ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Milan & Dear) คลั่งรัก แวมไพร์ซาดิสม์

    ลำดับตอนที่ #1 : #1 ค้างคาวที่น่าสงสาร

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 67


    1

    ค้างคาวที่น่าสงสาร

     

     

    “หลังเลิกงานไปดื่มด้วยกันอีกไหมเดียร์?” คิม หนุ่มหน้าตี๋คนสนิทที่บริษัทเอ่ยชวนกับดารินทร์

    “ไม่ล่ะ คืนนี้ฉันมีโอที” หญิงสาววัย 28 ปี เอ่ยขึ้นขณะที่สายตากำลังจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

    รู้ทันว่าหากไปกับเพื่อนคนนี้อีก มีหวังได้เมาจนหัวราน้ำแน่ๆ จึงตัดสินใจอ้างว่าทำโอทีซะเลย เพราะเธอเองก็เป็นคนปฏิเสธคนไม่ค่อยเก่งด้วย

    “ไม่เป็นไร เอาไว้เงินเดือนออกแล้วกัน”

    “ไม่อ่ะ ว่าจะเก็บเงินเอาไว้เที่ยวช่วงสิ้นปีนี้”

    “ไปกับใคร?”

    “ก็คนเดียวสิ”

    “โถ่ นึกว่าจะไปกับแฟนซะอีก”

    “ทำงานด้วยกันมา 5 ปีเคยเห็นฉันมีแฟนไหมล่ะ?”

    “ใครจะรู้ เธออาจจะหมกเม็ดก็ได้”

    “เหมือนนายอ่ะนะ ที่ชอบหมกเม็ด”

    “บ้า ฉันรักชีวิตอิสระจะตาย ไม่ยอมเอาชีวิตตัวเองไปไว้ในกำมือใครหรอกโว้ย”

    “จ้ะ… ฉันก็รักอิสระ เพราะงั้นเลิกชวนฉันไปนู่นนี่นั่นสักที รำคาญ” ลืมบอกไปที่บอกว่าปฏิเสธคนไม่เก่งเนี่ย ยกเว้นเพื่อนหนุ่มที่ชื่อคิมเพียงคนเดียว

    “อย่าไปกวนเดียร์นักเลย ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเดียร์ไม่ใช่สายดื่มเหมือนนาย” และเพื่อนอีกคนที่เธอค่อนข้างเกรงใจสุดๆ นั่นคือเมย์ เพื่อนสาวที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันตั้งแต่ปีหนึ่งจนทำงาน เรียกง่ายๆ ว่าเป็นเพื่อนกันมาจะสิบปีได้แล้ว

    เมย์เป็นคนเรียนเก่ง เพื่อนเยอะ ใจดี และดูเหมือนเมย์นี่แหละจะเป็นคนที่เข้าใจเธอมากที่สุด จนดารินทร์เองก็แอบอ่อนไหวอยู่บ่อยครั้งอย่างหาสาเหตุไม่ได้ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองชอบผู้ชายมาตลอด

    “โถ่ เมย์ก็เข้าข้างเดียร์ตลอดอ่ะ” คิมขมวดคิ้วทำเป็นหัวเสีย

    “ใช่ ฉันเข้าข้างเดียร์ แล้วจะทำไม?”

    “ไม่ทำไมหรอกคร้าบบ ยอมแล้วคร้าบ”

    “กลับเถอะ ไปก่อนนะเดียร์” เมย์เก็บของพลางส่งยิ้มให้กันก่อนจะเดินออกไป

    “เมย์ รอผมด้วย!!” คิมรีบเก็บของแล้วเดินตามเมย์ไปอย่างเร่งรีบ หลังจากที่ทั้งคู่เดินออกไปรอยยิ้มที่เคยมีบนใบหน้าของดารินทร์ก็ค่อยๆ จางหายไป

    ไม่แปลกหรอก ที่คิมจะเชื่อฟังเมย์ขนาดนั้น เพราะทั้งคู่กำลังคบหากันอยู่ ปีนี้เข้าปีที่สามแล้ว ถึงคิมจะบอกว่ารักอิสระมากแค่ไหนก็ตาม แต่จริงๆ แล้วคิมใช้เวลาตามจีบเมย์อยู่สองปีเต็มๆ จนสุดท้ายอีกคนก็ใจอ่อนยอมคบด้วย

    บางทีเธอก็รู้สึกอิจฉานายคิม ที่ได้เป็นแฟนกับเมย์ คนดีๆ อย่างเมย์ แต่พอนึกได้ว่าเพราะตัวเองเอาแต่กลัวจนไม่ยอมสารภาพรักไปสักที จนถูกแย่งไป จึงทำได้แค่อยู่ในที่ของตัวเองเงียบๆ

    ขณะกำลังเดินทางกลับที่พัก เธอต้องเดินผ่านซอกตึกแห่งนึงที่เมื่อก่อนนี้มันเคยมีแสงไฟ แต่ปัจจุบันถูกไล่ที่จนเหลือเพียงแค่พื้นที่ว่างเปล่า

    สำหรับดารินทร์แล้วมันก็แค่ทางผ่านล่ะนะ แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิม เมื่อตาหวานเหลือบไปเห็นว่ามีร่างคนไร้บ้านคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ จึงเดินเข้าไปหยิบเงินจำนวนหนึ่งให้

    “เอาไว้ซื้อข้าวทานนะคะ”

    “…” หญิงสาวคนนั้นไม่แม้แต่จะหันมาสนใจกัน หล่อนกลับนั่นเหม่อ จนดารินทร์ต้องนำเงินยัดใส่มือของเขาเพื่อความหวังดี

    “รับไว้เถอะนะคะ”

    “ข้าไม่ต้องการเงินของเจ้าหรอกสาวน้อย” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทำให้ร่างเล็กที่กำลังจะก้าวออกไปชะงัก

    เป็นคนสติไม่ดีสินะ… เพราะคนปกติที่ไหนเขาจะพูดแบบนั้นกันล่ะ แต่ก็ดีแล้วล่ะมีเงินติดตัวไว้เผื่อหิวขึ้นมาจะได้มีเงินซื้อของกิน

    หมับ!!! “อ๊ะ!…”

    ตัวหอมดีจัง

    “กรี๊ดดด อย่ามาจับนะคะ!” เธอกรีดร้อง สะบัดมือเย็นๆ ออกแล้ววิ่งออกมาให้ห่างอีกคนทันที

    “บ้าจริง…” ทำบุญคนไม่ขึ้นเลย ถึงคนนั้นจะเป็นคนบ้าก็เถอะ

    ร่างบางหยุดลงที่หน้าห้องพัก ก้มดูนาฬิกาข้อมือก็พบว่าเกือบจะล่วงเลยไปอีกวันแล้ว

    “เห้ออออ” ดารินทร์ใช้ชีวิตคนเดียวมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้ว เพราะบุพการีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์

    เราเป็นครอบครัวเล็ก มรดกทั้งหมดที่พวกท่านเก็บสะสมมานั้นจึงตกมาเป็นของดารินทร์เพียงคนเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธออยากได้มัน เธอต้องการแค่การครอบครัวมากกว่าเงินทอง

    เหงา… แต่ก็ไม่ได้ต้องการมีใคร เพราะรักอิสระ

    แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าต้องการใครสักคน เพียงแค่คืนเดียวก็ยังดี เพื่อให้เธอได้คลายความเหงาบ้าง

    ปึก!! โครม!

    ในขณะที่หญิงสาวกำลังแช่ตัวอยู่ในอ่างน้ำ เสียงวัตถุขนาดใหญ่ก็ดังขึ้นจากด้านนอกริมระเบียงห้องพักดังโครม จนต้องรีบสวมชุดคลุมเดินออกไปตามหาต้นตอของเสียง

    “ตายแล้ว…” ดารินทร์อุทานเสียงดัง มองค้างคาวที่มีลำตัวขนาดใหญ่กว่าค้างคาวทั่วไปนอนจมกองเลือดอยู่นอกระเบียง

    เพราะมีนิสัยรักสัตว์โลกมาเกินไปจนลืมว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่หมาแมวทั่วไป แต่มันคือค้างคาวตัวใหญ่ แถมยังเต็มไปด้วยเลือดและดูเหมือนจะไม่มีท่าทีจะหยุดไหลออกมาจากตัวของมัน

    ดารินทร์ไม่ใช่คนใจร้ายที่จะยืนมองดูสัตว์โลกนอนตายไปเฉยๆ จึงได้รีบเปิดกระจกตรงระเบียงออกไปอุ้มมันเข้ามาด้านใน หาผ้าขาวสะอาดมาเช็ดตามเนื้อตัวของมันอย่างเบามือเหมือนกลัวว่ามันจะเจ็บ

    แต่เมื่อเช็ดเลือดตามร่างกายของมันไปเรื่อยๆ ก็พบว่าตามตัวของมันนั้นไม่มีบาดแผลสักรอย นั่นก็ทำให้เธอขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

    “ก็ไม่มีแผลนี่ แล้วเลือดพวกนี้มาจากไหน” แม้ปากจะพูดแต่มือยังคงเช็ดไม่หยุด พลางพลิกร่างกายของมันไปมา ปรากฏว่าไม่พบบาดแผลจริงๆ “แปลกจังแฮะ”

    “กรรรร” ค้างคางตัวนั้นร้องขู่เธอเบาๆ

    “ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ได้จะทำร้ายแก”

    “กรรรร!”

    กึด!

    “อ๊ะ!!” เขี้ยวแหลมกัดเข้าที่นิ้วชี้ข้างซ้ายของเธอเต็มแรงจนเลือดไหลออกมาจำนวนมาก “เจ็บนะ…”

    เมื่อมันเห็นว่าหญิงสาวผู้ที่หวังดีกับมันกำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มันจึงได้ก้มไปใช้ลิ้นน้อยๆ ของมันเลียเข้าที่นิ้วของเธอเบาๆ

    แผล็บ แผล็บ~

    “อือ” หญิงสาวหลับตาสนิทด้วยความกลัว กลัวว่ามันจะกัดหรือทำร้ายอีก แต่แท้จริงแล้วไม่เลย จู่ๆ บาดแผลที่เจ็บปวดตอนนี้ได้หายเป็นปลิดทิ้งอย่างน่าประหลาดใจ

    “กรรรร”

    “กัดฉันแล้วก็รักษาแผลให้ฉันเนี่ยนะ?”

    “…” มันพยักหน้า

    “ทำได้ไงน่ะ?”

    “…” มันส่ายหน้า

    “อ่า ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่มานั่งคุยกับค้างคาง แถมยังเหมือนจะคุยกันรู้เรื่องอีกด้วย”

    ไม่รู้ว่าเธอเหงาเกินไปหรือเป็นเพราะอะไร ถึงได้หันมานั่งคุยกับค้างคาวเป็นเรื่องเป็นราวได้ขนาดนี้ แต่ก็ช่างมันเถอะ อย่างน้อยเจ้าค้างคางตัวนี้มันก็น่ารักดีนะ เหมือนจะพูดรู้เรื่องด้วย

    “มาอยู่กับฉันไหม? สัญญาจะเลี้ยงแกอย่างดีเลย”

    “กรรรร”

    “แปลว่าตกลงสินะ”

    “กรรรร!!”


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×