คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 8 ว่าจะไม่
Chapter 8
ว่าจะไม่
สองสัปดาห์ต่อมา
“มองอะไร?”
“รอบนี้ไม่ดื่มเตกีล่าอีกแล้วเหรอ?” ฮันนี่ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ถามขึ้น หลังจากที่เรานั่งจ้องหน้ากันมาสักพัก
“แล้วมีเหตุผลอะไรต้องที่ฉันต้องดื่ม?”
เดิมทีก็เป็นคนคออ่อนอยู่แล้ว ถ้าดื่มก็จะดื่มแค่ตอนที่จำเป็นเท่านั้นแหละ โดยเฉพาะตอนเสียใจ...
จู่ ๆ เธอถูกเพื่อนตัวดีลากมาพบที่เดิม โดยพวกมันให้เหตุผลว่าอยากเจอ และคุยอัพเดตเรื่องชีวิต เพราะครั้งล่าสุดที่คุยกัน เธอก็หายเงียบไปเป็นเดือน
“งั้นแสดงว่ามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นสินะ” ฮันนี่หันไปยิ้มให้ซูมี่
ซึ่งท่าทางของเพื่อน ๆ ที่แสดงออกมานั้น ยิ่งสร้างความแปลกใจให้เธอเป็นอย่างมาก
“อะไร? มีอะไร?”
“อัพเดตชีวิตให้ฟังหน่อยสิ”
“ทำไมคนต้องเป็นฉันคนเดียวที่ต้องมาคอยอัพเดทชีวิตส่วนตัวให้พวกแกฟัง ถ้าอยากรู้เรื่องของฉันพวกแกก็อัพเดทมาก่อนสิ ถือว่าแลก ๆ กัน”
“ไม่อ่ะ ชีวิตพวกฉันไม่มีอะไรให้อัพเดทเหมือนแกนี่ เร็ว ๆ สิ ต่อมเสือกฉันมันสั่นคลอนอยากจะฟังไม่ไหวแล้ว” ซูมี่พูดไปยิ้มไป เหมือนจงใจกวนประสาทกัน และแน่นอนว่ามันได้ผล
“อ่านปากกูนะคะว่า ไม่!”
“อย่าบอกนะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยในช่วงหนึ่งเดือนมานี้?”
“ฉันว่าคงจะประมาณนั้นแหละ”
“แกจะไปคาดหวังอะไรกับยัยไลค์มันนักหนา แค่มันยอมออกมากับเราก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว” ซานที่นั่งเงียบมาตั้งแต่แรกพูดขึ้นเป็นเชิงห้ามเพื่อนก่อนจะมีมวยกันเกิดขึ้น
เธอเป็นคนอีโก้สูงพอตัวไม่ชอบคำพูดที่ว่า เธอไม่สำเร็จ ไม่มีความคืบหน้า ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามจึงเม้มริมฝีปากแน่น
จะให้บอกนิดนึงก็ได้
“เรากลับมาคุยกันได้เกือบเดือนแล้ว”
“หาา!!? ได้ไง?”
“ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะต้องเข้าหาพี่เขายังไง บังเอิญว่าพี่เขาส่งดอกไม้แทนคำขอโทษที่วันนั้นเดินชนฉันมาให้ถึงบริษัท”
“จำได้ว่าเป็นแกไม่ใช่เหรอ ที่ไปเดินชนพี่เขาอ่ะ”
“ใช่ เป็นฉันเองที่เดินชนพี่เขา ฉันเองก็ไม่เขาใจว่าทำไมพี่เขาถึงได้ส่งดอกไม้มาแล้วบอกแบบนั้น มันก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าฉันเองที่เป็นคนผิด”
“ฉันว่าพี่เขาก็แค่หาข้ออ้างในการกลับมาคุยกับแกชัวร์”
“ใช่ ดูยังไงก็รู้ว่าพี่เขายังชอบแกอยู่” ทั้งฮันนี่และซูมี่ต่างก็ออกความคิดเห็น
“แกคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?”
“อิจฉาอีไลค์ว่ะ มาตบกับกูสักยกมั้ย?” ซูมี่พูดแล้วยิ้มกวน ๆ
“จริงสิ คนอย่างพี่โซน่ะเข้าถึงยากจะตาย แต่นี่พี่เขาถึงขั้นส่งดอกไม้มาให้แก แล้วก็กลับมาคุยกัน? นั่นก็พิสูจน์ได้แล้วนะว่าพี่เขาคิดยังไงกับแกน่ะ”
“แต่เชื่อมั้ยว่าพี่เขาเปลี่ยนไปเยอะมาก”
“ยังไง”
“ครั้งนี้พี่เขาระวังตัวมากขึ้น”
“โอ้ยยยยย กะว่าจะไม่ให้พี่เขาเซฟความรู้สึกตัวเองบ้างเลยรึไง!? ครั้งก่อนรักมากชอบมากแล้วเป็นไง โดนแกเขี่ยทิ้ง!! คนเรามันเจ็บแล้วจำมั้ยวะ!?” ฮันนี่ตบโต๊ะพูดเสียงดัง ทำเอาคนในบาร์ต่างพากันหันมามอง
“ใจเย็นก่อนฮัน แล้วแกจะเสียงดังไปทำไมคนมองมาที่โต๊ะเราเต็มเลย นั่งลง!” ซานดึงแขนของฮันนี่ให้นั่งลงอีกครั้ง
“ถ้าพี่เขาระวังตัวมากขึ้น งั้นแกก็ต้องยิ่งเป็นฝ่ายเข้าหาพี่เขามากขึ้นเช่นกันมั้ยวะ”
“ยังไง...”
“ก็ทำให้พี่เขารู้สิ ว่าแกสนใจพี่เขาอยู่และอยากได้พี่เขาคืนทำนองนั้น”
“...”
“ใช้มารยาของทั้งหมดที่แกมีทำให้พี่เขารู้ไปเลย ว่าแกกลับมารอบนี้แกต้องการพี่เขาจริง ๆ”
“มารยา? เหอะ นี่แกจะบอกว่าให้ฉันไปอ่อยพี่เขาเหมือนที่แกชอบทำกับเหยื่อของแกงั้นเหรอ? จะบ้า!” เธอถามฮันนี่อย่างรู้ทันกัน มารยาที่ยัยนี่พูดถึงน่ะ ก็คือสกิลการอ่อยนี่แหละ และแน่นอนว่าเธอก็ใช้มันเก่งพอตัวโดยเฉพาะตอนเมา
“คิดว่าวิธีนี้คงใช้ไม่ได้กับพี่โซอ่ะ แกก็รู้ว่าคนแบบพี่โซ ยิ่งอ่อยพี่เขายิ่งผลักไสนะ”
“พี่เขาจะผลักไสแกไม่ได้ ถ้าหากแกมัดมือมัดเท้าพี่เขาไว้”
“ถ้าพี่เขาหลุดไปได้มีหวังฉันได้ตายห่าแน่”
“พี่เขาไม่กล้าทำอะไรแกหรอก”
ไม่กล้าอะไร บีบคอก็เคยมาแล้ว
“อ่อยแบบผู้ดีน่ะแกรู้จักมั้ย หรือว่าให้สอนใหม่?”
“เลิกพูดมากสักที เรื่องของฉันฉันจะจัดการมันเอง เอาเตกีล่ามากชุดใหญ่ชุดนึงค่ะ!” เธอเปลี่ยนเรื่องโดยการสั่งเครื่องดื่มมาชุดใหญ่ โดยเป็นเตกีล่าสิบสองช็อต ก่อนจะหยิบแก้วยื่นให้เพื่อนคนละช็อต “มาดื่มกันเถอะ ถือว่าฉลองล่วงหน้าที่ฉันจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาสักที”
“มึงว่ามันฉลาดเปลี่ยนเรื่องป้ะ”
“ที่สุดอ่ะ” ฮันนี่กับซูมี่น่าหันไปกระซิบคุยกัน
“กูได้ยินนะ”
“ฉลองแบบนี้ ไม่เร็วไปหน่อยเหรอวะ?”
“เรื่องฉันกับพี่โซ ไม่มีคำว่าเร็วเกินไปหรอกน่าาา”
“เออ ๆ เพื่อนจะมีความรักทั้งทีมันก็ต้องน่ายินดีอยู่แล้ว เอ้าชน!”
เคร้งงง~~~~
เราทุกคนยกดื่มมันพร้อมกันรวดเดียว ยกเว้นซานที่นั่งมองอยู่เงียบ ๆ เพราะซานเป็นคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลย ซึ่งน่าแปลกที่คบกับพวกเรามาได้หลายปี
“ซาน ทำไมแกไม่ดื่มล่ะ”
“พูดอย่างกับว่ามันเคยดื่มให้เห็นอ่ะ น้องคะพี่ขอน้ำเปล่าเพิ่มหนึ่งแก้วค่ะ” ซูมี่แย่งเตกีล่าในมือของซานไปดื่ม ก่อนจะหันไปสั่งน้ำดื่มให้ซาน “อ่ะนี่ซาน น้ำเปล่า”
“ขอบใจซู”
“แกนี่รู้ใจยัยซานมันดีจริง ๆ เลยนะ”
“เป็นเพื่อนกันมาตั้งกี่ปี เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่รู้ล่ะ”
“เราทุกคนต่างก็รู้ใจกันหมดนั่นแหละ ไม่งั้นจะเป็นเพื่อนกันมาได้ถึงสิบกว่าปีเหรอ?”
“ฉันถามแกจริง ๆ เถอะนะ เมื่อไหร่จะเลิกล่าแต้มกันสักที?ถึงจะเป็นผู้หญิงเหมือนกันแต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยนะ”
เธอหันไปถามฮันนี่และซูมี่ ที่กำลังนั่งโยกไปมาอยู่อย่างอารมณ์ดีเพราะเพลงในร้าน พร้อมกับจ้องไปที่ดีเจไม่วางตา
“ก็จนกว่าโชคชะตาจะให้หยุดนั่นแหละ” ฮันนี่ตอบ
“เกิดมาชาตินี้ กะว่าจะใช้ให้มันคุ้มเลยใช่มั้ย? หอยของแกน่ะ”
“แต่ก็เลือกอยู่นะ ว่าไม่ได้”
“แล้วแกล่ะซูมี่”
“อีกไม่นานหรอก”
“ทำไม หรือว่าเจอคนที่ถูกใจแล้ว?”
“ก็ไม่เชิง”
“พวกเราก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ฉันว่าถ้าไม่คิดที่จะสร้างครอบครัว ก็ไม่ควรลดคุณค่าตัวเองเถอะ”
“ลดคุณค่าอะไรกัน เราก็ไม่ได้ไปแย่งแฟนชาวบ้านมาสักหน่อย เราแค่รักสนุก”
“อย่างแกจะไปรู้อะไร ขึ้นไปนอนเตียงเดียวกับพี่โซให้ได้ก่อนเถอะ”
“เห้อออ เลิกเถอะก่อนที่มันจะสายไป”
เพราะขนาดเธอกับพี่โซยังไม่ได้เป็นอะไรกัน เธอยังรู้สึกผิดมากเลยที่เล่นควงคนอื่นไปทั่ว ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนยังรู้สึกสนุกกับมันมากแท้ ๆ ตอนนี้มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว
วันต่อมา
บ้านตระกูลอันวิน
เธอกลับบ้านใหญ่ในรอบหลายเดือนหลังจากออกมาจริงจังกับงาน แต่อาจจะมีเที่ยวเล่นตามประสา แต่ก็ไม่ได้ทำให้มีผลกระทบต่องานที่ทำอยู่แต่อย่างใด ไม่รู้ว่าจู่ ๆ คุณพ่อกับคุณแม่เรียกมาทำไมเพราะปกติพวกเขาทั้งสองเองก็แทบจะไม่มีเวลาอยู่แล้วเช่นกัน
“มาสักทีนะลูก”
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ เรียกไลค์มากหาด่วนแบบนี้มีอะไรรึเปล่าคะ?”
“พ่อกับแม่แค่คิดถึง ก็เลยเรียกมาทานข้าวด้วยกันเฉย ๆ น่ะ ไม่มีอะไรมากหรอกจ้ะ” เธอเดินเข้าไปกอดบุพการีทั้งสองคน ก่อนที่คนเป็นแม่จะจูงมือให้เดินเข้าไปในห้องอาหาร ที่ตอนนี้บนโต๊ะถูกจัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
“ตั้งแต่เลิฟแต่งงานแล้วย้ายออกไปอยู่กับขวัญไลค์ก็หายเงียบไปเลย เป็นไงบ้างลูกช่วงนี้สบายดีมั้ย? หายหน้าหายตาไปเลย”
“ก็ดีค่ะคุณแม่ คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงไลค์นะคะ ไลค์ดูแลตัวเองได้ค่ะ”
“หนูบอกแบบนั้นแม่ก็สบายใจแล้วลูก”
“แต่มันก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ดีนี่นา”
“คุณ” คุณแม่ได้ห้ามคุณพ่อเอาไว้ เมื่อดูเหมือนว่าเขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
“มีอะไรรึเปล่าคะ?”
“ไลค์ อย่าว่าพ่อกับแม่อย่างงั้นอย่างงี้เลยนะลูก พ่อกับแม่แค่เป็นห่วงหนู กลัวหนูจะรู้สึกเหงา”
“คุณแม่คะแต่หนูไม่ได้เหงา”
“พ่ออยากให้หนูมีคนดูแลหนูเหมือนพี่น้องคนอื่น ๆ สักที”
“คุณพ่อคะ…”
“ไลค์ พ่อกับแม่เองก็แก่มากขึ้นทุกวัน หากจะให้ตายตาหลับได้ก็อยากจะเห็นลูกทุกคนเป็นฝั่งเป็นฝาเห็นลูก ๆ มีคนรักที่ดี พ่อกับแม่ขอมากเกินไปรึเปล่าลูก? ปีนี้หนูก็สามสิบสองแล้ว ยังไร้วี่แววที่หนูจะมีคนรักอยู่เลย พ่อก็เลย…”
“คุณคะ อย่าเพิ่งพูดตอนนี้ให้ลูกได้กินข้าวก่อน”
“ถ้าไม่พูดตอนนี้แล้วจะให้ผมพูดตอนไหนคุณ?”
“สิ่งที่คุณคิดจะทำมันกำลังเป็นการบังคับลูกอยู่นะคุณรู้ตัวมั้ย?”
“ผมรู้ แต่ที่ผมคิดจะทำ ก็เพื่อตัวของลูกเอง”
“แล้วคุณถามความสมัครใจของลูกรึยัง? ถ้าพูดไปแล้วลูกโกรธแล้วพาลไม่มาคุยกับฉันด้วยล่ะก็ ระวังเถอะ ว่าในยามที่คุณหลับใหลฉันจะขึ้นไปบีบคอคุณให้ตายคาเตียงเลย!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นคุณพ่อกับคุณแม่นั่งเถียงกันไปมาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังว่าครั้งไหน ๆ นี่ถ้าหากไม่ใช่สามีภรรยากันนะ คิดว่าน่าจะมีตีมวยกันไปแล้ว อีกอย่างลูกอย่างเธอกำลังนั่งโด่อยู่ตรงนี้ด้วย พวกท่านยิ่งไม่กล้า
“เอ่อ…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่คะ ไลค์งงไปหมดแล้ว”
“คุณสมิธเขาคิดจะจับคู่กับลูกชายของเพื่อนเขาน่ะสิ” คุณมณีเรียกสามีด้วยชื่อ ซึ่งบ่งบอกถึงความไม่พอใจต่อสามีอย่างยิ่ง
“ว่าไงนะคะ!?”
“จริง ๆ พ่อก็ว่าจะไม่ทำแบบนี้ แต่หากหนูยังคงโสดอยู่พ่ออาจต้องหาคนดี ๆ สักคนมาแต่งงานกับลูก”
“แล้วคุณพ่อรู้ได้ยังไงคะ ว่าคนที่คุณพ่อหามาให้หนูเขาจะเป็นคนดีอย่างที่คิดเอาไว้”
“พ่อรู้จักไม้เขาดี พ่อเห็นเขามาตั้งแต่ยังเด็กเขาถูกเลี้ยงมาอย่างดีเพื่อให้โตมาเป็นสุภาพบุรุษ”
“ไม้? พ่อหมายถึงพี่ไม้ พี่มานพน่ะเหรอคะ?”
“ใช่แล้ว นี่ลูกรู้จักพี่เขาด้วยงั้นเหรอ?”
“รู้จักสิคะ พี่เขาเคยมาจีบแต่ไลค์คิดกับเขาแค่รุ่นพี่จริง ๆ"
“ถ้าแต่งงานอาจจะชอบก็ได้นะ”
“ไม่เอาด้วยหรอกค่ะคุณพ่อ ตอนนี้ไลค์มีคนที่ไลค์ชอบอยู่แล้ว และไลค์กำลังเดินหน้าจีบพี่เขาค่ะ คุณพ่ออย่าทำเหมือนเป็นตัวร้ายในละครที่คนดูเขารุมเกลียดจะได้มั้ยคะ”
“แหม พ่อก็เพิ่งจะเคยมีความคิดแบบนี้กับลูกครั้งแรกนี้แหละครับ เอาเป็นว่าพ่อไม่บังคับก็ได้ ว่าแต่คนที่หนูชอบคนนั้นเขาเป็นใคร พ่อรู้จักเขามั้ย?”
“คุณพ่อจะรู้จักนะคะ”
ตามที่คิด จริง ๆ แล้วคุณพ่อหรือคุณแม่เขาก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะบังคับอะไรเธอ แค่ห่วงเรื่องลูกสาวจะหาคนรักไม่ได้ แต่การหาคนรักให้กันแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องสักเท่าไหร่
เพราะการจะแต่งงานกับใครสักคน มันต้องเกิดจากความรักสิถึงจะถูก
หึ งั้นแบบนี้เธอคงต้องเร่งหาลูกเขยมาให้พวกเขาซะแล้วสิ ไม่งั้นนะคงถูกจับให้คู่กับพี่ไม้คนคุยเก่าของตัวเองแน่
และพี่ไม้ไม่ใช่ว่าพี่เขาไม่ดี แต่เพียงเพราะเธอไม่ได้ชอบผู้ชายเท่านั้น
“ชักจะอยากเจอหน้าแล้วสิ”
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ เราสองคนเพิ่งคุยกัน”
“ใจเย็นอะไร สมัยพ่อกับแม่คุยกันแค่ครึ่งวันพ่อก็ขอแม่แต่งงานแล้ว”
“คุณคะอย่าโม้ให้มันมาก คุณเองก็ตามตื๊อฉันมาเป็นปีเหมือนกันนั่นแหละอย่าให้ฉันต้องพูด”
“โถ่คุณ เพราะคุณบอกว่าสาวไทยไม่ชอบอะไรที่มันฉาบฉวยนี่นา ถ้าเป็นต่างชาติแบบผมล่ะก็ คงแต่งกันตั้งแต่เดือนสองเดือนแรกไปแล้ว”
“ก็เพราะฉันคือคนไทยไง! ใครจะไปเหมือนยัยสาวออสซี่ยั่วสวาทคนนั้นของคุณกันล่ะฮะ!!!”
“เฮ้ ๆ ๆ ใจเย็นน่าคุณ ลูกมีก็มีด้วยกันมาสามคนแล้วนี่คุณยังฝังใจเรื่องผู้หญิงคนนั้นอยู่อีกเหรอครับ? ผมยอมย้ายมาแต่งงานและอยู่กินกับคุณที่ไทยขนาดนี้แล้วนะ ยังไม่เชื่อใจผมอีกเหรอครับ ผมว่าอย่าไปนึกถึงอดีตอะไรพวกนั้นเลยนะ”
“ก็ยัยนั่นมันมาอ่อยคุณ จะแย่งคุณไปจากฉันนี่! เรื่องอะไรที่ฉันจะต้องลืม!?”
“แต่ผมก็เลือกคุณนะครับ ครั้งนั้นคุณแค่เข้าใจผิด ระหว่างผมกับผู้หญิงคนนั้นมันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย”
“แต่ว่าคุณมัน! บลา ๆ ๆ ๆ”
“เห้ออออ”
เธอที่นั่งฟังอยู่ถอนหายใจออกมาดัง ๆ จนกระทั่งทานข้าวเสร็จเตรียมจะเดินออกจากบ้าน พวกเขาทั้งสองก็ยังคงตีกันไม่หยุด
“คุณนี่มัน!…จริง ๆ เลย!”
“โอ๊ยยยคุณ ผมเจ็บนะคุณ!”
“เจ็บสิดี!”
“ไลค์กลับก่อนนะคะ ไว้จะมาหาใหม่” เผ่นดีกว่าเรา อยู่ไปก็ขวางหูขวางตาสามีตีกันซะมากกว่า
อ้อ แล้วก็ขอบคุณสำหรับอาหาร กลับมาทานข้าวที่บ้านทีไรก็อร่อยทุกที อิ่มจังตังค์อยู่ครบของแท้
ความคิดเห็น