ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (nct markmin)•17 years old•

    ลำดับตอนที่ #4 : 04 : มันก็อย่างนู้นอย่างนี้อะ

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 61





    04

    มันก็อย่างนู้นอย่างนี้อะ















    ท้องฟ้าตอนเย็นวันนี้เป็นสีส้ม



    ผมกำลังมองมันผ่านช่องตึก ต้นไม้ เสาไฟ ในระหว่างที่กำลังนั่งรถกลับบ้าน ไม่ได้มีใจความสำคัญอะไรไปมากกว่าการบอกว่ามันสวยดี ด้านข้างของผมคือป๊าที่กำลังนั่งอยู่ฝั่งคนขับไปเงียบๆตั้งแต่วินาทีแรกที่ขึ้นมาจนตอนนี้ที่รถเลี้ยวเข้ามาจอดในบ้านเป็นที่เรียบร้อย



    ผมเดินลงมาจากรถก่อนป๊าหลังจากกลับมาถึงบ้าน ก่อนจะเดินเข้าไปแล้วสะบัดรองเท้าออกไปอย่างไม่ใส่ใจเพราะเหนื่อยมาก เหนื่อยกายและเหนื่อยใจ ซึ่งในระหว่างที่ผมกำลังจะเดินผ่านไปก็ต้องชะงักเมื่อเหมือนเห็นรองเท้าอีกคู่ที่แปลกตาจากทุกคู่ แต่ก็ไม่แปลกพอที่จะทำให้ผมจำไม่ได้ว่ามันเป็นของใคร


    แต่เพื่อความแน่ใจ ผมเลยตัดสินใจตะโกนถามแม่ที่กำลังนั่งแอบปอกมะม่วงกินเงียบๆตรงโต๊ะทานข้าวแทน 




    "แม่ ไอ้โน่มันมาบ้านหรอ?"


    "เออใข่ มาตั้งนานแล้ว เห็นรอนานก็เลยบอกให้ขึ้นไปนั่งรอที่ห้องแกก่อนอะ" อีกฝ่ายตอบแบบไม่คิดแม้แต่จะหันมาสบสายตา



    "...."



    แล้วภาพที่ผมรีบออกจากบ้านจนไม่ได้เก็บอะไรๆบนโต๊ะเมื่อเช้าก็ลอยเข้ามาในหัวเหมือนรู้งานว่า ถ้าไอ้โน่มันเห็นถุงที่ผมวางบนโต๊ะไว้เมื่อเช้านี่เวรแน่ๆ



    คิดได้ดังนั้นผมก็รีบวิ่งขึ้นบันไดตรงไปยังห้องตัวเองด้วยความไวแสง แล้วจัดการเปิดประตูแบบไม่ถนอมแรง จนทำให้คนที่กำลังนอนอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่บนเตียงสะดุ้งหันมามองด้วยใบหน้าอย่างเหวอ ผมผู้เป็นเจ้าของห้องกับมันสบสายตากันด้วยอารมณ์ไม่ต่างกันนัก


    "...."


    "...."


    "จะเปิดแรงทำไมวะ ตกใจหมด"


    "...."


    ไอ้เจโน่พูดอย่างหงุดหงิดที่ผมทำให้มันตกใจ แล้วค่อยๆยันตัวขึ้นมานั่ง ทำทุกอย่างแบบปกติเหมือนมันจะลืมอะว่าห้องนี้เป็นของผม ไม่ใช่มัน 


    เจโน่เป็นคนใบหน้าคมเข้มเพราะดั้งที่โด่งเกินหน้าเกินตาและคิ้วที่หนสแต่เข้ารูปของมันทำให้มันเป็นคนที่ถือนิยามคำว่าหล่อได้อย่างไม่อายปาก แต่จะให้พูดจริงๆนัมเบอร์วันของผมยังไงก็เป็นไอ้มาร์คอยู่แล้ว ชมตามมารยาทอะรู้จักไหม


    ผมรู้จักกับมันตอนที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ มันจึงเป็นเพื่อนคนแรกและเพื่อนคนเดียวในระแวกนี้ที่ผมมี แต่การที่สนิทกับคนแบบมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะผมต้องคอยรับฟังเวลาแม่เอาผมไปเปรียบเทียบกับมันเรื่องเกรด ว่าเจโน่ได้เยอะนู่นนี่นะ อวยมาก อวยจนลืมไปแล้วว่าคนที่เป็นลูกแท้ๆของแม่คือผม ไม่ใช่มัน 

    แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้ผมกับเจโน่บาดหมางกันได้ เพราะเราชอบดูนารูโตะเหมือนกัน ถึงแม้หนังสือการ์ตูนเกือบทุกเล่มจะเป็นผมคนเดียวที่ซื้อมาเก็บไว้ก็เฮอะ


    "มานานยัง?" ผมกลั้นใจถามออกไปเมื่อมันยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่อย่างนั้น


    "สักแปปละ..." มันตอบก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปตรงชั้นหนังสือในห้องซึ่งแปดสิบเปอร์เซ็นต์ในนั้นคือการ์ตูนหมด นอกนั้นคือหนังสือเรียนเหลือให้วางแค่ชั้นเดียวก็คือพื้นที่เหลือถมเถ


    ในจังหวะที่เหมือนเจโน่มันกำลังเลือกหนังสือการ์ตูนอ่านอยู่ ผมก็ถือวิสาสะเดินตัวลีบตรงไปที่โต๊ะอ่านหนังสือตัวเองที่ยังมีถุงชื่อไอ้มาร์คตัวเบ่อเร้อวางไว้ตามที่คาด ก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบแล้วยัดมันลงในลิ้นชักอย่างเงียบเฉียบ


    ได้แต่ขอให้เจโน่ไม่ใช่คนขี้สาระแนแอบมาดูก็พอ


    "เออ.." จู่ๆเจโน่มันก็ร้องขึ้นมาเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นได้ และนั่นก็ทำให้ผมใจกระตุกหันไปมองอย่างไม่ไว้ใจ


    "...."


    ไม่หรอก มันไม่เห็น


    "...."


    "....."


    จะเงียบทำไมวะ พูดมาสักทีสิโว้ย


    "จะบอกว่าเล่มเก่ายังไม่ได้คืนอะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเอามาคืนให้"


    "อ..เออๆ"


    แล้วมันก็หันไปเลือกหนังสืออยู่อีกสักพักก่อนจะถือกลับมาเล่มหนึ่งแล้วกระโดดขึ้นเตียงด้วยความเคยชินของมัน ผมเห็นว่ามันจะไม่ซักไซร้อะไรต่อก็เลยจะเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้อ แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขา เสียงของคนที่นอนไขว้ตีนอยู่บนเตียงก็ทำให้ผมต้องหันไปเลิกคิ้วให้มันอีกครั้ง


    "เอ้อ.."


    "หืม"


    "ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อกี้ละ"


    "....."


    "ใครคือมาร์ควะ?"


    "...."


    ด้วยความบ้านใกล้และแม่ของเราสนิทกันมากๆนั้น นี่ก็เลยนับครั้งไม่ถ้วนที่เจโน่วิ่งเข้าวิ่งออกบ้านผมเหมือนกับบ้านตัวเอง ปวดขี้ก็สามารถวิ่งขึ้นมาแบบไม่ต้องขออนุญาตจากใครก็ยังได้ และผมก็ไม่เคยด่าว่าอะไรมัน


    แต่ไม่มีครั้งไหนที่ผมอย่างจะไล่มันกลับบ้านของมันมากเท่าครั้งนี้มาก่อนเลยอะ แม่ง


    ผมมองใบหน้าอันใสซื่อของมันพร้อมอ้าปากพะงาบๆ พูดอะไรไม่ออก มันก็มองกลับพร้อมยกยิ้มให้หนึ่งทีก่อนจะหันกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


    แต่แค่นี้ก็แน่พอที่จะทำให้ผมมั่นใจแล้วล่ะว่า 


    ความลับของผมกำลังจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

    .







    .







    .


    22.00 น.


    หลังจากที่ไอ้โน่มันกลับบ้านพร้อมโกยหนังสือบนชั้นผมไป ทุกอย่างในห้องก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ผมนอนหงายอยู่บนเตียงมองเพดานอย่างใจลอยเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อจากนี้ดี


    ผมเกลียดเจโน่ เกลียดมัน ไม่ใช่ว่าตอนกลับมันไปบอกแม่ผมแล้วหรอกนะ ว่าผมอะ...


    ไม่พูดดีกว่า


    ฮื่อ


    ตึ้ง  ตึ้ง


    "....."


    เสียงแจ้งเตือนไลน์ดึงให้ผมหลุดจากภวังค์ ก่อนจะหันไปมองมือถือที่แน่นิ่งอยู่ตรงหัวเตียง ในใจผมก็คิดว่าอาจจะเป็นไอ้แฮชมาขอลอกการบ้านอีกเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมาแน่ๆทำไมคนที่ต้องตกเป็นเหยื่อเพราะความขี้เกียจของมันถึงต้องเป็นผมวะ ในเมื่อมันก็รู้ว่าผมก็ไม่เคยทำการบ้านเองเหมือนกับมัน เสร่อ


    แต่มานึกดูอีกที วันนี้ก็ไม่มีการบ้านไม่ใช่หรอวะ


    การนึกไปคนเดียวก็ไม่ช่วยอะไร ผมเลยเอี้ยวตัวไปหยิบมันมาปลดล็อคดู แล้วก็ต้องเผลอทำตาโตเพราะเป็นชื่อของไอ้มาร์คที่ทักมา


    M.K
    กลับบ้านก่อนทำไมไม่บอกวะ
    Read.



    ทันทีที่อ่านจบ ภาพใบหน้าของไอ้มาร์คเวลาที่มันคิ้วขมวดพร้อมเสียงเข้มๆของมันก็ลอยออกมาจากข้อความ ที่เดาได้ก็คงเป็นเพราะเมื่อเย็นตอนที่อยู่ห้องดนตรีกับมันและไอ้แฮช ผมโกหกมันว่าจะไปห้องน้ำแล้วแอบหนีลงมานั่งเรียนคาบสุดท้าย พอออดเลิกเรียนก็ชิ่งกลับบ้านมาก่อน ด้วยความน้อยใจเรื่องไม่เป็นเรื่องของผมล้วนๆ มาร์คคงจะโมโหที่ผมไม่รอกลับกับมัน


    ทำไงดี


    M.K
    ทำไมอ่านไม่ตอบ
    โกรธอะไรกูรึเปล่า?
    บอกได้นะ
    Read.


    ถ้าถามไปว่า 'น้องฝนนี่ใคร' จะดูก้าวก่ายชีวิตมันเกินไปไหมวะ เพราะมาคิดดูอีกที มันจะไปรู้จักหรือคุยกับใครก็เป็นสิทธิ์ของมันอะ ถ้าตอนนี้ผมยังเป็นแค่เพื่อน


    แล้วก็ไอ้เรื่องกีต้าร์นั่นอีก ถึงมันจะไม่บอกเพราะไม่อยากบอกหรืออะไร ผมก็ไม่ควรไปงอนมัน เพราะแม้แต่ผมเองก็ไม่เคยคิดจะบอกมันว่าผมชอบดูนารูโตะ โคนันและโดเรม่อนเลยด้วยซ้ำ


    มาร์คมันต้องขยะแขยงผมแน่ๆถ้ารู้ว่ามีเพื่อนปัญญาอ่อนงี่เง่าแบบนี้ ฮือ


                                                         Jamm
                                                     ไม่ได้โกดด
                                                            Read.
                                                           


    M.K
    แล้วเป็นไร
    Read.


    Jamm
    ไม่ได้เป็นนน
    Read.


    M.K
    แล้วกลับก่อนไมอะ 
    รู้มั้ยว่านั่งรอตั้งนาน นึกว่าไปขี้ก็นั่งรอ
    จนยามมาไล่
    Read.



    บ้าไหม มีใครเคยขี้นานขนาดนั้นด้วยหรอวะไอ้มาร์ค ไอ้บ้า ทำไมไม่คิด
                                       

    แต่คือ รู้สึกผิดว่ะ ผมไม่น่าทำอย่างนั้นเลย ก็ใครจะไปนึกว่ามันจะมารออะ


    Jamm
    แล้วทำไมไม่โทรถามเล่า
    Read.

    M.K
    แบตหมด
    Read.


    Jamm
    กรรม
    งั้นโทษ วันหลังจะไม่ทำอีก
    Read.


    M.K
    ก็ต้องเป็นงั้นอยู่แล้ว เพราะถ้าทำอีกก็จะโดนด่า วันหลังอย่าทำอีก รู้เรื่อง



    ทำไมต้องโหด แต่ทั้งหมดนี่คือมันเป็นห่วงหรือโกรธผมอยู่วะ ห่วงไม่ห่วงไม่รู้แต่เผลอยิ้มไปแล้วครับ


    Jamm
    รู้แล้วโว้ย
    จะนอน
    Read.


    M.K
    จะนอนแล้วอ่อ
    งั้นGN
    Read.


    คือ...


    ฮืออ มากู๊ดน้งกู๊ดไนท์อะไร บ้าปะ รำคาญ


    ผมยิ้มลำพังก่อนจะกดส่งสติ้กเกอร์ลูกไก่นอนหลับให้มันแล้วกดล็อคหน้าจอโยนไปหัวเตียง พร้อมล้มตัวลงกับเตียง


    "ฝันดีมาร์ค"






    -17 years old-






    ตั้งแต่เกิดยันโต วันศุกร์ก็ยังเป็นวันที่ผมชื่นชอบเสมอ เป็นช่วงเวลาที่เรามักจะได้ยินเพื่อนๆพูดถึงสิ่งที่จะทำให้วันหยุดด้วยใบหน้าแย้มยิ้มอย่างคนมีความสุข


    แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทุกคนจะขวนขวายหาอะไรทำให้ยุ่งยากไปทำไม ในเมื่อวันหยุดคือวันพักผ่อน ทำไมไม่นอนอยู่ที่บ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมมักจะทำเสมอมาทุกเสาร์อาทิตย์ 


    ผมนั่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อนหลังตึกเรียนอนุบาลกับไอ้มาร์ค คนตรงหน้าผมกำลังใช้ไม้จิ้มลูกชิ้นในถุงเงียบๆส่วนผมกำลังนั่งกินเลย์ห่อละห้าบาทอยู่ด้วยหน้าตาเหม่อลอยไร้ซึ่งบทสนทนาใดๆมาเกือบยี่สิบนาทีแล้ว


    ทำไมเหมือนจะมีแค่ผมกับมันที่รู้สึกเฉยชากับวันหยุดกันนักวะ


    เอาความเป็นจริงก็คือ ผมไม่เคยรู้เลยว่าวันหยุดไอ้มาร์คมันทำอะไรบ้าง ไม่เคยรู้และไม่เคยคิดจะถาม 


    นั่นดิ แล้วทำไมผมไม่ถามมันละวะ


    "เออนี่"


    "หืม?" มาร์คเงยหน้ามองในขณะที่กำลังอ้าปากแล้วยัดลูกชิ้นเข้าไปหนึ่งลูก ในตอนที่เผลอสบตากับมัน ผมต้องเบนสายตาไปที่อื่นอย่างช่วยไม่ได้


    แก้มตุ่ยยังหล่อเลยอะ ใช่คนมั้ย



     "ปกติวันหยุดมึงทำไรบ้างอะ?"


    "ถามไม"


    "ก็..อยากรู้ มึงไม่เห็นเคยเล่าไรให้กูฟังมั่ง"


    "ถ้าเป็นปกติก็นอนเล่นอยู่บ้านอะแหละ" 


    อ่าว ผิดคาดว่ะ นึกว่าจะชอบไปเดินห้างดูหนังไรงี้ตามประสาคนหล่อ อะโด่


    "แล้วทำไมไม่ไปเที่ยวข้างนอกแบบคนอื่นบ้างวะ"


    ไอ้มาร์คฟังคำถามผมจบก็จัดการจิ้มลูกชิ้นลูกสุดท้ายเข้าปากพร้อมปัดมือตัวเองแปะๆถึงจะค่อยเงยมาตอบคำถามผม


    "พวกนั้นมันไปกันเป็นกลุ่มกับเพื่อน แต่มึงไม่เคยชวนกูไปไหนเลยไงแจม"


    "....."


    ผมกระพริบตาปริบๆ พลางทวนคำพูดของมันในหัวสามรอบเป็นอย่างต่ำ 

    "ไปเดินเที่ยวคนเดียว งั้นกูนอนอยู่บ้านเหมือนเดิมก็ไม่ต่างกันหรอกปะวะ"


    "อ่า.."


    เชี่ยเอ้ย ทำไมสมองผมถึงกำลังคิดไปเองว่าน้ำเสียงมันดูเหมือนกำลังคาดหวังอะไรจากตัวผมวะ

    มันนี่นะ ไอ้มาร์คนี่อะนะ ไม่จริงอะ  

    กูต้องคิดไปเองแน่ๆ


    "เอ่อ.."


    กริ้งงงงง


    ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร เสียงกริ่งขึ้นเรียนคาบบ่ายก็ดังตัดเสียก่อน ทำให้ไอ้มาร์คลุกขึ้นรวบถุงขยะบนโต๊ะเดินนำหน้าผมไปก่อนอย่างที่ชอบทำประจำ แล้วก็ไม่ได้สนใจด้วยนะว่าผมยังกินขนมไม่หมด


    พูดจริงนะ มีไอ้มาร์คอยู่ในชีวิตทำให้ผมเหมือนเป็นคนไม่รู้จักคุณค่าของข้าวทุกจานอาหารทุกอย่างอะ เหลือแค่ไหนก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องให้มันนั่งรอ ต้องลุกตามสถานเดียว ไม่ชอบไม่ทำหรอกนะ การฝืนทำตัวไม่ดีอะ หึ







    -17 years old-





    "แจมๆ"

    "หืม"

    เสียงของแฮชดังขึ้น ในตอนที่ผมกำลังจดเลคเชอร์บนกระดานด้วยความเบื่อหน่าย บรรยากาศในห้องก็กำลังเต็มไปด้วยเสียงคุยซุบซิบจ้อกแจ้กกันอย่างไม่ได้เบามากนัก


    ในโรงเรียน ถ้ามีครูที่ขึ้นชื่อว่าโหดจัดจนนักเรียนเกรงกลัว ก็จะต้องมีครูสายอ่อนแอคุมเด็กคนไหนไม่ได้สักคนตามมาเป็นของคู่กัน และครูสมชายที่อยู่หน้าห้องตอนนี้ก็จัดอยู่ในประเภทหลัง จึงไม่แปลกถ้าจะไม่มีใครฟังเวลาสอน


    โดยเฉพาะไอ้แฮชที่จู่ๆก็ล้วงสมาร์ทโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกงทั้งๆที่กฎข้อที่เท่าไหร่ไม่รู้คือถ้าเอาโทรศัพท์มาต้องฝากไว้ที่ครูประจำชั้น แล้วนี่..


    "มึงไม่ฝากโทรศัพท์อ่อ"


    "อือ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น" มันพูดแบบปัดๆก่อนจะยื่นมือถือไว้ใต้เก๊ะมาฝั่งผม "มึงดูนี่"


    "...."

    ผมก้มมองสิ่งที่กำลังเล่นอยู่บนจอสี่เหลี่ยมอย่างระมัดระวัง ดูเหมือนมันจะเป็นตัวอย่างหนังเรื่องไรสักเรื่องหนึ่งที่กำลังเข้าฉายอยู่ตอนนี้ พอดูจบไอ้แฮชมันก็ดึงมือถือคืน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

    "กูว้อนมาก อยากดูว่ะคือแค่ตัวอย่างกูก็สัมผัสได้ถึงความมันส์จนเนื้อเต้นแล้วอ่ะ"


    "แล้วบอกไม"


    "สัส คือ กูกำลังจะสื่อว่ามันควรค่าแก่การที่มึงต้องไปดูอะ เข้าใจบ่ ไปดูแล้วมาเม้ากับกูเพราะกูนั่งข้างมึงทุกวัน ต้องไปดูนะ"

    ผมปิดเลคเชอร์แล้วตอบกลับมันพลางบิดขี้เกียจด้วยความเมื่อยขบ


    "ไม่อะ ไม่ชอบเข้าโรงหนังคนเดียว"


    "โง่ปะ ก็ชวนใครไปด้วยดิ แต่กูไปด้วยไม่ได้นะเพราะนัดไปดูกับพี่แล้ว"


    ถึงมึงชวนไปด้วยกูก็จะเล่นตัวแฮช แต่ไม่พูดดีกว่าเดี๋ยวเพื่อนเสียใจ


    "เฮ่าะ มันไม่ไปหรอก มันไม่ชอบดูหนัง"


    "ใคร ไอ้มาร์คอะหรอ?"


    นี่ก็คุยซะเพลินจนเป็นเรื่องเป็นราว ผมหันไปมองหน้าไอ้แฮชที่กำลังทำหน้านิ่งไม่ต่างจากผม แต่ในดวงตามันมีแต่คำว่า ใช่ไหม ใช่ไหม ใช่ไหม เต็มไปหมด อิขี้เสือก


    "เออ"


    "ถ้ามึงชวนมันก็ไปอยู่แล้วเหอะ"


    "...."


    อย่าพูดเหมือนมันมีใจให้กูได้ปะ

    เพราะคนที่มีใจให้จริงๆนั่งอยู่ตรงหน้ามึงนี่แฮช


    "ไม่รู้เว้ย คิดก่อน"


    "ไปดูเห้อะ นะ"


    "ก็บอกว่า-"


    "...."


    ในตอนที่ผมกำลังหันไปค้อนเพราะรำคาญไอ้แฮชเต็มทน ก็เป็นจังหวะเดียวที่สายตาผมดันเหลือบเลยไปสบเข้ากับดวงตาอีกคู่หนึ่งที่นั่งอยู่ตรงริมประตูห้องเรียนอย่างไม่ได้ตั้งใจ

    ไอ้มาร์คกำลังมองมาทางผม พอมันเห็นว่าผมมอง มันก็หันกลับไปแบบนิ่งๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    มองไมวะ ทำไมต้องมองอะ ฮือ ไม่ดิ ไม่คิดมาก ตื่นๆ


    ก่อนจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ ผมก็ถูกไอ้แฮชดึงเข้าบทสนทนาที่ค้างก่อนหน้านี้อย่างไม่เต็มใจ เพราะดูเหมือนว่ามันจะไม่ยอมแพ้กับการบังคับขู่เข็ญให้ผมไปดูหนังเพื่อจะได้มาคุยกับมันให้รู้เรื่องง่ายๆ แล้วก็คะยั้นคะยอว่าถ้าไม่ยอมไปดูคนเดียวก็ให้ชวนไอ้มาร์คไป


    เอาจริงเรื่องที่ไอ้มาร์คไม่ชอบดูหนังนี่ผมโกหก แต่เข้าใจมั้ย ยังไงก็ไม่กล้าชวนมันไปด้วยอยู่ดีอะ ลองคิดสภาพผมตอนที่นั่งดูหนังกับมันสองคนดิ เผลอๆตอนจกๆป๊อปคอร์นอยู่แล้วมือจับโดนกันเหมือนในหนังอะ

    เนี่ย!


    แล้วทำไมไอ้แฮชต้องลำบากขนาดนี้ เอาดีๆ คือเหงามากตอนเรียนใช่มั้ย


    และก็เพราะรำคาญมันมากนี่แหละ ผมก็เลยตัดบทด้วยการบอกว่า

    "เอออ เดี๋ยวกูลองชวนมันตอนเย็น พอใจมึงยัง"

    .






    .







    .


    ตอนนี้ผมรับรู้แล้วว่า การพูดไม่คิดเป็นสิ่งที่ถ้าใครทำก็คือโง่มาก แต่เมื่อทำมันลงไปแล้วการซ้ำเติมตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องที่ควร เพราะนอกจากไม่ช่วยอะไรแล้ว อาจจะต้องมานอนเอามือก่ายหน้าผากมองห้องแชทของเพื่อนที่อ่านทิ้งไว้เกือบสิบนาทีด้วยความหนักใจ อย่างที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้นี่แหละ


    H
    ชวนยัง
    Read.


    การถอนหายใจใส่คือสิ่งสุดท้ายที่ผมทำได้ในตอนนี้ ก่อนจะตัดสินใจพิมตอบกลับอีกฝ่ายไปด้วยความจริงใจ


    Jamm
    ยัง
    Read.


    H
    ไปตอนเย็นพรุ่งนี้กำลังดีคนไม่เยอะมาก วันอาทิตย์คนจะเยอะ
    Read.



    อ่านที่พิมไปสิโว้ย!


    Jamm
    บอกว่ายังไม่ได้ชวนนนน
    Read.



    H
    ก็ชวนสิไอ้สัส
    แค่ชวนไปดูหนัง
    กูไปละ ง่วง
    Read.


    Jamm
      -__-
    Read.



    H
    ต้องไปให้ได้นะมึง
    Read.


    หลังจากนั้นผมก็ส่งสติ้กเกอร์ด่ามันไปชุดใหญ่พอสมควร แต่ก็ไม่ขึ้นว่าอ่าน มันคงจะไปแล้วจริงๆอย่างที่เจ้าตัวว่า ส่วนผมก็ได้แต่พ่นลมหายใจออกเป็นพักๆพลางกดเข้าห้องแชทของไอ้มาร์คและจ้องมองอย่างคิดไม่ตก


    แค่ไปดูหนัง ถือเป็นประสบการณ์ เก็บเกี่ยวช่วงเวลาของผมและมันก็แล้วกัน

    เออ เอาวะ!

    แต่อาจจะเพราะความตื่นเต้นจนเบลอ ทำให้ผมเผลอกดคอลไปแทนที่จะพิมไปหาอย่างไม่รู้ตัว 

    เชี่ย! ผมไม่พร้อมจะฟังเสียงมันตอนนี้ และไม่คิดที่จะพร้อม

    พอตั้งสติได้ ผมก็เลยรีบจะกดตัดสายแบบลนๆ แต่ไม่เคยคิดว่าจะช้าไปกว่าไอ้มาร์คที่กดรับตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

    (โหล)


    เสียงทุ้มๆเนือยๆดังลอดออกมาจากปลายสายทันทีที่มันรับ ผมได้แต่ด่าความเสร่อของตัวเองดังๆในใจ ก่อนจะค่อยๆกรอกเสียงตอบกลับไป 

    "ก..กดผิด จะวางก็ได้นะ"


    (เห้ย คอลมาแล้วก็คุยเลยดิ มีไรอะ)


    อย่าทำเสียงจริงจังเวลาคอลได้มั้ย มันทำให้กูไม่สะดวกใจจะคุยด้วยอะ 


    ผมสลัดความคิดฟุ้งซ่านไปไกลๆหัว ก่อนจะยอมเข้าเรื่องเพราะไหนๆก็คอลแล้ว

    เขินมากด้วย


    "พรุ่งนี้..มึงว่างปะ?"


    (ว่าง ทำไม) มันตอบกลับทันทีที่ผมถามจบ


    ผมพักทำใจอยู่สักพัก จนไอ้มาร์คเห็นว่าผมเงียบไปเลยเรียกชื่อผมอยู่สองสามครั้งถามว่าผมยังอยู่ในสายมั้ย


    และนั่นก็ทำให้ผมกลั้นใจก่อนจะเอ่ยต่อ


    "พรุ่งนี้ไปดูหนังกัน"











    #สวัสดีจรัล




    Tbc.
    อย่าถามความเป็นมาของชื่อตอน เพราะไม่มีอะค่ะ55
    แต่ตอนนี้อะนะอย่าให้มาร์คมินมองตาแล้วตอบคำถามพรี่ เทอจะไม่อัพรูปคู่กันจิงๆอะหรอ เด็กบ้าฮือ 
    จิงๆนี่อาจจะเป็นฟิครายสองสัปดาห์อัพที5555555 เพราะตอนหนึ่งแต่งเร็วสุดคือสามวันอย่างต่ำอะฮับ พยายามให้มันเร็วขึ้นแน้ว แหะ



    1เม้น=1กำลังใจฮับ



                           









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×