ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คุณไลคหล่อนชอบคนเร้าใจ

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 5 พบกันอีกครั้ง

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ย. 67


    Chapter 5

    พบกันอีกครั้ง

     

     

    เช้าวันต่อมา 

    เธอเดินทางไปที่บริษัทของอีกคน ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ว่าวันนี้จะต้องขอโทษอีกคนต่อหน้าให้ได้ 

    ถึงแม้เมื่อวานนี้จะเขียนคำขอโทษพร้อมกับดอกส่งดอกไม้ไปให้อีกคนแล้วก็ตาม แต่คิดว่ายังไงการเจอหน้ากัน พูดคุยกันน่าจะดีกว่าการส่งดอกไม้และข้อความอยู่ดี

    “ฉันมาขอพบคุณโซค่ะ” 

    “ได้ทำการนัดล่วงหน้าเอาไว้รึเปล่าคะ?”

    “เอ่อ... ไม่ได้นัดค่ะ พอดีว่า-”

    “งั้นก็ไม่สามารถเข้าพบท่านประธานโซได้ค่ะ”

    ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน เลขาของพี่โซงั้นเหรอ? ทำไมถึงได้ไม่มีมารยาท ฟังกันให้จบก่อน 

    แต่สุดท้ายก็ต้องปั้นหน้ายิ้ม ถึงแม้ในใจจะแอบวีนไปแล้วชุดใหญ่ก็ตาม เพราะเรามาที่นี่ในฐานะแขก จะโวยวายมีเรื่องก็คงจะไม่ได้ 

    “แต่ว่าฉันมีเรื่องที่จะต้องคุยกับพี่ประธานโซนะคะ”

    “ท่านประธานได้กำชับเอาไว้ว่าถ้าหากแขกไม่ได้มีการนัดเอาไว้ล่วงหน้าถือว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะฉะนั้น ท่านจะไม่ยอมให้เข้าพบค่ะ”

    เข้มงวดจริง ๆ 

    “เอ่อ...”

    “ไม่เป็นไรจ๋า นี่คนรู้จักของพี่เอง ขอโทษที่ไม่ได้บอกเอาไว้ก่อนนะว่าหล่อนจะมา” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้เธอต้องรีบหันกลับไปมองตามเสียงนั้น ก็พบเข้ากับแผงอกของอีกคน ที่ขึ้นชื่อว่าประธานของที่นี่ 

    ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอแปลกใจ เพราะภาพลักษณ์ของอีกคนตอนนี้ไม่เหมือนกับที่เจอในงานวันนั้นแล้ว ยังคงสวมเป็นชุดสูทและเก็บผมเรียบร้อยเหมือนเดิม

    แต่ที่แปลกไปจากเดิมคือตัวเธอเอง ที่ตอนนี้เอาแต่มองอีกคนไม่วางตา ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าอีกคนดูดีขึ้น…

    “อ้าว แขกของพี่โซเองเหรอคะ? ต้องขอโทษจริง ๆ นะคะที่เสียมารยาท”

    “ไม่หรอกจ๋า พี่ผิดเองที่ไม่ได้บอกเราล่วงหน้า”

    “ขอโทษนะคะแต่จ๋าไม่ผิด เพราะจ๋าทำไปก็เพราะหน้าที่ค่ะ หวังว่าพี่โซจะเข้าใจ”

    “อือ” ดูสองคนนี้จะสนิทสนมกันมากพอสมควร มากจนเธอที่ยืนฟังอยู่รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่เข้าใจก็ตาม ว่าทำไมตัวเองต้องไม่พอใจด้วย ก็ในเมื่อเขาเป็นเลขาและเจ้านายกัน 

    “ตามฉันมา” ว่าแล้วพี่โซก็เดินนำเข้าไปด้านใน 

    ในขณะที่เราสองคนยืนอยู่ในลิฟต์ ไม่รู้ว่าอีกคนรู้สึกแบบเดียวกับเธอรึเปล่า ที่รู้สึกประหม่ามาก ๆ จนแทบจะทำอะไรไม่ถูก

    เรายืนอยู่ข้างกันเงียบ ๆ มาสักพัก ในขณะที่ตัวเลขขั้นตึกเลื่อนสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ 

    “ทานอะไรมารึยัง?”

    “เอ่อ...ยังเลยค่ะ”

    “ยังไม่ชอบทานมื้อเช้าเหมือนเดิม”

    “เอ่อ ค่ะ” อีกคนเหมือนจะพอจำเรื่องของเธอได้พอสมควร ซึ่งเรื่องนี้น้อยมากที่คนจะรู้ ว่าเธอนั้นชอบดื่มกาแฟในตอนเช้ามากกว่าจะเป็นอาหารเช้า

    ติ๊ง!

    เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เขาก็เดินนำหน้าออกไป ก่อนจะหยุดเดิน แล้วหันมาบอกบางอย่างกับเธอ

    “ไลค์เดินเข้าไปรอพี่ในห้องได้เลยนะคะ เดี๋ยวพี่ทำธุระเสร็จแล้วตามเข้าไป”

    “ค่ะ” เธอเดินเข้าไปในห้องของผู้บริหาร ในใจพลางคิดกับตัวเองว่า ที่มาในวันนี้จะเป็นการรบกวนอีกคนมากเกินไปรึเปล่านะ พอมาถึงที่ทำงานก็ติดธุระตั้งแต่เช้าเลย...

    แปลก เข้ามาในห้องทำงานของอีกคน แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักเรียนที่ทำความผิดและตอนนี้ก็เข้ามาอยู่ในห้องครูใหญ่…

    เธอนั่งลงบนโซฟารับแขก ถัดจากโต๊ะทำงานของอีกคนไปไม่ไกล เพียงไม่นานประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง ตามมาด้วยร่างของเจ้าของห้อง ที่เดินถือถาดกาแฟพร้อมกับขนมปังปิ้งปาดหน้าด้วยเนยเข้ามาด้านใน

    อ้าว... เสร็จธุระแล้วเหรอ?

    “กาแฟกับขนมปัง”

    “ขะ…ของไลค์เหรอคะ?”

    “ค่ะ”

    “เอ่อ ขอบคุณนะคะ”

    ให้ตายเถอะ หล่อนยังคงจำได้หมด ว่าเธอชอบอะไร ไม่ชอบอะไร

    เธอเอาแต่มองไปที่ถาดกาแฟพร้อมกับขนมปังพวกนั้นอย่างคาดไม่ถึง ทั้ง ๆ ที่การมาของตัวเองในวันนี้มันไม่สมควรที่จะได้รับการต้อนรับจากอีกคนอย่างดีแบบนี้เลย สู้ปั้นหน้านิ่งใส่กันแล้วถามด้วยประโยคที่ว่า ‘เธอมาทำอะไรที่นี่’ หรือขับล่ะกันยังจะดูสมควรกว่า

    “ดื่มสิคะ”

    “เอ่อ...” ไม่ได้ใส่ยาเบื่ออะไรลงไปหรอกใช่มั้ย? 

    หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบเล็กน้อยพอเป็นมารยาท

    “ไม่มียาเบื่อหรอก”

    “พี่...ไม่ใช่ต้องไปทำธุระต่อเหรอคะ?”

    อีกคนไม่พูดอะไรเพียงแต่นั่งลงที่โซฟ้าตรงข้ามกัน 

    ไม่รู้ว่าโซฟามันต่ำ หรือขาอีกคนมันยาวเกินไปกันแน่นะ ทำให้หัวเข่าของเขามันต้องชันสูงเลยโต๊ะขึ้นมา ผิดกับเธอ ที่นั่งลงทีปลายเท้าเกือบลอยขึ้นจากพื้น และแกว่งขาได้เลย...

    พี่เขาเปลี่ยนไปจริง ๆ ด้วย นอกจากจะดูดีขึ้นแล้วยังสุขุมและเย็นชามากขึ้นด้วย

    “มาหาฉันในวันนี้ มีธุระอะไรงั้นเหรอ?” พี่เขาถามเสียงเรียบจนเธอเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข

    “ได้รับดอกไม้ที่ไลค์ส่งมาให้รึยังคะ?”

    “ได้รับตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”

    “แล้วตอนนี้...”

    และก็ทิ้งมันไปแล้วเหมือนกัน

    “ว่าไงนะคะ!?” ทิ้งมันไปแล้วอย่างงั้นเหรอ!? คนอย่างพี่โซเนี่ยนะ ทิ้งดอกไม้ของเธอ...จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรก ที่เธออุตส่าห์ส่งดอกไม้มาเพื่อทำการขอโทษเขาเชียวนะ แต่ไม่คิดว่าเขาจะโยนมันทิ้งไปอย่างไม่ใยดีแบบนี้ 

    พอมานึก ๆ ดูแล้วมันก็สมควรแล้วล่ะ ที่เขาจะยังคงโกรธแค้นกันอยู่

    “พี่ยังโกรธไลค์อยู่สินะคะ”

    “เรื่องนั้นไม่สำคัญ”

    “…”

    “ที่ส่งดอกกุหลาบสีเหลืองมาให้น่ะตั้งใจจะทำอะไรกันแน่”

    “ก็ขอโทษไงคะ”

    “แล้วรู้ความหมายของมันมั้ย?”

    “ไลค์ไม่รู้ความหมายมันหรอกค่ะ กะว่าจะเอาสีแดง แต่มันหมดเลยเอาสีเหลือส่งมาแทน เรื่องความหมายของมันไลค์เองก็ไม่รู้-”

    ขอโทษ

    “…?”

    และขอโอกาส

    “คะ?”

    “ความหมายของดอกกุหลาบสีเหลืองไง”

    “อ๋อ...” ความหมายของดอกไม้ช่อนั้นไม่ใช่เพียงแค่ขอโทษแล้ว แต่ยังสื่อความหมายว่าขอโอกาสได้อีกงั้นเหรอ... “เดี๋ยวนะคะ...”

    “หืม?”

    “เพราะพี่รู้ความหมายมันสินะคะ”

    “ใช่ค่ะพี่รู้ความหมาย”

    “พี่ทิ้งมันไป แสดงว่าพี่ไม่ยอมรับคำขอโทษจากไลค์สินะคะ”

    “ไม่ใช่”

    “แล้วทำไม-อ๊ะ!”

    หมับ!

    ฉันไม่มีทางเชื่อหรอกว่าคนอย่างเธอจะรู้จักคำว่าขอโทษ” มือหนาของอีกคนยื่นเข้ามาบีบที่ข้อมือของเธอเอาไว้เต็มแรง พร้อมกับเสียงทุ้มที่ดังลอดไรฟันออกมาอย่างไม่พอใจ

    ตอนนี้ไลค์ตกใจกับใบหน้าที่แดงก่ำของอีกคนเป็นอย่างมาก ไหนจะดวงตาที่แดงก่ำนั้นด้วย

    “บอกพี่มาตรง ๆ ว่าไลค์จงใจจะทำร้ายพี่ใช่มั้ย!?”

    “คะ?” ทำร้ายอะไรกัน เธอแค่ส่งดอกไม้มาให้เขาเพื่อเป็นการขอโทษเท่านั้น มันไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้นเลยจริง ๆ

    “อย่ามาทำเป็นไขสือ เธอไม่รู้ความหมายของมันด้วยซ้ำแต่ก็ยังส่งมาให้กัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเธอจงใจส่งมันมาเพื่อทำร้ายฉัน!”

    “พะ…พี่โซคะ ไปกันใหญ่แล้ว”

    “หุบปา-ฮัดชิ้ว!!!!!

    “…” อีกคนจามออกมาเสียงดังลั่น

    ฮัดชิ้ว ฮะ…ฮัดชิ้ว!

    “…” เธอลืมสังเกตไป ว่าอีกคนไม่ใช่แค่ใบหน้าและดวงตาเท่านั้นที่แดงก่ำ แต่รวมไปถึงจมูกด้วย อย่างกับว่าอีกคนไม่สบาย…

    “นี่พี่ไม่สบายงั้นเหรอคะ?”

    “มันเรื่องของฉัน” อีกคนที่เอียงใบหน้าหนีกัน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดจมูก “อย่ามายุ่ง”

    “พี่ไหวแน่นะคะ?”

    เธอยื่นใบหน้าและลำตัวเข้าไปหาอีกคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกัน เพื่อดูว่าอีกคนไหวจริงตามที่พยักหน้าหรือไม่ แต่แล้วก็ต้องตกใจ ที่จู่ ๆ เขาก็หันกลับมาสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ 

    วินาทีนั้นเหมือนเธอจะหยุดหายใจไปชั่วขณะ ไม่รู้ทำไม ทำไมใจมันถึงได้เต้นแรงแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนนี้มันก็ไม่ได้มีความคิดอะไรแบบนั้นกับอีกคนเลย 

    “อะฮึ่ม! งั้นไลค์ขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกันนะคะ” เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เรื่องคลี่คลายลงเธอจึงได้รีบเปลี่ยนไปเรื่องอื่นทันที

    “...”

    “ที่ไลค์มาวันนี้ไลค์อยากจะมาขอโทษพี่ต่อหน้าน่ะค่ะ ที่วันนั้นได้พูดอะไรไม่ดีออกไป แถมยังผลักไสพี่อีกด้วย”

    “หมายถึงเรื่องเมื่อหนึ่งปีก่อนน่ะเหรอ?”

    “ค่ะ”

    “ถ้าเป็นเรื่องนั้น... ฉันลืมไปหมดแล้วแล้วจะพูดถึงมันอีกทำไม? หรือจะตอกย้ำ?”

    “...” เอาอีกแล้ว... คนคนนี้ยังไงกันแน่นะ เธอชักจะเริ่มสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว 

    “เป็นเรื่องจริงใช่มั้ย?”

    “คะ?”

    “ลุคบอกว่าเธอก็ยังไม่มีใคร”

    พี่ลุคบอกงั้นเหรอ? 

    “ค่ะ”

    “หึ ทำไมล่ะ? หรือยังไม่เจอคนที่ตรงตามสเปก?”

    ประชดรึเปล่า?

    “จริง ๆ ไลค์ก็เคยเจอคนที่ตรงเปกของไลค์ทุกอย่างอยู่นะคะ” แอบสังเกตเห็นสีหน้าของอีกคนดูหงอยลงทันทีเมื่อเธอพูดแบบนั้น 

    “แต่พี่รู้อะไรมั้ยคะ...”

    “ไม่รู้”

    “ฟังก่อนสิคะ”ฉันมองหน้าอีกคนแล้วถอนหายใจออกมาเสียงดัง “คนที่ตรงสเปกของไลค์น่ะ เขาทำให้ไลค์ได้เรียนรู้ว่าบางทีสเปกมันไม่ได้เป็นตัวกำหนดช่วยให้เราเจอความรักที่ดีน่ะค่ะ”

    “อ๋อออ”

    “ไลค์แค่อยากจะบอกว่า ถ้าตัดเรื่องสเปกของไลค์ออกไป พี่โซเป็นผู้หญิงคนนึงที่ดีมาก ๆ เลยนะคะ เพราะงั้นพี่อย่าเสียใจไปเลยนะคะที่ไลค์พูดแบบนั้นกับพี่”

    “ไม่ต้องมาพูด”

    “คะ?”

    “ถ้าพี่ดีจริงเธอก็คงไม่ทิ้งพี่ไปเป็นปีแบบนี้”

    “เรื่องนั้นไลค์ต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะ”

    “หึ พี่เคารพการตัดสินใจของไลค์เสมอ ไม่ต้องขอโทษหรอก”

    “ขอบคุณค่ะ”

    “แล้วเรื่องที่มาในวันนี้ แค่จะมาขอโทษใช่มั้ย?”

    “เอ่อ...”

    “ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ”

    “เอ่อคือว่า-” คนร่างสูงลุกจากโซฟา ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ในขณะเดียวกัน เธอจึงได้รีบลุกแล้วเดินตามอีกคนไป 

    พรึบ!

    “ละ…ไลค์!!??”

    “ไลค์ขอโทษค่ะพี่โซ จริง ๆ ที่ไลค์มาวันนี้ก็เพื่อจะมาขอโอกาสจากพี่ค่ะ พี่พอจะให้โอกาสไลค์ได้แก้ตัวอีกสักครั้งได้มั้ยคะ?”

    “…”

    “อย่าเมินไลค์เลยนะคะ ไลค์ขอล่ะค่ะ”

    เธอกอดร่างอีกคนจากด้านหลังแน่น นี่เป็นกอดแรกในรอบปีหรืออาจจะเป็นการกอดครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมาเลยก็ได้

    “ตอนพี่ขอโอกาสเธอเคยให้พี่บ้างมั้ย...”

    “ไลค์รู้ว่าไลค์ไม่ดี ไลค์ขอโทษ…”

    “...”

    “ไม่มีใครดี และจริงใจกับไลค์ได้เหมือนพี่แล้วค่ะ”

    “...”

    “ถ้าหากพี่ยอมให้โอกาสไลค์อีกครั้งล่ะก็ ไลค์สัญญา ว่าไลค์จะมีแค่พี่คนเดียว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครอีก” เพราะตอนนี้เธอเองก็ไม่ได้มีคนคุยที่ไหนแล้ว 

    “พี่จะเชื่อคำพูดของคนที่เคยทิ้งพี่ได้จริง ๆ เหรอ?”

    “เชื่อได้สิคะ”

    “พี่ไม่อยากเสียใจซ้ำสอง แล้วถูกมองว่าโง่ เจ็บแล้วไม่จำนะคะ”

    “พี่จะไม่มีวันเจ็บซ้ำเป็นครั้งที่สองแน่นอนค่ะ”

    “แล้วพี่จะมั่นใจได้ยังไงว่าไลค์ไม่ได้โกหก”

    “เอาหัวของไลค์เป็นประกันเลยก็ได้ค่ะ”

    “แค่หัว... มันน้อยไปหน่อยนะ”

    “คะ?” อีกคนดึงมือเธอออกจากเอว แล้วหมุนตัวกลับมาก่อนจะใช้มือเกยคางของเธอให้เงยขึ้นไปสบตากับเขา แบบตาสบตา...

    มันต้องทั้งตัวสิ

    “////”

    “ขอแค่นี้ หวังว่าจะไม่คิดว่ามันมากไปหรอกนะ”

    “พี่หมายถึงอะไรคะ?”

    “หึ ก็ถ้าวันไหนที่พี่ต้องถูกไลค์ทอดทิ้งอีกเป็นครั้งที่สอง พี่ก็จะตามไปย่ำยีร่างกายของไลค์ให้มันเละจนไม่เหลือชิ้นดีเลยไงคะนั่นแหละที่พี่จะทำและคิดว่ามันเหมาะสมที่สุด” มือหนาค่อย ๆ ลูบลงมาที่ลำคอของเธอก่อนจะทำการบีบมันเอาไว้

    “อึก”

    “เป็นอะไรไป” อีกคนถามด้วยเสียงที่เย็นชา

    “ละ…ไลค์หายใจไม่ออกค่ะ พะ…พี่โซ”

    “ไม่เอาถึงตายหรอกน่า” เขาเลิกบีบคอแล้วเลื่อนมือไปสัมผัสไหปลาร้าของเธอในร่มผ้า แล้วบีบนวดมันแรง ๆ แทน “เจ็บเป็นด้วยเหรอ?”

    “พะ...พี่โซ”

    เหมือนว่าคนที่ดูไม่มีพิษมีภัยคนนั้น เปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน เหลือเพียงคนที่พร้อมจะเอาคืนเธอได้ทุกเมื่อ

    “กลัวตายงั้นเหรอ? แล้วคิดยังไงถึงได้กล้ากลับมาหาพี่ล่ะ”

    “มะ...ไม่ค่ะ ไม่กลัว”

    “คนอย่างพี่น่ะไม่กลัวที่จะฆ่าคนหรอกนะ อย่างที่รู้กันว่าเงินคืออำนาจ”

    “อึก”

    “แต่โชคดีที่ไลค์คือน้องสาวของรุ่นน้องทางธุรกิจ รายนั้นคงไม่ยอมแน่ ๆ ถ้าน้องสาวตัวเองตาย เพราะงั้นพี่จะปล่อยไป”

    “พะ…พี่โซ ทำไมพี่ถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้”

    “เข้าใจพี่หน่อยนะคะ พี่ยอมเป็นที่รองรับอารมณ์ของไลค์มามากพอแล้ว พี่เจ็บ พี่ถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้”

    “ไลค์เข้าใจค่ะ”

    “โซคนเดิมได้ตายไปตั้งแต่หนึ่งปีก่อนแล้ว”

    “…”

    “แต่เข้าใจก็ดีแล้ว” น่าแปลก ที่เธอไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวอีกคนขนาดนั้น เธอออกจะเห็นใจด้วยซ้ำ เพราะความเจ็บปวดมันสามารถทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้ 

    สำหรับเธอแล้ว ไม่ว่าพี่โซเป็นคนแบบไหนเขาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมในสายตาของเธอ 

    หมับ~

    เธอยกมือมากุมหลังมือของอีกคนที่วางอยู่ตรงไหปลาร้าตัวเองเอาไว้แน่น 

    “หลังจากนี้ไลค์จะยอมพี่ทุกอย่างเลยค่ะ”

    “จริงเหรอ?”

    “คะ…ค่ะ” เขานิ่งเหมือนคิดอะไรไปพักใหญ่ ก่อนจะถอยห่างจากเธอ แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองทันที 

    “เธอกลับไปเถอะ ไว้ฉันจะติดต่อกลับไป ยังใช้เบอร์เดิมอยู่ใช่มั้ย?”

    “เหมือนเดิมทุกอย่างเลยค่ะ”

    ออกไป

    “ค่ะ” เขาพยักหน้าให้แล้วก้มลงไปสนใจเอกสารกองโตตรงหน้าทันที 

    ไลค์ทำได้แค่ปลอบใจตัวเอง ว่าเอาวะ! อย่างน้อยก็ได้โอกาสแก้ตัวกลับคืนมาแล้ว ต้องพยายามพิสูจน์ให้ได้

    เธอเดินลูบลำคอของตัวเองออกมาจากห้องทำงานของอีกคน โดยไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มกับเลขาคนเดิม ที่เจอกันตรงเคาน์เตอร์ด้านล่าง

    “เอ่อ เดี๋ยวก่อนนะคะคุณ”

    “คะ?”

    “ใช่คุณรึเปล่าคะที่เป็นคนส่งดอกไม้มาให้พี่โซ”

    “ค่ะ ฉันเอง”

    “รบกวนอย่าส่งมันมาอีกนะคะ ถือว่าฉันเตือนคุณแล้วเมื่อวานพี่โซโมโหมากหลังจากที่ได้รับดอกไม้จากคุณ”

    “ทำไมล่ะคะ?” 

    พี่โซเขาแพ้เกสรดอกไม้ค่ะ

    “วะ...ว่าไงนะคะ!?”

    “ตามที่พูดไปเมื่อกี้ พี่เขาแพ้เกสรดอกไม้ อาจจะแพ้ถึงขั้นรุนแรงด้วยค่ะ แต่โชคดีที่เป็นดอกกุหลาบ พี่เขาเลยไม่ได้แพ้มากเหมือนดอกไม้ชนิดที่มีดอกเกสรเยอะ ๆ เพราะงั้นกรุณาอย่าส่งดอกไม้ที่มีเกสรมาอีกนะคะ” หล่อนยิ้มให้กัน

    “...”

    มิน่าล่ะ ทำไมอีกคนถึงได้โมโหและเอาแต่ถามอะไรแปลก ๆ เพราะคิดว่าเธอจงใจส่งดอกไม้มาเพื่อกลั่นแกล้งพี่เขานี่เอง…

    “พี่โซแพ้เกสรดอกไม้จริง ๆ เหรอคะ?”

    “ค่ะ แต่ถ้าอยากจะส่งมาจริง ๆ ดิฉันก็ขอแนะนำเป็นดอกไม้ที่ไม่มีเกสรเลยแล้วกันนะคะ เช่นดอกทิวลิปค่ะ คิดว่าน่าจะไม่แพ้เท่าดอกกุหลาบค่ะ”

    อ๋อ…เธอเข้าใจประสงค์ของเลขาคนนี้แล้ว

    คงจะเป็นห่วงเจ้านายของตัวเองสินะ

    “ขอบคุณนะคะที่เตือน ไว้ฉันจะส่งดอกไม้ที่ไม่มีเกสรมาแก้ตัวใหม่นะคะ”

    “ยินดีค่ะ”

     

    หลังจากที่หญิงสาวลูกครึ่งได้กดลิฟต์ลงไปที่ชั้นล่างแล้ว เลขาอย่างจ๊ะจ๋าก็ได้เดินเข้าไปหาเจ้านายที่นั่งทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ในห้อง

    “หล่อนกลับไปแล้วรึยัง”

    “กลับไปแล้วค่ะพี่โซ”

    “อ่า” จ๊ะจ๋ามองดูรุ่นพี่ของตัวเองเอาแต่นั่งก้มหน้ามองเอกสาร แต่แท้จริงแล้วเขากำลังเหม่อลอยเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

    “เหมือนหล่อนจะไม่รู้จริง ๆ นะคะว่าพี่โซแพ้เกสร”

    “อืม พี่รู้แล้วว่าหล่อนไม่ได้ตั้งใจ”

    “หมายความว่าไงคะ?”

    “ก็แต่ไหนแต่ไร หล่อนไม่เคยใส่ใจเรื่องของพี่”

    “อ๋อ คนนี้เหรอคะที่ปฏิเสธช่อเงินจากพี่อยู่บ่อย ๆ” จ๊ะจ๋าถามพร้อมกับขมวดคิ้ว ยอมรับในรสนิยมของรุ่นพี่ที่เลือกชอบผู้หญิงได้หน้าตาสระสวยดี แถมรสนิยมของหล่อนก็จัดว่าดีมาก ๆ แต่นิสัยนั้นกลับตรงกันข้าม

    “อืม คนนี้แหละ”

    โซก้มมองมือของตัวเองที่เผลอลงแรงไปกับอีกคน พร้อมกับเอาแต่ก่นด่าตัวเองในใจ

    เธอเกือบจะใจอ่อนให้อีกคนแล้ว ถ้าหากไม่แข็งข้อเธออาจจะต้องกลับไปอยู่ที่จุดเดิม

    “ไม่มีอะไรแล้ว เราออกไปก่อนเถอะพี่อยากอยู่คนเดียว”

    “รับทราบค่ะ”


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×