คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : 11
“เอาจริงตั้งแต่เริ่มเลยงั้นเหรอ?”หม่าหงจวิ้น
“ถ้าข้าประมาทแม้แต่นิดข้าก็แพ้ท่านสิ”ถังซาน กล่าวจบนางก็ใช้วิชาดาบจืดจางทันที
‘ทักษะวิญญาณที่หนึ่งพันธนาการ’ถังซาน ได้เปิดใช้ทักษะที่หนึ่งใสหงจวิ้น
ฉับๆๆ
หงจวิ้นได้ใช้ดาบไม้ของเขาฟันไปที่หญ้าเงินครามของถังซานจนขาดอย่างไม่อยากเย็น ซึ่งถังซานเองก็ไม่ได้ตกใจแม้แต่น้อย เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าแค่นี้ทำอะไรหงจวิ้นไม่ได้
เมื่อเห็นว่าวิญญาณยุทธ์ใช้ไม่ได้ผล ถังซานจึงนำดาบไม้ออกมาจากสร้อยมิติและตั้งท่าพร้อมโจมตี จากนั้นถังซานก็ได้ใช้ก้าวพริบตาพุ่งไปอยู่ตรงหน้าของหงจวิ้น
จากนั้นเธอก็ตวัดดาบใส่หงจวิ้นอย่างรวดเร็ว แต่หงจวิ้นก็สามารถรับไว้ได้อย่างง่ายดาย การดวลดาบของทั้งสองนั้นทำให้เริ่นเสวี่ยนั้นรู้สึกสนใจและอยากฝึกด้วย เพราะวิญญาณยุทธ์ของเธอเองก็ใช้ดาบต่อสู้เหมือนกัน
หลังจากจบการประลองระหว่างหงจวิ้นและถังซาน หงจวิ้นได้บอกให้เด็กสาวทั้งสามกลับไปก่อนเพราะเขามีธุระต้องไปจัดการ
เมื่อทั้งสามคนออกไปแล้วหงจวิ้นก็เดินไปที่ถ้ำแถวนั้นที่ระบบนำนางให้ทันที เมื่อมาถึงเขามาถึงถ้ำแล้วเขาก็นั่งลงและกล่าวกับระบบ
“ซูฮวา เริ่มทำการดูดซับเปลวเพลิงสีแดงได้เลย”หม่าหงจวิ้น
[ทำการปิดประสาทรับรู้ทั้งห้าเพื่อป้องกันนายท่านหมดสติเรียบร้อยค่ะ]
“แล้วแบบนี้มันจะไม่อันตรายรึไง”หม่าหงจิ้น
[ในระหว่างดูดซับ ระบบจะทำการเปิดบาเรียป้องกันให้ค่ะ]
“เอาล่ะ งั้นเริ่มเลย!”กล่าวจบทั้งตัวของหงจวิ้นก็ลุกโชนไปด้วยเพลิงสีแดงเข้มทันที ถึงแม้ว่าหงจวิ้นจะไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดได้ แต่ร่างกายของเขาก็เริ่มมีรอยไหม้ปรากฎขึ้น
ผ่านไปสี่ชั่วโมง
ไฟที่กำลังลุกไหม้ท่วมตัวหงจวิ้นอยู่นั้นก็ค่อยๆเริ่มหายไปจนหมด เมื่อหงจวิ้นลืมตาขึ้นมาเขาก็ตรวจสอบร่างกายของเขาอีกครั้ง
เมื่อเขาเห็นรอยไหม้ตามร่างกายเขาก็เปิดใช้ทักษะวิญญาณที่สามทันที ซึ่งทักษะที่สามของเขานั้นมีชื่อเปลวเพลิงแห่งการเยียวยา ซึ่งความสามารถของทักษะนี้ก็คือการรักษา ขอแค่ไม่ตายก็สามารถรักษาตัวเองได้ซึ่งทักษะนี้สามารถใช้กับคนอื่นได้ด้วย
แต่ทักษะนี้ก็มีข้อเสียอยู่คือถ้ารักษาบาดแผลที่สาหัสมากเท่าไหร่ทักษะนี้ก็จะกินพลังวิญญาณมากเท่านั้น และตอนนี้รอยแผลไหม้ตามตัวของหงจวิ้นก็ได้ถูกรักษาจนหายดีแล้ว
“เฮ้อ…เสื้อผ้าของข้าไหม้อีกแล้ว”หงจวิ้นกล่าวพร้อมนำเสื้อผ้าจากช่องเก็บของมาสวมใส่
“สเตตัส”หม่าหงจิ้น
ชื่อ: หม่าหงจิ้น
อายุ: 7 ปี
ส่วนสูง: 145
น้ำหนัก: 30
เผ่า: มนุษย์
วิญญาณยุทธ์: ฟินิกส์
ระดับพลังวิญญาณ: 36
ระดับพลังจิต: 1,500
“วิญญาณยุทธ์ยังปกติดี?”หม่าหงจวิ้น กล่าวจบเขาก็ลองใช้วิญญาณยุทธ์ทันที
เมื่อลองใช้ดูเขาก็พบว่าไฟของเขามันร้อนกว่าเดิมมากและยังมีสีแดงที่เข้มอีกด้วย และหากคนที่ระดับยังไม่ถึงปรมจารย์วิญญาณโดนไฟของเขาเผาก็จะตายแบบไม่เหลือซาก
“ถ้าเราดูดซับครบเก้าสีมันจะกลายเป็นตัวอะไรกันนะ”หม่าหงจวิ้นกล่าวติดตลกและเดินไปที่บ้านของถังซาน
เมื่อมาถึงก็พบว่าเริ่นเสวี่ยกำลังทำอาหารอยู่โดยมีถังซานคอยเป็นลูกมือช่วยทำ ส่วนเสี่ยวหวู่นั้นก็นอนเล่นอยู่ในห้องของถังซาน
“อ๊ะ! ท่านพี่หงจวิ้นมารอทานข้าวก่อนสิ”ถังซานที่เห็นหงจวิ้นเดินเข้ามาก็ทักขึ้นทันที
“ใช่แล้วท่านพี่หง เริ่นเสวี่ยทำอาหารอร่อยมากเลยล่ะ ท่านเองก็มาทานด้วยกันสิ”เสี่ยวหวู่
“ท่านจะนอนที่นี่ด้วยรึเปล่า?”เริ่นเสวี่ยที่กำลังทำอาหารอยู่ก็ได้กล่าวถามขึ้นมา
“อาหารน่ะทานแน่ ส่วนเรื่องที่ว่าจะนอนรึเปล่านั้นข้าขอบอกว่าไม่ เพราะข้าจะไปนอนที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านน่ะ”หม่าหงจิ้น
“อะไรกัน…”เมื่อได้ยินที่หม่าหงจวิ้นพูด พวกเธอทั้งสามก็ทำหน้าหงอยทันที
“พวกเจ้าเป็นอะไรไป? หรือว่าพวกเจ้ากลัวผีเหรอ?”หม่าหงจวิ้น
“ไม่ใช่สักหน่อย!!”เมื่อได้ยินที่หม่าหงจิ้นพูดพวกเธอทั้งสามคนก็ตะโกนแย้งทันที
ในระหว่างที่ทานข้าวนั้นหงจวิ้นก็ได้ถามเสี่ยวหวู่และเริ่นเสวี่ยว่ารู้จักกันได้ยังไง ซึ่งเริ่นเสวี่ยก็เล่าว่าเพราะว่าแม่ของพวกนางนั้นตกหลุมรักกันและอยู่กินด้วยกันเลยทำให้พวกนางสองคนที่เป็นลูกติดนั้นรู้จักกันตั้งแต่เด็กและโตมาด้วยกัน ซึ่งหงจวิ้นที่ยินก็ตกใจเป็นอย่างมาก
‘มันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะเนี่ย’หม่าหงจวิ้น
หลังจากทานอาหารและพูดคุยกันเสร็จ หงจวิ้นก็ขอตัวกลับทันทีโดยที่ไม่ได้ฟังคำอ้อนวอนของถังซานให้เขานอนด้วย
“ตกใจนะเนี่ยที่ปี๋ปี่ตงกับเสี่ยวเยว่นั้นตกหลุมรักกัน”หม่าหงจวิ้นที่เดินออกมาจากบ้านได้กล่าวขึ้น
และที่เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงนั้นก็เพราะระบบคอยตรวจสอบอยู่ว่านางได้โกหกรึเปล่า ซึ่งระบบก็บอกว่านางไม่ได้โกหก และระบบยังบอกอีกว่านางยังปิดบังเรื่องบางอย่างอยู่ ซึ่งหงจวิ้นที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดว่าเริ่นเสวี่ยคงปกปิดเรื่องที่เสี่ยวหวู่และเสี่ยวเยว่เป็นสัตว์วิญญาณ
อีกด้านหนึ่ง
“ข้าอยากนอนกับท่านพี่หงจวิ้นอะ”ถังซานกล่าวออกมาด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์
“ทั้งที่ข้าอยากฟังเรื่องราวการเดินทางของเขาแท้ๆ”เสี่ยวหวู่ออกมาด้วยท่าทีหงอย
‘แล้วทำไมข้าถึงอยากให้เขานอนที่นี่กัน’เริ่นเสวี่ยคิดด้วยท่าทีเขินอาย
สองเดือนผ่านไป
วันปิดเทอมของเด็กสาวทั้งสามก็กำลังจะหมดลง และตอนนี้พวกนางก็กำลังนั่งพักจากการฝึกของหงจวิ้นอยู่
“พรุ่งนี้พวกเจ้าก็ต้องไปแล้วสินะ”หม่าหงจวิ้น
“ข้าอยากอยู่ฝึกที่นี่กับพี่อะ”ถังซาน
“นั่นสิ ที่โรงเรียนก็ไม่ได้สอนอะไรแบบนี้เลยแถมไอเจ้าโล้นนั้นก็ตามตื้อพวกข้าให้ไปเป็นศิษย์อยู่นั่นแหละ”เสี่ยวหวู่กล่าวด้วยท่าทีอารมณ์เสีย
“ข้าเองก็รำคาญเขาเหมือนกัน ชอบอ้างนู่นอ้างนี่ว่าถ้าหากพวกเราไม่มีเขาช่วยพวกเราจะไม่แข็งแกร่งบ้างล่ะ”เริ่นเสี่ยกล่าวเสริม
ซึ่งหงจวิ้นที่ได้ฟังเรื่องราวของอวี้เสี่ยวกังจากปากของเริ่นเสวี่ยและเสี่ยวหวู่ ก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย เนื่องจากตอนนี้หงจวิ้นนั้นเห็นเริ่นเสวี่ยและเสี่ยวหวู่เป็นน้องสาวของเขา ส่วนถังซานนั้นก็อย่างที่รู้ๆกันว่าหงจวิ้นรู้สึกยังไง
“เอาล่ะวันนี้ก็พอเท่านี้ก่อนก็แล้วกัน”หม่าหงจวิ้น
“เอ๊ะ! แต่นี่มันยังช่วงบ่ายอยู่เลยนะพี่”ถังซานกล่าวด้วยความงง เพราะทุกทีหงจวิ้นจะฝึกกับพวกนางจนถึงช่วงเย็น แต่ว่าวันนี้กลับฝึกแค่ถึงช่วงบ่าย
“พี่มีธุระงั้นเหรอ?”เสี่ยวหวู่
“เปล่าหรอก พอดีวันนี้ข้าจะไปซื้อชุดใหม่น่ะสิ”หม่าหงจวิ้น
“ข้าไปด้วย”เมื่อทั้งสามได้ยินว่าหม่าหงจิ้นจะไปซื้อชุดใหม่พวกนางก็ขอตามไปด้วยทันที
“แล้วพวกเจ้ามีเงินรึไง?”หม่าหงจวิ้น
“ไม่มี…”เมื่อนึกได้ว่าตนไม่มีเงิน พวกนางก็มีท่าทีที่เศร้าเล็กน้อย
“เฮ้อ…ข้าจะซื้อให้พวกเจ้าคนละสองชุดก็แล้วกันถือว่าเป็นของขวัญ”หม่าหงจวิ้นที่เห็นพวกนางทำหน้าหงอยก็ได้พูดขึ้นมา ซึ่งเมื่อเด็กสาวทั้งสามได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าดีใจขึ้นมา
‘รู้สึกเหมือนว่าข้าอาจจะไม่ได้เสียเงินแค่ค่าชุดสินะ’หม่าหงจวิ้นได้คิดอย่างวิตก เพราะเขารู้ดีว่าสิ่งสำคัญในชีวิตผู้หญิงนั้นนอกจากเรื่องเสื้อผ้าแล้ว ก็ยังมีเรื่องกินอีก
ไรท์: ตอนใหม่มาละคัฟ อีกสองตอนลงช่วงเย็นนะวันนี้ผมติดงาน
ความคิดเห็น