ๆ ถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้' เขาคิดในใจ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีความรู้สึกแปลกๆ ความรู้สึกที่ว่าคืออะไรนะ สงสาร สงสัย รึว่า... ความคิดถึง!!!???
ไม่นานก็ปรากฏร่างของชายฉกรรจ์สวมสูทกลุ่มหนึ่งวิ่งออกมาจากข้างทาง พวกเค้าดูงง ๆ เล็กน้อย ก่อนจะเข้ามาหาคุณนายมิยาฮาระ ที่แท้พวกเขาก็คือ บรรดาบอดี้การ์ดของหล่อนนั่นเอง
"หายไปไหนมากันยะ!! พวกเธอนี่มันใช้การไม่ได้จริง ๆ รีบเข้าไปพาตัวคุณหนูออกมาสิ! เร็วเข้า!!"
"ครับบบ!!"
เมื่อได้รับคำสั่ง พวกเขาก็จัดการเข้ามาดึงตัวมิกิออกไปอย่างยากเย็น
"พวกนายจะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ !! ปล่อย อย่ามายุ่งได้ไหม ฮารุ ฮารุ ช่วยด้วย"
เด็กหญิงร้องตะโกนด้วยความไม่พอใจ สองมือ สองขาของหล่อนกวัดแกว่งไปทั่
บรรดาบอดี้การ์ดต่างก็ไม่กล้าเข้าใกล้ กลัวว่า...
"กลัวว่าจับลูกชั้นแล้วจะบุบสลายเป็นผงไปรึไง รีบพาตัวแกออกมาสิ!!" คุณนายมิยาฮาระออกคำสั่ง อีกครั้ง
สุดท้ายพวกเค้าก็ตัดสินใจจับตัวคุณหนูของพวกเค้าออกมาจนสำเร็จ
"ปล่อยสิเจ้าพวกบ้า ฮึ่ม ฮารุ ๆ มาช่วยหน่อยสิ นั่งอยู่ทำไม ฮารุ ไม่นะ ฮารุช่วยด้วย ทำไมไม่ช่วยล่ะ ฮือๆ ฮึก ไม่นะ ปล่อยสิ"เด็กหญิงดีดดิ้นอย่างบ้าคลั่ง น้ำตาของหล่อนไหลมาเป็นสายอย่างไม่หยุดหย่อน ปากก็เอาแต่พร่ำเรียกชื่อของฮารุ ๆ อยู่อย่างนั้น แม้แต่ดวงตาก็ยังฉายภาพของเค้าอยู่อย่างนั้น
"พาเธอไปที่รถ" มิยาฮาระ อากาเนะออกคำสั่งเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันมาโค้งให้กับจุน
"อ๊ะ ไม่นะ ไม่เอา ฮารุ ฮัตสึฮารุ ชั้น..ฮือฮือเฮอ กรี๊ดดดด" สิ้นเสียง พวกมิกิก็ถูกพาตัวออกไปลับสายตาเสียแล้ว
"ขอโทษเธอด้วยจริง ๆ นะ ที่ลูกสาวของชั้นทำให้ต้องวุ่นวาย เธอเองก็บาดเจ็บอยู่ก่อนแล้วแท้ ๆ เฮ้อ จริง ๆ เลย
" หล่อนเงียบไปนิด ก่อนจะออกปาก "เอาเป็นว่า ชั้นจะพาเธอไปที่โรงพยาบาลก่อนแล้วกันนะ"
"อ๊ะ ไม่ ไม่จำเป็นหรอกครับ แผลเล็กน้อย คุณน้าไปดูลูกสาวเถอะครับ"จุนรีบปฏิเสธ
"แต่ว่า..เธอน่ะเป็นฝ่ายเสียหายนะ ชั้นไม่ควรจะ.."
"ไม่จำเป็นครับ ผมสบายดี"จุนรีบแทรก ก่อนจะโชว์ด้วยการลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสกว่าหยุดนิ่ง
"ถ้าอย่างนั้น ชั้นจะดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลเองก็แล้วกัน คงต้องไปแล้วขอโทษด้วยนะจ้ะ"
คุณนายมิยาฮาระ โค้งตัวลงเล็กน้อยให้จุน ก่อนจะหันมาทำแบบนั้นกับคาสึยะอีกคน แล้วรีบวิ่งจากไป
จุนทรุดตัวลงก่อนที่อาการเจ็บปวดทั้งหลายของเค้าจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
"เฮ้อ..คนเรา ทำเป็นเก่งไปทำไม นายเองก็เจ็บจะแย่ ไม่เห็นต้องลุกขึ้นนี่นา" คาสึยะเริ่มก่อกวนเค้าแล้วไง
"ถ้าไม่ทำงี้ หล่อนคงไม่ไป ชั้นน่ะไม่เท่าไร แต่ลูกเค้าน่ะสิ อาจจะสมองกระทบกระเทือนก็ได้ ยังทางนั้นก็น่าเป็นห่วงกว่า"จุนโต้กลับ เขาไม่ใช่คนคิดมากอะไร กับแผลถลอกเล็กน้อยแค่นี้ไม่ทำให้เขาเป็นอะไรได้อยู่แล้ว แต่...ทางฝ่ายนั้นต่างหาก
"ว่าแต่"คำพูดที่โพล่งขึ้นมาของคาสึยะ ทำให้เค้าหลุดจากภวังค์
"แล้วคุณมิยาฮาระ เค้ารู้จักที่อยู่นายรึไง"
"ฮะ?"
"ก็เค้าบอกว่าจะเอาตังค์ค่ารักษามาให้ ไม่ใช่เหรอ?"
......................................
"นั่นสิ"
คำถามของคาสึยะนั่น ทำให้เค้ารู้สึกปวดหัวเหลือเกิน แต่มันก็ทำให้รู้สึกเสียวแว้บยังไงพิกล......
[บ้านโซราตะ]
บ้านไม้หลังโทรมหลังหนึ่งที่อยู่ถัดออกไปจากเมือง ถึงจะพูดว่าโทรม แต่นั่นก็เพียงภายนอก สีของบ้านเป็นสีน้ำตาลอ่อน แต่ดูหม่น ๆ ไปเพราะความเก่า บริเวณหน้าบ้านมีสวนเล็ก ๆ พอสวยงาม ที่รั้วติดป้ายชื่อโซราตะ เพื่อบ่งบอกความเป็นเจ้าของ บ้านโบราณหลังนี้ ดูไม่แปลกตานักในแถบนี้ เพราะมีอยู่ถมไป เขตเมืองเก่าที่ยังไม่ได้ถูกพัฒนาไปมากนัก ทั้งตึก สำนักงานออฟฟิศก็ไม่มีให้เห็นนัก แม้แต่ตู้ขายน้ำที่ปกติ ต้องพบระหว่างกว่าสิบยี่สิบตู้ กลับพบเพียง สามสี่ตู้เท่านั้น ณ ที่แห่งนี้แหล่ะที่โซราตะ จุนลุกชายคนกลางของบ้านใช้ซุกหัวนอน
"กลับมาแล้วครับ" จุนปิดประตูบ้าน ถอดรองเท้า ก่อนจะเดินเรื่อย ๆ ไปที่ครัว เค้าเปิดตูเย็นก่อนจะมองหาเครื่องดื่มเย็น ๆ มากระแทกปาก
เสียงเกมคอมพิวเตอร์ของน้องสาวดังลงมาจากชั้นสองของบ้าน เอมิริคงกลับมานานแล้ว ส่วนพี่สาว ยูโกะ ก็คงจะหลับอยูข้างบนเหมือนเคย จุนหยิบกล่องปฐมพยาบาลส่วนตัว(?)ออกมาจากซอกบันได เค้ามักจะได้บาดแผลเยอะกว่าใครในบ้าน จนแม่ตัดสินใจซื้อชุดปฐมพยาบาลให้เค้าเป็นของตัวเองชุดหนึ่ง ที่ไม่น่าดีใจเลยคือเค้าได้มันเป็นของขวัญวันเกิดแทบทุกปีมาตั้งกะ 11 ขวบแล้ว
"โอยโอย ให้ตายสิ ขวดเกลือที่อยูตรงนี้มันหายไปไหนนะ เอมิริ! แกเห็นบ้างรึเปล่า!" อยู่ ๆ แม่ของเขา โซราตะ ยูคิเอะก็โผล่ออกมาจากครัว แล้วแหงนหน้าตะโกนขึ้นไปบนชั้นสอง ก่อนจะหันมาเห็นจุนเข้า
"อ้าว แกเองก็ได้ฤกษ์กลับบ้านแล้วเรอะ แม่นึกว่าแกหนีออกจากบ้านไปแล้วซะอีก อุตส่าห์หลงดีใจที่ไม่ต้องทำอาหารเพิ่มให้ นี่นี่!! แล้วแผลนั่นไปได้มาจากไหนอีกละฮะ? เฮ้อ แกนี่ขยันหาได้แต่ของแบบนี้นะ แทนที่แกคิดจะเรียนเป็นหมอหาเงินให้ที่บ้าน กลับมีแต่แผลจะไปเสียตังค์ค่าหมอเสียอีก" แม่บ่นๆๆ ราวกับว่าเค้าหายหน้าไปเป็นปี แล้วเพิ่งกลับมาพร้อมกับบอกว่าเป็นหนี้ 10 ล้านยังไงยังงั้น แต่ก็ธรรมชาติแล้วล่ะนะ
ตึง ตึง ตึง
เสียงลงส้งตีนดังตึง ๆ ๆ ๆ มาตามบันได ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างเด็กสาวน่าตาน่ารักคนหนึ่ง
"ชั้นไม่ได้เอาไปซะหน่อย พี่ยูโกะรึเปล่า พี่น่ะเดี๋ยวนี้ยิ่งชอบหาเรื่องแกล้งคนอยู่ด้วย อาจจะเอาไปทำแผนการร้ายก็ได้ อ้าว พี่ หวัดดี ชั้นนึกว่าไปล้มที่ไหนแล้วซะอีก อ๊ะ แต่ก็มีแผลนะวันนี้ โฮะโฮะ ซุ่มซ่ามเหมือนเคย วันนี้ไปวัดพื้นมารึไง"ยัยน้องตัวแสบเอ้ย
"ใครว่าชั้นเอาไป เธอไม่ใช่เหรอที่เอาขึ้นไปใส่น้ำส้มน่ะฮะ อ้าวจุนกลับมาแล้วเหรอ ชั้นนึกว่าแกโดนรถชนตายไปแล้วซะอีก อ๊ะ ไม่สิ อย่างนายนี่น่าจะปั่นจักรยานตกผามากกว่า เพราะคนขับเค้าไม่คงไม่ชุ่ยมาชนนาย
'ดูแต่ละคน ทักเข้าสิ ไม่เข้าใจเลยว่า ผมดูซุ่มซ่ามขนาดนั้น แต่ก็นะ ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ความจริงแล้วความหมายมันก็คือความเป็นห่วงนั่นแหล่ะ เพียงแต่พวกเค้ามักจะแสดงออกแบบนี้เสมอแหล่ะ คงมีแต่ผมที่ข้าใจมั้ง หึหึ ให้ตายสิบ้านนี้เหมือนกันทั้งบ้าน คือเรื่องปากนี่แหล่ะ ปากจัด พูดมาก นินทา เหน็บแนม ฯลฯ บ้านผมนี่ที่หนึ่ง อย่ามาทะเลาะด้วยแล้วกันไม่งั้นจะแพ้กลับชนิดซึมไปหลายวัน แต่ก็น่าแปลกที่ผมกับพ่อไม่มีความสามารถทางด้านนี้เลยสักนิด' จุนคิดในใจ
"นั่นน่ะ ไม่ใช่การแสดงออกถึงความเป็นห่วงเลยนะ"เด็กหนุ่มได้แต่จำใจฟัง และหวังว่าจะได้ฝึกลับฝีปากบ้าง
"นี่พวกแกสองคนลงมาก็ดีไปกินข้าวได้แล้ว เออเดี๋ยวเอมิริ ไปเอาขวดเกลือลงมาก่อนด้วย แกปล่อยให้ชั้นหาตั้งนานรู้ไหม" คุณนายโซราตะกล่าวกับสองสาว แล้วก็เดินเข้าครัวไป
"อ๊ะ ทราบแล้วค่า"เอมิริ ทำท่าตะเบ๊ะยิ้มหน้าทะเล้น ก่อนจะวิ่ง (ลงส้งตีน) ขึ้นไปชั้นสอง ส่วนยูโกะก็เข้าครัวตามแม่ไป
ติ้งติ่ง ติ้งติ่งติ้ง ติ่งติ้งติ่ง
"คร้าบ"
เสียงออดดังขึ้นก่อนที่จุนจะเดินเข้าห้องน้ำไปล้างแผลด้ววยซ้ำ จุนหันหลังกลับไป เขาวางกล่องปฐมพยาบาลไว้ที่บันได แล้วเดินไปที่ประตูบ้าน ในทันที ที่เด็กหนุ่มเปิดประตูออกเค้าก็รู้เลยว่าลางสังหรณ์ของตนนั้นแม่นจริง ๆ
"ขอโทษด้วยจริง ๆ นะจ้ะ มิกิน่ะ ไม่ว่ายังไง ก็เอาแต่บอกให้พามาหาเธอท่าเดียว ชั้นเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี คงต้องขอร้องให้เธอช่วยดูแลมิกิให้ทีนะจ๊ะ"
"เอ่อ..แต่คุณน้าครับ ผม.."จุนที่นั่งฟังเหงื่อตก ระล่ำระลักออกมา นั่นไงกะแล้วเชียวว่าวันนี้ต้องซวยไปทั้งวัน
"ถ้าเธอไม่ตกลง ชั้นก็จะพากลับนะจ๊ะ ไม่ต้องคิดมากหรอก เด็กคนนี้เองก็เอาแต่ใจไม่เข้าท่า"
เมื่อประมาณ 20 นาทีที่แล้ว ตอนที่เปิดประตูออกไปนั้น
เบื้องหน้าของเขาคือ มิยาฮาระ อากาเนะ คุณแม่ของเด็กผู้หญิงประหลาดคนที่เค้าเกือบชนเข้า และแน่นอนว่าเด็กคนนั้นก็ยืนอยู่ข้าง ๆ กับแม่ของเธอนั่นเอง
ตอนนี้พวกเค้านั่งอยู่ในห้องรับแขกชั้นล่างของบ้าน ซึ่งเป็นห้องปูด้วยเสื่อตาตามิ บุคคลทั้งสามคนนั่งอยู่ในห้องประกอบไปด้วย จุน มิยาฮาระ อากาเนะ และมิกิ ท่ามกลางความเงียบ นั้น คุณนายโซราตะเองก็นำน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟอย่างหวาด ๆ เพราะเรื่องที่ลูกชายคนกลางของเธอเล่าให้ฟังนั้นช่างพิลึกกึกกือสิ้นดี อีกทั้งคำขอร้องของคุณแม่รุ่นน้อง ๆ ของเธอก็ช่างแปลกเหลือเกิน ขอร้องให้เด็กมัธยมปลายมาคอยดูแลเด็กผู้หญิงอายุ 10 11 ขวบราวกับพี่เลี้ยง แต่กระนั้นเธอก็รอฟังคำตอบของลูกชายด้วยความอยากรู้ โดยไม่ยุ่งย่าม นับเป็นนิสัยที่ดีอย่างหนึ่งของเธอที่มักจะให้ความเคารพในการตัดสินใจของคนอื่น และอาจจะเป็นเพราะการเลี้ยงดูเด็กคนนึงก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของเธออยู่แล้ว
"ว่าไงล่ะ ชั้นไม่อยากให้เธอเห็นแก่ชั้นหรอกนะ เอาแบบที่ตัวเองจะไม่ลำบากดีกว่านะ โซราตะคุง"อากาเนะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ใจดี และอ่อนโยน เธอเป็นคนที่รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราดีจริง ๆ
"เอาไงล่ะจุน แกจะช่วยเค้าไหม แม่น่ะยังไงก็ได้อยู่แล้วนะ" ยูคิเอะช่วยพูดเพื่อให้จุนตัดสินใจได้เร็วขึ้น
"ฮารุ... ให้ชั้นอยู่ที่นี่เถอะนะ ชั้นขอโทษที่เมื่อเย็นทำตัวไม่ดี แต่ว่าตอนนี้ชั้นคิดได้แล้วว่าเรื่องต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะงั้นชั้นอยู่ด้วยนะ"คราวนี้มิกิเป็นฝ่ายออกปากบ้าง เด็กหญิงขอร้องด้วยท่าทางน่าสงสาร แต่คำพูดที่ใช้เรียกนั้นกลับแปลก ดูไม่เหมือนเด็กที่คุยกับคนอายุมากกว่าเลยสักนิด จนทำให้สองสาวพี่น้องที่แอบฟังอยู่ด้านนอกนั้นเง็งไปตาม ๆ กัน
'ถึงจะบอกว่าให้คิดเอง แต่ว่า แบบนี้ มันก็ตอบได้แบบเดียวละว้า'
"ก็ได้ครับ ผมตกลงครับ"
ห้องทั้งห้องเงียบไปอึดใจ ทุกคนเบิกตาค้างด้วยความตกใจในคำตอบ ยกเว้นเพียงเด็กหญิงคนเดียวเท่านั้นที่มีแต่ความปรีติยินดี
"ฮารุ................................." มิกิโผลเข้ากอดจุน พร้อมกับโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ ขณะที่คนอื่น ๆ ก็เริ่มผ่อนคลายอารมณ์ลง เด็กสาว 2 คน ด้านนอกต่างก็ถอนหายใจออกมาพร้อม ๆ กัน 'จะไหวเรอะนี่ ตัวเองยังเอาไม่รอดเลยแท้ ๆ '
"ขอบใจจ้ะ โซราตะคุง ฉันรู้ว่าอาจจะฟังดูบ้า ๆ แต่ช่วยหน่อยนะ แกไม่ยอมฟังชั้นเลย เอาแต่บอกว่าจะตาย ๆ จนชั้นต้องพามาด้วย ขอฝากมิกิไว้สัก 2 สัปดาห์นะจ้ะ" คุณแม่ของมิกิเขยิบเข้ามาใกล้ตัวเด็กหนุ่ม ก่อนจะกุมมือเขาไว้ด้วยความซาบซึ้ง
"ชั้นคงต้องไปแล้วล่ะค่ะ อ๊ะ นี่คือ ค่ารักษาพยาบาลของเธอ ส่วนนี่ คือค่าดูแลนะจ้ะ ชั้นน่ะไม่คิดจะให้เธอเหนื่อยเปล่า ๆ หรอกนะ" หล่อนยื่นซองเงินจำนวนหนึ่งมาให้กับจุน
"เอ่อ แต่ว่า
" ทั้งจุน และแม่ต่างก็พูดออกมาพร้อม ๆ กัน
"ฉันไม่คิดว่ามันมากมายอะไรหรอกค่ะ คงจะรับไว้ไม่ได้" โซราตะ ยูคิเอะกล่าวอีกครั้ง ในเมื่อลูกชายหยุดไป
"ได้โปรดเถอะค่ะ ถือว่าเป็นคำขอบคุณจากดิฉันในฐานะของแม่ค่ะ"
หลังจากที่คุณนายมิยาฮาระกลับไปเรียบร้อย จุนก็ได้แต่ก้มลงมองเด็กหญิงที่เกาะแขนเค้าไว้นิ่ง ผู้ซึ่งตัวเขาเพิ่งจะรับดูแลมาอย่างนึกสงสัย แล้วต่อไปจะทำอย่างไรล่ะนี่ ขออย่าให้มันยุ่งยากนักเลยย เฮ้อ............
ความคิดเห็น