ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คุณไลคหล่อนชอบคนเร้าใจ

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 8 ว่าจะไม่

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ย. 67


    Chapter 8

    ว่าจะไม่

     

     

    สองสัปดาห์ต่อมา 

    “มองอะไร?”

    “รอบนี้ไม่ดื่มเตกีล่าอีกแล้วเหรอ?” ฮันนี่ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ถามขึ้น หลังจากที่เรานั่งจ้องหน้ากันมาสักพัก

    “แล้วมีเหตุผลอะไรต้องที่ฉันต้องดื่ม?”

    เดิมทีก็เป็นคนคออ่อนอยู่แล้ว ถ้าดื่มก็จะดื่มแค่ตอนที่จำเป็นเท่านั้นแหละ โดยเฉพาะตอนเสียใจ...

    จู่ ๆ เธอถูกเพื่อนตัวดีลากมาพบที่เดิม โดยพวกมันให้เหตุผลว่าอยากเจอ และคุยอัพเดตเรื่องชีวิต เพราะครั้งล่าสุดที่คุยกัน เธอก็หายเงียบไปเป็นเดือน 

     

    “งั้นแสดงว่ามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นสินะ” ฮันนี่หันไปยิ้มให้ซูมี่

    ซึ่งท่าทางของเพื่อน ๆ ที่แสดงออกมานั้น ยิ่งสร้างความแปลกใจให้เธอเป็นอย่างมาก 

    “อะไร? มีอะไร?”

    “อัพเดตชีวิตให้ฟังหน่อยสิ”

    “ทำไมคนต้องเป็นฉันคนเดียวที่ต้องมาคอยอัพเดทชีวิตส่วนตัวให้พวกแกฟัง ถ้าอยากรู้เรื่องของฉันพวกแกก็อัพเดทมาก่อนสิ ถือว่าแลก ๆ กัน”

    “ไม่อ่ะ ชีวิตพวกฉันไม่มีอะไรให้อัพเดทเหมือนแกนี่ เร็ว ๆ สิ ต่อมเสือกฉันมันสั่นคลอนอยากจะฟังไม่ไหวแล้ว” ซูมี่พูดไปยิ้มไป เหมือนจงใจกวนประสาทกัน และแน่นอนว่ามันได้ผล 

    “อ่านปากกูนะคะว่า ไม่!

    “อย่าบอกนะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยในช่วงหนึ่งเดือนมานี้?”

    “ฉันว่าคงจะประมาณนั้นแหละ”

    “แกจะไปคาดหวังอะไรกับยัยไลค์มันนักหนา แค่มันยอมออกมากับเราก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว” ซานที่นั่งเงียบมาตั้งแต่แรกพูดขึ้นเป็นเชิงห้ามเพื่อนก่อนจะมีมวยกันเกิดขึ้น 

    เธอเป็นคนอีโก้สูงพอตัวไม่ชอบคำพูดที่ว่า เธอไม่สำเร็จ ไม่มีความคืบหน้า ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามจึงเม้มริมฝีปากแน่น

    จะให้บอกนิดนึงก็ได้

    “เรากลับมาคุยกันได้เกือบเดือนแล้ว”

    “หาา!!? ได้ไง?”

    “ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะต้องเข้าหาพี่เขายังไง บังเอิญว่าพี่เขาส่งดอกไม้แทนคำขอโทษที่วันนั้นเดินชนฉันมาให้ถึงบริษัท”

    “จำได้ว่าเป็นแกไม่ใช่เหรอ ที่ไปเดินชนพี่เขาอ่ะ”

    “ใช่ เป็นฉันเองที่เดินชนพี่เขา ฉันเองก็ไม่เขาใจว่าทำไมพี่เขาถึงได้ส่งดอกไม้มาแล้วบอกแบบนั้น มันก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าฉันเองที่เป็นคนผิด”

    “ฉันว่าพี่เขาก็แค่หาข้ออ้างในการกลับมาคุยกับแกชัวร์”

    “ใช่ ดูยังไงก็รู้ว่าพี่เขายังชอบแกอยู่” ทั้งฮันนี่และซูมี่ต่างก็ออกความคิดเห็น

    “แกคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?”

    “อิจฉาอีไลค์ว่ะ มาตบกับกูสักยกมั้ย?” ซูมี่พูดแล้วยิ้มกวน ๆ

    “จริงสิ คนอย่างพี่โซน่ะเข้าถึงยากจะตาย แต่นี่พี่เขาถึงขั้นส่งดอกไม้มาให้แก แล้วก็กลับมาคุยกัน? นั่นก็พิสูจน์ได้แล้วนะว่าพี่เขาคิดยังไงกับแกน่ะ”

    “แต่เชื่อมั้ยว่าพี่เขาเปลี่ยนไปเยอะมาก”

    “ยังไง”

    “ครั้งนี้พี่เขาระวังตัวมากขึ้น”

    “โอ้ยยยยย กะว่าจะไม่ให้พี่เขาเซฟความรู้สึกตัวเองบ้างเลยรึไง!? ครั้งก่อนรักมากชอบมากแล้วเป็นไง โดนแกเขี่ยทิ้ง!! คนเรามันเจ็บแล้วจำมั้ยวะ!?” ฮันนี่ตบโต๊ะพูดเสียงดัง ทำเอาคนในบาร์ต่างพากันหันมามอง 

    “ใจเย็นก่อนฮัน แล้วแกจะเสียงดังไปทำไมคนมองมาที่โต๊ะเราเต็มเลย นั่งลง!” ซานดึงแขนของฮันนี่ให้นั่งลงอีกครั้ง

    “ถ้าพี่เขาระวังตัวมากขึ้น งั้นแกก็ต้องยิ่งเป็นฝ่ายเข้าหาพี่เขามากขึ้นเช่นกันมั้ยวะ”

    “ยังไง...”

    “ก็ทำให้พี่เขารู้สิ ว่าแกสนใจพี่เขาอยู่และอยากได้พี่เขาคืนทำนองนั้น”

    “...”

    “ใช้มารยาของทั้งหมดที่แกมีทำให้พี่เขารู้ไปเลย ว่าแกกลับมารอบนี้แกต้องการพี่เขาจริง ๆ”

    “มารยา? เหอะ นี่แกจะบอกว่าให้ฉันไปอ่อยพี่เขาเหมือนที่แกชอบทำกับเหยื่อของแกงั้นเหรอ? จะบ้า!” เธอถามฮันนี่อย่างรู้ทันกัน มารยาที่ยัยนี่พูดถึงน่ะ ก็คือสกิลการอ่อยนี่แหละ และแน่นอนว่าเธอก็ใช้มันเก่งพอตัวโดยเฉพาะตอนเมา

    “คิดว่าวิธีนี้คงใช้ไม่ได้กับพี่โซอ่ะ แกก็รู้ว่าคนแบบพี่โซ ยิ่งอ่อยพี่เขายิ่งผลักไสนะ”

    “พี่เขาจะผลักไสแกไม่ได้ ถ้าหากแกมัดมือมัดเท้าพี่เขาไว้”

    “ถ้าพี่เขาหลุดไปได้มีหวังฉันได้ตายห่าแน่”

    “พี่เขาไม่กล้าทำอะไรแกหรอก”

    ไม่กล้าอะไร บีบคอก็เคยมาแล้ว

    “อ่อยแบบผู้ดีน่ะแกรู้จักมั้ย หรือว่าให้สอนใหม่?”

    “เลิกพูดมากสักที เรื่องของฉันฉันจะจัดการมันเอง เอาเตกีล่ามากชุดใหญ่ชุดนึงค่ะ!” เธอเปลี่ยนเรื่องโดยการสั่งเครื่องดื่มมาชุดใหญ่ โดยเป็นเตกีล่าสิบสองช็อต ก่อนจะหยิบแก้วยื่นให้เพื่อนคนละช็อต “มาดื่มกันเถอะ ถือว่าฉลองล่วงหน้าที่ฉันจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาสักที”

    “มึงว่ามันฉลาดเปลี่ยนเรื่องป้ะ”

    “ที่สุดอ่ะ” ฮันนี่กับซูมี่น่าหันไปกระซิบคุยกัน

    “กูได้ยินนะ”

    “ฉลองแบบนี้ ไม่เร็วไปหน่อยเหรอวะ?”

    “เรื่องฉันกับพี่โซ ไม่มีคำว่าเร็วเกินไปหรอกน่าาา”

    “เออ ๆ เพื่อนจะมีความรักทั้งทีมันก็ต้องน่ายินดีอยู่แล้ว เอ้าชน!”

    เคร้งงง~~~~

    เราทุกคนยกดื่มมันพร้อมกันรวดเดียว ยกเว้นซานที่นั่งมองอยู่เงียบ ๆ เพราะซานเป็นคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลย ซึ่งน่าแปลกที่คบกับพวกเรามาได้หลายปี 

    “ซาน ทำไมแกไม่ดื่มล่ะ”

    “พูดอย่างกับว่ามันเคยดื่มให้เห็นอ่ะ น้องคะพี่ขอน้ำเปล่าเพิ่มหนึ่งแก้วค่ะ” ซูมี่แย่งเตกีล่าในมือของซานไปดื่ม ก่อนจะหันไปสั่งน้ำดื่มให้ซาน “อ่ะนี่ซาน น้ำเปล่า”

    “ขอบใจซู”

    “แกนี่รู้ใจยัยซานมันดีจริง ๆ เลยนะ”

    “เป็นเพื่อนกันมาตั้งกี่ปี เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่รู้ล่ะ”

    “เราทุกคนต่างก็รู้ใจกันหมดนั่นแหละ ไม่งั้นจะเป็นเพื่อนกันมาได้ถึงสิบกว่าปีเหรอ?”

    “ฉันถามแกจริง ๆ เถอะนะ เมื่อไหร่จะเลิกล่าแต้มกันสักที?ถึงจะเป็นผู้หญิงเหมือนกันแต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยนะ”

    เธอหันไปถามฮันนี่และซูมี่ ที่กำลังนั่งโยกไปมาอยู่อย่างอารมณ์ดีเพราะเพลงในร้าน พร้อมกับจ้องไปที่ดีเจไม่วางตา

    “ก็จนกว่าโชคชะตาจะให้หยุดนั่นแหละ” ฮันนี่ตอบ

    “เกิดมาชาตินี้ กะว่าจะใช้ให้มันคุ้มเลยใช่มั้ย? หอยของแกน่ะ”

    “แต่ก็เลือกอยู่นะ ว่าไม่ได้”

    “แล้วแกล่ะซูมี่”

    “อีกไม่นานหรอก”

    “ทำไม หรือว่าเจอคนที่ถูกใจแล้ว?”

    “ก็ไม่เชิง”

    “พวกเราก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ฉันว่าถ้าไม่คิดที่จะสร้างครอบครัว ก็ไม่ควรลดคุณค่าตัวเองเถอะ”

    “ลดคุณค่าอะไรกัน เราก็ไม่ได้ไปแย่งแฟนชาวบ้านมาสักหน่อย เราแค่รักสนุก”

    “อย่างแกจะไปรู้อะไร ขึ้นไปนอนเตียงเดียวกับพี่โซให้ได้ก่อนเถอะ”

    “เห้อออ เลิกเถอะก่อนที่มันจะสายไป”

    เพราะขนาดเธอกับพี่โซยังไม่ได้เป็นอะไรกัน เธอยังรู้สึกผิดมากเลยที่เล่นควงคนอื่นไปทั่ว ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนยังรู้สึกสนุกกับมันมากแท้ ๆ ตอนนี้มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว

     

    วันต่อมา

    บ้านตระกูลอันวิน

    เธอกลับบ้านใหญ่ในรอบหลายเดือนหลังจากออกมาจริงจังกับงาน แต่อาจจะมีเที่ยวเล่นตามประสา แต่ก็ไม่ได้ทำให้มีผลกระทบต่องานที่ทำอยู่แต่อย่างใด ไม่รู้ว่าจู่ ๆ คุณพ่อกับคุณแม่เรียกมาทำไมเพราะปกติพวกเขาทั้งสองเองก็แทบจะไม่มีเวลาอยู่แล้วเช่นกัน 

    “มาสักทีนะลูก”

    “สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ เรียกไลค์มากหาด่วนแบบนี้มีอะไรรึเปล่าคะ?”

    “พ่อกับแม่แค่คิดถึง ก็เลยเรียกมาทานข้าวด้วยกันเฉย ๆ น่ะ ไม่มีอะไรมากหรอกจ้ะ” เธอเดินเข้าไปกอดบุพการีทั้งสองคน ก่อนที่คนเป็นแม่จะจูงมือให้เดินเข้าไปในห้องอาหาร ที่ตอนนี้บนโต๊ะถูกจัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว 

    “ตั้งแต่เลิฟแต่งงานแล้วย้ายออกไปอยู่กับขวัญไลค์ก็หายเงียบไปเลย เป็นไงบ้างลูกช่วงนี้สบายดีมั้ย? หายหน้าหายตาไปเลย”

    “ก็ดีค่ะคุณแม่ คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงไลค์นะคะ ไลค์ดูแลตัวเองได้ค่ะ”

    “หนูบอกแบบนั้นแม่ก็สบายใจแล้วลูก”

    “แต่มันก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ดีนี่นา”

    “คุณ” คุณแม่ได้ห้ามคุณพ่อเอาไว้ เมื่อดูเหมือนว่าเขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง 

    “มีอะไรรึเปล่าคะ?”

    “ไลค์ อย่าว่าพ่อกับแม่อย่างงั้นอย่างงี้เลยนะลูก พ่อกับแม่แค่เป็นห่วงหนู กลัวหนูจะรู้สึกเหงา”

    “คุณแม่คะแต่หนูไม่ได้เหงา”

    “พ่ออยากให้หนูมีคนดูแลหนูเหมือนพี่น้องคนอื่น ๆ สักที”

    “คุณพ่อคะ…”

    “ไลค์ พ่อกับแม่เองก็แก่มากขึ้นทุกวัน หากจะให้ตายตาหลับได้ก็อยากจะเห็นลูกทุกคนเป็นฝั่งเป็นฝาเห็นลูก ๆ มีคนรักที่ดี พ่อกับแม่ขอมากเกินไปรึเปล่าลูก? ปีนี้หนูก็สามสิบสองแล้ว ยังไร้วี่แววที่หนูจะมีคนรักอยู่เลย พ่อก็เลย…”

    “คุณคะ อย่าเพิ่งพูดตอนนี้ให้ลูกได้กินข้าวก่อน”

    “ถ้าไม่พูดตอนนี้แล้วจะให้ผมพูดตอนไหนคุณ?”

    “สิ่งที่คุณคิดจะทำมันกำลังเป็นการบังคับลูกอยู่นะคุณรู้ตัวมั้ย?”

    “ผมรู้ แต่ที่ผมคิดจะทำ ก็เพื่อตัวของลูกเอง”

    “แล้วคุณถามความสมัครใจของลูกรึยัง? ถ้าพูดไปแล้วลูกโกรธแล้วพาลไม่มาคุยกับฉันด้วยล่ะก็ ระวังเถอะ ว่าในยามที่คุณหลับใหลฉันจะขึ้นไปบีบคอคุณให้ตายคาเตียงเลย!”

    นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นคุณพ่อกับคุณแม่นั่งเถียงกันไปมาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังว่าครั้งไหน ๆ นี่ถ้าหากไม่ใช่สามีภรรยากันนะ คิดว่าน่าจะมีตีมวยกันไปแล้ว อีกอย่างลูกอย่างเธอกำลังนั่งโด่อยู่ตรงนี้ด้วย พวกท่านยิ่งไม่กล้า

    “เอ่อ…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่คะ ไลค์งงไปหมดแล้ว”

    “คุณสมิธเขาคิดจะจับคู่กับลูกชายของเพื่อนเขาน่ะสิ” คุณมณีเรียกสามีด้วยชื่อ ซึ่งบ่งบอกถึงความไม่พอใจต่อสามีอย่างยิ่ง 

    “ว่าไงนะคะ!?”

    “จริง ๆ พ่อก็ว่าจะไม่ทำแบบนี้ แต่หากหนูยังคงโสดอยู่พ่ออาจต้องหาคนดี ๆ สักคนมาแต่งงานกับลูก”

    “แล้วคุณพ่อรู้ได้ยังไงคะ ว่าคนที่คุณพ่อหามาให้หนูเขาจะเป็นคนดีอย่างที่คิดเอาไว้”

    “พ่อรู้จักไม้เขาดี พ่อเห็นเขามาตั้งแต่ยังเด็กเขาถูกเลี้ยงมาอย่างดีเพื่อให้โตมาเป็นสุภาพบุรุษ”

    “ไม้? พ่อหมายถึงพี่ไม้ พี่มานพน่ะเหรอคะ?”

    “ใช่แล้ว นี่ลูกรู้จักพี่เขาด้วยงั้นเหรอ?”

    “รู้จักสิคะ พี่เขาเคยมาจีบแต่ไลค์คิดกับเขาแค่รุ่นพี่จริง ๆ"

    “ถ้าแต่งงานอาจจะชอบก็ได้นะ”

    “ไม่เอาด้วยหรอกค่ะคุณพ่อ ตอนนี้ไลค์มีคนที่ไลค์ชอบอยู่แล้ว และไลค์กำลังเดินหน้าจีบพี่เขาค่ะ คุณพ่ออย่าทำเหมือนเป็นตัวร้ายในละครที่คนดูเขารุมเกลียดจะได้มั้ยคะ”

    “แหม พ่อก็เพิ่งจะเคยมีความคิดแบบนี้กับลูกครั้งแรกนี้แหละครับ เอาเป็นว่าพ่อไม่บังคับก็ได้ ว่าแต่คนที่หนูชอบคนนั้นเขาเป็นใคร พ่อรู้จักเขามั้ย?”

    “คุณพ่อจะรู้จักนะคะ”

    ตามที่คิด จริง ๆ แล้วคุณพ่อหรือคุณแม่เขาก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะบังคับอะไรเธอ แค่ห่วงเรื่องลูกสาวจะหาคนรักไม่ได้ แต่การหาคนรักให้กันแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องสักเท่าไหร่

    เพราะการจะแต่งงานกับใครสักคน มันต้องเกิดจากความรักสิถึงจะถูก

    หึ งั้นแบบนี้เธอคงต้องเร่งหาลูกเขยมาให้พวกเขาซะแล้วสิ ไม่งั้นนะคงถูกจับให้คู่กับพี่ไม้คนคุยเก่าของตัวเองแน่

    และพี่ไม้ไม่ใช่ว่าพี่เขาไม่ดี แต่เพียงเพราะเธอไม่ได้ชอบผู้ชายเท่านั้น

    “ชักจะอยากเจอหน้าแล้วสิ”

    “ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ เราสองคนเพิ่งคุยกัน”

    “ใจเย็นอะไร สมัยพ่อกับแม่คุยกันแค่ครึ่งวันพ่อก็ขอแม่แต่งงานแล้ว”

    “คุณคะอย่าโม้ให้มันมาก คุณเองก็ตามตื๊อฉันมาเป็นปีเหมือนกันนั่นแหละอย่าให้ฉันต้องพูด”

    “โถ่คุณ เพราะคุณบอกว่าสาวไทยไม่ชอบอะไรที่มันฉาบฉวยนี่นา ถ้าเป็นต่างชาติแบบผมล่ะก็ คงแต่งกันตั้งแต่เดือนสองเดือนแรกไปแล้ว”

    “ก็เพราะฉันคือคนไทยไง! ใครจะไปเหมือนยัยสาวออสซี่ยั่วสวาทคนนั้นของคุณกันล่ะฮะ!!!”

    “เฮ้ ๆ ๆ ใจเย็นน่าคุณ ลูกมีก็มีด้วยกันมาสามคนแล้วนี่คุณยังฝังใจเรื่องผู้หญิงคนนั้นอยู่อีกเหรอครับ? ผมยอมย้ายมาแต่งงานและอยู่กินกับคุณที่ไทยขนาดนี้แล้วนะ ยังไม่เชื่อใจผมอีกเหรอครับ ผมว่าอย่าไปนึกถึงอดีตอะไรพวกนั้นเลยนะ”

    “ก็ยัยนั่นมันมาอ่อยคุณ จะแย่งคุณไปจากฉันนี่! เรื่องอะไรที่ฉันจะต้องลืม!?”

    “แต่ผมก็เลือกคุณนะครับ ครั้งนั้นคุณแค่เข้าใจผิด ระหว่างผมกับผู้หญิงคนนั้นมันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย”

    “แต่ว่าคุณมัน! บลา ๆ ๆ ๆ”

    “เห้ออออ”

    เธอที่นั่งฟังอยู่ถอนหายใจออกมาดัง ๆ จนกระทั่งทานข้าวเสร็จเตรียมจะเดินออกจากบ้าน พวกเขาทั้งสองก็ยังคงตีกันไม่หยุด

    “คุณนี่มัน!…จริง ๆ เลย!”

    “โอ๊ยยยคุณ ผมเจ็บนะคุณ!”

    “เจ็บสิดี!”

    “ไลค์กลับก่อนนะคะ ไว้จะมาหาใหม่” เผ่นดีกว่าเรา อยู่ไปก็ขวางหูขวางตาสามีตีกันซะมากกว่า

    อ้อ แล้วก็ขอบคุณสำหรับอาหาร กลับมาทานข้าวที่บ้านทีไรก็อร่อยทุกที อิ่มจังตังค์อยู่ครบของแท้


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×