คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 3 คนที่เป็นอดีต
Chapter 3
คนที่เป็นอดีต
Part: โซดา
“ฉันคิดเรื่องนี้มาพักใหญ่แล้วล่ะ และฉันคงต้องบอกกับพี่ตรง ๆ” เสียงหวานดังขึ้น ในขณะที่เธอกำลังยื่นช่อดอกไม้ให้กับหล่อน
“เมื่อกี้น้องไลค์พูดว่าอะไรนะคะ?”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเลิกยุ่งกับฉันซะ”
“วะ...ว่าไงนะคะ!?” เธอถามด้วยอาการใจกระตุก เพราะไม่คิดว่าจะถูกปฏิเสธจากคนที่ชอบมาก ๆ “ทำไมล่ะคะ? พี่ไม่ดีตรงไหน? หรือว่าพี่ทำอะไรให้ไลค์ไม่พอใจ?”
“เพราะฉันรู้สึกไม่อยากไปต่อ”
“ทำไมล่ะ”
“พูดตรง ๆ เลยนะ ฉันเบื่อที่ต้องมาเสแสร้งว่าเราชอบกันต่อหน้าคนอื่นแล้ว ตอนนี้พี่น้องฉันพากันเข้าใจผิดกันหมด รบกวนอย่าพยายามเข้ามาสุงสิงกับฉันไปมากกว่านี้เลย เพราะมันจะยิ่งทำให้ฉันกับคนของฉันอึดอัดเปล่า ๆ”
“...” เป็นครั้งแรกที่คนอย่างโซได้ตกหลุมรักใครสักคน และคนนั้นก็ได้ปิดโอกาสเธอไปแล้วโดยไม่มีทางกลับมาเปิดอีกครั้ง...
“อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลยนะ แต่คนมันไม่ชอบยังไงก็คือไม่ชอบอ่ะ อย่าฝืนได้มั้ย”
“ไลค์ต้องการแบบนั้นจริง ๆ เหรอคะ?” เธอที่ยังถือช่อดอกไม้เอาไว้ในมือ ได้ชักมันกลับเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองแทน ก่อนจะยิ้มให้อีกคน
“ค่ะ”
“งั้นพี่ก็ขอให้ไลค์เจอคนที่ดี ตามที่ไลค์ตามหาทุกอย่างนะคะ”
เธอที่รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย แต่พื้นฐานเป็นคนที่ไม่ชอบบังคับใครอยู่แล้วจึงได้ยอมรับการตัดสินใจของอีกคน ถึงแม้จะอยากร้องไห้ออกมาตรงนั้น และยื้อหล่อนเอาไว้เท่าที่เธอคนนี้จะทำได้
แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าปีนี้ตัวเองอายุสามสิบหกแล้ว ไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไป ควรจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้
คิดแล้วเธอก็ยิ้มให้อีกคนที่ยืนกอดอกมองมาที่เธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ก่อนจะพยักหน้าให้หล่อน หันหลังให้แล้วเดินจากไป
บริษัท SS.
ตึก ตึก ตึก
“พี่เข้าห้องไปแล้วจ๋าต้องห้ามให้ใครเข้ามารบกวนพี่เด็ดขาดนะ”
“รับทราบค่ะพี่โซ”
เธอที่ลืมตัวว่าถือช่อดอกไม้ติดมือเข้ามาด้วย มิน่าล่ะพนักงานทุกคนถึงได้มองมาที่เธอมากกว่าปกติ เพราะช่อดอกไม้ที่ถือนี้เป็นดอกไม้ที่ทำจากเงินแบงค์สีเทาจำนวนสามสิบแบงค์ได้
“เอ่อ... พี่โซมีอะไรรึเปล่าคะ?”
“หือ?”
“จ๋าเห็นพี่โซยืนมองหน้าจ๋ามาสักพักแล้วค่ะ”
“อ่า... ไม่มีอะไร” พูดจบก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ใส่มือเลขาของตัวเอง “พี่ให้ จะเก็บไว้คนเดียวหรือจะเอาไปแบ่งใครก็ตามใจจ๋าเลยนะ ถือซะว่าขอบคุณที่ร่วมงานกันมาหลายปี”
“พี่โซ... คือจ๋ารับไว้ไม่-”
“เจ้าของมันปฏิเสธไปแล้วครั้งนึง แล้วนี่จ๋ายังจะปฏิเสธมันไปอีกคนเหรอ?”
“...”
“ใจร้ายจัง ถ้าดอกไม้ช่อนี้มันมีความรู้สึกเหมือนพี่ก็คงจะดี รู้สึกแย่อยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ไม่ชอบเลยแฮะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะจ้องหน้าเลขา
“เอ่อ จ๋ารับไว้ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่โซ”
เลขาที่เหมือนจะเริ่มรับรู้ความรู้สึกของเธอหล่อนก็รีบรับช่อดอกไม้ที่ทำจากเงินนั้นไปทันที
“ขอบใจนะ งั้นพี่จะเข้าห้องแล้วนะ จำที่พี่บอกได้ใช่มั้ย?”
“ห้ามให้ใครรบกวนใช่มั้ยคะ?”
“อืม”
.
“อ่า คนสวยนี่ชอบใจร้ายกันจริง ๆ” ทันทีที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว ความอ่อนแอที่เก็บซ่อนเอาไว้ทั้งหมด มันก็ได้ถาโถมเข้ามาจนทนต่อไปไม่ไหว
ร่างสูงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน ก่อนจะนำมือมากุมขมับเอาไว้ ปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาไม่ขาดสาย
โซดา ไม่ใช่คนที่อ่อนแออย่างที่เห็น นี่เป็นการร้องไห้ครั้งที่สาม ตั้งแต่จำความได้ และครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อสิบห้าปีก่อน
หลังจากที่เธอสูญเสียแม่ผู้บังเกิดเกล้าไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งซ้ำรอยกับคุณพ่อในตอนที่กำลังเดินทางไปเจรจาธุรกิจ ในตอนนั้นคุณแม่กำลังตั้งท้องเธอ
เธอเกิดมาก็ได้เห็นหน้าคุณพ่อจากรูปภาพเท่านั้น และโตมากับคุณแม่เพียงลำพัง
คุณแม่คือเพียงคนเดียวที่เธอรักและร้องไห้ด้วย
เพราะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวหล่อนจึงสอนให้เธอเป็นคนที่เข้มแข็งตั้งแต่เด็ก
ครั้งแรกที่จำความได้เธอร้องไห้แบบจริง ๆ จัง ๆ เพราะต้องจากอกแม่เพื่อไปโรงเรียนอนุบาลวันแรก และครั้งที่สองตอนที่คุณแม่ท่านจากเธอไปตลอดกาล
มาตอนนี้เธอกำลังร้องไห้ให้กับผู้หญิงคนนึง เพียงเพราะถูกหล่อนปฏิเสธงั้นเหรอ?
แต่ไม่แปลกเลย ว่าทำไมเธอถึงอ่อนไหวกับการถูกทอดทิ้ง... เพราะการได้ตกหลุมรักครั้งแรก ย่อมมีการคาดหวังว่าจะได้ความรักจากคนคนนั้นกลับ
เพราะอยู่คนเดียวมานาน... พอเจอใครสักคนที่ถูกใจก็เลยอ่อนไหวมากกว่าปกติเพียงเท่านั้น...
วันนี้ขอสัญญากับตัวเองว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะร้องให้กับผู้หญิงคนนี้ เธอจะเข้มแข็ง แล้วกลับมาอยู่ตัวคนเดียวให้ได้
ปัจจุบัน
นี่ก็ผ่านมาได้หนึ่งปีเต็มแล้ว...ที่เธอถูกเขี่ยทิ้ง
แต่ก็ดี ไม่มีคนมาทำตัว Toxic ใส่ มันจึงทำให้เธอมีทัศนคติเปลี่ยนไปเล็กน้อย ซึ่งมันก็ช่วยให้เธอเข้มแข็งมากขึ้น
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เธอได้เรียนรู้การกลับมาใช้ชีวิตเพียงคนเดียวอีกครั้ง และได้รู้ว่ามันก็ไม่เห็นตาย...
ร่างสูงยืนสำรวจร่างกายของตัวเองอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ที่ตอนนี้อยู่ในชุดราตรีแขนยาวราคาแพง ซึ่งน้อยมากที่เธอจะสวมชุดอะไรเทือกนี้ ส่วนใหญ่เธอมักจะสวมเสื้อเชิ๊ตกับสูทตัวโปรดซะมากกว่า เพราะมันช่วยให้เธอกระฉับกระเฉงเวลาทำงาน และอีกอย่างเธอเองก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงจ๋า ที่ต้องแต่งตัวสวย ๆ
นั่นคงเป็นอีกสาเหตุที่ถูกมองว่าน่าเบื่อ และไม่ตรงสเปกของใครบางคนล่ะมั้ง...
“วันนี้พี่สวยมาก ๆ เลยค่ะพี่โซ” จ๋า รุ่นน้องคนสนิทพ่วงด้วยตำแหน่งเลขาเป็นคนจัดหาชุดมาให้ลองได้เอ่ยขึ้น
“มันสวยเกินไปรึเปล่า”
“สวย ก็ดีแล้วนี่คะ”
“แต่พี่ว่าความสวยมันไม่เหมาะกับพี่เลยนะ”
“แหม พ่อคนหล่อเท่แบบพี่น่ะ พอแต่งแบบนี้ก็สวยจนต้องเหลียวหลังเลยนะคะ ทำไมพี่ไม่ลองเปลี่ยนลุคดูบ้างล่ะ เผื่อจะมีใครเข้ามาในชีวิตบ้าง”
ใครสักคนงั้นเหรอ?
“อยู่คนเดียวก็ดีอยู่แล้ว”
“พี่จะไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นบ้างเลยเหรอคะ? ตั้งแต่รู้จักกันมา จ๋าน่ะไม่เคยเห็นพี่มีแฟนเลยสักคน”
“ใครว่าล่ะพี่เองก็เคยเปิดใจแล้วนะ แต่ดันถูกทิ้งมาซะได้นี่สิ” เธอพูดแล้วยิ้ม คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องตลกเรื่องนึง “เพราะถูกทิ้ง พี่ก็เลยหันกลับมารักตัวเอง จะไม่เอาใครเข้ามาทำร้ายจิตใจอีกแล้วล่ะ”
“คนโง่คนนั้นเป็นใครกัน ทำไมถึงทิ้งพี่โซของจ๋าได้ลงคอ”
“เป็นคนสวยน่ะ หล่อนสวย ก็เลยมีตัวเลือกเยอะ”
“โห ชักจะอยากเห็นหน้าคนสวยคนนั้นแล้วสิ มิน่าล่ะจ๋าได้ช่อดอกไม้นั่นเกือบทุกวันเลยนี่ถ้าไม่ติดว่าเราสนิทกันจ๋าลาออกไปตั้งตัวได้แล้วนะคะเนี่ย”
“อยากออกจริง ๆ มั้ยล่ะ เดี๋ยวพี่เซ็นให้”
“เก๊าล้อเล่นแฮะ ๆ”
“อืม”
“ว่าแต่คนคนนั้นจะสวยสู้พี่ได้เหร๊อ”
“สวยสิ สวยมาก หล่อนเป็นลูกครึ่งตาสีฟ้าน้ำทะเล เซ็กซี่ แถมยังมีท่าทางที่หยิ่งผยองพวกนั้น มันคือเสน่ห์ของหล่อนเลยล่ะ”
“สเปกพี่เป็นผู้หญิงประเภทนั้นงั้นเหรอคะ? ไม่ชอบผู้หญิงน่ารัก ๆ บ้างเหรอ?”
“สเปกพี่ก็ไม่ได้ตายตัวนะ เอาจริง ๆ พีก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นหล่อน”
“งั้นจ๋าพอจะมีหวังมั้ยคะ?” คนตัวเล็กค่อย ๆ เขย่งเท้าขึ้นแล้วยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ แต่สุดท้ายก็ถูกเธอดันศีรษะหล่อนให้ห่างออกไป
“หยุดเลยนะจ๋า เราเป็นน้องสาวพี่ก็ดีอยู่แล้ว”
“โถ่ พี่โซอ่าา ไม่แกล้งแล้วก็ได้ค่ะ คิกคิกคิก”
เธอส่ายหน้าให้กับความดื้อของอีกคน ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าไปรู้จักกับเด็กคนนี้ได้ยังไง นิสัยใจคอช่างแตกต่างกัน แต่ก็อยู่ด้วยกันได้นานที่สุด จนเธอรักอีกคนเหมือนน้องสาวแท้ ๆ
“ขอบคุณจ๋ามากนะ ที่คอยอยู่ช่วยเหลือพี่มาตลอดเลยขนาดเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมก็ไม่เว้น”
“เรื่องนั้นจ๋ายินดีอยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องขอบคุณจ๋าหรอกนะคะ”
“เพราะพี่ใช้งานจ๋าหนักไปรึเปล่า จ๋าถึงไม่มีแฟนสักที”
“ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ จ๋าเลือกที่จะไม่มีเองต่างหาก พี่ก็รู้ว่าทุกวันนี้มีเงินดีกว่ามีแฟน”
“จากที่ได้ช่อดอกไม้ของพี่ พี่ว่ามันก็มากพอที่จะเอาไปเลี้ยงแฟนได้เลยนะ ปล่อยไว้นานระวังจะเหยียบคานไม่รู้ตัว เหมือนพี่เนี่ย”
“แหม เหยียบคานแล้วได้ใช้ชีวิตสบาย ๆ แบบพี่โซ จ๋ายอมก็ได้ค่ะ อีกอย่างช่อดอกไม้ที่ถูกเจ้าของเดิมปฏิเสธมานั่นน่ะจ๋าฝืนรับมันเถอะ ชิ”
“แต่พี่ก็เต็มใจให้เรานะ ในเมื่อเจ้าของมันไม่รับจะเอาไปทิ้งก็เสียดาย จะเก็บไว้เองตอกย้ำตัวเองเปล่า ๆ”
“แต่ไม่ว่ายังไงเป็นโสดก็น่าจะมีความสุขที่สุดแล้วนี่คะ จากที่จ๋าเห็นพี่โซในตอนนี้ พี่ก็ดูมีความสุขดีนี่นา”
“อย่าเชื่อสิ่งที่ตาเห็นมากนักสิ”
“หมายความว่ายังไงคะ?”
“ตอนนี้จ๋ามองว่าพี่เป็นยังไงล่ะ”
“ก็ดูมีความสุขดีนะคะ”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าพี่มีความสุข?”
“ก็พี่ยิ้ม และหัวเราะ”
“นั่นไม่การันตีว่ามันคือความสุขที่แท้จริง ใครจะรู้ดีไปกว่าตัวของพี่เอง ภายนอกพี่อาจจะดูมีความสุข แต่ลึก ๆ แล้วอาจจะตรงกันข้ามก็ได้นะ ถ้าการโสดมันดีจริง ๆ พี่จะไปยอมคนอื่นทำให้ตัวเองเสียใจมาทำไม” เธอยิ้มให้คนที่เด็กกว่า ที่เอาแต่จ้องหน้าไม่เลิก
“…”
“พี่ไปแล้วดีกว่าเดี๋ยวจะสาย ขอบคุณสำหรับเสื้อผ้านะคะ” เธอหยิกแก้มนุ่มของรุ่นน้องอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะหยิบกระเป๋าเดินออกไป
“เดินทางปลอดภัยนะคะ”
ณ โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง
ตึก ตึก ตึก ตึก
โถ่เอ้ย ไม่น่าใส่ส้นสูงเลย!
เธอสวมส้นสูงในรอบหลายปี อันที่จริงก็ไม่ได้อยากใส่ แต่เพราะถูกจับเปลี่ยนลุคจากรุ่นน้องได้กึ่งเดินกึ่งวิ่งด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ
มัวแต่คุยเล่น จนลืมไปว่าเวลานี้รถติด สุดท้ายก็มาสายจนได้
พรึบ~
“ว้ายย!!!”
“อุ้ย คุณ!!? เจ็บตรงไหนมั้ยคะ!?” เธอที่ชนเข้ากับใครบางคน ตรงทางเข้าของงาน เพราะอีกคนร่างเล็กกว่ามาก มันจึงทำให้เธอแทบจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ แต่มันทำให้อีกคนเกือบจะหงายหลัง ถ้าหากเธอไม่รั้งร่างของหล่อนเอาไว้เสียก่อนมีหวังลงไปนอนที่พื้น
กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยลอยมาเตะจมูก ทำให้เธอต้องรีบก้มหน้าลงไปมองอีกคนทันที
“พะ...พี่โซ?”
“น้องไลค์?”
“ขะ...ขอโทษค่ะ”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
หัวใจของเธอมันไม่ควรจะกลับมาเต้นแรงเพราะ คนเดิม ๆ คนที่เคยเขี่ยมันทิ้งอย่างไม่ใยดีด้วย
นี่รึเปล่านะ ที่เขาว่าเจ็บแล้วไม่จำ...
“คะ…คิดถึงจัง”
รู้ตัวอีกทีเธอก็หลุดปากพูดไปตามความรู้สึกซะแล้ว และกว่าจะรู้ตัวว่าไม่ควรพูดคำคำนั้นออกมาซะแล้ว
ใช่แล้ว... ไม่รู้ทำไมเธอถึงเจ็บแล้วไม่จำแบบนี้
“ไลค์ คือพี่…”
“ขอตัวก่อนนะคะ”
“ไลค์! ดะ...เดี๋ยว!” เธอมองตามแผ่นหลังอีกคนที่วิ่งออกจากงานไป โดยไม่หันกลับมามองด้านหลังอีกเลยด้วยความงุนงง ใจนึงก็ อยากจะวิ่งตามอีกคนออกไป แต่เท้าที่ยังไม่ได้ก้าวออกไป สมาร์ทโฟนในกระเป๋าก็สั่นขึ้น
“ฮัลโหล”
[สวัสดีค่ะพี่โซ พี่มาถึงตัวงานรึยังคะ ลุคไม่เจอพี่ในงาน พอดีว่างานกำลังจะเริ่มแล้วค่ะ ลุคเลยโทรมาตาม]
“พี่อยู่หน้าทางเข้าแล้วค่ะ เดี๋ยวพี่รีบเข้าไปนะคะ”
[โอเคค่ะพี่โซ งั้นเจอกันในงานนะคะสวัสดีค่ะ]
“ค่ะสวัสดีค่ะ”
หลังจากวางสายไป เธอก็ได้หันกลับไปมองด้านหลังอีกครั้ง อย่างอาลัยอาวรณ์ ได้เจอกันในรอบหนึ่งปี อีกคนแทบจะไม่เปลี่ยนไปเลย ยังคงสวย และร้อนแรงเช่นเคย
ก่อนจะทำใจได้ ก็กินเวลาเป็นนาที หลังจากนั้นก็ได้เดินเข้าไปในงาน
“สวัสดีค่ะพี่โซ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ สบายดีมั้ยคะ?”
และเธอก็ได้พบกับลุค พี่สาวของคนที่หักอกเธอจนพังไม่เป็นท่า และที่น่าตลกก็คือคนพี่อย่างลุคก็คงจะยังไม่รู้เรื่องนี้เลย ว่าน้องสาวตัวเองน่ะร้ายกาจแค่ไหน
“สบายดีค่ะ แล้วลุคกับคนรักล่ะคะ”
“พวกเราสบายดีค่ะพี่โซ” นัยตาสีฟ้าน้ำทะเลของอีกคนนั้น มันทำให้เธอมองเห็นใบหน้าสวย ๆ ของอีกคนซ้อนทับไปซะได้ และมิหนำซ้ำยังชวนให้คิดถึง “ว่าแต่... เมื่อกี้พี่เห็นไลค์มั้ยคะ?”
“อ่า เจอกันที่ทางเข้าพอดีค่ะ”
“ไม่รู้ว่าทำไม พอลุคบอกว่าพี่จะมาร่วมงานนี้ด้วย หล่อนก็รีบชิ่งหนีเลย”
“อ๋อออ”
“เห็นว่าเลิกคุยกันไม่ไปเป็นปีแล้ว ไม่ทราบว่าน้องของลุคไปทำอะไรให้พี่ต้องเดือดร้อนไว้รึเปล่าคะ? เพราะปกติยัยไลค์เป็นคนที่มั่นใจสูงน่ะค่ะ ที่การที่น้องเป็นแบบนี้ ลุคคาดว่าน้องของลุคต้องไปทำความผิดเอาไว้แน่ ๆ”
“ไม่หรอกค่ะ น้องคุณก็แค่เป็นตัวของตัวเองน่ะ ไม่ผิดหรอก”
“เห็นไลค์บอกว่าพี่โซกับไลค์ไม่ได้คุยกันแล้ว นี่เป็นเรื่องจริงรึเปล่าคะ? ทำไมไม่เห็นมีใครบอกลุคบ้างเลย นี่ถ้าลุคไม่คุยกับไลค์เมื่อกี้ก็ไม่รู้เลยนะคะ”
“พี่ก็นึกว่าเรารู้จากไลค์ตั้งแค่แรกแล้วนะคะเนี่ย”
“ไม่เลยค่ะ ยัยไลค์ไม่บอกอะไรลุคเลย”
“เอาเป็นว่านั่นเป็นเรื่องจริง เราไม่ได้คุยกันแล้วค่ะ”
“ได้ไงกันคะ?”
“เพราะพี่ไม่ตรงสเปกน้องสาวเราน่ะ”
“ลุคก็อุตส่าห์เชียร์พี่มาตั้งนานแน่ะ”
“พี่เองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกน้องทิ้งเหมือนกันค่ะ”
“ลุคต้องขอโทษแทนน้องสาวของลุคจริง ๆ นะคะ”
“ไม่เป็นค่ะ ไม่ชอบย่อมไม่ผิดค่ะ พี่เข้าใจ”
ใช่... เธอเข้าใจ และก็เข้าใจดี พอ ๆ กับเจ็บแล้วไม่จำนั่นแหละ รู้ว่าเขาไม่ชอบ ก็ยังจะไปรู้สึกโหยหาเขาอยู่ดี
เห้ออออ... ถ้าอีกคนรู้สึกโหยหาเราบ้างเหมือนกันก็คงจะดีไม่น้อย...
“ถ้าน้องเขายังโสดอยู่ พี่อาจจะลองเข้าหาน้องอีกสักรอบ”
“น้องยังโสดอยู่ค่ะพี่โซ”
“เรารู้ได้ยังไงกัน”
เธอยิ้มให้อีกคน เพราะขนาดเรื่องที่เธอเลิกคุยกับน้องสาวตัวเองหล่อนยังเพิ่งรู้เลย อีกอย่างคนอย่างไลค์น่ะแสบ ความลับเยอะอย่าบอกใคร
“ถ้าน้องมันมีแฟนจริง ๆ ป่านนี้คงเปิดตัวไปนานแล้วค่ะพี่โซ เพราะทางนี้ก็แอบเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ตั้งแต่น้องสาวคนเล็กของเราแต่งงานไป ไลค์ก็ดูเหมือนจะเริ่มเก็บตัวมากขึ้น”
“พี่ขอโทษ พี่ไม่รู้เลยว่าเลิฟกับลุคแต่งงานกันแล้ว”
“ถ้ารู้สิคะแปลก เพราะเราจัดกันแบบเป็นส่วนตัวที่สุดน่ะค่ะ”
“งั้นพี่ฝากยินด้วยกับน้องด้วยนะคะ กับลุคก็ด้วย”
“ขอบคุณนะคะพี่โซ พี่เองก็รีบ ๆ ตามมานะคะ คานมันไม่ใช่สิ่งที่พี่ควรจะขึ้นไปอยู่เลย คนหน้าตาดีมีการงานมั่นคงแบบพี่ควรจะมีคู่ชีวิตที่ดีสักคนมาช่วยใช้เงินนะคะ ฮ่า ๆ”
“แหม เราก็พูดไป…”
นั่นสินะ เธอเองก็อายุเยอะแล้วนี่นา
น่าเสียดาย ถ้าตอนนี้คุณแม่ยังอยู่ท่านคงจะช่วยเธอหาคนรักดี ๆ ให้ได้สักคน หรืออย่างน้อย ๆ ถ้าไม่มีคนรักก็ยังมีคุณแม่อยู่ทั้งคน
คุณแม่คะ ถ้าคุณแม่ยังคอยมองโซอยู่ข้างบนนั้น ถ้าดวงของโซไม่ได้อาภัพรักจริง ๆ ช่วยส่งใครสักคนมารักโซทีค่ะ
แค่ใครสักคนที่ยอมรักเธอจากใจจริง ไม่คิดทอดทิ้ง ไม่คิดทำร้ายจิตใจกันและกัน…
ความคิดเห็น