NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปฐพีอุ้มรัก

    ลำดับตอนที่ #4 : ปฐพีอุ้มรัก #4 [1/2]

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 60


    บทที่ 4 [1/2]

    ผมทำงานพิเศษที่ NTF ได้หนึ่งอาทิตย์ เริ่มชินกับหน้าที่ของตัวเองบ้างแล้ว ตอนเช้าผมไปรับคุณทีที่คอนโดไปที่ทำงาน นั่งหรอคำสั่งจากเขา ถ้าคุณทีไม่ออกไปข้างนอกก็ช่วยพี่ธันวา พี่หวานทำงาน เพราะงานพี่น๊อตและที่โมกผมคงไม่มีปัญญาช่วยได้ พอตอนบ่ายก็ไปซื้อกาแฟให้คุณที แต่หลังๆ มานี้ผมจะซื้อแซนวิชที่ร้านทำเองมาติดมาด้วย ผมไม่บังคับให้คุณทีทาน เพราะผมรู้ดีว่าผู้ชายคนนั้นยิ่งบังคับยิ่งดื้อรั้น ผมเลยวางมันไว้บนโต๊ะพร้อมกับกาแฟ เขาอยากกินเมื่อไหร่เขาก็คงหยิบมันกินเอง ตอนแรกเขาไม่แตะมันเลย ผมกลุ้มใจนะที่เห็นเขาเลือกทานอาหารไม่มีประโยชน์แทนที่จะกินแซนวิชที่อุดมไปด้วยผักสดของผม ผมเลยเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาคุณติณ แล้วผมก็ได้มะกอกลงหัวมาทีนึงพร้อมประโยคที่ว่า 'พี่ทีไม่กินชีส'
    ผมร้อง อ่า... เพราะแซนวิสที่ผมซื้อไปให้เขามันเป็นแซนวิสผักสดไส้แฮมชีส
    ผมเลยเปลี่ยนเป็นไส้อื่น เขาเลยยอมกิน
    ทำไมคุณทีไม่บอกผมตรงๆ ล่ะครับมาว่ากินชีส!
    วันนี้วันเสาร์ผมไม่ต้องไปทำงาน เลยมาที่มหาลัยเพราะเพื่อนนัดให้มา ในวันธรรมดาเองผมก็ไม่มีคาบเรียนหรอก เหมือนทุกวันตลอดภาคเรียนที่ผ่านมา เพราะเก็บหน่วยกิจครบตั้งแต่ตอนปีสามแล้ว ปีสี่จึงเหลือแค่โปรเจ็คจบแต่ก็ทำเสร็จหมดแล้ว ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาว่าง เพื่อนคนอื่นใช้เวลาช่วงนี้ในการหางาน บางคนดีหน่อยที่มีบริษัทมาจองตั้งแต่โปรเจ็คยังไม่เสร็จ ที่ผมไม่หางานเหมือนคนอื่นก็เพราะผมมีสถานที่ทำงานของผมแล้ว บ้านผมเอง ผมตัดสินใจเรียนเกษตรก็เพราะบ้านของผมทำสวนผลไม้ เหตุผลแค่นั้นแหละ
    ในตอนนั้นในใจผมมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีความฝัน หรือสิ่งที่ชอบเป็นพิเศษ ผมเลยตัดสินใจเรียนในส่ิงที่คิดว่าผมจะทำมันออกมาได้ดีเพราะผมอยู่กับมันมาทั้งชีวิตคือการทำสวนผลไม้
    "ดินมึงมีลิขวิดป่ะวะ กูเขียนผิดอีกแล้ว เขียนชื่อนามสกุลเสร็จศัพท์แม่งเพิ่งมาเห็นช่องให้เขียนนามสกุล คนพิมพ์ใบสมัครแม่งทำให้โคตรเข้าใจยาก" ไอ้นนท์ หรือนายอานนท์เพื่อนสนิทหนึ่งในของผมยื่นมือซ้ายมาขอขณะที่มือขวาและสายตายังจับต้องอยู่ที่ใบสมัครงาน ผมเลยยื่นให้ไปทั้งกระเป๋าเครื่องเขียน
    "แกสมัครที่ไหน" ไอ้นนท์ก็เป็นอีกคนนึงที่อยู่ในช่วงหว่านใบสมัคร ความจริงมีบริษัทผลิตปุ๋ยเคมีมาทาบทามตัวเหมือนกันแต่มันปฎิเสธ เพราะมีจุดหมายปลายทางที่อยากไปอยู่แล้ว
    "สำนักงานเกษตรอำเภอสกลนคร"
    เป้าหมายของมันคือ สังกัดที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า 'สำนักงานเกษตรอำเภอ' ถ้าไม่ใช่มันไม่เอา อาตี๋ผู้มีจิตใจรักอยากจะพัฒนาอุสากรรมการเกษตรของประเทศ ผมประทับใจในความมุ่งมั่นที่จะทำตามความฝันของเพื่อนเพราะนั่นเป็นส่ิงที่ผมไม่มี
    "แกสมัครไปอยู่ไกลขาดนั้นแล้วป๊าแกจะยอมหรอวะ"
    ปึง!
    จู่ๆ ไอ้นนท์ก็วางปากกาแล้วทุบโต๊ะอย่างแรง
    "พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็เซ็ง เมื่อวานก็เพิ่งทะเลาะกันเนี่ย กูไปบอกว่าจะสมัครไปเป็นเกษตรอำเภอแม่งโวยวายใหญ่เลย บอกให้กูมารับช่วงต่อกิจการ กูเรียนเกษตรมานะเว้ย จะให้กูไปขายทองเนี่ยนะ ถ้าจะทำแบบนี้ยอมให้กูเรียนตั้งแต่แรกทำไม"
    ร้านทองที่ว่านี้ไม่ได้มีแค่ร้านสองร้านนะครับ แต่มีสาขาทั่วประเทศ อยู่บ้านไม่ต้องทำอะไรก็มีกินมีใช้ไปทั้งชาติ แต่ไอ้นนท์มันไม่เอา
    "แล้วมึงจะเอาไงต่อ ถ้าป๊ามึงไม่ยอมอย่างนี้"
    "กูก็จะไปเป็นเกษตรอำเภอเหมือนเดิม ที่กูบอกไม่ได้ขออนุญาต กูแค่แจ้งให้ทราบ"
    "อ่อ" ผมพยักหน้าเชิงบอก เอาที่สบายใจ
    "ว่าแต่มึงไอ้ดิน จะกลับไปทำสวนที่บ้านจริงหรอวะ เอาจริงๆ นะ กูโคตรเสียดายความสามารถของมึงเลย กูอยากให้มึงต่อโท อย่างมึงหาทุนได้ไม่ยากหรอก"
    "ปีหน้าน้องกูจะเข้ามหาลัยแล้ว กูไม่อยากให้พ่อแม่เหนื่อย"
    "มึงนี่แม่งโคตรเป็นลูกกตัญญูเลยว่ะ"
    ผมไม่ได้เป็นคนดี แต่มันเป็นหน้าที่ที่พี่คนโตพึงกระทำ
    ~~~~~~
    หน้าจอโทรศัทพ์ของผมที่วางบนโต๊ะสว่างวาบ พร้อมปรากฎหมายเลขโทรศัพท์ที่ผมไม่ได้บันทึกลงในเครื่อง
    "สวัสดีครับ"
    (ฉันเอง) ฉันไหนวะ???
    "ฉันเองน่ะ ใครครับ"
    (นทีธร...)
    "คุณที!" ผมกระเด้งลุกจากเก้าอี้ ไอ้นนท์พลอยตกใจไปกับอาการของผมเช่นกัน ให้ตายสิ ทำไมผมจำเสียงเขาไม่ได้ เรียบๆ นิ่งๆ แบบนี้มีคนเดียว
    (......) คนปลายสายเงียบเหมือนรอให้ผมตกใจเสร็จก่อน
    "คุณทีมีอะไรหรือเปล่าครับ"
    (ฉันมีธุระต้องไปทำ นายว่างมั้ย ช่วยขับรถให้หน่อย)
    "ว่างครับ"
    (ฉันรออยู่ที่บ้าน)
    "ได้ครับคุณที เดี๋ยวผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย"
    "คุยกับใครวะ?" ไอ้นนท์ถามหลังผมกดวางสาย
    "เจ้านายน่ะ"
    "กูจำได้ว่าเจ้านายร้านกาแฟแกชื่อคุณติณไม่ใช่หรอ?"
    "เจ้านายคนใหม่"
    "มึงลาออกจากร้านกาแฟแล้วเหรอ ทำไมวะ ไหนมึงเคยบอกว่างานโอเคดีไม่ใช่หรอ"
    "ไม่ได้ลาออก แค่ไปช่วยงานคุณทีชั่วคราว"
    "แล้วคุณทีของมึงเนี่ยเป็นใครวะ"
    "เหมือนจะเป็นรุ่นพี่ของคุณติณ เปิดบริษัทผลิตซอฟต์แวร์อยู่ที่ตึกเดียวกับร้านกาแฟที่กูทำงานอยู่นั่นแหละ"
    ไอ้นนท์พยักหน้าเข้าใจ แต่สีหน้าของมันเหมือนยังมีคำถาม แต่ผมไม่มีเวลาตอบแล้วตอนนี้ เพราะคุณทีกำลังรอผมอยู่
    "ต้องไปแล้วว่ะ คุณทีรออยู่"
    "เฮ้ยเดี๋ยว อีกคำถามนึง ไม่เกทว่ะ"
    "ว่า?"
    "เด็กเกษตรไปทำงานอะไรในบริษัทซอฟต์แวร์วะ?"
    "ขับรถ ไปล่ะ รีบ"
    ผมไม่รอดูรีแอคของไอ้นนท์ต่อคำตอบของผม ขายาวๆ รีบก้าวออกจากรั้วมหาลัยมุ่งหน้าไปยังป้ายรถเมล์
    ผมมาถึงคอนโดคุณทีประมาณบ่ายโมง โทรหาเขาจากเบอร์ที่เขาโทรมาซึ่งตอนนี้บันทึกลงในรายชื่อผู้ติดต่อเรียบร้อยแล้ว ผมนั่งรอที่ล็อบนี้ของคอนโด ไม่นานเจ้านายของผมก็ลงมา วันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแลก ผมก็จัดทรงนิดหน่อยแค่พอไม่ปกหน้า ผมไม่รู้ว่ามาบรรยายการแต่งกายของเจ้านายทำไมนะ แต่เขาแต่งตัวแค่นี้ทว่าดูดีมาก หันมามองตัวเอง การแต่งกายของเราคล้ายกันนะวันนี้ ผมก็เชิ้ตสีขาวเหมือนกัน ชุดนักศึกษา แต่พอเทียบกับเขาแล้ว... ไม่เอาไม่พูด ไม่อยากตอกย้ำตัวเอง
    "อยากให้ผมพาไปไหนครับ"
    "ไปห้าง xxx"

    ระหว่างทางจากคอนโดมาที่ห้างสรรพสินค้า ไม่มีบทสนทนาใดๆ ระหว่างเรา มันก็เป็นแบบนี้มาตลอด จริงๆ แล้วผมเคยพยายามชวนเขาคุยนะ คุยทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องรถรา จราจร สภาพอากาศ สรรพเพเหระ แต่เขาก็ตอบเพียงว่า 'ตั้งใจขับรถไป' จากนั้นผมก็รู้ทันทีว่าเขาไม่ชอบคุยเวลาขับรถ เพราะเวลาปกติผมถามเขาก็ตอบ แค่เขาไม่เคยเป็นฝ่ายชวนผมคุยก่อนเท่านั้นเอง
    ถึงห้างสรรพสินค้าคุณทีตรงมายังแผนกของเล่นเด็ก เมื่อเห็นว่าเขาถือของเล่นหลายอย่างไว้ในมือผมเลยเดินไปหยิบรถเข็นมาให้ คุณทียัดของเล่นลงในตระกร้าแล้วเดินเลือกของต่อ เขาหยิบทุกอย่างที่ตัวเองสนใจลงในตระกร้าจนมันล้น
    เขาซื้อของเล่นไปทำอะไรเยอะแยะ
    ผมไม่ปล่อยให้ความสงสัยค้างในสมองนาน เลยถาม
    "คุณทีซื้อของเล่นไปทำอะไรเยอะขนาดนี้ครับ"
    "ซื้อไปให้ลูกๆ น่ะ"
    "อย่างนั้นหรอครับ"
    เขามีลูกแล้ว? ยอมรับว่าตกใจเล็กน้อย แต่พอมาคิดอีกทีก็เห็นจะเป็นเรื่องแปลกอะไร เพราะเขาเองอายุเลขสามแล้ว แถมยังหล่อและรวยมาก เป็นธรรมดาที่มีคนเดินเข้ามาในชีวิตแล้วเขาก็เลือกเธอคนนั้นมาเป็นแม่ของลูก
    หลังจากซื้อของเล่นเสร็จผมก็ขับรถมาตามที่อยู่ที่ได้จากคุณที 'เรือนร้อยรัก' เป็นป้ายชื่อที่เขียนติดไว้หน้าบ้าน หลังจากเห็นรถสีดำมันปราบ เด็กชายคนหนึ่งก็วิ่งมาเปิดประตูให้เข้ามาในบริเวณบ้าน เด็กชายและเด็กหญิงอีกหลายคนก็วิ่งออกมาจากบ้านไม้สองชั้นที่สีฟ้าสดใส
    "พ่อ"
    "คุณพ่อ"
    "พ่อทีมาแล้ว"
    ทันทีที่เปิดประตูรถออกไปแล้วเด็กๆ ก็กรูเข้าหา คุณทีรับเด็กๆไว้ในอ้อมแขนให้ได้หลายคนที่สุดเท่าที่จำทำได้ ชายที่หน้านิ่งตลอดในเวลาลางานยิ้มบางๆ รับรอยยิ้มกว้างเห็นฟันของเด็กๆ แววตาดุดูอ่อนลง มันช่างเป็นภาพที่ดูแล้ว...ปลื้มปริ่มหัวใจ ใช่ไหมความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกเหมือนว่ามีบางอย่างอัดแน่นเต็มหัวใจของเราไปหมด เหมือนลูกโป่งที่ลอยได้ ครั้งแรกเลยที่ผมได้เห็นรอยยิ้มของเขา
    ที่แท้ ลูกๆ ก็คือเด็กบ้านเด็กกำพร้านี่เอง
    "วันนี้มีของเล่นมาฝากด้วยนะ" คุณทีขนของเล่นออกจากหลังรถแล้วยื่นให้เด็กๆ
    "เด็กๆ จำที่ครูสอนได้ไหมเวลารับของจากผู้ใหญ่ต้องทำยังไง" น้ำเสียงนาบเนิบของผู้หญิงคนหนึ่งบอกเด็กๆ ใบหน้าของเธอยิ้มแย้ม
    "ขอบคุณครับ!"
    "ขอบคุณค่า!"
    เด็กๆ หอบถุงของเล่นเข้าไปในบ้านตอนนี้จึงเหลือเพียงผม คุณที และผู้หญิงคนนั้น จากเส้นผมสีขาวตัดสั้นคล้ายทรงยอดฮิตของเหล่าคุณยายแถวบ้าน ผมเรียกว่าคุณยายน่าจะเหมาะสมกว่า
    "สวัสดีครับครูอารี"
    "สวัสดีค่ะคุณที" ครูอารีรับไหว้คุณทีแล้วมองมาที่ผม "วันนี้ไม่ได้มากับคุณทินกรหรือคะ"
    "นี่ดินครับ เด็กที่ทำงาน คุณทินกรมาไม่ได้ผมเลยให้ดินมาแทน"
    "อย่างนั้นหรอคะ"
    "สวัสดีครับ" ผมสวัสดีครูอารี
    "ไหว้พระเถอะลูก ครูว่าเข้าไปคุยกันข้างในดีกว่านะ ข้างนอกแดดมันร้อน คุณที หนูดิน เข้ามาเร็ว"
    พวกเราเข้ามานั่งในห้องที่เหมือนกับห้องพักครูมีโต๊ะอยู่สองโต๊ะ โต๊ะหนึ่งน่าจะเป็นของครูอารีเพราะมีรูปของเธอตั้งอยู่ อีกโต๊ะคงเป็นของคนที่มาเสริฟน้ำพวก ตอนนี้กำลังแจกของเล่นที่คุณทีซื้อมาให้เด็กๆอยู่ห้องข้างๆ
    "ขอบคุณสำหรับของเล่นเด็กๆนะคะคุณที ไม่น่าลำบากซื้อมาเลย แค่เงินบริจาคให้เด็กๆ ทุกเดือนก็ขอบคุณมากแล้ว"
    "ไม่เป็นไรหรอกครับครูอารี ผมอยากให้เด็กๆ ได้เล่นของเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ พวกเขาจะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองขาด"
    "ขอบคุณมากนะคะคุณที แล้ววันนี้แค่เอาของเล่นมาให้เด็กๆ เท่านั้นหรอคะ"
    "เปล่าหรอกครับ ความจริงแล้วผมมีสื่อการสอนตัวใหม่จะเอามาลงคอมพิวเตอร์ให้เด็กๆได้ใช้กันด้วย"
    "อ่อ อย่างนั้นหรอคะ เรื่องคอมพิวเตอร์ก็ด้วย ต้องขอบคุณคุณทีอีกครั้ง ถ้าไม่ได้คุณทีเด็กๆ คงไม่มีโอกาสได้จับต้องอะไรแบบนั้น งานเอกสารของทางบ้านเด็กกำพร้าเองก็สะดวกขึ้นเยอะเลย"
    "ได้ยินแบบนั้นผมก็ดีใจแล้วครับ" ตั้งแต่ผมนั่งเงียบฟังมาผมไม่รู้ว่าครูอารีขอบคุณคุณทีไปกี่ครั้งแล้ว แต่ที่รู้ทุกครั้งที่เธอพูดในน้ำเสียงเนิบนาบอย่างคนแก่นั้นแฝงไว้ด้วยจริงใจ "ผมขอไปลงโปรแกรมก่อนนะครับครู"
    ครูอารีพยักหน้าตอบ
    "ให้ผมช่วยมั้ยครับคุณที"
    "ไม่เป็นไรดิน ฉันใช้แค่ USB ตัวเดียวก็เสร็จแล้ว"
    พูดจบคุณทีก็เดินไปยังห้องที่เด็กๆ อยู่ ส่วนผมนั่งมองเขาทำงานกับครูอารีที่อีกห้องหนึ่ง เมื่อเด็กๆ เห็นคุณทีทำอะไรบางอย่างกับคอมพิวเตอร์ห้าหกตัวที่เรียงกันอยู่ตรงมุมห้องต่างก็พากันกรูเข้าไปดูด้วยความตื่นเต้น
    "คุณทีมาที่นี่บ่อยหรอครับ" ผมถามครูอารี เธอกำลังมองคุณทีทำงานด้วยใบหน้ายิ้มอิ่มใจ
    "ตอนเด็กๆ เธอมาบ่อยค่ะ มากับคุณแม่ แต่หลังจาก..."
    "หลังจากอะไรครับ"
    "หลังจากอุบัติเหตุ คุณทีก็ไม่ได้มาที่นี่อีก จนกระทั่งเธอโต เธอมักจะมาพร้อมเงินบริจาคหรือไม่ก็ส่งของมาให้ เหมือนอย่างที่คุณแม่เคยทำ แต่ถ้าเป็นวันนี้ของทุกปีเธอจะมาด้วยตัวเองค่ะ"
    "วันนี้วันอะไรหรอครับ"
    "วันครบรอบวันตายของคุณแม่ของเธอค่ะ"
    "ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย..."
    "เมื่อก่อนคุณทีแกเป็นเด็กร่าเริงนะคะ แต่หลังจากอุบัติเหตุเธอก็เงียบ ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมาให้ใครได้รู้เท่าไหร่ เธอเข้มแข็งมากค่ะ เพราะในงานศพฉันไม่เห็นน้ำตาของเธอสักหยด ทั้งที่วันที่เกิดอุบัติเหตุคุณทีอยู่ในเหตุการณ์ด้วย"
    เข้มแข็งเกินไป เขาไม่เหนื่อยบ้างหรอที่ต้องเก็บทุกความรู้สึกไว้แบบนั้นคนเดียว เขาน่าจะไว้ใจใครสักคน ให้คนนั้นช่วยรับฟังมันบ้าง
    "แล้วคุณพ่อของคุณทีล่ะครับ"
    "เรื่องนั้นฉันไม่ทราบหรอกค่ะ ทุกครั้งคุณทีมักจะมากับคุณแม่สองคนเท่านั้น"
    "อย่างนั้นหรอครับ"
    ตามที่ครูอารีเล่า คุณทีสนิทกับคุณแม่มาก วันนี้เป็นวันครบรอบวันตาย แม้ว่าภายนอกเขาจะทำตัวเป็นปกติแค่ไหน ผมเชื่อว่าภายในของเขามันเปราะพร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ แม้เรื่องมันจะผ่านมานานแล้วก็ตาม เพราะแม้แต่รอยแผลเล็กๆ สำหรับเด็กมันยังเป็นเรื่องใหญ่จำมาจนโตเลย แล้วรอยแผลเหวอะหวะ กระทั่งผู้ใหญ่ยังรับมือลำบาก พอเกิดขึ้นกับเด็กบาดแผลมันจะหยั่งรากลึกขนาดไหน
    มีทางไหนที่ผมจะช่วยคุณได้บ้าง...


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------
    [คุยกัน]
    เอาตอนสั้นๆ เนื้อหาไม่ต้องยาวเท่าไหร่เนาะ
    ความจริงๆ พิมพ์ไม่ทันค่ะ ต้องทำโปรเจคจบไปด้วย
    ที่มาเขียนก็เพราะว่าเครียดเลยอยากหาอะไรคลายเครียด แต่ดูเหมือนว่ามันจะทำให้เครียดกว่าเดิมซะอีก

    ตั้งใจว่าจะให้ความรักของดินกับคุณทีค่อยเป็นค่อยไปค่ะ เป็นความรักที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ช่วงแรกอาจจะดูเนิบๆหน่อย ไม่หวานไม่อะไร เพราะความรู้สึกของน้องดินเริ่มจากความเลื่อมใสในตัวคุณที เห็นอกเห็นใจ แล้วค่อยเปลี่ยนไปเป็นความรัก(มั้ง)


    มีข้อผิดพลาดตรงไหนก็แนะนำกันได้
    เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ



    รัก
     UmeshuSoda
    (เหล้าบ๊วยผสมโซดา อร่อยยยยยย)



    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×