ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Milan & Dear) คลั่งรัก แวมไพร์ซาดิสม์

    ลำดับตอนที่ #2 : #2 ค้างคาว(ไม่)กินกล้วย

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 67


     2

    ค้างคาว(ไม่)กินกล้วย

     

    หลายวันผ่านไป

    “กินสิเจ้าค้างคาว” ดารินทร์วางกล้วยหอมลูกใหม่ให้เจ้าค้างคาวในกรงที่ทำจากเหล็กอย่างดีพูดขึ้น

    แปลก… เจ้าค้างคาวตัวนี้ไม่ทานพวกผักผลไม้เลย หลายวันที่ผ่านมานี้ไม่เห็นมันแตะอาหารที่เธอเอามาให้เลยแม้แต่น้อย แถมยังดูซึมๆ อีกต่างหาก

    “ไม่ชอบเหรอ?” เธอลองมาแทบจะทุกผักและผลไม้ทุกชนิดแล้วนะ ขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไปอีกสักพักมันคงอดตายพอดี

    หรือว่าควรจะปล่อยมันไปตามธรรมชาติดี?

    “กรรรร!!”

    “ว่าไง?” จู่ๆ เจ้าค้างคาวก็กระพือปีกไปมาพร้อมกับขู่เสียงดังจนเธอตกใจ อย่างมันรู้ว่าคิดที่จะปล่อยมันไป

    “อยากออกไปจากที่นี่งั้นเหรอ?”

    เจ้าค้างคาวมันหยุดกระพือปีก แล้วส่ายหน้าเบาๆ ให้ นั่นยิ่งทำให้เธออึ้งไปมากกว่าเดิม เพราะเริ่มมั่นใจแล้วว่าเจ้าค้างคาวตัวนี้มันรู้ภาษาของคน

    หรือว่ามันจะไม่ชอบอยู่ในกรง? ว่าแล้วดารินทร์ก็เปิดประตูกรงออก ปล่อยเจ้าค้างคาวเดินออกมาก่อนที่มันจะบินขึ้นมาเกาะที่หัวไหล่เธอแน่น

    ไม่หนีจริงๆ ด้วยแฮะ…

    “แกคงไม่ชอบถูกขังสินะ” มันพยักหน้า ยิ่งทำให้คนขี้เหงาอย่างดารินทร์ยิ่งรู้สึกตกหลุมรักเจ้าค้างคาวฉลาดตัวนี้มากขึ้นจากเดิมเป็นเท่าตัว

    “ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วมาตั้งชื่อให้แกกันดีกว่า”

    “กรรรร”

    “แต่ก่อนอื่นจะตั้งชื่อได้ก็ต้องรู้เพศของแกก่อนนะ อยู่ด้วยกันมาหลายวันยังไม่รู้เลยว่าแกเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย”

    “กรรรร!” เจ้าค้างคาวกระพือปีกบินหนีไปเกาะอยู่บนเพดาน ห้อยหัวลงมาเอียงหน้ามองอย่างกับว่ามันกำลังเยาะเย้ยว่า ‘แน่จริงก็ขึ้นมาจับให้ได้สิ’ อะไรทำนองนั้น

    “ลงมานะ ขึ้นไปสูงขนาดนั้นใครจะดูได้ล่ะ”

    “กรรรร” เหมือนเจ้าค้างคาวมันจะรู้ว่าเธอรู้สึกสิ้นหวัง มันจึงบินกลับมาเกาะแขนที่ยกขึ้นรอรับมันอยู่ก่อน

    ทันทีที่บินมาเกาะ เธอก็ได้พยายามกางปีกมันออกแล้วส่องดูตรงกลางลำตัวของมันอย่างลืมตัวว่าเจ้าค้างคาวตัวนี้มันอายเป็น รู้ตัวอีกทีถูกมันกัดเข้าที่มืออีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ถึงขั้นเลือดออก

    “เฮ้ๆ ฉันยังฉีดวัคซีนไม่ครบเข็มเลยนะ!”

    ใช่แล้ว หลังจากที่ถูกกัดวันนั้นเธอก็ได้ไปฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า เพราะมันจัดอยู่ในประเภทสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม หนำซ้ำยังต้องฉีดวัคซีนบาดทะยักด้วย

    ดิ้นไม่ยอมให้ดูชัดๆ แบบนี้ใครมันจะไปรู้ว่าเป็นเพศผู้หรือเพศเมียกันเล่า!!

    ดำปิ๊ด งั้นแกชื่อไอ้ดำปิ๊ดก็แล้วกัน”

    “กรรร!?” ค้างคาวมันเอียงหน้าพร้อมกับทำหน้าเหวอมองมาที่เธออย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ทำให้ต้องหลุดขำออกมาเสียงดัง

    “เอียงหน้าแบบนี้คืออะไร? ก็ตัวแกมันดำปิ๊ดจริงๆ อ่ะชื่อดำปิ๊ดน่ะเหมาะที่สุดแล้ว” ดารินทร์ป้องปากขำ คิดว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ตั้งจากรูปลักษณ์ภายนอกแถมยังเรียกง่ายด้วย

    “คิกคิก จะว่าไปหน้าแกเมื่อกี้ก็ตลกดีนะ ชักจะรู้ภาษาคนเยอะเกินไปแล้ว” เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นค้างคาวรู้ภาษาคน หนำซ้ำยังเพิ่งจะเคยเลี้ยงค้างคาวด้วย

    “เป็นค้างคาว ทำไมไม่กินกล้วยกันนะ ในเน็ตก็เห็นบอกว่าค้างคาวชอบกินกล้วยนี่นา”

    “…”

    “ถ้าไม่กินกล้วย ไม่กินผักผลไม้ แล้วที่ผ่านมาแกกินอะไรกันแน่”

    เลือด…

    “!!!?”

    เธอถึงกับตบหน้าเรียกสติตัวเองพร้อมกับขยี้ดวงตาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นและได้ยิน ที่ว่าเจ้าค้างคาวตัวนี้มันเพิ่งจะพูดภาษามนุษย์ออกมาให้ได้ยิน

    “ของพรรค์นั้นข้าไม่กินหรอก!”

    “อะ…เอ๋!!?” ดารินทร์ตกใจจนเผลอสะบัดค้างคาวตัวนั้นลงที่พื้นอย่างแรงจนมันตกลงไปกองอยู่ที่พื้น พร้อมกับใช้ปีกของมันลูบไปมาที่ก้นเบาๆ

    “โอ๊ย!”

    “…”

    “เดี๋ยวก็จับดูดเลือดให้หมดตัวซะเลยนี่”

    ค้างคาวพูดได้งั้นเหรอ?

    “กะ…กรี๊ดด!!!” โครมมม!!!

    ร่างของหญิงสาวล้มเข่าพับลงไปกองกับพื้นอยู่ข้างค้างคาวที่เพิ่งจะตั้งชื่อให้ จนสุดท้ายก็ไม่อาจรับรู้อะไรอีกต่อไป

    “อืมมม” ดารินทร์ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตอนนี้ตัวเองนั้นกำลังนอนอยู่บนเตียงนอน ซึ่งไม่ใช่เพราะเดินมาแน่ๆ แล้วใครกันที่เป็นคนพาเธอมานอนที่นี่

    “ตื่นแล้วรึ?” เสียงทุ้มต่ำยะเยือกเย็นดังขึ้นจากมุมหนึ่งของห้อง เธอจึงใช้สายตาควานหาเจ้าของเสียงตามสัญชาตญาณของมนุษย์เมื่อรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย

    “เธอ… เป็นใคร!?” ดารินทร์ตกใจเมื่อพบเจ้าของใบหน้าที่ขาวซีดเหมือนไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยงและร่างกาย อีกทั้งยังไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าอีกต่างหาก

    มือเรียวยกขึ้นมาปกปิดใบหน้าของตนเอาไว้แต่ก็ยังแอบกางนิ้วออกมาเพื่อมองอีกคน

    ผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ถึงจะมีใบหน้าที่ขาวซีดก็จริง แต่หล่อนกลับสวยและน่าดึงดูดมากจนไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย ดวงตาสีทองประกายนั้นทำเอาจ้องแล้วรู้สึกเหมือนถูกสะกดเอาไว้ให้รู้สึกหลงใหล จมูกโด่งเป็นสันมองแล้วต้องรู้สึกอิจฉาและเรียวปากที่ทรงสวยกระจับได้รูปนั้น ทำเอาคนขี้เหงาอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้

    “มิลาน ไม่สิ…ดำปิ๊ด

    “ดำปิ๊ด?”

    “ก็ชื่อที่เจ้าตั้งให้ข้ายังไง แต่เรียกข้าว่ามิลานเถอะนะชื่อดำปิ๊ดมันไม่เหมาะกับข้าเอาเสียเลย”

    “เป็นไปไม่ได้…”

    “ให้ข้าพิสูจน์ไหมล่ะ ด้วยการกัดคอเจ้า” ร่างสูงเปลือยเปล่านั้นลอยมาขึ้นคร่อมบ่านร่างของเธอเอาไว้ในพริบตาพร้อมกับแยกเขี้ยว

    “อย่านะ!!” พรึบ!

    เมื่อทำเหมือนจะไม่ชื่อ แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นหญิงสาวตรงหน้าก็ได้กลายร่างเป็นค้างคาวตัวเดิม บินเข้ามายืนที่กลางอกของเธอที่กำลังนอนอยู่ พร้อมกับฉีกยิ้มให้กัน

    คะ…ค้างคาวยิ้ม!?

    ตุบ! เมื่อเห็นแบบนั้นสติก็หลุดไปอีกครั้ง และรอบนี้ดูเหมือนจะนานกว่ารอบที่แล้วไปเกือบชั่วโมง

    เมื่อเริ่มกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าอีกคนนั้นกลายร่างกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง และครั้งนี้ก็ไม่ได้เปลือยอีกต่อไปแล้ว และเสื้อผ้าที่หล่อนกำลังสวมอยู่นั้นก็คือชุดนอนของเธอนั่นเอง เลือกชุดไหนไม่เลือก ดันเลือกลายคิตตี้ชุดนอนชุดโปรดของเธอซะงั้น…

    “อย่ามองข้าเช่นนั้น สีมันเตะตาดีก็เลยหยิบมา”

    “ชุดอื่นก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมต้องเป็นชุดนี้?”

    “งั้นข้าจะถอด…”

    “อ๊ะ!! ไม่ต้อง!” ตอนอยู่ในร่างค้างคาวทำไมถึงอาย แต่พออยู่ในร่างมนุษย์ดันไม่รู้จักคำว่าอายซะงั้น เอะอะก็จะถอดลูกเดียว แถมมือคู่นั้นก็เร็วมากซะด้วยถ้าไม่รีบห้ามล่ะก็มีหวังได้เห็นเนื้อในเป็นแน่

    ในขณะเดียวกันเธอเพิ่งฉุดคิดได้ว่า มันแปลกตั้งแต่ที่ค้างคาวตัวนั้นมันฟังภาษาคนออกแล้ว ไม่แปลกเลยที่หล่อนจะฟังออกเพราะหล่อนเองก็เป็นมนุษย์… เอ๊ะเดียวนะ มนุษย์ที่ไหนจะแปลงร่างเป็นค้างคาวได้ล่ะ

    “สรุปเธอเป็นตัวอะไรกันแน่?”

    “ข้าไม่ใช่มนุษย์”

    “ผะ…ผีเหรอ!?”

    “สิ่งที่ข้าเป็นน่ากลัวมากกว่านั้น”

    “ฮึก…อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันยังไม่อยากตาย”

    “ข้าไม่ฆ่าทาสอย่างเจ้าหรอก”

    “ทาส?” เธอได้ยินผิดรึเปล่านะ…

    “หลายวันก่อนเจ้าเองไม่ใช่รึที่อาสาจะดูแลข้า อีกทั้งข้ายังกัดเจ้าเพื่อทำสัญญาทาสแล้วด้วย”

    “ปะ…ไปทำตอนไหน ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

    “ต่อให้เจ้าไม่อาสาจะดูแลข้า เจ้าก็ต้องเป็นของข้าอยู่ดี ข้าถูกใจเจ้านัก”

    “…”

    “ข้าชอบเลือดของเจ้า…”

    “เป็นแวมไพร์รึไง?”

    “อืม…”

    “เหอะ จะเชื่อได้ยังไงว่าเธอคือแวมไพร์ตัวจริง”

    แค่เสี้ยววินาทีเขี้ยวแหลมคมก็ได้งอกออกมาให้เห็น พร้อมกับใบหน้าที่ขาวซีดไร้เลือดหล่อเลี้ยง ดวงตาสีทองประกายแสงในเงามืด ทำให้ดารินทร์รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว และเพื่อให้เธอเชื่ออย่างสนิทใจมากขึ้น หล่อนจึงแปลงกายเป็นค้างคาวสีดำ แมวดำ สนุกสีดำ และงูสีดำ ทุกอย่างล้วนเป็นสีดำสนิท จนดารินทร์เธอต้องยกมือขึ้นเป็นการขอร้องให้เขาหยุด ก่อนที่เขาจะแปลงกายเป็นช้าง ม้า ตัวใหญ่จนตึกถล่ม

    “พอได้แล้ว ชะ…เชื่อแล้ว”

    “เพราะงั้นตั้งแต่จากนี้ไป จงทำหน้าที่ทาสรับใช้ของเจ้าให้ดีที่สุด ไม่งั้นข้าจะดูดเลือดเจ้าไม่ให้เหลือสักหยด”

    “หน้าที่ที่ว่านี้คือทำอะไรกันแน่?”

    “ไม่ต้องทำอะไร แค่ยินยอมในสิ่งที่ข้าต้องการ”

    “…” เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าหล่อนหมายถึงอะไร

    จู่ๆ ก็มาทำสัญญาบ้าๆ แล้วมาอาศัยกันอยู่แบบนี้เนี่ยนะ? มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ

    “ข้าร้อนรุ่มเหลือเกิน…” ใบหน้าขาวซีดพูดพลางก้มสำรวจร่างกายของเธออย่างเสียมารยาท ก่อนยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ข้าต้องการสืบพันธุ์กับเจ้า

    ไม่พูดเปล่า คลานขึ้นเตียงดึงขาทั้งสองข้างของเธอให้ขยับเข้าไปใกล้ตัว ร่างเล็กดิ้นพล่านด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่อาจสู้แรงของปีศาจตรงหน้าได้

    “ยะ…หยุดนะ!”

    “เป็นแค่ทาส ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ!”

    “หึ้ยใครจะยอมเป็นทาสเธอ! ยัยบ้า!” ผั๊วะ!!

    กำปั้นเล็กซัดเข้าเบ้าตาของแวมไพร์สาวผู้แข็งแกร่งเต็มแรงอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำเอาหงายลงไปร้องโอดโอยที่พื้น แต่เพียงไม่นานร่างนั้นก็ยืนขึ้นเต็มความสูงมีสีหน้าไม่พอใจ

    “อยากตายใช่ไหม?”

    “เหอะ!” ขนาดขู่แล้วยังไม่มีท่าทีเกรงกลัว

    “ก็ได้ งั้นข้ามีอีกทางเลือกให้เจ้า”

    “ทางเลือกอะไรอีก”

    “หากไม่อยากเป็นทาส งั้นข้าจะให้เจ้าเป็นเมีย

    “มะ…ไม่เอา”

    “เป็นเมียข้าไม่ดีตรงไหน?”

    “ก็ไม่ดีทุกตรงนั่นแหละ”

    “ข้าเป็นให้เจ้าได้ทุกอย่าง อะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ ให้ข้าเป็นสัตว์ที่เจ้าชอบก็ยังได้” เมื่อรู้ว่าอีกคนรักสัตว์ แวมไพร์เจ้าเล่ห์จึงได้นำมันมาเสนอ

    “…” แต่จะว่าไป เวลาที่ยัยนี่แปลงกายเป็นสัตว์ไม่รู้ทำไมมันถึงดูน่ารักมากขนาดนั้น จนเธออยากจะเลี้ยงเลย “แน่ใจนะว่าเป็นให้ได้ทุกอย่าง”

    “ข้าพูดคำไหนคำนั้น”

    “กระต่ายได้ไหม? กระต่ายน่ารักๆ ขนนุ่มๆ ฟูๆ”

    “นี่เจ้าจะให้ข้าแปลงกายเป็นอาหารจานโปรดของตัวเองงั้นหรือ?”

    “ไหนบอกว่าเป็นให้ได้ทุกอย่างไง!?”

    “เห้อ ก็ได้…” พรึบ…

    เมื่อสิ้นสุดพูดคนตรงหน้าก็กลายร่างเป็นกระต่ายขนสีดำเงา หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักๆ จนหัวใจคนรักสัตว์อย่างดารินทร์เต้นรัวอยากจะอุ้มมันมาอยู่ในอ้อมกอด

    “อุ้มข้าสิ”

    “อะ…อุ้มได้ด้วยเหรอ?”

    “ข้าเป็นของเจ้าแล้วทำไมจะอุ้มไม่ได้”

    “…” ดารินทร์มองดูเจ้ากระต่ายขนดกดำทำท่าทีออดอ้อนในฝ่ามือของเธอด้วยการมุดและถูใบหน้าไปมาอย่างรู้สึกเอ็นดู มันจะเลียเข้าที่นิ้วเรียวของเธอจนเปียกชุ่ม 

    “มะ…มิลาน เธอทำอะไรน่ะ มันจักจี้นะ”

    “ตัวเจ้าหอมหวานน่าอร่อยจนข้าแทบอดใจไม่ไหว”

    “ฉันไม่ใช่ลูกอมนะ!”

    “แล้วเมื่อใดเจ้าจะยอมให้ข้าผสมพันธุ์ด้วยเล่า”

    “มะ…ไม่มีทาง!” เป็นกระต่ายหน้าตาน่ารักๆ แล้วสมองยังไม่เลิกลาจากเรื่องพรรค์นั้นอีก
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×