NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปฐพีอุ้มรัก

    ลำดับตอนที่ #6 : ปฐพีอุ้มรัก #5 [1/2]

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 60



    บทที่ 5 [1/2]
    [คุยกันก่อนอ่าน]

    ขอโทษคนที่อ่านตอนนี้ไปแล้วนะคะ ลบทุกความทรงจำที่มีแล้วอ่านฝังความทรงจำใหม่นี้เข้าไปแทนนะคะ อันนี้เป็นฉบับรีไรท์แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซนนะคะ



    ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เสื้อนักศึกษาของผมแห้งพอดี เราจึงขอกลับบ้าน ตอนรถขับออกจากรั้วเรือนร้อยรัก เด็กๆ พากันโบกมือลาด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ระหว่างที่ผมขับรถออกจากซอยสู่ถนนใหญ่เพื่อไปส่งคุณทีที่คอนโดที่เขาเรียกมันว่าบ้าน จู่ๆ ผมก็คิดถึงบางเรื่อง วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของแม่เขา เขาจะอยู่บ้านคนเดียวคืนนี้ยังไง
    ผมไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนที่สนใจความรู้สึกคนอื่นมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คืนนี้ ผมไม่อยากให้เขาอยู่ลำพัง ผมต้องทำให้เวลาคุณทีอยู่คนเดียวสั้นที่สุด
    "คุณทีครับ ค่ำแล้วหาอะไรกินก่อนกลับบ้านไหมครับ เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อน" ผมถามคนที่ยังนั่งเงียบผ่านกระจกมองหลัง
    "ไม่เป็นไร ฉันยังไม่หิว"
    คิดแล้วว่าต้องพูดแบบนี้
    "ถ้าอย่างนั้นคุณไปเป็นเพื่อนผมก็ได้ ผมหิวแล้วมากกก เลยตอนนี้" ผมลากเสียงให้ยาวที่สุดบอกเขาให้รู้ว่าถ้าไม่กินข้าวตอนนี้ผมตายแน่ๆ "ผมยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ตอนเที่ยง เพราะคุณโทรมา ผมก็รีบไปรับคุณเลย เราไปหาอะไรกินกันเถอะครับ นะครับ" ผมแสร้งตีหน้าเศร้าให้เขาสงสาร ผมไม่ได้ทำหน้าแบบนี้นานเท่าไหร่แล้ว จำได้ว่าล่าสุดที่ทำคือตอนขอแม่ซื้อของเล่นสมัยเด็กๆ และเหมือนว่ามันจะได้ผลเสียด้วย
    "ก็ได้"
    "คุณทีอยากทานอะไรครับ ผมเลี้ยงเอง แต่อย่าแพงมากนะครับ ผมไม่มีตังค์จ่าย แหะๆ" ผมยิ้มแยๆ ให้คนที่นั่งอยู่ข้างหลังผ่านกระจก
    "ตามใจนายเลยแล้วกัน"
    "ครับผม!"
    ตกลงกันเสร็จแล้ว เจ้านายของผมเขาก็นั่งเงียบไปตามสไตล์คุณชายสายนิ่ง มีแต่ผมนี่แหละที่ร่าเริง ฮัมเพลงไปขับรถไป แม้บางครั้งจะมีสายตานิ่งๆ ลอบมองมาที่ผม แต่สายตานั้นไม่ได้ดุหรือมีท่าทีว่ารำคาญเสียงผมแต่อย่างใด นั่นแปลว่าอนุญาต ผมเลยฮัมเพลงต่อไปตามประสา
    มัวแต่ดีใจที่เขายอมไปกินข้าวด้วยจนลืมไปว่า ยังไม่ได้คิดเลยจะพาเขาไปไหน


    ชีวิตนักศึกษาค่าอยู่ค่ากินมีน้อย ต้องใช้สอยอย่างประหยัด อาหารที่กินบ่อยสุดรองจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและกับข้าวโรงอาหารก็ร้ายก๋วยเตี๋ยวเฮียหลงนี่แหละ อร่อยใกล้บ้าน มาตฐานคงที่ และความล้ำเริศที่สุดคือเฮียแกขายราคาเดิมตั้งแต่ผมเข้าปีหนึ่งจนตอนนี้จะจบปีสี่อยู่แล้ว
    ผมจอดรถไว้ข้างทาง ตอนผมบอกว่าถึงแล้วคุณทีทำหน้าแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ถามอะไร เขาเดินตามผมมาโดยดีจนกระทั่งถึงหน้า ตอนนี้เวลาประมาณทุ่มกว่าๆ ช่วงเวลามื้อเย็นของเด็กมหาลัยงบน้อยเหมือนอย่างผม จึงเห็นเด็กในชุดนั่งศึกษานั่งกันอยู่หลายโต๊ะ
    "อ้าวพี่ดิน สวัสดีค่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลย" หลินเด็กสาวตัวเล็กผิวขาว ตาตี่อย่างคนที่มีเชื้อสายจีน เธอเดินมาทักทันทีที่มองเห็นผมยืนอยู่หน้าร้าน
    หลินลูกสาวของเฮียหลง ตอนนี้เธออยู่มอหกกำลังเตรียมตัวเข้ามหาลัย แต่น้องก็ต้องมาช่วยพ่อทำงาน
    "หวัดดีน้องหลิน มีโต๊ะว่างมั้ย"
    "ข้างในเหลืออยู่โต๊ะนึงพอดีเลยพี่ดิน ติดผนังตรงซ้ายมือเลยนะคะ"
    "ขอบคุณครับ"
    "ค่ะ"
    ผมยิ้มหวานให้ น้องหลินหน้าแดง แต่สายตาเธอไม่ได้อยู่ที่ผม มองผ่านผมไปยังคนข้างหลังที่ยังไม่ปริปากพูดอะไรสักคำตั้งแต่เดินมา
    เจ้านายผมนี่เสน่ห์แรงจริงๆ
    "เข้าไปข้างในกันครับคุณที" ผมเดินนำเข้าไป ตรงที่หลินบอกมีโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมขนาดเล็กตั้งอยู่พร้อมเก้าอี้ไม้สองอัน "เชิญครับคุณที" ผมให้สิทธิคนเป็นเจ้านายนั่งก่อน "คุณทีจะทานอะไรดีครับ?"
    "นายชอบกินอะไร" คุณทีตอบผมโดยการถามกลับ
    "ร้านนี้ล่ะก็ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นอร่อยสุดในสามโลกเลยครับ!"
    "งั้นเอาแบบที่นายว่ามาก็แล้วกัน"
    "ครับผม"
    ผมกำลังจะมองหาน้องหลินเพื่อสั่งอาหาร จังหวะเดียวกับที่เธอเดินมาที่โต๊ะเราราวกับรู้งาน
    "วันนี้กินอะไรดีคะพี่ดิน"
    "พี่ขอก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นสองทีเลยนะ"
    "ได้จ้า"
    "ว่าแต่เฮียหลงไปไหนหรอน้องหลิน"
    ผมถามเพราะปกติแล้วจะได้ยินเสียงตะโกนด่าของเฮียหลงทุกครั้งที่พวกนักศึกษาผู้ชายแซวน้องหลิน แค่ครั้งนี้กลับเงียบ ไร้วี่เเววเฮียแก
    "อ้อ พ่อไปปะท้วงน่ะพี่" น้องหลินพูดราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ
    "ประท้วง?"
    "ใช่พี่ ก็บ้านเช่าย่านที่เราเช่าอยู่ เจ้าของเขาจะขายที่ให้บริษัทอสังหาเอาไปสร้างคอนโด เขาเลยให้พวกเราย้ายออกภายในเดือนนี้ เขาจะให้เงินชดเชย แต่ระยะเวลาแค่นี้ใครมันจะไปหาที่อยู่ได้ทัน พ่อเลยไปเป็นแกนนำประท้วงขอความยุติธรรม"
    "อ่อ..."
    "รู้สึกว่าจะเป็นไอ้บริษัทที่มันลงโฆษนาใหญ่ๆ ตรงโน้นอ่ะ" น้องหลินชี้ไปที่ป้ายโฆษนาขนาดยักษ์ตรงข้ามถนน
    "น้อง สั่งอาหารอาหารหน่อยยย" เสียงตะโกนดังมาจากโต๊ะเสริมนอกร้าน
    "ลูกค้าเรียกแล้ว หนูไปก่อนนะพี่ดิน" น้องหลินยิ้มตาหยีแล้ววิ่งออกไปรับออเดอร์
    ผมมองป้ายโฆษขนาดใหญ่อีกรอบ ผมรู้สึกโชคดีที่มีที่ดินเป็นของตัวเอง ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะต้องถูกเจ้าของเขาให้ย้ายออกเมื่อไหร่ ผู้คนในเมืองใหญ่หลายคนโตมาในบ้านเช่า เขาคิดว่ามันคือบ้านไปแล้ว มันเหมือนเป็นการบังคับให้เขาออกจากบ้านของตัวเอง ยิ่งมองป้ายยิ่งทำให้ผมหดหู่ใจผมเลยหันกลับเขามา พบว่าคุณทีเองก็มองป้ายนั้นด้วยแววตาไม่ต่างจากผมเลย
    "น่าสงสารนะครับ การที่ต้องโดนไล่ออกจากบ้านตัวเองแบบนี้ แต่จะให้ทำยังไงได้เนอะ ชีวิตหาเช้ากินค่ำ ไม่มีทั้งเงินไม่มีทั้งอำนาจ"
    คงทำได้เพียง เข้มแข็งและเดินหน้าสู้ชะตาชีวิตต่อไป
    "คนอย่างเขา ทำอะไรไม่เคยสนใจคนอื่นอยู่แล้ว" คุณทีพึมพำเบาๆ บวกกับเสียงรถราวิ่งไปมาข้างนอกทำให้ผมไม่ได้ยินที่เขาพูด
    "คุณทีว่าอะไรหรอครับ?"
    "เปล่า ไม่มีอะไร" เขาบอกแต่แววตาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ที่ผมเดาไม่ออกอีกเช่นเคย

    หลังจากรอประมาณห้านาทีในที่สุดก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นก็มาวางอยู่ตรงหน้าเราสองคน พร้อมกับตะกร้าผักสด ผมสูดกลิ่นหอมของน้ำซุปเข้าเต็มจมูกก่อนจัดการตักเครื่องปรุงที่ตั้งอยู่ข้างโต๊ะใส่ชามก๋วยเตี๋ยว ใช้ช้อนกับตะเกียบคนทุกอย่างในชามให้เข้ากัน กำลังจะโซ้ยเข้าปาก มองไปยังคนที่นั่งตรงข้าม เขาจ้องชามก๋วยเตี๋ยว คิ้วเข้มย่นเข้าหากันเล็กน้อย เหมือนว่าพวกมันเป็นโจทย์คณิตศาสตร์ที่เขาคิดไม่ออก
    "คุณทีไม่ทานหรอครับ?"
    "......" คุณทีเงียบแล้วมองไปที่ตระกร้าเครื่องปรุงก่อนแล้วหันมามองที่ผม
    อย่าบอกนะว่า...
    "คุณไม่เคยกินก๋วยเตี๋ยวหรอครับ?"
    "ก็... ร้านอาหารที่ฉันกินไม่เคยมีเมนูอะไรแบบนี้" ชายตัวโตบอกเสียงอ่อย แววตาจำนนต่อชามก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัด
    ผมนี่อยากจะขำกร๊ากออกมาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ถ้าไม่ติดว่าเขาโตกว่าและเป็นเจ้านายผม ให้ตายสิ ท่าทางของเขาตอนนี้มันน่ารักชะมัด
    หืม? เมื่อกี้ผมคิดอะไร? น่ารักเหรอ?
    อืม... ผมคงใช้คำผิด...มั้ง แต่ก็เรียกได้ว่าเกินคาด ผู้ชายท่าทางฉลาด เก่งรอบด้าน สามารถทำในสิ่งที่คนทั่วไปทำไม่ได้แต่กลับไม่รู้วิธีการกินก๋วยเตี๋ยว
    "นั่นเป็นเครื่องปรุงเอาไว้ปรุงรสก๋วยเตี๋ยวครับ ก็จะมีน้ำตาล น้ำปลา พริกป่นแล้วก็น้ำส้มสายชู" ผมชี้เครื่องปรุงที่อยู่ในถาดให้เขาดูทีละอย่าง "ก่อนอื่นคุณทีลองชิมน้ำซุปก่อนครับ ที่ถ้ารู้สึกว่ามันขาดรสชาติไหนก็เติมลงไปตามความชอบได้เลย"
    “ฉันกินรสนี้แหละ” คุณทีชิมน้ำซุปในถ้วยถามที่ผมแนะนำ
    “ทานกันเถอะครับ เดี๋ยวเย็นแล้วจะหมดอร่อย”
    ผมโซ้ยก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก ตาแอบมองคุณทีไปด้วย เขาพับแขนเสื้อเชิ้ตทั้งสองข้างขึ้นระดับศอก มือข้างหนึ่งจับตะเกียบอีกข้างจับช้อนเหมือนอย่างที่ผมทำ โชคดีไปเขาใช้ตะเกียบเป็น เมื่อดูแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไรผมเลยก้มหน้ากินก๋วยเตี๋ยวต่อ
    ทั้งที่ผมบอกกับคุณทีไว้ว่าผมจะเป็นคนเลี้ยงข้าวมือนี้เอง สุดท้ายแล้วตอนออกจากร้านเขาก็เป็นคนจ่าย เขาใช้สิทธิความเป็นเจ้านายบวกกับสายตาดุๆ ห้ามผมควักตังในกระเป๋าออกมา
    เราสองคนเดินออกจากร้าน คุณมีกำลังมุ่งหน้าไปที่รถ แต่เสียใจ วันนี้ผมไม่ยอมให้คุณกลับบ้านง่ายๆ หรอกครับ
    “คุณทีครับ” คนโดนเรียกหันกลับมามองผมแววตาสงสัย “ไกลจากนี้มีสวนสาธารณะริมน้ำ เราไปเดินเล่นย่อยอาหารกันสักหน่อยไหมครับ”
    ผมรอลุ้นว่าเขาจะว่าอะไร คุณทีไม่พูด...
    “......”
    แต่เขาพยักหน้าแทน

    เดินมาไม่เกินสามร้อยเมตรก็พบกับทางเข้าสวน เป็นสวนสาธารณะที่มีพื้นที่เป็นแนวยาวตามริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถนนเรียบแม่น้ำมีเสาไฟตั้งตามรายทาง ทั้งแสงสว่างของเมืองใหญ่ทำให้สวนนี้ไม่มืดมิดน่ากลัว ทั้งวันนี้เป็นวันเสาร์ ชีวิตไม่ต้องเร่งรีบอะไร จึงยังมีคนเดินเล่นในสวนแห่งนี้
    ระหว่างเดินเล่นผมสังเกตเห็นรถขายชาเย็นโบราณ เป็นอีกหนึ่งของกินที่ผมชอบกินมาก เมื่อคุณทีไม่เคยกินก๋วยเตี๋ยว ผมเลยเดาว่าเขาคงไม่เคยกินชาเย็นข้างทางเหมือนกัน
    “คุณทีครับ คุณทีไปนั่งรอผมที่ม้านั่งตรงโน้นนะครับเดี๋ยวผมมา”
    “นายจะไปไหน”
    “ผมมีบางอย่างอยากให้คุณลอง” ผมวิ่งไปที่ร้านชานมปล่อยให้คุณทียืนรอ ผมวิ่งมาถึงรถเข็นขายชาซึ่งอยู่ห่างออกมาไม่ไกลเท่าไหร่ คุณทียังอยู่ในระยะสายตาของผม “ลุงครับ ขอชาเย็นสองแก้วครับ แก้วนึงไม่ต้องหวานมากนะลุง”
    “ได้เลยไอ้หนู ลุงจัดให้”
    ลุงตักน้ำตาลและเทน้ำข้นหวานลงในแก้วชงแก้วแรก ส่วนแก้วที่สองนั้นลุงปล่อยว่าไว้แล้วก้มลงไปหยิบของสองอย่างออกมาจากถังน้ำแข็ง มันคือน้ำผึ้งและนมจืด ลุงใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาล
    “น้ำผึ้ง?”
    “น้ำผึ้งป่าของหายากเชียวนะ มันจะให้ความหวานแบบละมุนไม่หวานโดดๆ เหมือนน้ำตาล แก้วไม่หวานนี่เป็นของพ่อหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงโน่นใช่ไหม” ลุงชี้ไปที่คุณที
    “ใช่ครับ ลุงรู้ได้ยังไงครับ”
    “ลุงไม่รู้หรอก ลุงไม่เห็นหน้าเขา แต่ลุงมั่นใจว่าคนชอบกินหวานน่ะเอ็งแน่นอน”
    “เอ๋ ลุงรู้ได้ไงว่าผมกินหวาน”
    “ก็ข้าขายชานมมากว่าสิบปีแล้ว ลักษณะท่าทางของคนที่แสดงออกมามันบอกอะได้เยอะเลยล่ะ” ผมมองลุงด้วยความประหลาดใจ แววตาใส
    “ลุงนี่สุดยอดเลย...”
    “อ่ะนี่ เสร็จแล้ว” ลุงยื่นแก้วชาสองแก้วให้ผม
    “ขอบคุณครับ เท่าไหร่ครับลุง”
    “ห้าสิบบาท”
    “นี่ครับลุง ไม่ต้องทอนนะครับ”
    “บอกทอนข้าก็ไม่ทอนหรอก ก็เองเอาแบงค์ห้าสิบให้ข้า” ลุงหัวเราะร่วนกับมุขขำขันของผม
    ได้ชาเย็นแล้วผมก็วิ่งกลับไปหาคุณทีอย่างเร็วเร่ง

    “กลับมาแล้วคร๊าบบบ นี่ครับคุณทีชาเย็นโบราณหวานมันอร่อย” ผมวิ่งกลับมาหาคุณทีซึ่งนั่งรอที่ม้านั่งหันหน้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
    “ฉันไม่กินของหวาน” เขาพูดตัดบท
    คิดไว้แล้วแหละว่าเขาต้องพูดแบบนี้ เตรียมใจไว้แล้วด้วยแต่ก็ยังเจ็บจี๊ดชะมัด แต่โนสนโนแคร์ครับ ผมยัดแก้วชาใส่มือเขาเลย แล้วนั่งลงข้างๆเขา
    “กินของคาวแล้วก็ต้องตามด้วยของหวานครับ แต่ไม่ต้องห่วง ผมรู้ว่าคุณทีไม่ทานหวาน ผมเลยให้ลุงชงชาแบบหวานน้อยให้ ลองดูนะครับ”
    “......” คุณทีมองแก้ว สีหน้าลำบากใจหน่อย ๆ แต่สุดท้ายเขาก็ลองกินมัน ผมนี่ยืนลุ้นเสียยิ่งกว่าลุ้นฟุตบอลโลกซะอีก
    “เป็นยังไงบ้างครับ”
    “ยังหวานอยู่นิดหน่อย แต่ก็กินได้ กลิ่นชาหอมดี”
    “เห็นไหมล่ะครับ ชาเย็นโบราณเนี่ยเป็นเครื่องดื่มที่อร่อยที่สุดในโลกเลยผมจะบอกให้! เพราะผมชอบกิน สิ่งที่ผมชอบผมนับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลก ฮ่า ๆ” ผมหัวเราะเสียงดังด้วยความภาคภูมิใจ และยิ่งดีใจไปอีกเมื่อเห็นคนข้างๆ ยิ้มให้กับท่าทางบ้า ๆ บอ ๆ ที่ผมทำประกอบการพูด
    “นายนี่ชอบทำอะไรให้ฉันประหลาดใจเรื่อยเลย”
    “คุณทีเองก็เหมือนกันแหละครับ มีเรื่องให้ผมแปลกใจเรื่อยเลย”
    “ฉันน่ะเหรอ”
    “ตอนที่ผมเจอคุณครั้งแรก คุณรู้ไหมว่าผมกลัวคุณ ท่าทางเงียบขรึม กับสายตาดุเหมือนอาจารย์ที่พร้อมจะทำโทษเด็กได้ตลอดเวลาเมื่อเขาทำผิดของคุณมันทำให้ผมกลัว”
    “แล้วตอนนี้ไม่กลัวฉันแล้วเหรอถึงได้กล้าบอกว่าฉันน่ากลัว”
    “ผมรู้แล้วนี่ครับว่าจริง ๆ แล้วคุณเป็นคนใจดี หลายอย่างที่ผ่านมาและสิ่งที่คุณทำเพื่อเด็ก ๆ บ้านเรือนร้อยรักในวันนี้ด้วย”
    “แล้วนายรู้หรือเปล่าว่าวันนี้นายเองก็ใจดีแปลก ๆ เหมือนกัน” ผมชะงัก หันมองหน้าคนถาม “มีอะไรอยากบอกฉันมั้ยดิน?” แววตาจริงจังจ้องมาที่ผม
    ผมทำตัวแปลกจนเห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ
    “คือผม... ผมขอโทษครับคุณที ผมแค่ไม่อยากให้คุณอยู่คนเดียว”
    “ไม่อยากให้ฉันอยู่คนเดียว?” คุณทีเอียงคอถามอย่างสงสัย
    “ผมรู้จากครูอารีว่าวันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของคุณแม่ของคุณ ผมไม่อยากให้คุณผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้ไปคนเดียว เลยหาทางรั้งคุณเอาไว้ คุณจะได้ผ่านช่วงเวลานี้คนเดียวน้อยที่สุด...” ผมสารภาพทุกความตั้งใจ
    คุณทีเงียบไปครู่หนึ่ง ก้มหน้ามองพื้น จากนั้นหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะแบบผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กยามเด็กทำอะไรตลกขบขัน เขาหัวเราะแบบนั้นให้ผม
    คุณคิดว่าการกระทำของผมเป็นเรื่องตลกหรือครับคุณที นี่ผมจริงจังและตั้งใจทำเพื่อคุณเลยนะ!
    ผมหันควบมองค้อนคนที่นั่งข้าง ตอนแรกตั้งใจจะโกรธ แต่พอเห็นรอยยิ้มกว้างของเขาแล้ว ผมแพ้! โกรธไม่ลง ได้แต่ยืนจ้องใบหน้ายิ้มนั้นราวกับต้องมนตร์สะกด
    “แม่ฉันเสียตั้งแต่ฉันอายุแปดขวบ ตลอดยี่สิบสี่ปีที่ผ่านมานายคิดว่าฉันผ่านมันมาได้ยังไงล่ะ หืม?”
    “ก็ผมเป็นห่วงคุณ...”
    “เรื่องความตาย มันเกิดขึ้นกับทุกคน สักวันฉันก็ต้องตาย นายเองก็ต้องตาย ทุกคนต้องตาย แต่แค่ว่าเวลานั้นของแม่ฉันมันมาเร็วเท่านั้นเอง” คุณทีพูดเรื่องแบบนี้ได้มั้งรอยยิ้ม เขาเข้มแข็งเกินไปแล้ว “ขอบใจมากนะดิน ที่เป็นห่วงฉัน เด็กดี” มือใหญ่ของเขาเอื้อมมาวางบนหัวผมแล้วตบแปะเบา ๆ สองครั้ง
    “คุณสัญญาได้ไหมครับว่า ถ้ามีช่วงเวลาที่คุณอยากมีเพื่อนคุณจะมองหาผมเป็นคนแรก” ผมไม่รู้ว่าตัวเองกล้าขอแบบนี้กับเขาได้ยังไง
    คุณทีนิ่ง มองมาที่ผม บรรยากาศรายรอบเงียบสงัดลงทันที หรือไม่หูของผมก็ไม่รับรู้เสียงรบกวนใดๆ ทั้งสิ้น สายตาของผมจับจ้องคำตอบจากริมฝีปากของเขาเพียงอย่างเดียว
    “ฉันสัญญา"
    ถ้าร่างกายผมอัดแก๊ส ผมว่าป่านนี้มันลอยออกนอกชั้นโทรโพสเฟียร์ไปแล้ว ผมยิ้มออกมาเหมือนคนบ้าต่อหน้าเขา ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ดีใจขนาดนี้
    "ขอบคุณครับ..." นี่คงเป็นความรู้สึกของคนที่ฝันอะไรแล้วฝันเป็นจริง "คุณทีครับ ผมถามอะไรคุณสักอย่างได้ไหม"
    "อะไรหรือ"
    "ที่ไม่คุณไม่ยอมขับรถเอง...เกี่ยวกับอุบัติเหตุของแม่คุณหรือเปล่าครับ?"
    "วันนั้นแม่มารับฉันที่โรงเรียน..." คุณทีเริ่มเล่า สายตายังคงทอดยาวไปยังโพ้นน้ำเจ้าพระยา "เรากำลังจะกลับบ้าน แม่ขับรถ ฉันนั่งอยู่ข้างแม่ เล่าทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนให้ท่านฟัง แม่ฟังและสนใจเรื่องที่ฉันเล่าจนไม่ทันสังเกตรถที่วิ่งผ่าไฟแดงมา..."
    "คุณถึงได้ไม่อยากให้ผมชวนคุยเวลาขับรถ" เขาไม่ได้รำคาญที่ผมพูดมาก แต่เพราะเป็นห่วงไม่อยากให้ผมเสียสมาธิ
    "อย่างที่บอก มันผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว ฉันทำใจได้แล้วเรื่องแม่ แต่สมองของฉันมันยังจดจำภาพอุบัติเหตุได้อยู่ เพื่อปกป้องตัวเองร่างกายของฉันเลยกลัวการที่จะนั่งข้างหน้ารถตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา"
    "คุณที..."
    "เฮ้... นายเป็นอะไรดิน" คุณทีหันมาสีหน้าตกใจเมื่อเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวพร้อมร้องไห้ของผม
    "ผมสงสารคุณ" ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร ผมรู้สึกว่าตัวเองเซ้นสิทีฟเหลือเกิน โดยเฉพาะเรื่องของผู้ชายคนนี้
    "เรื่องมันก็ไม่ได้มีด้านเศร้าไปซะหมดหรอก อีกเหตุผลนึงที่ฉันไม่ขับรถก็เพราะสายงานของฉันด้วย นอนไม่เป็นเวลา บางครั้งก็ไม่ได้นอน ฉันเลยเลือกที่จะให้คนอื่นขับรถให้ดีกว่า อีกอย่าง ฉันตาแพ้แสงเพราะจ้องคอมตลอดเวลา การนั่งเบาะหลังก็ช่วยให้ตาฉันไม่ต้องแสงอาทิตย์มากเกินไป เห็นไหมว่าในความโชคร้ายมันก็มีเรื่องดี ๆ ซ่อนอยู่เหมือนกัน"
    ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้เข้มแข็งและมองโลกด้านบวกได้ขนาดนี้ คุณจะทำให้ผมนับถือคุณมากไปถึงไหนครับ
    "คุณทีครับ!" ผมเรียกเขาเสียงหนักแน่น "จากนี้ไปคุณจะไปไหน โทรเรียกผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ จนกว่าคุณทินกรจะกลับมา ผมจะขับรถให้คุณเอง!"
    "อื้อ"
    จบบทสนทนา เราต่างคนต่างเงียบ ทว่ากลับไม่มีบรรยากาศของความอึดอัดอึมครึมแต่อย่างใด เหมือนสายลมหอบพัดความรู้สึกเหล่านั้นไปเหลือเพียงความรู้สึกโล่ง ต่างคนต่างหันหน้าสู่แม่น้ำ มองเรือสำราญที่ดับประดาด้วยไปแสงสีค่อยๆ แล่นผ่านหน้าไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย หนึ่งในนั้นคือความรู้สึกดีเหมือนคุณเริ่มอ่านหนังสือที่คุณไม่คิดว่าชาตินี้จะอ่านออกรู้เรื่อง เริ่มเข้าใจเนื้อหาแท้จริงภายในโดยไม่ต้องเดาจากรูปปกอีกต่อไปแล้ว

    ครืดด ครืดด
    โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงคุณทีสั่น เขาหยิบมันออกมา หน้าจอสว่างจ้าปรากฏชื่อของใครคนหนึ่งที่ผมเห็นไม่ถนัด
    "ว่าไง" หลังจากรับสายสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ความตึกเครียดปรากฎออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด "ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้"
    ผมนั่งมองสถานการเงียบๆ
    "......"
    "ดิน"
    "ครับ"
    "ฉันว่านายต้องขับรถให้ฉันแล้วล่ะ"
    "ไปไหนครับ"
    "ไปบริษัทด่วนเลย"



    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------





    มีข้อผิดพลาดตรงไหนก็แนะนำกันได้เด้อค่ะ
    เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ



    ฮัก
     UmeshuSoda
    (เหล้าบ๊วยผสมโซดา อร่อยยยยยย)



    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×