คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 หลังจากนั้นอีก 6-7 ปี
"เวล เวล เวล"มีเสียงหญิงแก่เรียกเวล และยังคงเรียกเวลไปเรื่อยๆ เสียงเรียกนั้นยังดังและเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
"เวล"คราวนี้เสียงหญิงแก่ตะโกนสุดเสียงเรียกเวล
"ไปตายซะไอ้แก่ เรียกอยู่ได้ทั้งปีทั้งชาติ คนจะหลับจะนอน พอชั้นถามแกว่าแกเป็นใคร แกก็เรียกชื่อชั้นไม่ตอบอยู่ได้ รำคาญโว้ย"เวลตอบกลับไปด้วยเสียงที่ดังกว่าด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความรำคาญมากๆ จากนั้นเขานอนหลับต่อไป หารู้ไม่ว่า หายนะกำลังมาเยือน
"หนอย.... ไอ้น้องสารเลว แกกล้าด่าพี่แกเรอะ ได้...งั้นแกไปตายซะ"สุดเสียงของพี่สาวของเวล ไวลด์
จบลงแล้วตามมาด้วยหมัดอัดกันติดต่อกันหลายชุด
"อ้า....โอ๊ย.... อ้าก....เอื๊อก...พอแล้ว....ไม่ไหวแล้ว....ไวลด์"เวลตะโกนลั่นบ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งนั่นก็ได้ผลมากๆ
"เอะอะอะไรกันแต่เข้าเนี่ย ไม่เกรงใจชาวบ้านชาวช่องบ้างเลยรึไง แม่ก็บอกแล้ว ไม่รู้จักเชื่อฟังบ้างเลย แค่ให้มาตามน้องไปกินข้าวทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ แล้วดูซิ ข้าวของในห้องกระจัดกระจายเต็มห้องเลย แล้วเสื้อก็เปื้อนเลือด ปัดโธ่ ต้องนั่งซักให้อีกกี่รอบเนี่ย นี่ผ้าขาวซะด้วย เฮ้อ...โลกนี้จะสงบสุขซักวันไม่ได้รึไงนะ" วิล พี่ชายคนโตเข้ามาในห้องพร้อมเสียงบ่นที่ยืดยาวแล้วส่ายหัวไปมา ถึงไม่มีแม่ มีพี่ก็เหมือนมีแม่อีกคนนั่นแหละ ไวลด์คิด
"นี่ วิล ไม่คิดจะห่วยน้องชายตัวเองบ้างรึไว ห่วงแต่เสื้อผ้า บ้าป่าว"เวลท้วงขึ้นมา หน้ามีรอยเขียวช้ำใต้ตา เลือดกำเดาไหลไม่หยุด และปากแตก หน้าเวลตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับศพคืนชีพ
"สมน้ำหน้า ตอนแรกก็กะจะมาปลุกดีๆแล้วนะ แต่ว่านายอยากด่าชั้นเอง ได้แผลแค่นี้ยังน้อยไปซะด้วยซ้ำ"ไวลด์พูดแล้วยิ้มอย่างสะใจ
"ก็ใครจะไปรู้เล่าว่าพี่เข้ามา แล้วตอนนั้นก็มีเสียงหญิงแก่มาเรียกชื่อเป็น 6-7 ปีตั้งแต่วันที่ฝังพ่อกับแม่แล้วก็ยังไม่พูดอะไรนอกจากเวล เวล เวล แล้วพี่ก็เข้ามาตอนที่เสียงนั่นมันเรียกพอดี และอีกอย่าง เสียงมันคล้ายกันจนแยกไม่ค่อยออกด้วย อ่ะนะ" เวลพูดและอุปมาไปนัยๆ
"เอ....เสียงมันคล้ายกัน อืมมม งั้นแกก็ว่าชั้นเสียงแก่เรอะ"ไวลด์เพิ่งรู้ตัวว่าถูกด่าว่าเสียงแก่
"เปล๊า แค่พูดว่าเสียงคล้ายกัน ไม่ได้บอกว่าเสียงเหมือนซะหน่อย แต่อีกนิดด้วยรู้สึกว่าจะเหมือนแล้วล่ะ"เวลพูดพลางทำท่าคิดไปด้วย มันสามารถยั่วโมโหของไวลด์ได้เป็นอย่างดี
"เฮ้ นี่ พอเถอะน่า เลิกทะเลาะกันได้แล้ว ไวลด์ลงไปกินข้าว เวลถอดเสื้อมาแล้วไปอาบ.."วิลพูดยังไม่ทันจบเสียงของน้องรักก็ดังแทรกขึ้นก่อน
"ได้ไง ใครจะไปกล้าถอดเสื้อต่อหน้าผู้หญิง เดี๋ยวเสียพรหมจารีของลูกผู้ชายหมด" เวลว่าพลางจับผ้าห่มขึ้นมาพันตัวแล้วบิดตัวไปมา ทำท่าทางเขินอายเหมือนเด็กผู้หญิง
"เชอะ ใครอยากจะดูของนายไม่ทราบ แค่ชั้นออกไปข้างนอกไปตลาดชั้นก็เจอแล้ว อาจจะเจอระหว่างทางข้างถนนด้วยซ้ำ" ไวลด์พูดจบก็รีบวิ่งลงไปข้างล่าง ทิ้งความสงสัยให้กับเวล
เสียงหัวเราะดังมาจากวิลหลังจากที่ไวลด์ลงไปแล้ว
"หัวเราะอะไรน่ะวิล" เวลถามพลางถอดเสื้อไปด้วย
"แล้วนายว่าอะไรล่ะ" วิลย้อนถาม เวลยิ่งงงไปใหญ๋
"ไม่รู้สิ"
"นายว่าอะไรที่ไวลด์เห็นเมื่อไปตลาดหรือไม่ก็ระหว่างทางที่ไปตลาดน่ะ"
"อืม ก็ต้องเป็นคนใช่ไหม เพราะทุกๆที่ที่ไปก็ต้องเจอคน"
"ไม่ใช่ อะไรที่มันต่ำกว่านั้น ไม่ถึงเอวของนาย"
"อืม ก็ต้องเป็นเด็กใช่ไหม ไม่งั้นก็ขอทาน พวกนั้นเตี้ยกว่าชั้นทั้งนั้น"
"อย่าบอกนะว่านายไม่รู้จริงๆ"
"คงงั้นมั้ง"
"ปัดโธ่ อะไรที่มันเป็นสัตว์น่าขน อะไรที่มันนอนอยู่ข้างถนน อะไรที่มันเห่าได้เล่า"
"ก็หมาไง....หมาหรอ.....หนอย....ไวลด์" เวลตะโกนลั่นบ้านด้วยชื่อพี่สาวสุดแสบ
วันพรุ่งนี้ เวลจะต้องไปสอบเข้าโรงเรียนไอเซนกาเบรียน เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมาก คนที่เข้าไปเรียนที่นี้ล้วนจบมามีงานดีๆทำทั้งนั้น แต่ใช่จะเข้าไปได้ง่ายๆ จะต้องผ่านการทดสอบหลายขั้นตอน ทุกๆปีล้วนยากขึ้นกว่าปีก่อนๆ คนในตระกูลของเวลทุกคนล้วนจบมาจากที่นี่ทั้งนั้น เขาอายุ 15 ปีแล้วจะต้องสอบเข้าให้ได้เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล
เหตุการณ์ในเช้าวันนี้ถือเป็นเรื่องปกติอย่างเช่นทุกๆวัน นับแต่วันที่พ่อแม่ของ 3 พี่น้องจากไป หลังจากวันฝังศพของพ่อและแม่ของพวกเขา เวลได้พบกับหญิงชราคนหนึ่งที่ช่วยปลอบให้เขาหยุดร้องไห้ ในคืนนั้นเองที่เวลเริ่มฝันว่ามีเสียงหญิงแก่มาเรียกชื่อเขา เมื่อเวลถามหรือพูดอะไร เสียงนั่นก็ไม่ยอมตอบนอกจากเรียก เวล เวล เวล มาเป็นเวลาเกือบ 7 ปี ก็ยังไม่พูดคำอื่น และในเวลานั้นที่ไวลด์จะต้องมาปลุกให้ตื่น เวลก็เผลอไปด่าผู้หญิงในฝัน ซึ่งไวลด์คิดว่าเวลด่าตน ดังนั้นทุกเช้า ตามร่างกายของเวลจะมีรอยฟกช้ำอยู่ตลอด และวันนี้ก็เช่นกัน
“อรุณสวัสดิ์ฮะ ลุงเบรน”เวลลงมากินข้าวเช้า เห็นลุงเบรนนั่งอยู่จึงทัก
“ไง เวล วันนี้ได้มากี่แผลล่ะ”ลุงเบรนถามพลางดื่มกาแฟอ่านหนังสือไปด้วย
“ไม่เท่าไหรครับ วันนี้โชคดีที่วิลขึ้นมาก่อน ไม่งั้นผมคงตายไปแล้วมั้งครับ”เวลตอบ
“นั่นสี”ลุงเบรนเห็นด้วย
เช้าวันนี้อากาศดี เวลถูกสั่งให้ไปอ่านหนังสือเตรียมสอบ เวลรับหนังสือมาจากวิลอย่างไม่เต็มใจ แล้วเดินออกทางประตูหลัง เดินผ่านสวนสมุนไพรของลุงเบรน ลุงเบรนเป็นผู้ที่รับเลี้ยงพี่น้อง 3 คน ลุงเป็นหมอประจำหมู่บ้าน ลุงจะใช้สมุนไพรรักษาหรือไม่ก็ทำยาจากสมุนไพรด้วยตนเอง ลุงไม่ซื้อจากที่อื่นมากรักษาลุงบอกว่า “ มันอาจจะสกปรก และอาจจะไม่ได้คุณภาพ” ถึงลุงจะเป็นคนไม่ค่อยทำงาน เวลาว่างชอบหลับ แต่เมื่อมีคนไข้มาลุงก็จะรักษาอย่างเต็มที่ ไม่เคยรังเกียจพวกเขาแม้แต่น้อย
วิลเรียนจบมา 2 ปีแล้ว วิลเป็นคนเก่ง สภาเวทย์จึงรับเข้าทำงานในสภา แต่วิลไม่ชอบทำงานในที่ที่คนเยอะ จึงขอมาทำงานที่บ้านแทน เพื่อช่วยลุงทำงานอีกแรง แล้วจะกลับไปประมาณเดือนละ 2 ครั้ง ถึงวิลไม่ได้ทำงานในสภา แต่ผลงานที่เขาทำออกมาดีกว่าคนที่อยู่ในสภาบางคนเสียอีก ไวลด์เรียนอยู่ปี 4 ที่ไอเซนกาเบรียน
อีกสองปีเธอก็จะเรียนจบ มีหลายคนบอกว่าเธอสวย ในความคิดของเวลเธอไม่สวยเอาเสียเลย เคยมีคนตามมาจีบถึงบ้าน ลุงเบรนให้ผู้ชายคนนั้นตอบปัญหาของลุงให้ถูก ถ้าทายถูกจะให้เข้าบ้าน แต่ผู้ชายคนนั้นทายไม่ถูกจึงหน้าเสียกลับบ้านไป
เวลเดินเข้าไปในสวนหลังบ้านของลุง ตรงกลางสวนจะมีต้นโอ๊กใหญ่ รอบๆจะเป็นพืชสมุนไพรที่ ลุงปลูกเอาไว้ ข้างบนต้นโอ๊กมีบ้านไม้หลังหนึ่ง ตอนที่เขาย้ายมา ลุงเบรนได้สร้างไว้ให้เผื่อใครจะไปนั่งนอนเล่น
บ้านต้นไม้ไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่ พอจะอัดคนประมาณ 10 คนเข้าไปได้ ข้างหน้าบ้านมีระเบียงให้นั่งเล่น
เวลเข้าไปในต้นโอ๊กทางประตูที่เจาะเข้าไปในต้นไม้ ข้างในมืดพอสมควรถ้าไม่ได้แสงจากหน้าต่าง ที่จริงมันเป็นรูเล็กๆหลายรู แต่เวลเรียกมันเป็นหน้าต่าง ข้างในต้นโอ๊กมีบันไดเล็กๆสำหรับปีนขึ้นไปข้างบน เมื่อเวลปีนขึ้นไปถึงข้างบนสุดก็ใช้มือดันฝาไม้ที่ปิดทางเข้าออก แล้วเข้าไปข้างในบ้าน เวลเดินเข้าไปในห้อง วางหนังสือไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปข้างหน้าต่าง เวลเปิดหน้าต่างแล้วผิวปาก 3 ครั้ง ครั้งที่สามลากเสียงยาว
ไม่นานก็มีนกตัวหนึ่งบินมาเกาะตรงขอบหน้าต่างแล้วก้มหัวให้เวลลูบ
“ไง โดวี่ ไปไหนมาเนี่ย ตัวก็สกปรกและเหม็นอีกต่างหาก ดูท่าว่าคงต้องอาบน้ำให้แกล่ะสิ”เวลรีบคว้าขาของเจ้าโดวี่ไว้ก่อนที่มันจะบินหนีไปได้
โดวี่ เป็นนกพันธุ์โดวิเดีย ในตอนกลางวันนกชนิดนี้จะมีขนเป็นสีขาวทั้งตัว สามารถปรับตัวให้กลมกลืนกับแสงแดดในตอนกลางวันได้ดี ส่วนในตอนกลางคืน ขนจะกลายเป็นสีดำทั้งตัว ทำให้กลมกลืนกับตอนกลางคืนได้เป็นอย่างดี แต่โดวี่แปลกไปกว่านกโดวิเดีวตัวอื่นๆคือ ในตอนกลางวันตรงหัวจะมีรอยปานรูปดวงจันทร์เป็นสีดำ ส่วนในตอนกลางคืนจะมีปานรูปวงกลมคล้ายดวงอาทิตย์อยู่บนหัวมันแทนเป็นสีขาว เวลพบมันในสวนสมุนไพรตอนที่อายุประมาณ 11 ขวบ ตอนนั้นมันยังเล็กมาก มันคงจะตกลงมาเพราะปีกได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นเวลก็รักษามันจนหาย มันไม่ยอมบินหนีไปแต่กลับมาบินป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้าน เวลจึงรับเลี้ยงมันไว้
เวลผูกขาโดวี่ไว้กับตอไม้ข้างๆสระน้ำในสวน แล้วรีบตักน้ำจากกระบอกไม้ไผ่ที่ลุงเบรนตักน้ำจากสระไปรดน้ำสมุนไพร ไปราดลงบนตัวโดวี่
โดวี่กระพือปีกอย่างรวดเร็ว ส่ายหัว แล้วบินหนีไปเกาะบนต้นโอ๊ก มันไม่ชอบการอาบน้ำเท่าไหร
“หนอย...ไอนกบ้า แก้เชือกได้อีกแล้ว คราวหน้าจะเอาตะปูมาตอกกับเท้าแกไม่ให้บินหนีเลยคอยดู”ราวกับมันเข้าใจคำพูดของเวล มันร้องออกมาคล้ายกับจะบอกว่า แน่จริงก็ลองทำดูสิ เวลไม่สนใจเดินขึ้นไปบ้านต้นไม้ โดวี่บินมาเกาะที่ขอบหน้าต่าง เวลแกล้งทำเป็นไม่เห็นมันแล้วเดินไม่นั่งที่ต้นเตรียมพร้อมจะอ่านหนังสือ
อ่านหนังสือไปได้ซักพัก นิสัยขี้เกียจติดตัวก็เริ่มออกฤทธิ์ หนังตาค่อยๆหย่อน หัวฟุบไปกับโต๊ะ จนในที่สุดเวลก็เข้าไปในห้วงจินตนาการแห่งความฝัน ฝันที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขา
วันพรุ่งนี้ เวลจะต้องไปสอบเข้าโรงเรียนไอเซนกาเบรียน เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมาก คนที่เข้าไปเรียนที่นี้ล้วนจบมามีงานดีๆทำทั้งนั้น แต่ใช่จะเข้าไปได้ง่ายๆ จะต้องผ่านการทดสอบหลายขั้นตอน ทุกๆปีล้วนยากขึ้นกว่าปีก่อนๆ คนในตระกูลของเวลทุกคนล้วนจบมาจากที่นี่ทั้งนั้น เขาอายุ 15 ปีแล้วจะต้องสอบเข้าให้ได้เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล
เหตุการณ์ในเช้าวันนี้ถือเป็นเรื่องปกติอย่างเช่นทุกๆวัน นับแต่วันที่พ่อแม่ของ 3 พี่น้องจากไป หลังจากวันฝังศพของพ่อและแม่ของพวกเขา เวลได้พบกับหญิงชราคนหนึ่งที่ช่วยปลอบให้เขาหยุดร้องไห้ ในคืนนั้นเองที่เวลเริ่มฝันว่ามีเสียงหญิงแก่มาเรียกชื่อเขา เมื่อเวลถามหรือพูดอะไร เสียงนั่นก็ไม่ยอมตอบนอกจากเรียก เวล เวล เวล มาเป็นเวลาเกือบ 7 ปี ก็ยังไม่พูดคำอื่น และในเวลานั้นที่ไวลด์จะต้องมาปลุกให้ตื่น เวลก็เผลอไปด่าผู้หญิงในฝัน ซึ่งไวลด์คิดว่าเวลด่าตน ดังนั้นทุกเช้า ตามร่างกายของเวลจะมีรอยฟกช้ำอยู่ตลอด และวันนี้ก็เช่นกัน
“อรุณสวัสดิ์ฮะ ลุงเบรน”เวลลงมากินข้าวเช้า เห็นลุงเบรนนั่งอยู่จึงทัก
“ไง เวล วันนี้ได้มากี่แผลล่ะ”ลุงเบรนถามพลางดื่มกาแฟอ่านหนังสือไปด้วย
“ไม่เท่าไหรครับ วันนี้โชคดีที่วิลขึ้นมาก่อน ไม่งั้นผมคงตายไปแล้วมั้งครับ”เวลตอบ
“นั่นสี”ลุงเบรนเห็นด้วย
เช้าวันนี้อากาศดี เวลถูกสั่งให้ไปอ่านหนังสือเตรียมสอบ เวลรับหนังสือมาจากวิลอย่างไม่เต็มใจ แล้วเดินออกทางประตูหลัง เดินผ่านสวนสมุนไพรของลุงเบรน ลุงเบรนเป็นผู้ที่รับเลี้ยงพี่น้อง 3 คน ลุงเป็นหมอประจำหมู่บ้าน ลุงจะใช้สมุนไพรรักษาหรือไม่ก็ทำยาจากสมุนไพรด้วยตนเอง ลุงไม่ซื้อจากที่อื่นมากรักษาลุงบอกว่า “ มันอาจจะสกปรก และอาจจะไม่ได้คุณภาพ” ถึงลุงจะเป็นคนไม่ค่อยทำงาน เวลาว่างชอบหลับ แต่เมื่อมีคนไข้มาลุงก็จะรักษาอย่างเต็มที่ ไม่เคยรังเกียจพวกเขาแม้แต่น้อย
วิลเรียนจบมา 2 ปีแล้ว วิลเป็นคนเก่ง สภาเวทย์จึงรับเข้าทำงานในสภา แต่วิลไม่ชอบทำงานในที่ที่คนเยอะ จึงขอมาทำงานที่บ้านแทน เพื่อช่วยลุงทำงานอีกแรง แล้วจะกลับไปประมาณเดือนละ 2 ครั้ง ถึงวิลไม่ได้ทำงานในสภา แต่ผลงานที่เขาทำออกมาดีกว่าคนที่อยู่ในสภาบางคนเสียอีก ไวลด์เรียนอยู่ปี 4 ที่ไอเซนกาเบรียน
อีกสองปีเธอก็จะเรียนจบ มีหลายคนบอกว่าเธอสวย ในความคิดของเวลเธอไม่สวยเอาเสียเลย เคยมีคนตามมาจีบถึงบ้าน ลุงเบรนให้ผู้ชายคนนั้นตอบปัญหาของลุงให้ถูก ถ้าทายถูกจะให้เข้าบ้าน แต่ผู้ชายคนนั้นทายไม่ถูกจึงหน้าเสียกลับบ้านไป
เวลเดินเข้าไปในสวนหลังบ้านของลุง ตรงกลางสวนจะมีต้นโอ๊กใหญ่ รอบๆจะเป็นพืชสมุนไพรที่ ลุงปลูกเอาไว้ ข้างบนต้นโอ๊กมีบ้านไม้หลังหนึ่ง ตอนที่เขาย้ายมา ลุงเบรนได้สร้างไว้ให้เผื่อใครจะไปนั่งนอนเล่น
บ้านต้นไม้ไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่ พอจะอัดคนประมาณ 10 คนเข้าไปได้ ข้างหน้าบ้านมีระเบียงให้นั่งเล่น
เวลเข้าไปในต้นโอ๊กทางประตูที่เจาะเข้าไปในต้นไม้ ข้างในมืดพอสมควรถ้าไม่ได้แสงจากหน้าต่าง ที่จริงมันเป็นรูเล็กๆหลายรู แต่เวลเรียกมันเป็นหน้าต่าง ข้างในต้นโอ๊กมีบันไดเล็กๆสำหรับปีนขึ้นไปข้างบน เมื่อเวลปีนขึ้นไปถึงข้างบนสุดก็ใช้มือดันฝาไม้ที่ปิดทางเข้าออก แล้วเข้าไปข้างในบ้าน เวลเดินเข้าไปในห้อง วางหนังสือไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปข้างหน้าต่าง เวลเปิดหน้าต่างแล้วผิวปาก 3 ครั้ง ครั้งที่สามลากเสียงยาว
ไม่นานก็มีนกตัวหนึ่งบินมาเกาะตรงขอบหน้าต่างแล้วก้มหัวให้เวลลูบ
“ไง โดวี่ ไปไหนมาเนี่ย ตัวก็สกปรกและเหม็นอีกต่างหาก ดูท่าว่าคงต้องอาบน้ำให้แกล่ะสิ”เวลรีบคว้าขาของเจ้าโดวี่ไว้ก่อนที่มันจะบินหนีไปได้
โดวี่ เป็นนกพันธุ์โดวิเดีย ในตอนกลางวันนกชนิดนี้จะมีขนเป็นสีขาวทั้งตัว สามารถปรับตัวให้กลมกลืนกับแสงแดดในตอนกลางวันได้ดี ส่วนในตอนกลางคืน ขนจะกลายเป็นสีดำทั้งตัว ทำให้กลมกลืนกับตอนกลางคืนได้เป็นอย่างดี แต่โดวี่แปลกไปกว่านกโดวิเดีวตัวอื่นๆคือ ในตอนกลางวันตรงหัวจะมีรอยปานรูปดวงจันทร์เป็นสีดำ ส่วนในตอนกลางคืนจะมีปานรูปวงกลมคล้ายดวงอาทิตย์อยู่บนหัวมันแทนเป็นสีขาว เวลพบมันในสวนสมุนไพรตอนที่อายุประมาณ 11 ขวบ ตอนนั้นมันยังเล็กมาก มันคงจะตกลงมาเพราะปีกได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นเวลก็รักษามันจนหาย มันไม่ยอมบินหนีไปแต่กลับมาบินป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้าน เวลจึงรับเลี้ยงมันไว้
เวลผูกขาโดวี่ไว้กับตอไม้ข้างๆสระน้ำในสวน แล้วรีบตักน้ำจากกระบอกไม้ไผ่ที่ลุงเบรนตักน้ำจากสระไปรดน้ำสมุนไพร ไปราดลงบนตัวโดวี่
โดวี่กระพือปีกอย่างรวดเร็ว ส่ายหัว แล้วบินหนีไปเกาะบนต้นโอ๊ก มันไม่ชอบการอาบน้ำเท่าไหร
“หนอย...ไอนกบ้า แก้เชือกได้อีกแล้ว คราวหน้าจะเอาตะปูมาตอกกับเท้าแกไม่ให้บินหนีเลยคอยดู”ราวกับมันเข้าใจคำพูดของเวล มันร้องออกมาคล้ายกับจะบอกว่า แน่จริงก็ลองทำดูสิ เวลไม่สนใจเดินขึ้นไปบ้านต้นไม้ โดวี่บินมาเกาะที่ขอบหน้าต่าง เวลแกล้งทำเป็นไม่เห็นมันแล้วเดินไม่นั่งที่ต้นเตรียมพร้อมจะอ่านหนังสือ
อ่านหนังสือไปได้ซักพัก นิสัยขี้เกียจติดตัวก็เริ่มออกฤทธิ์ หนังตาค่อยๆหย่อน หัวฟุบไปกับโต๊ะ จนในที่สุดเวลก็เข้าไปในห้วงจินตนาการแห่งความฝัน ฝันที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขา
ความคิดเห็น