คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 5 พบกันอีกครั้ง
Chapter 5
พบกันอีกครั้ง
เช้าวันต่อมา
เธอเดินทางไปที่บริษัทของอีกคน ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ว่าวันนี้จะต้องขอโทษอีกคนต่อหน้าให้ได้
ถึงแม้เมื่อวานนี้จะเขียนคำขอโทษพร้อมกับดอกส่งดอกไม้ไปให้อีกคนแล้วก็ตาม แต่คิดว่ายังไงการเจอหน้ากัน พูดคุยกันน่าจะดีกว่าการส่งดอกไม้และข้อความอยู่ดี
“ฉันมาขอพบคุณโซค่ะ”
“ได้ทำการนัดล่วงหน้าเอาไว้รึเปล่าคะ?”
“เอ่อ... ไม่ได้นัดค่ะ พอดีว่า-”
“งั้นก็ไม่สามารถเข้าพบท่านประธานโซได้ค่ะ”
ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน เลขาของพี่โซงั้นเหรอ? ทำไมถึงได้ไม่มีมารยาท ฟังกันให้จบก่อน
แต่สุดท้ายก็ต้องปั้นหน้ายิ้ม ถึงแม้ในใจจะแอบวีนไปแล้วชุดใหญ่ก็ตาม เพราะเรามาที่นี่ในฐานะแขก จะโวยวายมีเรื่องก็คงจะไม่ได้
“แต่ว่าฉันมีเรื่องที่จะต้องคุยกับพี่ประธานโซนะคะ”
“ท่านประธานได้กำชับเอาไว้ว่าถ้าหากแขกไม่ได้มีการนัดเอาไว้ล่วงหน้าถือว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะฉะนั้น ท่านจะไม่ยอมให้เข้าพบค่ะ”
เข้มงวดจริง ๆ
“เอ่อ...”
“ไม่เป็นไรจ๋า นี่คนรู้จักของพี่เอง ขอโทษที่ไม่ได้บอกเอาไว้ก่อนนะว่าหล่อนจะมา” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้เธอต้องรีบหันกลับไปมองตามเสียงนั้น ก็พบเข้ากับแผงอกของอีกคน ที่ขึ้นชื่อว่าประธานของที่นี่
ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอแปลกใจ เพราะภาพลักษณ์ของอีกคนตอนนี้ไม่เหมือนกับที่เจอในงานวันนั้นแล้ว ยังคงสวมเป็นชุดสูทและเก็บผมเรียบร้อยเหมือนเดิม
แต่ที่แปลกไปจากเดิมคือตัวเธอเอง ที่ตอนนี้เอาแต่มองอีกคนไม่วางตา ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าอีกคนดูดีขึ้น…
“อ้าว แขกของพี่โซเองเหรอคะ? ต้องขอโทษจริง ๆ นะคะที่เสียมารยาท”
“ไม่หรอกจ๋า พี่ผิดเองที่ไม่ได้บอกเราล่วงหน้า”
“ขอโทษนะคะแต่จ๋าไม่ผิด เพราะจ๋าทำไปก็เพราะหน้าที่ค่ะ หวังว่าพี่โซจะเข้าใจ”
“อือ” ดูสองคนนี้จะสนิทสนมกันมากพอสมควร มากจนเธอที่ยืนฟังอยู่รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่เข้าใจก็ตาม ว่าทำไมตัวเองต้องไม่พอใจด้วย ก็ในเมื่อเขาเป็นเลขาและเจ้านายกัน
“ตามฉันมา” ว่าแล้วพี่โซก็เดินนำเข้าไปด้านใน
ในขณะที่เราสองคนยืนอยู่ในลิฟต์ ไม่รู้ว่าอีกคนรู้สึกแบบเดียวกับเธอรึเปล่า ที่รู้สึกประหม่ามาก ๆ จนแทบจะทำอะไรไม่ถูก
เรายืนอยู่ข้างกันเงียบ ๆ มาสักพัก ในขณะที่ตัวเลขขั้นตึกเลื่อนสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ
“ทานอะไรมารึยัง?”
“เอ่อ...ยังเลยค่ะ”
“ยังไม่ชอบทานมื้อเช้าเหมือนเดิม”
“เอ่อ ค่ะ” อีกคนเหมือนจะพอจำเรื่องของเธอได้พอสมควร ซึ่งเรื่องนี้น้อยมากที่คนจะรู้ ว่าเธอนั้นชอบดื่มกาแฟในตอนเช้ามากกว่าจะเป็นอาหารเช้า
ติ๊ง!
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เขาก็เดินนำหน้าออกไป ก่อนจะหยุดเดิน แล้วหันมาบอกบางอย่างกับเธอ
“ไลค์เดินเข้าไปรอพี่ในห้องได้เลยนะคะ เดี๋ยวพี่ทำธุระเสร็จแล้วตามเข้าไป”
“ค่ะ” เธอเดินเข้าไปในห้องของผู้บริหาร ในใจพลางคิดกับตัวเองว่า ที่มาในวันนี้จะเป็นการรบกวนอีกคนมากเกินไปรึเปล่านะ พอมาถึงที่ทำงานก็ติดธุระตั้งแต่เช้าเลย...
แปลก เข้ามาในห้องทำงานของอีกคน แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักเรียนที่ทำความผิดและตอนนี้ก็เข้ามาอยู่ในห้องครูใหญ่…
เธอนั่งลงบนโซฟารับแขก ถัดจากโต๊ะทำงานของอีกคนไปไม่ไกล เพียงไม่นานประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง ตามมาด้วยร่างของเจ้าของห้อง ที่เดินถือถาดกาแฟพร้อมกับขนมปังปิ้งปาดหน้าด้วยเนยเข้ามาด้านใน
อ้าว... เสร็จธุระแล้วเหรอ?
“กาแฟกับขนมปัง”
“ขะ…ของไลค์เหรอคะ?”
“ค่ะ”
“เอ่อ ขอบคุณนะคะ”
ให้ตายเถอะ หล่อนยังคงจำได้หมด ว่าเธอชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
เธอเอาแต่มองไปที่ถาดกาแฟพร้อมกับขนมปังพวกนั้นอย่างคาดไม่ถึง ทั้ง ๆ ที่การมาของตัวเองในวันนี้มันไม่สมควรที่จะได้รับการต้อนรับจากอีกคนอย่างดีแบบนี้เลย สู้ปั้นหน้านิ่งใส่กันแล้วถามด้วยประโยคที่ว่า ‘เธอมาทำอะไรที่นี่’ หรือขับล่ะกันยังจะดูสมควรกว่า
“ดื่มสิคะ”
“เอ่อ...” ไม่ได้ใส่ยาเบื่ออะไรลงไปหรอกใช่มั้ย?
หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบเล็กน้อยพอเป็นมารยาท
“ไม่มียาเบื่อหรอก”
“พี่...ไม่ใช่ต้องไปทำธุระต่อเหรอคะ?”
อีกคนไม่พูดอะไรเพียงแต่นั่งลงที่โซฟ้าตรงข้ามกัน
ไม่รู้ว่าโซฟามันต่ำ หรือขาอีกคนมันยาวเกินไปกันแน่นะ ทำให้หัวเข่าของเขามันต้องชันสูงเลยโต๊ะขึ้นมา ผิดกับเธอ ที่นั่งลงทีปลายเท้าเกือบลอยขึ้นจากพื้น และแกว่งขาได้เลย...
พี่เขาเปลี่ยนไปจริง ๆ ด้วย นอกจากจะดูดีขึ้นแล้วยังสุขุมและเย็นชามากขึ้นด้วย
“มาหาฉันในวันนี้ มีธุระอะไรงั้นเหรอ?” พี่เขาถามเสียงเรียบจนเธอเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข
“ได้รับดอกไม้ที่ไลค์ส่งมาให้รึยังคะ?”
“ได้รับตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
“แล้วตอนนี้...”
“และก็ทิ้งมันไปแล้วเหมือนกัน”
“ว่าไงนะคะ!?” ทิ้งมันไปแล้วอย่างงั้นเหรอ!? คนอย่างพี่โซเนี่ยนะ ทิ้งดอกไม้ของเธอ...จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรก ที่เธออุตส่าห์ส่งดอกไม้มาเพื่อทำการขอโทษเขาเชียวนะ แต่ไม่คิดว่าเขาจะโยนมันทิ้งไปอย่างไม่ใยดีแบบนี้
พอมานึก ๆ ดูแล้วมันก็สมควรแล้วล่ะ ที่เขาจะยังคงโกรธแค้นกันอยู่
“พี่ยังโกรธไลค์อยู่สินะคะ”
“เรื่องนั้นไม่สำคัญ”
“…”
“ที่ส่งดอกกุหลาบสีเหลืองมาให้น่ะตั้งใจจะทำอะไรกันแน่”
“ก็ขอโทษไงคะ”
“แล้วรู้ความหมายของมันมั้ย?”
“ไลค์ไม่รู้ความหมายมันหรอกค่ะ กะว่าจะเอาสีแดง แต่มันหมดเลยเอาสีเหลือส่งมาแทน เรื่องความหมายของมันไลค์เองก็ไม่รู้-”
“ขอโทษ”
“…?”
“และขอโอกาส”
“คะ?”
“ความหมายของดอกกุหลาบสีเหลืองไง”
“อ๋อ...” ความหมายของดอกไม้ช่อนั้นไม่ใช่เพียงแค่ขอโทษแล้ว แต่ยังสื่อความหมายว่าขอโอกาสได้อีกงั้นเหรอ... “เดี๋ยวนะคะ...”
“หืม?”
“เพราะพี่รู้ความหมายมันสินะคะ”
“ใช่ค่ะพี่รู้ความหมาย”
“พี่ทิ้งมันไป แสดงว่าพี่ไม่ยอมรับคำขอโทษจากไลค์สินะคะ”
“ไม่ใช่”
“แล้วทำไม-อ๊ะ!”
หมับ!
“ฉันไม่มีทางเชื่อหรอกว่าคนอย่างเธอจะรู้จักคำว่าขอโทษ” มือหนาของอีกคนยื่นเข้ามาบีบที่ข้อมือของเธอเอาไว้เต็มแรง พร้อมกับเสียงทุ้มที่ดังลอดไรฟันออกมาอย่างไม่พอใจ
ตอนนี้ไลค์ตกใจกับใบหน้าที่แดงก่ำของอีกคนเป็นอย่างมาก ไหนจะดวงตาที่แดงก่ำนั้นด้วย
“บอกพี่มาตรง ๆ ว่าไลค์จงใจจะทำร้ายพี่ใช่มั้ย!?”
“คะ?” ทำร้ายอะไรกัน เธอแค่ส่งดอกไม้มาให้เขาเพื่อเป็นการขอโทษเท่านั้น มันไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้นเลยจริง ๆ
“อย่ามาทำเป็นไขสือ เธอไม่รู้ความหมายของมันด้วยซ้ำแต่ก็ยังส่งมาให้กัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเธอจงใจส่งมันมาเพื่อทำร้ายฉัน!”
“พะ…พี่โซคะ ไปกันใหญ่แล้ว”
“หุบปา-ฮัดชิ้ว!!!!!”
“…” อีกคนจามออกมาเสียงดังลั่น
“ฮัดชิ้ว ฮะ…ฮัดชิ้ว!”
“…” เธอลืมสังเกตไป ว่าอีกคนไม่ใช่แค่ใบหน้าและดวงตาเท่านั้นที่แดงก่ำ แต่รวมไปถึงจมูกด้วย อย่างกับว่าอีกคนไม่สบาย…
“นี่พี่ไม่สบายงั้นเหรอคะ?”
“มันเรื่องของฉัน” อีกคนที่เอียงใบหน้าหนีกัน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดจมูก “อย่ามายุ่ง”
“พี่ไหวแน่นะคะ?”
เธอยื่นใบหน้าและลำตัวเข้าไปหาอีกคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกัน เพื่อดูว่าอีกคนไหวจริงตามที่พยักหน้าหรือไม่ แต่แล้วก็ต้องตกใจ ที่จู่ ๆ เขาก็หันกลับมาสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
วินาทีนั้นเหมือนเธอจะหยุดหายใจไปชั่วขณะ ไม่รู้ทำไม ทำไมใจมันถึงได้เต้นแรงแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนนี้มันก็ไม่ได้มีความคิดอะไรแบบนั้นกับอีกคนเลย
“อะฮึ่ม! งั้นไลค์ขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกันนะคะ” เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เรื่องคลี่คลายลงเธอจึงได้รีบเปลี่ยนไปเรื่องอื่นทันที
“...”
“ที่ไลค์มาวันนี้ไลค์อยากจะมาขอโทษพี่ต่อหน้าน่ะค่ะ ที่วันนั้นได้พูดอะไรไม่ดีออกไป แถมยังผลักไสพี่อีกด้วย”
“หมายถึงเรื่องเมื่อหนึ่งปีก่อนน่ะเหรอ?”
“ค่ะ”
“ถ้าเป็นเรื่องนั้น... ฉันลืมไปหมดแล้วแล้วจะพูดถึงมันอีกทำไม? หรือจะตอกย้ำ?”
“...” เอาอีกแล้ว... คนคนนี้ยังไงกันแน่นะ เธอชักจะเริ่มสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
“เป็นเรื่องจริงใช่มั้ย?”
“คะ?”
“ลุคบอกว่าเธอก็ยังไม่มีใคร”
พี่ลุคบอกงั้นเหรอ?
“ค่ะ”
“หึ ทำไมล่ะ? หรือยังไม่เจอคนที่ตรงตามสเปก?”
ประชดรึเปล่า?
“จริง ๆ ไลค์ก็เคยเจอคนที่ตรงเปกของไลค์ทุกอย่างอยู่นะคะ” แอบสังเกตเห็นสีหน้าของอีกคนดูหงอยลงทันทีเมื่อเธอพูดแบบนั้น
“แต่พี่รู้อะไรมั้ยคะ...”
“ไม่รู้”
“ฟังก่อนสิคะ”ฉันมองหน้าอีกคนแล้วถอนหายใจออกมาเสียงดัง “คนที่ตรงสเปกของไลค์น่ะ เขาทำให้ไลค์ได้เรียนรู้ว่าบางทีสเปกมันไม่ได้เป็นตัวกำหนดช่วยให้เราเจอความรักที่ดีน่ะค่ะ”
“อ๋อออ”
“ไลค์แค่อยากจะบอกว่า ถ้าตัดเรื่องสเปกของไลค์ออกไป พี่โซเป็นผู้หญิงคนนึงที่ดีมาก ๆ เลยนะคะ เพราะงั้นพี่อย่าเสียใจไปเลยนะคะที่ไลค์พูดแบบนั้นกับพี่”
“ไม่ต้องมาพูด”
“คะ?”
“ถ้าพี่ดีจริงเธอก็คงไม่ทิ้งพี่ไปเป็นปีแบบนี้”
“เรื่องนั้นไลค์ต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะ”
“หึ พี่เคารพการตัดสินใจของไลค์เสมอ ไม่ต้องขอโทษหรอก”
“ขอบคุณค่ะ”
“แล้วเรื่องที่มาในวันนี้ แค่จะมาขอโทษใช่มั้ย?”
“เอ่อ...”
“ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ”
“เอ่อคือว่า-” คนร่างสูงลุกจากโซฟา ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ในขณะเดียวกัน เธอจึงได้รีบลุกแล้วเดินตามอีกคนไป
พรึบ!
“ละ…ไลค์!!??”
“ไลค์ขอโทษค่ะพี่โซ จริง ๆ ที่ไลค์มาวันนี้ก็เพื่อจะมาขอโอกาสจากพี่ค่ะ พี่พอจะให้โอกาสไลค์ได้แก้ตัวอีกสักครั้งได้มั้ยคะ?”
“…”
“อย่าเมินไลค์เลยนะคะ ไลค์ขอล่ะค่ะ”
เธอกอดร่างอีกคนจากด้านหลังแน่น นี่เป็นกอดแรกในรอบปีหรืออาจจะเป็นการกอดครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมาเลยก็ได้
“ตอนพี่ขอโอกาสเธอเคยให้พี่บ้างมั้ย...”
“ไลค์รู้ว่าไลค์ไม่ดี ไลค์ขอโทษ…”
“...”
“ไม่มีใครดี และจริงใจกับไลค์ได้เหมือนพี่แล้วค่ะ”
“...”
“ถ้าหากพี่ยอมให้โอกาสไลค์อีกครั้งล่ะก็ ไลค์สัญญา ว่าไลค์จะมีแค่พี่คนเดียว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครอีก” เพราะตอนนี้เธอเองก็ไม่ได้มีคนคุยที่ไหนแล้ว
“พี่จะเชื่อคำพูดของคนที่เคยทิ้งพี่ได้จริง ๆ เหรอ?”
“เชื่อได้สิคะ”
“พี่ไม่อยากเสียใจซ้ำสอง แล้วถูกมองว่าโง่ เจ็บแล้วไม่จำนะคะ”
“พี่จะไม่มีวันเจ็บซ้ำเป็นครั้งที่สองแน่นอนค่ะ”
“แล้วพี่จะมั่นใจได้ยังไงว่าไลค์ไม่ได้โกหก”
“เอาหัวของไลค์เป็นประกันเลยก็ได้ค่ะ”
“แค่หัว... มันน้อยไปหน่อยนะ”
“คะ?” อีกคนดึงมือเธอออกจากเอว แล้วหมุนตัวกลับมาก่อนจะใช้มือเกยคางของเธอให้เงยขึ้นไปสบตากับเขา แบบตาสบตา...
“มันต้องทั้งตัวสิ”
“////”
“ขอแค่นี้ หวังว่าจะไม่คิดว่ามันมากไปหรอกนะ”
“พี่หมายถึงอะไรคะ?”
“หึ ก็ถ้าวันไหนที่พี่ต้องถูกไลค์ทอดทิ้งอีกเป็นครั้งที่สอง พี่ก็จะตามไปย่ำยีร่างกายของไลค์ให้มันเละจนไม่เหลือชิ้นดีเลยไงคะนั่นแหละที่พี่จะทำและคิดว่ามันเหมาะสมที่สุด” มือหนาค่อย ๆ ลูบลงมาที่ลำคอของเธอก่อนจะทำการบีบมันเอาไว้
“อึก”
“เป็นอะไรไป” อีกคนถามด้วยเสียงที่เย็นชา
“ละ…ไลค์หายใจไม่ออกค่ะ พะ…พี่โซ”
“ไม่เอาถึงตายหรอกน่า” เขาเลิกบีบคอแล้วเลื่อนมือไปสัมผัสไหปลาร้าของเธอในร่มผ้า แล้วบีบนวดมันแรง ๆ แทน “เจ็บเป็นด้วยเหรอ?”
“พะ...พี่โซ”
เหมือนว่าคนที่ดูไม่มีพิษมีภัยคนนั้น เปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน เหลือเพียงคนที่พร้อมจะเอาคืนเธอได้ทุกเมื่อ
“กลัวตายงั้นเหรอ? แล้วคิดยังไงถึงได้กล้ากลับมาหาพี่ล่ะ”
“มะ...ไม่ค่ะ ไม่กลัว”
“คนอย่างพี่น่ะไม่กลัวที่จะฆ่าคนหรอกนะ อย่างที่รู้กันว่าเงินคืออำนาจ”
“อึก”
“แต่โชคดีที่ไลค์คือน้องสาวของรุ่นน้องทางธุรกิจ รายนั้นคงไม่ยอมแน่ ๆ ถ้าน้องสาวตัวเองตาย เพราะงั้นพี่จะปล่อยไป”
“พะ…พี่โซ ทำไมพี่ถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้”
“เข้าใจพี่หน่อยนะคะ พี่ยอมเป็นที่รองรับอารมณ์ของไลค์มามากพอแล้ว พี่เจ็บ พี่ถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้”
“ไลค์เข้าใจค่ะ”
“โซคนเดิมได้ตายไปตั้งแต่หนึ่งปีก่อนแล้ว”
“…”
“แต่เข้าใจก็ดีแล้ว” น่าแปลก ที่เธอไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวอีกคนขนาดนั้น เธอออกจะเห็นใจด้วยซ้ำ เพราะความเจ็บปวดมันสามารถทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้
สำหรับเธอแล้ว ไม่ว่าพี่โซเป็นคนแบบไหนเขาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมในสายตาของเธอ
หมับ~
เธอยกมือมากุมหลังมือของอีกคนที่วางอยู่ตรงไหปลาร้าตัวเองเอาไว้แน่น
“หลังจากนี้ไลค์จะยอมพี่ทุกอย่างเลยค่ะ”
“จริงเหรอ?”
“คะ…ค่ะ” เขานิ่งเหมือนคิดอะไรไปพักใหญ่ ก่อนจะถอยห่างจากเธอ แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองทันที
“เธอกลับไปเถอะ ไว้ฉันจะติดต่อกลับไป ยังใช้เบอร์เดิมอยู่ใช่มั้ย?”
“เหมือนเดิมทุกอย่างเลยค่ะ”
“ออกไป”
“ค่ะ” เขาพยักหน้าให้แล้วก้มลงไปสนใจเอกสารกองโตตรงหน้าทันที
ไลค์ทำได้แค่ปลอบใจตัวเอง ว่าเอาวะ! อย่างน้อยก็ได้โอกาสแก้ตัวกลับคืนมาแล้ว ต้องพยายามพิสูจน์ให้ได้
เธอเดินลูบลำคอของตัวเองออกมาจากห้องทำงานของอีกคน โดยไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มกับเลขาคนเดิม ที่เจอกันตรงเคาน์เตอร์ด้านล่าง
“เอ่อ เดี๋ยวก่อนนะคะคุณ”
“คะ?”
“ใช่คุณรึเปล่าคะที่เป็นคนส่งดอกไม้มาให้พี่โซ”
“ค่ะ ฉันเอง”
“รบกวนอย่าส่งมันมาอีกนะคะ ถือว่าฉันเตือนคุณแล้วเมื่อวานพี่โซโมโหมากหลังจากที่ได้รับดอกไม้จากคุณ”
“ทำไมล่ะคะ?”
“พี่โซเขาแพ้เกสรดอกไม้ค่ะ”
“วะ...ว่าไงนะคะ!?”
“ตามที่พูดไปเมื่อกี้ พี่เขาแพ้เกสรดอกไม้ อาจจะแพ้ถึงขั้นรุนแรงด้วยค่ะ แต่โชคดีที่เป็นดอกกุหลาบ พี่เขาเลยไม่ได้แพ้มากเหมือนดอกไม้ชนิดที่มีดอกเกสรเยอะ ๆ เพราะงั้นกรุณาอย่าส่งดอกไม้ที่มีเกสรมาอีกนะคะ” หล่อนยิ้มให้กัน
“...”
มิน่าล่ะ ทำไมอีกคนถึงได้โมโหและเอาแต่ถามอะไรแปลก ๆ เพราะคิดว่าเธอจงใจส่งดอกไม้มาเพื่อกลั่นแกล้งพี่เขานี่เอง…
“พี่โซแพ้เกสรดอกไม้จริง ๆ เหรอคะ?”
“ค่ะ แต่ถ้าอยากจะส่งมาจริง ๆ ดิฉันก็ขอแนะนำเป็นดอกไม้ที่ไม่มีเกสรเลยแล้วกันนะคะ เช่นดอกทิวลิปค่ะ คิดว่าน่าจะไม่แพ้เท่าดอกกุหลาบค่ะ”
อ๋อ…เธอเข้าใจประสงค์ของเลขาคนนี้แล้ว
คงจะเป็นห่วงเจ้านายของตัวเองสินะ
“ขอบคุณนะคะที่เตือน ไว้ฉันจะส่งดอกไม้ที่ไม่มีเกสรมาแก้ตัวใหม่นะคะ”
“ยินดีค่ะ”
หลังจากที่หญิงสาวลูกครึ่งได้กดลิฟต์ลงไปที่ชั้นล่างแล้ว เลขาอย่างจ๊ะจ๋าก็ได้เดินเข้าไปหาเจ้านายที่นั่งทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ในห้อง
“หล่อนกลับไปแล้วรึยัง”
“กลับไปแล้วค่ะพี่โซ”
“อ่า” จ๊ะจ๋ามองดูรุ่นพี่ของตัวเองเอาแต่นั่งก้มหน้ามองเอกสาร แต่แท้จริงแล้วเขากำลังเหม่อลอยเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“เหมือนหล่อนจะไม่รู้จริง ๆ นะคะว่าพี่โซแพ้เกสร”
“อืม พี่รู้แล้วว่าหล่อนไม่ได้ตั้งใจ”
“หมายความว่าไงคะ?”
“ก็แต่ไหนแต่ไร หล่อนไม่เคยใส่ใจเรื่องของพี่”
“อ๋อ คนนี้เหรอคะที่ปฏิเสธช่อเงินจากพี่อยู่บ่อย ๆ” จ๊ะจ๋าถามพร้อมกับขมวดคิ้ว ยอมรับในรสนิยมของรุ่นพี่ที่เลือกชอบผู้หญิงได้หน้าตาสระสวยดี แถมรสนิยมของหล่อนก็จัดว่าดีมาก ๆ แต่นิสัยนั้นกลับตรงกันข้าม
“อืม คนนี้แหละ”
โซก้มมองมือของตัวเองที่เผลอลงแรงไปกับอีกคน พร้อมกับเอาแต่ก่นด่าตัวเองในใจ
เธอเกือบจะใจอ่อนให้อีกคนแล้ว ถ้าหากไม่แข็งข้อเธออาจจะต้องกลับไปอยู่ที่จุดเดิม
“ไม่มีอะไรแล้ว เราออกไปก่อนเถอะพี่อยากอยู่คนเดียว”
“รับทราบค่ะ”
ความคิดเห็น