ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Six Teen ตอน ห้องสมุดอาถรรพ์ หนังสือเดินได้

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 50



             
               เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ขิมนั่งอยู่ในห้องนอนของนักเรียน ม.3 เธอกำลังนั่งครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยระหว่างรอ กอหญ้าที่กำลังแต่งตัวอยู่  ปกติแล้วโรงเรียนมีกฎให้นักเรียนนอนห้องละ 4 คน ในแต่ห้องจะมีเตียงสองชั้น ติดผนังสองฟากของห้องนอน แต่ในกรณีห้องกอหญ้ากับขิมนั้นจะเหลือเศษแค่ 3 คน คือ กอหญ้า ขิม และ เฟื่องฟ้า เด็กหญิงที่ใครต่อใครตั้งฉายาเธอว่า' ยัยแม่มด '  เท่านั้น


               ไม่นานพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไป ปล่อยให้พระจันทร์ฉายแสงสีนวลสวยงามไปทั่วท้องฟ้ายามราตรี และสาดส่องเข้าไปไหนหน้าต่างบานเล็กของห้องสมุดโรงเรียนซึ่งตอนนี้ควรจะถูกถูกปกคลุมไปด้วยความมืด


    …แต่ตอนนี้… 


    " หนังสือรกๆ ที่เธอเห็นเห็นเมื่อเช้าอยู่ตรงไหนนะขิม "

    เสียงโบ๊ทกระซิบถามขิมเมื่อพวกเขาเข้ามาอยู่ในห้องสมุดเรียบร้อยแล้ว โดยปกติสำหรับวันธรรมดาขิมจะเป็นคนดูแลความเรียบร้อยห้องสมุดก่อนที่จะล็อคประตูเวลา 6.00 น.ของทุกวัน แล้วเก็บกุญแจไว้กับตัวเองพอเช้าจึงมาเปิดห้องสมุดและตรวจความเรียบร้อยจนกว่าอาจารย์บรรณารักษ์จะมา


    " เงียบๆ หน่อยสิ พวกข้างหลังน่ะ " เสียงกระซิบจากคนข้างหน้า เด็กหนุ่มหน้าตาฮอทฮิตติดอันดับในรายการชายในฝันของเด็กผู้หญิงในโรงเรียน บ่นอย่างหัวเสียในห้องสมุดอันมืดมิดพวกเขามีเพียงแสงไฟฉายสองกระบอกสำหรับโบ๊ทที่เดินนำหน้า และ น้ำมนต์ที่ปิดท้ายเท่านั้น…

    " พวกเธออยากถูกจับได้กันหรือไงฮะ "

           โบ๊ทพยายามใช้แขนเสื้อปิดบังแสงไฟฉายสว่างจ้า ตัดกับความมืดเบื้องหน้า คิ้วหนาเข้มทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มบัดนี้ถูกผูกเป็นโบว์อยู่บนหน้าผากที่ชุ่มเหงื่อของเขา บรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวรอบข้างบวกกับการเสี่ยงต่อการถูกจับทำให้เขาเครียดไม่เบาเลยทีเดียว

    " โธ่เอ๊ย โบ๊ท เราคุยกันไม่ดังสักหน่อยทำบ่นไปได้ "

    กอหญ้าที่ตามโบ๊ทมาติดๆ ดูเหมือนไม่พอใจที่ถูกบ่น จึงโต้กลับไปด้วยท่าทางหัวเสียพอกัน


    " ที่นี่มันน่ากลัวจะตาย ฉันว่านะ เราควรจะกลับไปนอนที่นอนนุ่มๆ ดีกว่าเรามาสืบอะไรบ้าๆ บอๆ ในห้องสมุดโรงเรียนกลางดึกอย่างเงี๊ย "


    กอหญ้าบอกพลางหันไปมองหน้าต่างที่มีแสงจันทร์สาดส่องลงมาลางๆ ทำให้เห็นกิ่งไม้ข้างนอก ไหวเอนไปมา…กอหญ้ารู้สึกขนลุกขณะกำลังคิดอยู่ว่าหากมีอะไรบางอย่างโผล่ขึ้นมาที่กิ่งไม้ข้างนอกนั่นจะทำอย่างไรดี แล้วกอหญ้าก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงใครพูดขึ้น


    " พวกนายก็มัวแต่เถียงกันอยู่นั่นแหละ คงไม่รู้สึกอะไรหรอกนะว่าคนอยู่หลังสุดจะเป็นยังไง " เสียงสั่นเครือ ของน้ำมนต์  ค้อนมาจากด้านหลัง
     

    " กลับหอนอนกันเถอะ - - "


    " ไม่ได้….!!!!!  " เสียงขิมที่อยู่ข้างหลังกอหญ้าดังโพล่งขึ้นมาอย่างลืมตัว ทำเอาทุกคนสะดุ้งสุดตัว เมื่อทุกคนรวบรวมสมาธิได้จึงพากันรุมขิมที่น่าสงสารอันเป็นเจ้าของเสียง

    " แต่พวกเธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น  จนกว่าจะพิสูจน์ความจริงได้นะ " เสียงอ่อยๆ แต่มีพลังของขิมพยายามดึงดูดความสนใจของเพื่อนสนิททั้งสี่ให้มาจดจ่ออยู่ที่บรรยากาศน่าสะพรึงกลัวในความมืดของห้องสมุด ซึ่งมีแส่งสว่างจากแสงจันทร์ที่ลอดหน้าต่างมาเพียงเล็กน้อย กับไฟฉายสองกระบอกของสี่สหายเท่านั้น


    " ความจริงอะไรของเธอ…ขิม.. เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าไม่มีใครเข้าห้องสมุดได้ถ้าไม่มีกุญแจ  "


    โบ๊ทพูดขึ้น  ตอนนี้ทุกคนที่เดินเรียงแถวกัน เปลี่ยนมาเป็นยืนล้อมขิมซึ่งดูเหมือนว่าเธอกำลังรู้สึกกลัวปนกล้า


     " ที่พวกเรามาวันนี้ ก็เพราะอยากเล่นอะไรสนุกๆ แค่นั้นเองนะขิม ตอนนี้ก็เลยเวลานอนมามากแล้ว  กลับกันเถอะ "

    โบ๊ทบอกอยากใจ้รายทีเดียวในความคิดของคนอื่นแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
     
    ขิมมีแววผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เธอพยักหน้าช้าๆ แล้วหันหลังกลับ
     

    " ไปนอนก็ได้  แต่ฉันจะไม่จบแค่นี้หรอก ฉันจะมาใหม่พรุ่ง - -"


      ขิมหยุดกึกแล้วนิ่งเพ่งมองอะไรบางอย่าง แล้วกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง



    " กรี๊ดดดดดดดดดดด….!!!!..อ..อ..อะไร นน..น่ะ.."



    ขิมชี้ไปยังจุดๆ หนึ่ง ขาเดินถอยหลังสะเปะสะปะ นัยย์ตาเบิกกว้างอย่างตกใจสุดขีด  ทุกคนสะดุ้งสุดตัว โบ๊ทซึ่งถือไฟฉายอยู่เผลอปล่อยมือจนไปฉายตกลงที่พื้นและดับลง ….


    " เกิดอะไรขึ้น…!!!  เธอเห็นอะไร " กอหญ้าจับมือขิมซึ่งตอนนี้เย็นเฉียบ และชุ่มไปด้วยเหงื่อ มาถือไว้ในมือ เธอพยายามบังคับให้เสียงที่สั่นๆของเธอกลับเป็นปกติ


    " ฉะ..ฉัน…ฉัน  ได้ยิน…เสียง…แล้วก็…เห็นอะไร….บางอย่าง…เคลื่อนไหว…. ตรงนั้น "


    ขิมบอกด้วยเสียงที่เกือบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว พลางชี้มือไปยังจุดๆ หนึ่ง ทางชั้นหนังสือที่แอบอยู่ในเงามืดตรงข้ามกับพวกเขา ทุกคนยืนนิ่งและเงียบฟัง ราวกับต้องมนต์สะกด เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่มีใครรู้ แต่ที่ทุกคนรู้ก็คือไม่มีเสียง และ อะไรเกิดขึ้นนอกจากเสียงหัวใจของพวกเขาเต้นโครมครามจนแทบจะระเบิด ไม่นานโบ๊ทซึ่งกลับสู้สภาพเดิมเร็วที่สุดก็เริ่มทำลายความเงียบขึ้น



    " พอกันนะทีขิมสำหรับเกมวันนี้  "

    โบ๊ทบอกด้วยน้ำเสียงถากถาง กับขิมซึ่งตอนนี้กำลังกลั้นน้ำตาไว้อย่างเต็มที่ แล้วพยายามก้มลงคลำๆ หาไฟฉายที่พื้น แต่เขาก็พบแต่ความว่างเปล่า ที่เย็นเฉียบของพื้นปาร์เก้  " น้ำมนต์  ฉันขอยืมไฟฉายนายหน่อยได้มั๊ย " 



    " แต่ฉันเห็นจริงๆ นะ - -  " ขิมแย้ง ขณะที่น้ำมนต์ส่องไฟฉายให้โบ๊ทที่กำลังนั่งกับพื้นควานหาไฟฉายอย่างเอาเป็นเอาตาย


    " เราจะคุยกันเรื่องนี้กัน เมื่อเราออกจาที่นี่นะ " กอหญ้าบอกขิมเบาๆ พลางตบไหล่เด็กสาวเป็นเชิงปลอบใจ แล้วหันไปอารมณ์เสียกับพวกผู้ชาย " ว่าแต่นายสองคน เมื่อไหร่จะหาเจอสักทีล่ะ แค่ไฟฉายกระบอกเดียว "



    " พวกเธอก็มาช่วยกันหาหน่อยสิ  "  น้ำมนต์บอก " ห้าทุ่มจะเที่ยงคืนแล้ว ฉันยังไม่ได้กินมื้อดึกเลย "


    " นายก็ห่วงกินอยู่นั่นแหละน้ำมนต์ ฉันว่ามันคงกลิ้งไปที่อื่นละล่ะ " โบ๊ทพูดเพ่งมองไปยังความมืดที่ชั้นหนังสือล็อคที่4 ฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นด้านเดียวกับที่ขิมบอกว่าเห็นอะไรบางอย่าง…


    ทุกคนดูเหมือนจะมีความคิดเดียวกัน ว่าพวกเขาควรจะเสี่ยงไปหาไฟฉายกระบอกเดียวดีหรือไม่  พวกเขาทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง  ลมเย็นยะเยือกที่ลอดผ่านช่องระบายอากาศเข้ามาปะทะร่างกายทำให้พวกเขารู้สึกหนาวสะท้าน พร้อมกับแสงจันทร์สลัวๆ ที่ส่องผ่านหน้าต่างทำให้เงาของชั้นหนังสือที่สลักด้วยลวดลายโบราณดูชวนขนลุกยิ่งขึ้น เหมือนพวกเขากำลังอยู่ในบ้านเก่าๆ ที่มีผีสิงอยู่… ความมืดบวกกับความเงียบที่ทำให้ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจแผ่วเบาของแต่ละคน ปลุกเร้าให้หัวใจของสี่สหายเต้นโครมคราม เพ่งมองไปยังล็อคที่ 4 อย่างชั่งใจ….


    พรึบ….!!!


    และแล้วก้อมีแสงสว่างจากหลอดไฟ… ไฟฉายนั่นเอง…
    สี่สหายตาเบิกโพลง….จับจ้องไปที่ดวงไฟสว่างจ้า  ต่างรู้สึกว่าหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ ไม่มีใครคิดที่จะวิ่งหนี ขาที่ดูจะไร้ความรู้สึกนิ่งเฉย ปล่อยให้ร่างกายตะลึงงันอยู่กับที่ แสงไฟดวงนั้นค่อยๆ เลื่อน หรือ ลอย เข้ามาใกล้ พวกเขาอย่างช้าๆ และช้าๆโดยใครหรืออะไรพวกเขาไม่อาจรู้ได้เลย….


    ตอนนี้แสงไฟฉายอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ถึง 10 ก้าว มันค่อย ๆเคลื่อนเข้ามาในระดับสายตาของพวกเขา ไม่มีเสียงพูด.. ไม่มีเสียงคนเดิน… ไม่มีเสียงอะไรนอกจากเสียงหัวใจของสี่สหาย แสงไฟเข้ามาใกล้เรื่อยๆ … 6 ก้าว…. 5 ก้าว…. 4…. และ  3…และหยุดลง..

    ทั้งสี่ยืนนิ่งขึง คอยดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป…


    พรึบ…!!!!



    แสงไฟเปลี่ยนทิศทางส่องกลับขึ้นไปด้านบน…เผยให้เห็น….ใบหน้าขาวโพลน…ไม่มีสีเลือด ที่ถูกปกคลุมด้วยผมสีดำยาวรุงรัง ประบ่า….ดวงตาคู่โต เบิกกว้างกำลังจ้องมองพวกเขาอย่างไร้ความรู้สึก… ปากสีซีด ค่อยๆเผยออ้า….

    " กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด… " สองในสี่คนกรี๊ดลั่น พร้อมกับตั้งท่าจะวิ่งแต่ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ที่สมองสั่งวิ่งแล้วขากลับไม่ขยับเขยื้อน ในที่สุดโบ๊ทก็พูดขึ้น 



    " น..นะ..นับ..1 – 3 นะ…..หนึ่งงง…สอง…สาม…!!!..ไป..!! "



    " ผะ…ผีผีผี………ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย " 


    ทั้งสี่รีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปยังประตูทางออกที่อยู่ใกล้ที่สุด รองเท้าหลายคู่กระทบพื้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ใบหน้าอันหน้าสะพรึงกลัวนั้นไล่ตามมาติดๆ  ไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้หยุดพักเลย


    " เร็ววว……เร็วหน่อยน้ำมนต์..!!! มันมาติดๆ แล้ว..!!!"  เสียงขิมร้องบอกน้ำมนต์ที่ตอนนี้กำลังวิ่งอย่างเหนื่อยหอบอยู่ข้างหน้า เนื่องจากร่างท้วมของเขาทำให้วิ่งได้ไม่ค่อยเร็วหนัก และแล้วทุกคนก็วิ่งมาถึงประตูทางออก มันมืดมาก มากจนหากลอนประตูไม่เจอ โบ๊ทใช้มือคลำไปยังตำแหน่งที่คิดว่าต้องเป็นกลอนอย่างรีบร้อน แล้วร้องบอกคนอื่นเสียงอันดัง


    " เฮ้…ใครก็ได้เปิดไฟที…!!!.. "


    " ฉันหาสวิทซ์ไม่เจออออ…!!!…"


    " เร็วหน่อยเถอะ…!!!..เร็ววววววววววววววววววว…!!! "


    พรึบบบบบ….


    ไฟในห้องสมุดสว่างจ้า  จนทุกคนต้องหยีตาเพราะชินกับความมืดมานาน… แสงสว่างมักจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้นเสมอ


    " ดูนั่น…!!!. " เสียงใครบางคนร้องขึ้น เมื่อเห็นภาพแสงไฟที่ไล่กวดพวกเขาเมื่อครู่ ทุกคนนิ่งอึ้ง เบื้องหน้าของพวกเขาคือภาพของเด็กผู้หญิงใส่ชุดนอนแบบของโรงเรียนเจ้าของใบหน้าที่น่ากลัวนั้น กำลังถือไฟฉายด้วยความงุนงง ทุกถอนหายใจอย่างโล่งอก


    " ยัย….ยัยแม่มด…!!!.. "
     

    กอหญ้าร้องขึ้นด้วยความโล่งใจปนโกรธ


    " พวกเธอมาทำอะไรกันที่นี่ "


    เฟื่องฟ้าที่ทุกคนตั้งฉายาให้ว่า ' แม่มด ' พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น น้ำเสียงที่ฟังดูเรียบเฉยของเฟื่องฟ้านั้นทำให้ยั่วอารมณ์โมโหของุทกคนให้โกรธเธอมากขึ้นไปอีก สาเหตุที่ทุกคนตั้งฉายาให้เธอว่า ' แม่มด ' นั้นก็เนื่องมาจากใบหน้าซีดซูบผอมที่ไม่มีเครื่องสำอางใดๆ ปนอยู่ ผมเผ้ารุงรังย้อยลงมาปิดหน้าและตากลมโตน่ากลัวดวงนั้น เธอมักแต่งตัวด้วยชุดสีดำเสมอ และ เธอจะไปไหนมาไหนคนเดียว เพราะว่า ไม่มีคนสติดีคนไหนกล้าคบกับเธอเลย


    " เธอ…เธอ…เล่นบ้าอะไรของเธอ " น้ำมนต์ที่ตอนนี้เหนื่อยหอบแฮ่กๆ จนขิมต้องนั่งลูบหลังให้เบาๆ ร้องออกมาด้วยความโมโห


    " ฉันไม่ได้เล่นอะไร..- - " เฟื่องฟ้าตอบพร้อมกับปิดไฟฉายในมือและยื่นให้โบ๊ทที่กำลังเดินตรงมาหาเธออย่างเอาเรื่อง


    " แต่เธอแกล้งทำเป็นผีหลอกเรา… เธอต้องการอะไรกันแน่ "


    " ฉันเปล่านะ - - "


    " เปล่าหรอ….เธอทำให้พวกเรากลัว..! เธอขโมยไฟฉายเราไป…!! เธอวิ่งไล่เรา…!! เธอจะบอกว่าเปล่าได้ยังไงกัน " ขิมร้องบอกด้วยอารมณ์ขุ่นมัว


    " ได้โปรดฟังฉันก่อน…ฉันไม่ได้ตั้งใจ " เฟื่องฟ้าพูดเสียงอ่อยๆ นัยย์ตาที่มีแววเศร้าจ้องมองพวกเขาอย่างขอความเห็นใจ



     " ก็ฉันเห็นขิม กับ กอหญ้า เดินออกจากห้องนอนไปดึกๆ ทีแรกฉันนึกว่าเธอสองคนออกไปห้องน้ำกัน ก็ตามมากะว่าจะขอไปด้วย  แต่ว่าเธอไม่ได้ไปห้องน้ำ เธอกลับเดินขึ้นตึก มาทางห้องสมุด ฉันเลยจะมาเตือนให้กลับหอนอนได้แล้ว พอมาถึงห้องสมุดเห็นเธอสองคนมาเจอกับน้ำมนต์…กับ..โบ๊ท..ฉัน..ฉันเลย ไม่กล้าเดินเข้าไป.. " พอถึงตรงนี้เธอหยุดหายใจพักนึง


    " พูดต่อสิ…เธอมีเหตุผลอะไรไม่ทราบที่ต้องมาแกล้งทำเป็นผีหลอกเรา " โบ๊ทบอก พลางหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะสำหรับบรรณารักษ์ ข้างประตู ขึ้นมาพัดระบายอากาศที่อบอ้าว หลังจากที่ทุกคนวิ่งกันอย่างเหนื่อยหอบ

    " แล้วก็… "  เฟื่องฟ้า เริ่มพูดต่อ " ฉันอยากรู้ว่าพวกเธอเข้าไปทำอะไรกัน เลยตามเข้าไป แล้วฉันก็ไม่กล้าบอกพวกเธอ ฉันกลัวพวกเธอจะหาว่า ฉัน…ยุ่มย่ามเรื่องเรื่องของเธอมากเกินไป…พักนึงขิมก็เห็นฉันตรงล็อคที่ 4 ฉันตกใจมาก ฉันคิดว่าอีกไม่นานเธอก็คงจะเจอฉันแน่ ฉันเลยซ่อนอยู่ที่ล็อค 4 จน…โบ๊ท ทำไฟฉายหล่น มันกลิ้งมาทางที่ฉันอยู่พอดี…ทีแรกฉันยังไม่กกล้าคืนมันให้เธอ จนฉันเห็นว่าพวกเธอช่วยกันหา กันอยู่นานมาก…ฉันเลยตัดสินใจ…เปิดมันแล้วก็จะเอาไปคืนให้พวกเธอ แล้วเธอก็ตกใจ…- - "

    " นี่จะบอกอะไรให้นะ…เป็นใครก็ต้องตกใจกันทั้งนั้นแหละ…หน้าตา..- - "


    น้ำมนต์ซึ่งตอนนี้เริ่มหายเหนื่อยแล้วบอกด้วยเสียงค่อนข้างดัง กอหญ้าที่ยืนอยู่ด้านหน้ารีบเอามือเอื้อมไปหยิกแขนน้ำมนต์เป็นเชิงเตือนว่าให้รักษาน้ำใจคนอื่นหน่อยก็ดี


    " โอ๊ยย…!!!..เอ่อ…คือฉันหมายถึงว่า…ฉันรู้สึกหน้าซีด ไม่ค่อยสบายน่ะ "

    น้ำมนต์บอกพลางลูบแขนข้างที่โดนหยิกไปมาอย่างเคืองๆ


    " เอาเป็นว่า…ฉัน..ฉันขอโทษแล้วกันนะ… " เฟื่องฟ้าบอกพลางก้มหน้า " ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้พวกเธอเดือดร้อนอีก "


    " เฮ้อออ…นะ…" โบ๊ทส่ายหัวอย่างระอาแล้วเอื้อมมือไปที่กลอนประตู
     
    " กลับกันเถอะ…ฉันเหนื่อยเต็มที "


    สี่สหายบวกกับเฟื่องฟ้าที่เดิมตามต้อยๆ มาอย่างเหงาหงอย พวกเขาพากันเคลื่อนขบวนออกมาจากห้องสมุด ซึ่งเป็นที่ทั้งให้ความรู้ และ 'ประสบการณ' ต่างๆ มากมาย….


    " เกือบทำให้พวกเรา ถูกจับ…รู้ตัวรึเปล่า…" น้ำมนต์เริ่มบ่นให้เฟื่องฟ้าอีกครั้ง เมื่อพวกเขาอยู่ที่ทางเดินหน้าห้องสมุดเรียนร้อยแล้ว ห้องศูนย์ภาษาไทยที่ปิดไว้อย่างแน่นหนากับทางเดินรอบข้างมืดสนิทมีเพียงแสงจากไฟฉายที่สาดส่องไปเท่านั้น


    " คงไม่ใช่เกือบแล้วนะ คุณธนากร " เสียงที่ทำให้ทั้งหมดใจหายวาบ  ดังขึ้นข้างหลังพร้อมกับไฟทางเดินติดขึ้นทีละดวงๆ จนตอนนี้เดินเดินบนตึกทั้งแถบสว่างไสวไปด้วยแสงสว่าง ทุกคนค่อย ๆ หันหลังไฟเผชิญหน้ากับความจริงอันน่าหวาดกลัว


    " อาจารย์…รัญจวน " กอหญ้าอุทานด้วยความตกใจปนโล่งอก เมื่อเห็นอาจารย์หญิงวัยกลางคนที่ดูภูมิฐานถึงแม้จะอยู่ในชุดกางเกงวอร์มกับเสื้อคลุมก็ตาม ตามหลังมาด้วยลุงสินภารโรงของโรงเรียน อาจารย์รัญจวนเป็นอาจารย์สอนภาษาไทยที่เก่งแล้วก็ใจดีที่สุดในโลกของพวกเขา


    " คือพวกเรา… " กอหญ้าพยายามสรรหาคำพูดที่ฟังดูแล้วมีเหตุผลในการออกมาทัวร์ตึกกลางดึกอย่างนี้


    " ครูไม่ทราบนะ ว่านักเรียนของครูทั้งสี่คน นักเรียนที่เรียนดีซะด้วยสิ มาทำอะไรบนตึกยามวิกาล  " อาจารย์หยุดครู่หนึ่งเพื่อพิจารณาราวกับหาข้อเท็จจริงบนใบหน้าพวกเราแต่ละคน

    " ไหนลองหาเหตุผลที่น่าฟังมาซักข้อซิ "

    อาจารย์บอกขณะที่สายตายังไม่ละจากใบหน้าอันเคร่งเครียดของพวกเขา



    " หนูเองค่ะ " มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ขิมนั่นเอง เธอกำลังก้มหน้าแล้วหยิบกุญแจห้องสมุดออกมาจากกระเป๋าเสื้อ " หนูเป็นคนผิดเองทั้งหมด คือว่า วันนี้หนูลืมล็อคกุญแจห้องสมุด หนูกลัวอาจารย์บงกชดุเอา เอ่อ…หนูเลยให้พวกเพื่อนๆ มาส่งหนูล็อคประตูค่ะ "


     
    ทุกคนลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลางนึกขอบคุณขิม เพื่อนที่แสนดีออกรับหน้าแทนพวกเขาอย่างกล้าหาญ


    " อาจารย์คะ…- - "


     เสียงกอหญ้าที่กำลังจะพูดแก้ตัวให้กับขิมถูกขัดจังหวะด้วยสัญญาณมือของอาจารย์ซึ่งบอกให้ทุกๆ คนเงียบ ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตา  เตรียมเผชิญหน้ากับคำพิพากษาที่แสนจะน่าหวาดเสียวของอาจายร์ที่กำลังรอพวกเขาอยู่…


    ……………………………………

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×