เดี๋ยวจะสร้างกองทัพจอมมารให้ดู
เทพเป็นเด็กหนุ่มผู้หลงใหลในตัวตนที่เรียกว่าจอมมารมาตั้งแต่เด็กจนได้ตายลงแต่เขาได้สิทธ์ในการเกิดใหม่ที่ต่างโลกเป็นจอมมาร แต่โลกนั้นดันไม่เคยมีจอมมารมาตั้งพันกว่าปีแล้วเนี่ยสิ
ผู้เข้าชมรวม
86
ผู้เข้าชมเดือนนี้
9
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
"ตัวข้ามีนามว่าเทพ ซึ่งเป็นชื่อที่ถูกประทานมาจากบิดาและมารดาอันสูงส่งของข้า แต่ตัวของข้านั้นกลับหลงไหลในความมืดมิดมากกว่าเส้นทางที่พระเจ้าประทานมาให้ ถึงแม้ตัวของข้าจะถูกตราหน้าว่าผิดแปลกแต่ตัวข้าหาได้สนไม่ สำหรับตัวของข้าความมืดนั้นกลับเป็นแสงสว่างที่เจิดจ้ากว่าแสงของดวงอาทิตย์เป็นไหนๆ ข้ามิคิดอยากจะให้ผู้ใดเข้าใจตัวข้าทั้งนั้น ไม่ว่าจะทรมานแค่ไหนแต่ตัวของข้าก็จะยังคงมุ่งเดินไปบนเส้นทางของความมืด เพราะอย่างงั้นตัวข้ามิมีนามว่าเทพ แต่ตัวข้าคือปีศาจที่ยิ่งใหญ่ จงเรียกนามขอข้าว่า จอมมาร...ประมาณนี้ เขียนทันไหมติ"
ผมพูดพร้อมกับหันไปหาชายที่นั่งก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างบนกระดาษสมุด โดยเขาคนนี้มีชื่อว่า ติ เป็นเพื่อนของผมตั้งแต่ม.ต้น จนมาม.ปลาย
ตินั้นเขียนไปเรื่อยๆตั้งแต่เมื่อกี้จนกระทั่งมือของเขาหยุดลง พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองผมและขมวดคิ้วเล็กน้อย
"นี่แกให้ฉันเขียนบ้าอะไรเนี่ย"
"ก็คำพูดบทที่เอาไว้แสดงในงานวิชาการไง นายเป็นคนมาถามไม่ใช่หรอว่าควรจะเขียนบทพูดที่ดูเท่ๆแบบไหนดี ก็นี่ไงดูเท่มั้ยล่ะ"
"นี่มันบทพูดของพวกจูนิเบียวชัดเลยนะเฟ้ย ที่ฉันต้องการคือบทพูดของเจ้าชายหนุ่มหล่อที่กำลังจะแสดงพลังแฝงออกมาต่างหาก!"
ติพูดเสียงดังออกมาจนเพื่อนในห้องหลายคนหันมาสนใจ
"ก็นี่ไง หลังจากที่เจ้าชายไม่สามารถต่อกรกับปีศาจได้ด้วยพลังที่มี จึงได้เข้าสู่เส้นทางแห่งความมืด เพื่อใช้พลังนั้นต่อกรกับปีศาจ ถึงแม้ตัวเองจะถูกตราหน้าว่าเป็นจอมมารก็ตาม"
ผมพูดพร้อมกับยื่นใบหน้าไปใกล้ติด้วยสีหน้าอารมณ์ดีสุดขีด แตกต่างจากติที่ถอนหายใจออกมา
"นี่มันก็แค่ละครเวทีสั้นๆนะโว๊ยทำอะไรให้มันยุ่งยากเหมือนกับว่าจะมีภาคต่ออย่างงั้นแหละ และไอ้ชื่อที่แกพูดออกมามันคือชื่อของแกไม่ใช่หรอไงไอ้เทพ!"
ใช่ เทพนั้นก็คือชื่อของผมเอง แต่ไม่ต้องหวังหรอกว่าชื่อแบบนี้อาจจะเป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดี ขั่วตรงข้ามเลยต่างหาก
ผมนั้นตัวสูงประมาณ160กว่าๆ น้ำหนักประมาณเก้าสิบกว่า สวมแว่นตาขนาดใหญ่ที่เกือบจะครอบทั้งใบหน้าเอาไว้
ส่วนติก็เป็นประมาณหนุ่มทั่วไป ที่ส่วนสูงประมาณ170 ตัวผอมเล็กน้อย นอกนั้นละไว้ในฐานที่เข้าใจ
"ไอ้บทพูดที่ออกมาของแกนี่มันช่างเป็นแกจริงๆ ยังชอบในสิ่งที่คนทั่วไปเข้าไม่ถึงอีกนะ"
"จะบ้าหรือไงกัน พวกคนทั่วไปต่างหากที่ผิดแปลกน่ะ!"
"ไอ้บ้านี่ จู่ๆก็อย่าตะโกนและยื่นหน้าเข้ามาใกล้ดิว่ะ ตกใจนะโว๊ย เดี๋ยวความดันก็ขึ้นหรอกไอ้นี่"
ติพูดแบบไม่ชอบใจเล็กน้อย พร้อมกับดันหน้าผมให้ออกไป แต่ผมก็ใช้หน้าดันแรงสู้ไว้และพยายามหันหน้าไปหาติ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด
"ไม่คิดหรอว่าตัวตนที่เรียกว่าจอมมารมันเท่กว่าพวกเจ้าชายหรือผู้กล้าน่ะ คนที่เป็นจอมมารได้น่ะคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่หรือไง อย่างพวกผู้กล้าเนี่ยในเรื่องพวกนั้นต้องออกผจญภัยเพื่อไปปราบจอมมารและสั่งสมพลังเอาไว้ต่อกรกับจอมมารที่เป็นบอสตัวสุดท้าย แต่ว่าจอมมารกลับไม่เห็นจะต้องทำอะไรแบบนั้นเลย เพราะอะไรน่ะหรอเพราะจอมมารน่ะแข็งแกร่งอยู่แล้วยังไงล่ะ!"
"ก็ที่ส่วนใหญ่คนไม่เชียร์จอมมารก็เพราะว่ามันเป็นตัวร้ายไม่ใช่หรือไง ทำไมแรงมันเยอะอย่างงี้ฟ่ะ!"
ติก็ยังคงพยายามดันผมออกไป แต่แน่นอนว่าผมไม่สนและรีบพูดต่อด้วยความตื่นเต้นที่สูงขึ้นไปอีก
"ก็น่ะแหละ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ เห็นผลที่จอมมารจะครองโลกเพราะอะไรรู้ไหม ใช่ส่วนใหญ่ก็เพราะว่ามนุษย์ไปทำพวกเขาก่อนไม่ใช่หรอ เพียงเพราะหวาดกลัวรูปลักษณ์ภายนอก ก็ถึงกลับฆ่าแกงปีศาจได้ ถ้าอย่างงั้นแล้วฝั่งจอมมารที่ทำกลับถึงกลายเป็นฝั่งเลวกว่าล่ะ ไม่คิดว่ามันเห็นแก่ตัวเกินไปหรอ สุดท้ายก็ไม่มีใครถูกใครผิดหรอก แต่ยังไงฉันก็เชียร์ฝั่งจอมมารอยู่แล้ว เพราะว่าเท่กว่ามนุษย์เป็นไหนๆ มีปีกมีเขาแบบนั้นโคตรชอบเลย นายไม่คิดบางหรือไง!!"
"ไม่คิดโว๊ย!!"
ติใช้แขนทั้งสองข้างดันผมสุดแรง แต่ผมไม่ยอมหรอก จะให้เพื่อนคนนี้รู้ถึงความเท่ของจอมมารให้ได้
"และที่สำคัญในฉากสุดท้ายของการต่อสู้กับจอมมารส่วนใหญ่จะเป็นการลุมยำจอมมารที่เหลืออยู่ตัวคนเดียว นายไม่คิดว่ามันแปลกบางหรอ ทำไมพอฝั่งจอมมารรุมถึงบอกว่าหมาหมู่ แต่ทำไมตอนพวกพระเอกรุมกลับบอกว่าพลังมิตรภาพล่ะ ไม่คิดว่ามันไม่ยุติธรรมหรือไง!!"
และในตอนนี้อารมณ์ของผมก็พุ่งพลานสุดขีดจนไม่คิดว่าอะไรจะหยุดอยู่....
เพราะอย่างงั้นจึงไม่มีอะไรหยุดผมได้จริง นอกจากความตาย
"เอ๋?"
ติสงเสียงประหลาดออกมาเมื่อจู่ๆแรงที่ดันมานั้นหายไป เขาจึงจ้องมองเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยอย่างสงสัยว่าทำไมจู่ๆก็หยุดพูดกระทันหันล่ะ แต่ไม่ทันที่จะได้ถามอะไร ร่างของเทพก็ค่อยๆล้มลงกับพื้นตรงหน้า
"เทพ..."
ติจ้องมองร่างของเพื่อนที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น พร้อมกับเหงื่อที่พุดทั่วใบหน้า รวมถึงเพื่อนในห้องหลายคนที่จ้องมองมาเช่นเดียวกัน ก่อนที่จะได้รู้ความจริงโดยทั่วกันว่า
เวลา 11:44 เด็กชายโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ได้เสียชีวิตลงด้วยวัย15ปี จากอาการความดันโลหิตสูงเกินไป จนหัวใจวายเฉียบพลัน
"เทพ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
ผลงานอื่นๆ ของ โคตรเหงา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ โคตรเหงา
ความคิดเห็น