ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผู้พิทักษ์แหวนคู่

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 หลังจากนั้นอีก 6-7 ปี

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 49


    "เวล   เวล   เวล"มีเสียงหญิงแก่เรียกเวล  และยังคงเรียกเวลไปเรื่อยๆ  เสียงเรียกนั้นยังดังและเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ

    "เวล"คราวนี้เสียงหญิงแก่ตะโกนสุดเสียงเรียกเวล

    "ไปตายซะไอ้แก่  เรียกอยู่ได้ทั้งปีทั้งชาติ  คนจะหลับจะนอน  พอชั้นถามแกว่าแกเป็นใคร  แกก็เรียกชื่อชั้นไม่ตอบอยู่ได้   รำคาญโว้ย"เวลตอบกลับไปด้วยเสียงที่ดังกว่าด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความรำคาญมากๆ  จากนั้นเขานอนหลับต่อไป  หารู้ไม่ว่า  หายนะกำลังมาเยือน

    "หนอย.... ไอ้น้องสารเลว  แกกล้าด่าพี่แกเรอะ   ได้...งั้นแกไปตายซะ"สุดเสียงของพี่สาวของเวล  ไวลด์

    จบลงแล้วตามมาด้วยหมัดอัดกันติดต่อกันหลายชุด 

                    "อ้า....โอ๊ย.... อ้าก....เอื๊อก...พอแล้ว....ไม่ไหวแล้ว....ไวลด์"เวลตะโกนลั่นบ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ  ซึ่งนั่นก็ได้ผลมากๆ

                    "เอะอะอะไรกันแต่เข้าเนี่ย   ไม่เกรงใจชาวบ้านชาวช่องบ้างเลยรึไง  แม่ก็บอกแล้ว  ไม่รู้จักเชื่อฟังบ้างเลย  แค่ให้มาตามน้องไปกินข้าวทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้  แล้วดูซิ  ข้าวของในห้องกระจัดกระจายเต็มห้องเลย  แล้วเสื้อก็เปื้อนเลือด  ปัดโธ่  ต้องนั่งซักให้อีกกี่รอบเนี่ย  นี่ผ้าขาวซะด้วย  เฮ้อ...โลกนี้จะสงบสุขซักวันไม่ได้รึไงนะ"  วิล พี่ชายคนโตเข้ามาในห้องพร้อมเสียงบ่นที่ยืดยาวแล้วส่ายหัวไปมา   ถึงไม่มีแม่  มีพี่ก็เหมือนมีแม่อีกคนนั่นแหละ ไวลด์คิด

                    "นี่  วิล  ไม่คิดจะห่วยน้องชายตัวเองบ้างรึไว  ห่วงแต่เสื้อผ้า  บ้าป่าว"เวลท้วงขึ้นมา  หน้ามีรอยเขียวช้ำใต้ตา  เลือดกำเดาไหลไม่หยุด  และปากแตก  หน้าเวลตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับศพคืนชีพ

                    "สมน้ำหน้า  ตอนแรกก็กะจะมาปลุกดีๆแล้วนะ  แต่ว่านายอยากด่าชั้นเอง  ได้แผลแค่นี้ยังน้อยไปซะด้วยซ้ำ"ไวลด์พูดแล้วยิ้มอย่างสะใจ

                    "ก็ใครจะไปรู้เล่าว่าพี่เข้ามา  แล้วตอนนั้นก็มีเสียงหญิงแก่มาเรียกชื่อเป็น 6-7  ปีตั้งแต่วันที่ฝังพ่อกับแม่แล้วก็ยังไม่พูดอะไรนอกจากเวล  เวล  เวล  แล้วพี่ก็เข้ามาตอนที่เสียงนั่นมันเรียกพอดี  และอีกอย่าง  เสียงมันคล้ายกันจนแยกไม่ค่อยออกด้วย  อ่ะนะ" เวลพูดและอุปมาไปนัยๆ

                    "เอ....เสียงมันคล้ายกัน  อืมมม   งั้นแกก็ว่าชั้นเสียงแก่เรอะ"ไวลด์เพิ่งรู้ตัวว่าถูกด่าว่าเสียงแก่

                    "เปล๊า   แค่พูดว่าเสียงคล้ายกัน  ไม่ได้บอกว่าเสียงเหมือนซะหน่อย  แต่อีกนิดด้วยรู้สึกว่าจะเหมือนแล้วล่ะ"เวลพูดพลางทำท่าคิดไปด้วย  มันสามารถยั่วโมโหของไวลด์ได้เป็นอย่างดี

                    "เฮ้  นี่   พอเถอะน่า  เลิกทะเลาะกันได้แล้ว  ไวลด์ลงไปกินข้าว  เวลถอดเสื้อมาแล้วไปอาบ.."วิลพูดยังไม่ทันจบเสียงของน้องรักก็ดังแทรกขึ้นก่อน

                    "ได้ไง  ใครจะไปกล้าถอดเสื้อต่อหน้าผู้หญิง  เดี๋ยวเสียพรหมจารีของลูกผู้ชายหมด" เวลว่าพลางจับผ้าห่มขึ้นมาพันตัวแล้วบิดตัวไปมา  ทำท่าทางเขินอายเหมือนเด็กผู้หญิง

                    "เชอะ   ใครอยากจะดูของนายไม่ทราบ  แค่ชั้นออกไปข้างนอกไปตลาดชั้นก็เจอแล้ว  อาจจะเจอระหว่างทางข้างถนนด้วยซ้ำ" ไวลด์พูดจบก็รีบวิ่งลงไปข้างล่าง  ทิ้งความสงสัยให้กับเวล

                    เสียงหัวเราะดังมาจากวิลหลังจากที่ไวลด์ลงไปแล้ว

                    "หัวเราะอะไรน่ะวิล" เวลถามพลางถอดเสื้อไปด้วย

                    "แล้วนายว่าอะไรล่ะ" วิลย้อนถาม  เวลยิ่งงงไปใหญ๋

                    "ไม่รู้สิ"

                    "นายว่าอะไรที่ไวลด์เห็นเมื่อไปตลาดหรือไม่ก็ระหว่างทางที่ไปตลาดน่ะ"

                    "อืม   ก็ต้องเป็นคนใช่ไหม  เพราะทุกๆที่ที่ไปก็ต้องเจอคน"

                    "ไม่ใช่  อะไรที่มันต่ำกว่านั้น  ไม่ถึงเอวของนาย"

                    "อืม   ก็ต้องเป็นเด็กใช่ไหม  ไม่งั้นก็ขอทาน  พวกนั้นเตี้ยกว่าชั้นทั้งนั้น"

                    "อย่าบอกนะว่านายไม่รู้จริงๆ"

                    "คงงั้นมั้ง"

                    "ปัดโธ่  อะไรที่มันเป็นสัตว์น่าขน  อะไรที่มันนอนอยู่ข้างถนน  อะไรที่มันเห่าได้เล่า"

                    "ก็หมาไง....หมาหรอ.....หนอย....ไวลด์" เวลตะโกนลั่นบ้านด้วยชื่อพี่สาวสุดแสบ

         

    วันพรุ่งนี้  เวลจะต้องไปสอบเข้าโรงเรียนไอเซนกาเบรียน  เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมาก  คนที่เข้าไปเรียนที่นี้ล้วนจบมามีงานดีๆทำทั้งนั้น  แต่ใช่จะเข้าไปได้ง่ายๆ  จะต้องผ่านการทดสอบหลายขั้นตอน  ทุกๆปีล้วนยากขึ้นกว่าปีก่อนๆ  คนในตระกูลของเวลทุกคนล้วนจบมาจากที่นี่ทั้งนั้น  เขาอายุ  15  ปีแล้วจะต้องสอบเข้าให้ได้เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล 

                    เหตุการณ์ในเช้าวันนี้ถือเป็นเรื่องปกติอย่างเช่นทุกๆวัน  นับแต่วันที่พ่อแม่ของ 3 พี่น้องจากไป  หลังจากวันฝังศพของพ่อและแม่ของพวกเขา  เวลได้พบกับหญิงชราคนหนึ่งที่ช่วยปลอบให้เขาหยุดร้องไห้  ในคืนนั้นเองที่เวลเริ่มฝันว่ามีเสียงหญิงแก่มาเรียกชื่อเขา  เมื่อเวลถามหรือพูดอะไร  เสียงนั่นก็ไม่ยอมตอบนอกจากเรียก เวล  เวล  เวล  มาเป็นเวลาเกือบ 7 ปี ก็ยังไม่พูดคำอื่น  และในเวลานั้นที่ไวลด์จะต้องมาปลุกให้ตื่น  เวลก็เผลอไปด่าผู้หญิงในฝัน  ซึ่งไวลด์คิดว่าเวลด่าตน  ดังนั้นทุกเช้า  ตามร่างกายของเวลจะมีรอยฟกช้ำอยู่ตลอด  และวันนี้ก็เช่นกัน

                   

                    อรุณสวัสดิ์ฮะ  ลุงเบรนเวลลงมากินข้าวเช้า  เห็นลุงเบรนนั่งอยู่จึงทัก

                    ไง  เวล  วันนี้ได้มากี่แผลล่ะลุงเบรนถามพลางดื่มกาแฟอ่านหนังสือไปด้วย

                    ไม่เท่าไหรครับ  วันนี้โชคดีที่วิลขึ้นมาก่อน  ไม่งั้นผมคงตายไปแล้วมั้งครับเวลตอบ

                    นั่นสีลุงเบรนเห็นด้วย

                    เช้าวันนี้อากาศดี  เวลถูกสั่งให้ไปอ่านหนังสือเตรียมสอบ  เวลรับหนังสือมาจากวิลอย่างไม่เต็มใจ  แล้วเดินออกทางประตูหลัง  เดินผ่านสวนสมุนไพรของลุงเบรน  ลุงเบรนเป็นผู้ที่รับเลี้ยงพี่น้อง 3 คน  ลุงเป็นหมอประจำหมู่บ้าน  ลุงจะใช้สมุนไพรรักษาหรือไม่ก็ทำยาจากสมุนไพรด้วยตนเอง  ลุงไม่ซื้อจากที่อื่นมากรักษาลุงบอกว่า มันอาจจะสกปรก และอาจจะไม่ได้คุณภาพ  ถึงลุงจะเป็นคนไม่ค่อยทำงาน  เวลาว่างชอบหลับ  แต่เมื่อมีคนไข้มาลุงก็จะรักษาอย่างเต็มที่  ไม่เคยรังเกียจพวกเขาแม้แต่น้อย 

    วิลเรียนจบมา  2  ปีแล้ว  วิลเป็นคนเก่ง  สภาเวทย์จึงรับเข้าทำงานในสภา  แต่วิลไม่ชอบทำงานในที่ที่คนเยอะ  จึงขอมาทำงานที่บ้านแทน  เพื่อช่วยลุงทำงานอีกแรง  แล้วจะกลับไปประมาณเดือนละ  2  ครั้ง  ถึงวิลไม่ได้ทำงานในสภา  แต่ผลงานที่เขาทำออกมาดีกว่าคนที่อยู่ในสภาบางคนเสียอีก  ไวลด์เรียนอยู่ปี  4  ที่ไอเซนกาเบรียน

    อีกสองปีเธอก็จะเรียนจบ  มีหลายคนบอกว่าเธอสวย  ในความคิดของเวลเธอไม่สวยเอาเสียเลย  เคยมีคนตามมาจีบถึงบ้าน  ลุงเบรนให้ผู้ชายคนนั้นตอบปัญหาของลุงให้ถูก  ถ้าทายถูกจะให้เข้าบ้าน  แต่ผู้ชายคนนั้นทายไม่ถูกจึงหน้าเสียกลับบ้านไป

                    เวลเดินเข้าไปในสวนหลังบ้านของลุง  ตรงกลางสวนจะมีต้นโอ๊กใหญ่  รอบๆจะเป็นพืชสมุนไพรที่   ลุงปลูกเอาไว้  ข้างบนต้นโอ๊กมีบ้านไม้หลังหนึ่ง  ตอนที่เขาย้ายมา  ลุงเบรนได้สร้างไว้ให้เผื่อใครจะไปนั่งนอนเล่น

                    บ้านต้นไม้ไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่  พอจะอัดคนประมาณ  10  คนเข้าไปได้  ข้างหน้าบ้านมีระเบียงให้นั่งเล่น

    เวลเข้าไปในต้นโอ๊กทางประตูที่เจาะเข้าไปในต้นไม้ ข้างในมืดพอสมควรถ้าไม่ได้แสงจากหน้าต่าง  ที่จริงมันเป็นรูเล็กๆหลายรู  แต่เวลเรียกมันเป็นหน้าต่าง  ข้างในต้นโอ๊กมีบันไดเล็กๆสำหรับปีนขึ้นไปข้างบน  เมื่อเวลปีนขึ้นไปถึงข้างบนสุดก็ใช้มือดันฝาไม้ที่ปิดทางเข้าออก  แล้วเข้าไปข้างในบ้าน  เวลเดินเข้าไปในห้อง  วางหนังสือไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปข้างหน้าต่าง  เวลเปิดหน้าต่างแล้วผิวปาก  3  ครั้ง  ครั้งที่สามลากเสียงยาว

                    ไม่นานก็มีนกตัวหนึ่งบินมาเกาะตรงขอบหน้าต่างแล้วก้มหัวให้เวลลูบ

    ไง  โดวี่  ไปไหนมาเนี่ย  ตัวก็สกปรกและเหม็นอีกต่างหาก  ดูท่าว่าคงต้องอาบน้ำให้แกล่ะสิเวลรีบคว้าขาของเจ้าโดวี่ไว้ก่อนที่มันจะบินหนีไปได้

    โดวี่  เป็นนกพันธุ์โดวิเดีย  ในตอนกลางวันนกชนิดนี้จะมีขนเป็นสีขาวทั้งตัว  สามารถปรับตัวให้กลมกลืนกับแสงแดดในตอนกลางวันได้ดี  ส่วนในตอนกลางคืน ขนจะกลายเป็นสีดำทั้งตัว ทำให้กลมกลืนกับตอนกลางคืนได้เป็นอย่างดี  แต่โดวี่แปลกไปกว่านกโดวิเดีวตัวอื่นๆคือ  ในตอนกลางวันตรงหัวจะมีรอยปานรูปดวงจันทร์เป็นสีดำ  ส่วนในตอนกลางคืนจะมีปานรูปวงกลมคล้ายดวงอาทิตย์อยู่บนหัวมันแทนเป็นสีขาว  เวลพบมันในสวนสมุนไพรตอนที่อายุประมาณ  11  ขวบ  ตอนนั้นมันยังเล็กมาก  มันคงจะตกลงมาเพราะปีกได้รับบาดเจ็บ  หลังจากนั้นเวลก็รักษามันจนหาย  มันไม่ยอมบินหนีไปแต่กลับมาบินป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้าน  เวลจึงรับเลี้ยงมันไว้

    เวลผูกขาโดวี่ไว้กับตอไม้ข้างๆสระน้ำในสวน  แล้วรีบตักน้ำจากกระบอกไม้ไผ่ที่ลุงเบรนตักน้ำจากสระไปรดน้ำสมุนไพร  ไปราดลงบนตัวโดวี่

    โดวี่กระพือปีกอย่างรวดเร็ว  ส่ายหัว  แล้วบินหนีไปเกาะบนต้นโอ๊ก  มันไม่ชอบการอาบน้ำเท่าไหร

    หนอย...ไอนกบ้า  แก้เชือกได้อีกแล้ว  คราวหน้าจะเอาตะปูมาตอกกับเท้าแกไม่ให้บินหนีเลยคอยดูราวกับมันเข้าใจคำพูดของเวล  มันร้องออกมาคล้ายกับจะบอกว่า แน่จริงก็ลองทำดูสิ  เวลไม่สนใจเดินขึ้นไปบ้านต้นไม้  โดวี่บินมาเกาะที่ขอบหน้าต่าง  เวลแกล้งทำเป็นไม่เห็นมันแล้วเดินไม่นั่งที่ต้นเตรียมพร้อมจะอ่านหนังสือ 

                    อ่านหนังสือไปได้ซักพัก  นิสัยขี้เกียจติดตัวก็เริ่มออกฤทธิ์  หนังตาค่อยๆหย่อน  หัวฟุบไปกับโต๊ะ จนในที่สุดเวลก็เข้าไปในห้วงจินตนาการแห่งความฝัน  ฝันที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขา

     

     

                   

    วันพรุ่งนี้  เวลจะต้องไปสอบเข้าโรงเรียนไอเซนกาเบรียน  เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมาก  คนที่เข้าไปเรียนที่นี้ล้วนจบมามีงานดีๆทำทั้งนั้น  แต่ใช่จะเข้าไปได้ง่ายๆ  จะต้องผ่านการทดสอบหลายขั้นตอน  ทุกๆปีล้วนยากขึ้นกว่าปีก่อนๆ  คนในตระกูลของเวลทุกคนล้วนจบมาจากที่นี่ทั้งนั้น  เขาอายุ  15  ปีแล้วจะต้องสอบเข้าให้ได้เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล 

                    เหตุการณ์ในเช้าวันนี้ถือเป็นเรื่องปกติอย่างเช่นทุกๆวัน  นับแต่วันที่พ่อแม่ของ 3 พี่น้องจากไป  หลังจากวันฝังศพของพ่อและแม่ของพวกเขา  เวลได้พบกับหญิงชราคนหนึ่งที่ช่วยปลอบให้เขาหยุดร้องไห้  ในคืนนั้นเองที่เวลเริ่มฝันว่ามีเสียงหญิงแก่มาเรียกชื่อเขา  เมื่อเวลถามหรือพูดอะไร  เสียงนั่นก็ไม่ยอมตอบนอกจากเรียก เวล  เวล  เวล  มาเป็นเวลาเกือบ 7 ปี ก็ยังไม่พูดคำอื่น  และในเวลานั้นที่ไวลด์จะต้องมาปลุกให้ตื่น  เวลก็เผลอไปด่าผู้หญิงในฝัน  ซึ่งไวลด์คิดว่าเวลด่าตน  ดังนั้นทุกเช้า  ตามร่างกายของเวลจะมีรอยฟกช้ำอยู่ตลอด  และวันนี้ก็เช่นกัน

                   

                    อรุณสวัสดิ์ฮะ  ลุงเบรนเวลลงมากินข้าวเช้า  เห็นลุงเบรนนั่งอยู่จึงทัก

                    ไง  เวล  วันนี้ได้มากี่แผลล่ะลุงเบรนถามพลางดื่มกาแฟอ่านหนังสือไปด้วย

                    ไม่เท่าไหรครับ  วันนี้โชคดีที่วิลขึ้นมาก่อน  ไม่งั้นผมคงตายไปแล้วมั้งครับเวลตอบ

                    นั่นสีลุงเบรนเห็นด้วย

                    เช้าวันนี้อากาศดี  เวลถูกสั่งให้ไปอ่านหนังสือเตรียมสอบ  เวลรับหนังสือมาจากวิลอย่างไม่เต็มใจ  แล้วเดินออกทางประตูหลัง  เดินผ่านสวนสมุนไพรของลุงเบรน  ลุงเบรนเป็นผู้ที่รับเลี้ยงพี่น้อง 3 คน  ลุงเป็นหมอประจำหมู่บ้าน  ลุงจะใช้สมุนไพรรักษาหรือไม่ก็ทำยาจากสมุนไพรด้วยตนเอง  ลุงไม่ซื้อจากที่อื่นมากรักษาลุงบอกว่า มันอาจจะสกปรก และอาจจะไม่ได้คุณภาพ  ถึงลุงจะเป็นคนไม่ค่อยทำงาน  เวลาว่างชอบหลับ  แต่เมื่อมีคนไข้มาลุงก็จะรักษาอย่างเต็มที่  ไม่เคยรังเกียจพวกเขาแม้แต่น้อย 

    วิลเรียนจบมา  2  ปีแล้ว  วิลเป็นคนเก่ง  สภาเวทย์จึงรับเข้าทำงานในสภา  แต่วิลไม่ชอบทำงานในที่ที่คนเยอะ  จึงขอมาทำงานที่บ้านแทน  เพื่อช่วยลุงทำงานอีกแรง  แล้วจะกลับไปประมาณเดือนละ  2  ครั้ง  ถึงวิลไม่ได้ทำงานในสภา  แต่ผลงานที่เขาทำออกมาดีกว่าคนที่อยู่ในสภาบางคนเสียอีก  ไวลด์เรียนอยู่ปี  4  ที่ไอเซนกาเบรียน

    อีกสองปีเธอก็จะเรียนจบ  มีหลายคนบอกว่าเธอสวย  ในความคิดของเวลเธอไม่สวยเอาเสียเลย  เคยมีคนตามมาจีบถึงบ้าน  ลุงเบรนให้ผู้ชายคนนั้นตอบปัญหาของลุงให้ถูก  ถ้าทายถูกจะให้เข้าบ้าน  แต่ผู้ชายคนนั้นทายไม่ถูกจึงหน้าเสียกลับบ้านไป

                    เวลเดินเข้าไปในสวนหลังบ้านของลุง  ตรงกลางสวนจะมีต้นโอ๊กใหญ่  รอบๆจะเป็นพืชสมุนไพรที่   ลุงปลูกเอาไว้  ข้างบนต้นโอ๊กมีบ้านไม้หลังหนึ่ง  ตอนที่เขาย้ายมา  ลุงเบรนได้สร้างไว้ให้เผื่อใครจะไปนั่งนอนเล่น

                    บ้านต้นไม้ไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่  พอจะอัดคนประมาณ  10  คนเข้าไปได้  ข้างหน้าบ้านมีระเบียงให้นั่งเล่น

    เวลเข้าไปในต้นโอ๊กทางประตูที่เจาะเข้าไปในต้นไม้ ข้างในมืดพอสมควรถ้าไม่ได้แสงจากหน้าต่าง  ที่จริงมันเป็นรูเล็กๆหลายรู  แต่เวลเรียกมันเป็นหน้าต่าง  ข้างในต้นโอ๊กมีบันไดเล็กๆสำหรับปีนขึ้นไปข้างบน  เมื่อเวลปีนขึ้นไปถึงข้างบนสุดก็ใช้มือดันฝาไม้ที่ปิดทางเข้าออก  แล้วเข้าไปข้างในบ้าน  เวลเดินเข้าไปในห้อง  วางหนังสือไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปข้างหน้าต่าง  เวลเปิดหน้าต่างแล้วผิวปาก  3  ครั้ง  ครั้งที่สามลากเสียงยาว

                    ไม่นานก็มีนกตัวหนึ่งบินมาเกาะตรงขอบหน้าต่างแล้วก้มหัวให้เวลลูบ

    ไง  โดวี่  ไปไหนมาเนี่ย  ตัวก็สกปรกและเหม็นอีกต่างหาก  ดูท่าว่าคงต้องอาบน้ำให้แกล่ะสิเวลรีบคว้าขาของเจ้าโดวี่ไว้ก่อนที่มันจะบินหนีไปได้

    โดวี่  เป็นนกพันธุ์โดวิเดีย  ในตอนกลางวันนกชนิดนี้จะมีขนเป็นสีขาวทั้งตัว  สามารถปรับตัวให้กลมกลืนกับแสงแดดในตอนกลางวันได้ดี  ส่วนในตอนกลางคืน ขนจะกลายเป็นสีดำทั้งตัว ทำให้กลมกลืนกับตอนกลางคืนได้เป็นอย่างดี  แต่โดวี่แปลกไปกว่านกโดวิเดีวตัวอื่นๆคือ  ในตอนกลางวันตรงหัวจะมีรอยปานรูปดวงจันทร์เป็นสีดำ  ส่วนในตอนกลางคืนจะมีปานรูปวงกลมคล้ายดวงอาทิตย์อยู่บนหัวมันแทนเป็นสีขาว  เวลพบมันในสวนสมุนไพรตอนที่อายุประมาณ  11  ขวบ  ตอนนั้นมันยังเล็กมาก  มันคงจะตกลงมาเพราะปีกได้รับบาดเจ็บ  หลังจากนั้นเวลก็รักษามันจนหาย  มันไม่ยอมบินหนีไปแต่กลับมาบินป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้าน  เวลจึงรับเลี้ยงมันไว้

    เวลผูกขาโดวี่ไว้กับตอไม้ข้างๆสระน้ำในสวน  แล้วรีบตักน้ำจากกระบอกไม้ไผ่ที่ลุงเบรนตักน้ำจากสระไปรดน้ำสมุนไพร  ไปราดลงบนตัวโดวี่

    โดวี่กระพือปีกอย่างรวดเร็ว  ส่ายหัว  แล้วบินหนีไปเกาะบนต้นโอ๊ก  มันไม่ชอบการอาบน้ำเท่าไหร

    หนอย...ไอนกบ้า  แก้เชือกได้อีกแล้ว  คราวหน้าจะเอาตะปูมาตอกกับเท้าแกไม่ให้บินหนีเลยคอยดูราวกับมันเข้าใจคำพูดของเวล  มันร้องออกมาคล้ายกับจะบอกว่า แน่จริงก็ลองทำดูสิ  เวลไม่สนใจเดินขึ้นไปบ้านต้นไม้  โดวี่บินมาเกาะที่ขอบหน้าต่าง  เวลแกล้งทำเป็นไม่เห็นมันแล้วเดินไม่นั่งที่ต้นเตรียมพร้อมจะอ่านหนังสือ 

                    อ่านหนังสือไปได้ซักพัก  นิสัยขี้เกียจติดตัวก็เริ่มออกฤทธิ์  หนังตาค่อยๆหย่อน  หัวฟุบไปกับโต๊ะ จนในที่สุดเวลก็เข้าไปในห้วงจินตนาการแห่งความฝัน  ฝันที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขา

     

     

                   

                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×