คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 2 คนที่คุ้นเคย
Chapter 2
คนที่คุ้นเคย
2 ปีก่อน
“นี่พี่โซดารุ่นพี่คนสนิทของพี่เอง เขาเก่งเรื่องการทำธุรกิจน่ะ พี่ชอบไปปรึกษาบ่อย ๆ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะน้องไลค์ เรียกพี่ว่าโซเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวแต่งตัวมีภูมิฐานคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายและยิ้มให้เธอ
“ค่ะพี่โซ” ที่ยอมคุยด้วยเป็นเพราะถูกแนะนำจากพี่สาวหรอกนะ อย่าคิดว่าได้ใจซะล่ะ
ว่าแต่เป็นผู้หญิงแน่เหรอ? ทำไมตัวสูงจัง
ไลค์ทำการสำรวจร่างกายของอีกคนอย่างไม่ปิดบัง ในขณะที่เขากำลังคุยกับพี่ลุค
“รู้จักกันไว้ก็ดีนะ พี่โซเขาเก่งมากจริง ๆ”
“ไลค์คิดว่าไม่จำเป็นหรอกค่ะ”
“กับผู้ใหญ่ทำไมพูดแบบนั้น ไม่น่ารักเลยนะ”
“พี่ลุคคะ พี่ก็รู้ว่าไลค์ไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า”
“แล้วไอ้คนที่ไลค์ควงไม่ซ้ำหน้านั่นมันก็คนแปลกหน้านะ?”
“ไม่ค่ะ นั่นคนของไลค์”
“หัวกระไดไม่เคยแห้งจริง ๆ น้องสาวของพี่ รักเดียวใจเดียวเหมือนพี่ไม่ได้เหรอ?”
“ถ้ารักเดียวใจเดียวแล้วยังถูกทิ้งแบบพี่ไลค์ขอบายดีกว่าค่ะ”
“ไลค์!”
“อย่าชวนไลค์ทะเลาะเลยนะ วันนี้คนของไลค์ก็มาร่วมงานด้วยเหมือนกัน ไลค์ไม่อยากอารมณ์เสีย เขาน่าจะมาถึงงานแล้วงั้นไลค์ของตัวก่อนนะคะ” พูดจบเธอก็เดินออกมาจาตรงนั้นทันที เพราะรู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้มาใหม่ที่ชื่อโซนั่น
หล่อนเอาแต่จ้องมาที่เธอไม่วางตา จนรู้สึกใจสั่นไม่ทราบสาเหตุ
เธอไม่ควรอยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้อีก
หวังว่าไม่ได้พบกันอีกนะ
ปัจจุบัน
“พี่ดีใจที่เจอน้องไลค์นะครับ”
ไม้ หรือ มานพ รุ่นพี่คนสนิท อดีตคนคุยของเธอเดินเข้ามาทักทายทันทีที่พบเจอ พร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตรให้
“ไลค์ยินดีด้วยนะคะ สำหรับการขยายสาขาใหม่” เธอยื่นมือเข้าไปจับทักทายอีกคนตามมารยาท ก่อนจะเหลือบไปเห็นคนที่คุ้ยเคยที่สุดอย่างพี่ลุค โดยที่อีกคนยังไม่ทันได้สังเกตุเห็นกัน “เอ่อ ไลค์ขอตัวสักครู่นะคะพี่ไม้”
“ครับ ตามสบายเลยนะครับน้องไลค์”
ว่าแล้วเธอก็เดินตรงเข้าไปด้านในงาน ที่เต็มไปด้วยนักธุรกิจและไฮโซมากหน้าหลายตา
แปลกนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอพี่สาวตัวเองที่นี่ ทั้ง ๆ ที่หล่อนเป็นคนเก็บตัว และไม่ชอบเข้าสังคมสุด ๆ
“ฟ้าจะผ่ามั้ยคะเนี่ยที่ไลค์เห็นพี่ลุคอยู่ที่นี่” ร่างสูงที่ยืนหันหลังอยู่สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทักของเธอ
“ไลค์?”
“ตกใจอะไรคะ? ไลค์ต่างห่างต้องตกใจที่เจอพี่ที่นี่”
“แปลกตรงไหน ไม้เขาเป็นเพื่อนธุรกิจของพี่ เรื่องอะไรที่พี่จะมายินดีกับเพื่อนไม่ได้”
“ก็นึกว่าไม่สนิทกัน..”
“ว่าไงนะ?”
“อ้อ เปล่าค่ะ...” ฉันที่กระซิบไม่คิดว่าอีกคนจะได้ยิน เพราะปกติแล้วไม่เคยเห็นพี่สาวบอกว่ามีเพื่อนเลย แต่มานึกดูแล้วก็เคยเห็นเขาติดต่อกัน แถวยังทำธุกิจร่วมกันอีกด้วย...
จะฟ้องพี่ลุคดีมั้ยนะ... ว่าเพื่อนหล่อนเคยตามจีบน้องสาวตัวเองน่ะ
“แล้วเราอ่ะ มาที่นี่ในฐานะอะไร?”
“พี่ไม้ก็เป็นรุ่นพี่ไลค์เหมือนกันค่ะ”
“ไปรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน? ไม่ยักรู้เลยแฮะ”
‘เปล่าหรอก จริง ๆ แล้วเป็นคนคุยเก่าน่ะ...’
“แหมพี่~ ไลค์ก็ออกสังคมบ่อยนะ ก็ไม่แปลกหรอกค่ะที่ไลค์จะรู้จักกับนักธุรกิจหลายคน”
“แล้วพี่โซล่ะ? เห็นว่าจะมางานวันนี้ด้วยนะ”
คำถามจากพี่สาวทำเอาเธอยิ้มแล้วหัวเราะออกมา
“พี่มาถามไลค์ แล้วไลค์จะรู้ได้ยังไงล่ะคะ?”
“ก็เห็นเคยสนิทกันมาปีกว่าแล้วนี่ พี่ก็นึกว่าเรากับพี่โซเป็นแฟนกันแล้วซะอีก”
“บะ...บ้า พี่โซไม่ใช่สเปกไลค์สักหน่อย”
หนึ่งปีแล้วสินะ ที่ไม่ได้ติดต่อกันเลย
‘คิดว่าคงอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้ซะแล้วสิ เพราะมองหน้าไม่ติด...’
“ไลค์เนี่ยนะทิ้งพี่โซ? ถ้าบอกว่าพี่โซทิ้งเราพี่ก็จะไม่แปลกใจ”
“ค่ะ ไลค์เป็นคนทิ้งพี่เขา”
“แล้วทำไม-”
“เอ่อ ไลค์ว่าไลค์ขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระที่อื่นต่อ” ว่าแล้วเธอก็รีบเดินออกมาจากงานทันที
แต่เจ้ากรรมดันเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำให้ชนเข้ากับใครบางคนที่กำลังเดินเข้ามาในงานพอดี จนตัวเองนั้นหงายหลัง
‘ไม่นะ... จะมาล้มเสียท่าในงานแบบนี้ไม่ได้!’
พรึบ~
“ว้าย!”
“เจ็บตรงไหนมั้ยคะ?”
เสียงที่ไม่ได้ยินมาหนึ่งปีเต็มดังขึ้น จนเธอต้องรีบลืมตาขึ้นมามองหน้าอีกคนทันที และแน่นอน มันก็คือคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุดนั่นเอง
“พะ...พี่โซ?”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ถึงแม้จะตกใจที่เจออีกคนไม่น้อย แต่สิ่งที่มันทำให้เธอตกใจยิ่งกว่าคือรูปลักษณ์ภายนอกของอีกคนเปลี่ยนไป วันนี้หล่อนสวยมาก ถ้าไม่ติดว่าเคยมีเรื่องอดีตกันมาก่อนเธอคงจะชมออกอีกคนว่าสวยมากจริง ๆ
“น้องไลค์?”
“ขะ…ขอโทษค่ะ!”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
“…”
“คะ…คิดถึงจัง”
“/////”
“ไลค์ คือพี่-”
“ขอตัวก่อนนะคะ”
“ดะ…เดี๋ยวสิไลค์!”
ก่อนจะมีคนมองไปมากกว่านี้เธอรีบขยับร่างออกห่างอีกคน แล้วเดินออกไปจากงานทันทีสู้หน้าไม่ได้!
หญิงสาวในขณะเดินออกมาจากงาน มือก็ได้หยิบเอาสมาร์ทโฟนออกมาส่งข้อความหาเพื่อน ๆ เพื่อทำการนัดหมายอัพเดตชีวิตกัน
2 ชั่วโมงต่อมา
เธอเดินเข้ามาในบาร์ประจำที่มักใช้เป็นสถานที่นัดเจอกับเพื่อน ๆ
“มาแล้ว ๆ”
“อะไรกัน นัดเพื่อนแต่ตัวเองมาถึงทีหลังเนี่ยนะ?” ฮันนี่ที่นั่งไขว่ห้างถามขึ้น
“โทษที ติดปัญหานิดหน่อยเลยมาช้า”
“จู่ ๆ ก็นัดกระทันหัน ถ้าไม่ว่างขึ้นมาช่วยไม่ได้นะ” ซูมี่พูดขึ้น ในขณะที่มีซานนั่งอยู่ข้าง ๆ
“เอาน่า ก็มากันครบแล้วนี่” ฉันพูดพร้อมกับหายใจหอบเพราะตั้งแต่หาที่จอดรถได้ก็รีบวิ่งเข้ามาข้างในตัวร้านทันที
“อ่า นั่งก่อน ๆ ใจเย็น ๆ”
“พักดื่มน้ำเย็น ๆ สักแก้วก่อนค่อยเล่า”
“น้ำบ้าอะไรของแก นี่มันเหล้าชัด ๆ” เธอดันแก้วจากมือยัยฮันนี่ออกช้า ๆ อย่างกลัวว่ามันจะหก
“เหล้าก็เป็นน้ำเหมือนกันมั้ยล่ะ?”
“ไม่เอาอ่ะ”
เธอส่ายหน้าก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับปาดเหงื่อ แต่โชคดีที่ร้านเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ไม่งั้นคงต้องมีการถอดเสื้อผ้าที่สวมมาจากงานนี้ออกแน่ ๆ
“ว่าแต่มีอะไร ทำไมตอนแกโทรมาน้ำเสียงถึงได้ตกใจขนาดนั้น” ฮันนี่พูดเปิดประโยคขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ทุกอย่างเริ่มกลับมาดูปกติขึ้น
“แกจำพี่โซได้ใช่ม้ะ? คนที่ฉันเคยเล่าให้แกฟัง”
“โซไหนอีกวะ” ฮันนี่ยกมือขึ้นมาเกาหัวอย่างงุนงง ก่อนจะหันไปมองหน้าซูมี่กับซาน ที่นั่งงุนงงอยู่ไม่ต่างกัน
“แกมีเคยมีคนคุยชื่อโซอีกคนด้วยอ่อ?”
“เห้อออ ก็พี่โซนั่นไงจะมีโซไหนอีก!”
“อ๋ออออ/อ้อออ/อ๋ออ!” ทั้งสามคนถึงกลับถึงบางอ้อพร้อมกัน ทำให้เธอต้องเบะปากมองบน ที่พูดชื่ออีกคนแค่พยางค์เดียวดันจำไม่ได้ แกล้งกันชัด ๆ
“แต่เอาจริง ๆ แกไม่น่าทิ้งพี่เขาเลยนะ นี่ฉันยังรู้สึกเสียดายแทนแกอยู่เลยอ่าาา พี่โซของฉ้านนน” ซูมี่พูดพลางเบะปากเหมือนจะร้องไห้ เมื่อได้นึกถึงบุคคลในสนทนา
“ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่โคตรจะเพอร์เฟคได้เท่าพี่เขาแล้วจริง ๆ นะ เหอะ แกมันตาถั่ว” ขนาดซานผู้ที่ถูกเรียกว่าหญิงตายด้านที่มีคู่หมั้นจากการบังคับยังมองว่าเขาดี
“ก็พี่เขาไม่ใช่สเปก...”
“โอ๊ยย คำก็สเปกสองคำก็สเปกแล้วไอ้คนที่มันตรง สเปกแกทุกอย่างน่ะมันเป็นไงบ้างตอนนี้อ่ะ ไปเอากับคนอื่นแล้วก็หายหัวไปเลยนั่นน่ะนะคือ สเปกแก?”
ฮันนี่จะกำลังพูดถึงพี่พิมพ์ ผู้หญิงคนที่เธอเกือบจะเปิดใจด้วย แต่ดันมารู้ทีหลังว่าเขาเจ้าชู้ตัวแม่ นอนกับคนอื่นไม่ซ้ำหน้า
“เอ่อ..ยอมรับว่าฉันคิดผิดเอง”
“แล้วยังไงต่อ พี่โซเขาทำไม?”
“วันนี้ฉันไปร่วมแสดงความยินดีกับพี่ไม้ที่เขาขยายบริษัทได้อีกสาขา แล้วก็ดันไปเจอกับพี่โซตรงทางเข้างานพอดี”
“แล้วยังไง?”
“ฉันแค่รู้สึกอึดอัด ไม่กล้าสู้หน้าพี่เขาอ่ะเลยหนีออกมาเจอพวกแกเนี่ย”
“บ้า คนที่ไม่สนอะไรอย่างแกเนี่ยนะ? จะไม่กล้าสู้หน้าพี่เขา ปกติแกก็ชอบมั่นทำตัวสวยเลือกได้ไม่แคร์ใครอยู่แล้วนิ” ฮันนี่ที่รู้จักนิสัยฉันดีมากกว่าใครพูดขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“แปลก ๆ นะ”
“กับพี่พิมพ์ฉันก็ทิ้งมาโดยไม่เสียดาเลยนะ แต่กับพี่โซฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ”
“หรือเป็นเพราะว่าพี่เขาแตกต่างไปจากคนอื่นวะ?”
“ยังไง”
“พี่เขาเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้ปากหวาน ไม่เร้าใจ แถมยังดูเงียบขรึมจนเดาใจไม่ออก ซึ่งมันตรงกันข้ามกับที่แกชอบหมดเลยอ่ะ”
“แล้วมันมีส่วนยังไง”
“แล้วตอนที่แกทิ้งพี่เขา พี่เขาว่าไงบ้างอ่ะ?”
“พี่โซเขาเป็นคนแรกที่อวยพรให้ฉัน แถมยังยิ้มให้เดินจากไปดื้อ ๆ ไม่โวยวายสักแอะ”
“คนที่แสนดีของช้านนนน ฮือออแกทำอะไรลงไป!ไม่เอาก็บอกดี ๆ สิ” ซูมี่เสียดายคนดี ๆ อย่าพี่โซ
“ซึ่งตามปกติแล้วแกจะชอบให้คนยื้อ ไม่ก็อารมณ์เสียใส่ไปเลย ยังดีซะกว่าถูกม้ะ” ฮันนี่ที่นั่งฟังอย่างมีสติพูดขึ้น
“ใช่”
“แกรู้สึกยังไง?”
“ก็ทำตัวไม่ถูก...”
“มันไม่ได้ดั่งใจแกใช่มั้ยล่ะ”
“ใช่ วันนั้นแทนที่ฉันจะรู้สึกชอบใจ แต่กลับรู้สึกเหมือนตัวเองถูกทิ้ง ถูกหักหน้าซะเองอ่ะ”
“นั่นแหละ คือเหตุผลที่แกไม่กล้าสู้หน้าพี่เขา”
“ฮะ!?”
“แกอาย! แกอายที่เขาไม่ได้แคร์แกขนาดนั้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่า พี่เขาก็อาจจะมีคนที่สวยกว่า รวยกว่าแกอยู่แล้วไง!”
ฮันนี่ผู้วิเคราะห์โจทย์ปัญหาเรื่องของชาวบ้านเก่งที่สุดพูดขึ้น พร้อมกับตบโต๊ะเสียงดังเพื่อเพิ่มอรรถรส โดยมีซูมี่กับซานนั่งพยักหน้าเห็นด้วยอยู่เงียบ ๆ
“เป็นไปไม่ได้อ่ะ!”
“เป็นไปแล้ว! แกถูกหยามความสวย และรวย! จากพี่เขา แกก็เลยเสียความมั่นใจไง”
“ไม่ ไม่จริ๊ง~~!!!”
“คิกคิกคิก ดูสิในที่สุดบนโลกนี้ก็มีคนชนะยัยไลค์ ทำยัยไลค์เสียความมั่นใจได้หนึ่งคนแล้ว สะใจโว้ยย ยอมรับเถอะว่าพี่โซเขาดีเกินไป ไม่เหมาะกับแกหรอก”
“เงียบไปเลยนะซูมี่!”
“คิกคิกคิก จริงด้วย เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าอันดับหนึ่งของเรามีผู้ชนะแล้ว”
“อันดับหนึ่งบ้าอะไร บอกแล้วไงว่าฉันยกให้แกไปแล้วน่ะยัยฮันนี่ ฉันไม่เอาแล้ว พอแล้ว”
“แต่ลืมไปรึเปล่า ว่าธรรมเนียมแก๊งนางฟ้าของเรา จะไม่มีอันดับได้ก็ต่อเมื่อแต่งงาน มีคู่หมั้น หรือมีแฟนแล้วน่ะ แกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะเพราะแกยังโสดดดด”
“สาม!”
“ฮะ!?”
“งั้นฉันขออยู่อันดับที่สามแล้วกัน”
“…”
“ฉันขอวางมือ! และก็ขอเตกีล่าเพรียว ๆ หนึ่งซ็อตค่ะ!” เธอพูดพร้อมกับนำมือขึ้นมากุมขมับตัวเองเอาไว้ ก่อนจะหันไปสั่งเครื่องดื่มชนิดค่อนข้างเข้มข้นกับหนุ่มบาร์เทนเดอร์ที่ยืนยิ้มให้เราอยู่ฝั่งตรงข้าม ท่ามกลางความอึ้งของเพื่อน ๆ อีกสามคน
กึก
“เตกีล่าเพรียววันช็อตได้แล้วครับคุณผู้หญิง”
เพราะมันไม่ต้องผสมอะไรมาก มันถึงได้เสิร์ฟกลับมาได้อย่างรวดเร็ว และทันทีที่แก้วแอลกอฮอล์แก้วนั้นได้นำมาวางบนเคาน์เตอร์ เธอก็ดื่มทันทีในรวดเดียว
“One more!”
“ครับ?”
“เอามาอีก”
กึก
“อึก! อ่าา!!!”
“เห้ยยัยไลค์ ใจเย็น ๆ ก่อนสิ แกลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองคออ่อนน่ะ”
ทั้งฮันนี่ ซูมี่และซาน ที่เห็นแบบนั้นจึงได้เอ่ยปากห้ามเพื่อนสาวเอาไว้ เพราะจากที่เป็นคอเครื่องดื่ม เราจะรู้กันว่าเครื่องดื่มประเภทนี้มันทั้งแรงและรสชาติบาดคอที่สุดเพียงแค่ดื่มไปอึกเดียวก็จะรู้สึกแสบคอ และถึงขั้นร้อนวูบวาบไปทั่วร่างกาย
คนที่คอแข็งสูสีกันอย่างฮันนี่และซูมี่ยังเกรงกลัวเหล้าชนิดนี้เลย แล้วนับประสาอะไรกับคนคออ่อนอย่างไลค์...
“พอเมามาก็ลำบากพวกฉันขับรถไปส่งอีก”
“อืมมม ฮันนี่ ซูมี่ ซาน~~”
“ว่า?”
“ฉันสวย และรวยมากมั้ย?”
“ถามอะไรของแกน่ะถามไม่คิด แกสวยและรวยที่สุดเลยเว่ย!”
“แล้วทำไมวันนั้นพี่โซถึงไม่ยื้อฉันล่ะ”
“เขาอาจจะเป็นคนปากแข็ง...และเป็นคนดีเกินไป”
“ต้องเอาไฟไปจี้มั้ย?”
“บ้า เดี๋ยวปากก็เป็นแผลกันพอดี”
“ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับฉันเลย เดินหนีไปดื้อ ๆ ไม่ยื้องั้นเหรอ แถมยังไม่ส่งข้อความ ไม่โทรมาด้วย”
“งั้นไปถามพี่เขาตรง ๆ มั้ย?” ฮั่นนี่พูดเสนอ แต่เธอกลับส่ายหน้า
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวหน้าแหกกลับมาอีก แถมเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วด้วย” เธอเริ่มรู้สึกเวียนศีรษะ และร้อนวูบวาบไปทั่วร่างกายก่อนจะหมอบลงไปบนเคาน์เตอร์แล้วหลับตาลง
“เห้ย ยัยไลค์ จะมานอนตรงนี้ไม่ได้นะเว่ย”
“อืมมม ฉันเวียนหัวอ่ะ”
“นั่นไง ดื่มไม่ดูกำลังตัวเอง อย่างแกน่ะเหมาะกับเหล้าปั่นอ่อน ๆ ที่สุดละ”
“...” เธอเริ่มเมาแต่ยังพอรู้สึกตัวเล็กน้อยได้ลงไปฟุบอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ ท่ามกลางเสียงพูดของเพื่อน ๆ ที่ดังสลับกันอย่างจับใจความไม่ได้
เพียงไม่นานเท่านั้นเสียงพูดและเสียงเพลงที่เคยดังกระหึ่มมันก็เบาลง ในขณะเดียวกันภาพตรงหน้าต่าง ๆ ยังคงฉายให้เห็นพอลาง ๆ
นี่เธอเมามากถึงขั้นประสาทการมองเห็นและการได้ยินมันแย่ขนาดนั้นเลยงั้นเหรอเนี่ย…
“ฉันว่าเราต้องรีบพายัยไลค์กลับแล้วล่ะ ปล่อยไว้แบบนี้แย่แน่ ๆ ไม่รู้ว่าจะถูกคนอื่นลากไปกินต่อมั้ย มันยิ่งเมาแล้วชอบเลื้อยอยู่” เสียงเพื่อนในกลุ่มดังขึ้นอีกครั้ง และพอจะเดาได้ว่าเป็นเสียงของซาน
“บ้า ใครมันจะใจดำปล่อยเพื่อนไว้ด้วยสภาพแบบนี้ได้ล่ะ”
“ฉันต้องกลับแล้ว แต่คนที่บ้านจะหาว่านอกลู่นอกทาง ฉันฝากพวกแกด้วยนะ อย่าทิ้งไลค์” ซานพูดขึ้น
“ไม่ทิ้งหรอกน่า แกรีบกลับเถอะ เดี๋ยวฉันกับซูมี่ดูให้เองไม่ต้องห่วง” เสียงพวกนั้นเงียบไปอีกครั้ง จนกระทั่งทุกอย่างมันเงียบสนิท
.
“ไลค์ ตื่นได้แล้ว”
“หืม?”
“ลงรถมา ฉันมาส่งแกที่คอนโด” พอเธอลืมตาขึ้นก็มองเห็นใบหน้าของยัยฮันนี่และซูมี่ “จะเมาทำไมวะ เมาแล้วสุดท้ายก็มาเป็นภาระคนอื่นเนี่ยรู้ตัวมั้ยว่ามึงเกือบจะได้อีซูเป็นผัวแล้ว”
ฮั่นนี่บ่นขึ้นตามฉบับของมัน แต่ก่อนพยายามช่วยพยุงร่างของฉันให้ลงจากรถ
“ชิ เมาแล้วอ่อยเก่งฉิบหายเลย แต่จะอ่อยใครช่วยมีสติด้วยนะ นี่กูเพื่อนมึงนะ”
“อือโทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอบใจพวกแกมากนะที่อุตส่าห์มาส่ง”
“อือ ไม่เป็นไรเรื่องแค่นี้สบายมาก”
“แต่ขอล่ะนะ อย่าไปเมาแบบนี้ที่ไหนเพียงลำพัง มันอันตราย คนสมัยนี้ยิ่งรู้หน้าไม่รู้ใจอยู่ด้วย ดีที่พวกฉันอยู่ด้วยตลอดแต่ในอนาคตแกอาจไม่โชคดีแบบนี้ก็ได้”
“อือออ เข้าใจแล้ว”
ทั้งฮันนี่และซูมี่ต่างพากันพยุงร่างของเธอเดินเข้าลิฟต์ ก่อนที่ลิฟต์จะไปหยุดอยู่ที่ชั้นที่เธออาศัยอยู่
กึก พรึบ~
พวกมันทิ้งร่างของเธอให้นอนลงบนเตียง ก่อนจะยืนบ่นกันสองคนพักใหญ่โดยที่เธอเองก็ไม่ได้สนใจอะไร เมื่อร่างกายได้ปะทะกับความเย็นของแอร์เธอก็ได้คว้าเอาผ้าห่มมาห่มร่างตัวเองแล้วนอนหลับไปในที่สุด
ปวดหัวอ่ะ ขอนอนก่อนแล้วกันนะ…
ความคิดเห็น