ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 02 : เพื่อนอีกคน
02
เพื่อนอีกคน
วันนี้จรัลตื่นสายเป็นครั้งแรกในรอบเกือบปี
เด็กชายยืนหน้าดำคร่ำเครียดอยู่กลางแจ้งในแถวนักเรียนมาสาย ท่ามกลางแดดที่แผดเผาผิวหนังจนหนังหัวแทบไหม้
เขาไม่อยากพูดหรอกว่าจริงๆแล้วสาเหตุที่ทำให้เขามาสายน่ะมันเพราะอะไร คงต้องโทษความบ้าบอของเขาเท่านั้นที่มัวแต่วุ่นวายกับถุงขนมนั่นจนลืมตั้งนาฬิกาปลุก
ถ้ามีใครรับรู้เรื่องนี้ คงจะได้คำพูดกลับมาประมาณว่า สมควร
เออ แต่ก็สมควรจริงๆ
.
.
.
ตอนนี้ร้อนมาก ร้อนเชี่ยๆ
แม้จะรู้สึกร้อนมากมายขนาดไหน แต่สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็มีเพียงการเอามือมาบังที่ใบหน้า มองซ้ายมองขวาก็เห็นว่าผู้ร่วมชะตากรรมอีกเกือบสิบห้าชีวิตอยู่ในท่าเดียวกันหมด แค่เปลี่ยนจากมือเป็นสมุด บ้างก็พัด บ้างก็ก้มหน้าเล่นมือถือ และเมื่อสังเกตให้ดี ก็จะรู้สึกว่ามีแต่พวกหน้าเดิมๆที่ขึ้นลิสว่ามาสายตลอดเว
พวกที่โดนอาจารย์ตราหน้าว่าเป็นพวกไม่มีความรับผิดชอบ พวกที่โดนเพื่อนพูดใส่เสมอว่าบ้านใกล้แค่นี้ก็ยังจะสาย
เออ และเขาเป็นคนหนึ่งที่คิดแบบนั้น
แต่ตอนนี้เขาเพิ่งจะนึกได้ว่าสิ่งหนึ่งที่อาจารย์ไม่พึงกระทำก็คือ การเหมารวมเด็กที่มาสายทุกคนว่าไม่รับผิดชอบ
เพราะบางคนก็ไม่ได้ตั้งใจสาย เหมือนเขา
แต่สำหรับบางคนที่เดินหล่อเข้ามาทางประตูโรงเรียนพร้อมถุงเซเว่นด้วยท่าทางไม่รีบไม่ร้อนนั่น จรัลก็ไม่แน่ใจว่ามันรู้สึกรู้สาอะไรกับตารางเวลาของโรงเรียนบ้างหรือไม่ และจรัลก็อารมณ์เสียเพราะอากาศร้อนเกินจนไม่อยากสังเกตว่าวันนี้นายรณพีร์ดูหล่อกว่าทุกวัน
เพราะรอยยิ้มที่ถูกส่งมาให้เขาตอนที่เจ้าตัวทันสังเกตว่าเขากำลังยืนอยู่ในแถวมาสาย ก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหา
เออ จู่ๆก็รู้เย็นขึ้นมาเลยว่ะ บ้าจริง
"อ้าว ทำไมมาสายวะ?"
เพราะมึงนั่นแหละมาร์ค ยังมีหน้ามาถาม
ซึ่งในความเป็นจริงจรัลก็ทำได้แค่ตอบกลับไปสั้นๆว่า
"ตื่นสาย"
"ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยสาย..มัวแต่ทำไรอยู่"
"....."
"อ้าวเงียบงี้ มีพิรุธ"
"บ..บ้า พิร้งพิรุธอะไร จะไปมีได้ไงเล่า เพ้อเจ้อนะมึงอะ คนอย่างกูนะไม่ปิดบังไรมึงหรอก แค่นี้มึงไม่ไว้ใจกูอ่อวะมาร์ค"
จู่ๆนายจรัลก็รู้สึกว่าเหงื่อที่มีอยู่ก่อนหน้านี้มันเยอะมากขึ้นจนตอนนี้ชุ่มขมับ ด้วยคำพูดคำจาของคนข้างๆที่ทำให้จินตนาการไปไกลว่ามันสามารถอ่านใจเขาได้หรือเปล่า
เหี้ย เริ่มจะกลัวแล้วนะ ทำไมมันพูดจาเหมือนรู้อะไรมา
หรืออันที่จริงมันรู้วะ ว่าเขาชอบ
เหี้ยยยยย จบกัน!
ในขณะที่จิตใจของจรัลกำลังตีกันยุ่ง ร่างโปร่งข้างๆก็ขมวดคิ้วส่งสายตาประหลาดอกประหลาดใจกับท่าทีของเพื่อนที่สามารถแปลออกมาเป็นคำพูดได้ประมาณว่า 'เป็นไรของมึง' ส่งมาให้
"กูก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย"
"...."
อ้าว นี่เขาร้อนตัวหรอวะ
งั้นเงียบไว้แล้วกัน เวิร์คสุด พิรุธไม่มี
พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรต่อ รณพีร์จึงเปลี่ยนทีหยิบน้ำขวดที่เพิ่งซื้อมาจากเซเว่นขึ้นมาเปิดก่อนจะยกดื่มไปสามสี่อึก โดยรู้สึกว่ามีสายตาของคนข้างๆที่ลอบมองมาอยู่หลายหน จนคนตัวสูงต้องชะงักแล้วถึงหันไปมอง ก่อนจะทันเห็นว่าอีกฝ่ายแสร้งทำเป็นหันขวับไปทางอื่นเหมือนไม่ได้สนใจ
"มองไรวะ...จะกินน้ำหรอ?"
"ห้ะ"
"เห็นมอง ก็นึกว่าจะกินน้ำ" ว่าพลางยื่นขวดน้ำไปตรงหน้าของอีกคนอย่างคนมีน้ำใจ "เอาไปดิ"
"...."
จรัลมองขวดน้ำเปล่าตรงหน้าด้วยความชั่งใจอยู่หลายวินาที ก่อนสมองจะเปลี่ยนเป็นการประมวลภาพที่นายมาร์คแนบริมฝีปากกับปากขวดก่อนหน้านี้แล้วก็ได้แต่ขนลุกซู่โดยใช่สาเหตุ
มันให้เขากินต่อ อย่างนี้ก็แสดงว่า..
เชี่ย จูบทางอ้อมอ่อวะ
"ลีลา จะกินไหมเนี่ย"
เสียงของอีกฝ่ายทำให้จรัลหลุดจากภวังค์ความตื่นเต้น ชายหนุ่มใบหูขึ้นสี และดูเหมือนว่าคนข้างๆเขาจะไม่สังเกตเพราะยังคงมีสีหน้าเคร่งคิ้วขมวดเนื่องจากอุณหภูมิที่ร้อนแรง
จรัลบังคับตัวเองอย่างมากเพื่อไม่ให้มันสั่น ในขณะที่มือเรียวค่อยๆเอื้อมไปหวังจะเอาขวดน้ำจากรณพีร์เพื่อดื่มน้ำแม้จะไม่ได้ใฝ่อยากจะดื่มอย่างที่อีกฝ่ายคิด เพราะจุดประสงค์ที่มีมันมากกว่านั้น
ฟึบ!
"ไอ้เหี้ยเหนื่อย! แดกน้ำหน่อย"
"...."
ทว่านั้นไม่ใช่เสียงของจรัล และขวดน้ำที่หวังจะหยิบก็กลับไม่ได้อยู่ในมือเขา แต่ดันไปอยู่ในมือของบุคคลที่เพิ่งจะวิ่งมาใหม่แล้วคว้ามันตัดหน้าเขาไปดื่มต่อหน้าต่อหน้าเพียงเสี้ยววินาที
ดวงตาสีดำสนิทมองฝ่ามือว่างเปล่าของตัวเองก่อนจะไล่สายตาไปยังบุคคลที่สามที่กำลังกระดกดื่มน้ำอย่างกระหายแล้วก็เผลอคิ้วกระตุก
ไอ้เชี่ยแฮช!!
"อ่าห์.."
"...."
จรัลมองบุคคลมาใหม่กระดกน้ำดื่มก่อนจะส่งเสียงอ่าชื่นใจประหนึ่งพรีเซนเตอร์เอสน้ำรสมะม่วง ก็พลางด่าในใจเป็นหมื่นล้านคำด้วยอารมณ์หมันไส้
"มองไรแจม ร้อนหรอ แดกน้ำมั้ย?"
พอรู้สึกว่าโดนใครบางคนจ้องอยู่ คนผิวคล้ำก็เลยหันไปหวังจะสบตา แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีของเพื่อนร่วมห้อง ชายหนุ่มก็เลยเลือกที่จะยื่นขวดน้ำ(ที่ไม่ใช่ของตัวเอง)ให้พลางถามด้วยความห่วงใย
หน้าด้านนัก
จรัลส่ายหน้า อีกคนก็เลยไหวไหล่แบบว่า 'แล้วแต่มึง' แล้วส่งคืนขวดน้ำให้เจ้าของตัวจริง ก่อนจะได้รับคำถามเช่นเดียวกับเขาเมื่อหลายนาทีก่อนหน้านี้
"ไมมาสายวะเนี่ย?"
"มัวแต่หาที่ปริ้นรายงานเจ๊ทิพย์อะดิไอ้เหี้ย หมึกที่บ้านก็เสือกมาหมด ตะเวนหาร้านคอมตั้งนาน นรก"
"อ๋อ"
เออ ดีนะ ร้อยวันพันปีมึงก็ไม่เคยมาสาย เวลามียี่สิบสี่ชั่วโมงมาตอนไหนไม่มา ทำไม๊จะต้องมาตอนที่เขากำลังจะแดกน้ำขวดไอ้มาร์คด้วย
ความร้อนจากดวงอาทิตย์แทบจะกลายเป็นขี้เล็บไปเลยเมื่อเทียบกับความโกรธที่มีต่อเพื่อนร่วมห้องอย่างไอ้แฮชในเวลานี้
นรก
- 17 years old -
เคยหมันไส้เพื่อนสักคนในห้องไหมครับ
ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนที่นั่งข้างกันมาเกือบหนึ่งเทอมกำลังทำตัวทรามโดยการยืนค้ำหัวแล้วยกแขนมือประสานกันเพื่อตากจักแร้ที่เปียกเหงื่อเป็นวงกับแอร์ห้องในขณะที่คุณนั่งข้างๆมัน
จะขอใบ้เล็กน้อยว่ามันคนนั้นชื่อย่อว่าไอ้แฮช
หลังจากที่โดนทำโทษโดยการวิ่งรอบสนามสี่รอบเพราะมาสาย ผม มาร์คและไอ้แฮชก็เดินขึ้นห้องมาด้วยสภาพที่เละเทะพอดู ที่จริงแล้วที่เละเทะมีแค่ผมกับไอ้แฮช ส่วนอีกคนยังทำตัวหล่อคงเส้นคงวาแม้เหงื่อมันจะออกหน้าออกหลังก็ไม่สามารถลบล้างความหล่อของมันได้
ภูมิใจแทนบรรพบุรุษของมันจริงๆ
ไม่ได้อวยครับ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
แต่กับอีกคนที่ทำตัวไร้สกุลทุกระเบียบนิ้วอย่างไอ้แฮช ที่ตอนนี้เปลี่ยนท่าเป็นหยิบสมุดคณิตที่ผมเพิ่งจะลอกเสร็จเอาไปพัดเป็นแรงช่วยก็ทำได้แต่ด่าด้วยความโมโหแล้วก็นึกสงสารพ่อแม่ที่อาจจะต้องร้องไห้น้ำตาตกทุกคืนเพราะมีลูกแบบมัน
"ทุเรศ"
"แหม ก็กูร้อน ไม่ให้พัดแล้วให้ทำไง มึงมาเป่าให้กูไหมละ"
"อี๋"
ไอ้ห่า จ้างสิบล้านยังคิดหนักเลย
ไอ้แฮชมีชื่อจริงชื่อว่าเอนก เป็นคนที่อยู่ที่นี่นมนาน เป็นทุกอย่าง เป็นลูกรักครู เป็นหัวโจ๊กห้อง เป็นนักร้องนำวงดนตรีของโรงเรียน รู้จักคนทั้งโรงเรียนไม่เว้นแม้แต่ครูแผนกอนุบาล ค่อนข้างจะมารยาททราม อะไรดีๆไม่ค่อยจะมี หรือจริงๆก็คงไม่มีเลย
เออ แล้วก็มันนี่แหละที่เป็นคนบอกให้ผมเปิดดูซิว่าเป็นหญิงหรือชาย ครับ ไอ้เชี่ยนี่แหละ แต่ดูเหมือนมันคงจะลืมไปหมดแล้วละมั้ง
ตอนนั้นก็เชี่ยตอนนี้ก็เชี่ย ใครได้เป็นแฟนจะไม่มีปัญหาเรื่องแบบว่า 'เธอเปลี่ยนไป' ไรงี้แน่นอน เพราะมันเป็นคนส้นตีนเสมอต้นเสมอปลายดี เป็นเส้นตรงไม่มีขึ้นไม่มีลง เผลอๆเส้นต่ำตมจนหลุดนอกกรอบไปตั้งแต่แรกก็เป็นได้
จริงๆแล้วในตอนแรกผมได้นั่งข้างไอ้มาร์ค แต่เพราะในห้องจะมีคนจำพวกหนึ่งที่เป็นพวกชอบคุยเสียงดังโวกเวกโวยวายจนอาจารย์บางคนหมันไส้แล้วก็จับย้ายที่ ซึ่งก็คือไอ้แฮช และก็กลายเป็นว่าหวยมาออกที่ไอ้มาร์คจนได้
ไอ้มาร์คโดนจับไปนั่งริมประตู ส่วนไอ้แฮชก็ย้ายมานั่งข้างผมตรงหลังห้อง ด้วยเพราะเห็นว่านายจรัลมีความสงบเสงียมสูงมาตลอดแม้จะนั่งกับเพื่อนสนิทตัวเอง
ที่สงบเสงียมไม่ใช่อะไรหรอกครับ เขินคนนั่งข้างๆ/บิด
แต่สุดท้ายการย้ายที่ก็ไม่สามารถสร้างจิตสำนึกใหม่ให้กับไอ้แฮช เพราะจริงๆแล้วมันก็สนิทกับทุกคนในห้องอะครับ
ก็นึกขอบใจที่ทำให้ผมได้หายใจหายคอกับการใกล้ชิดไอ้มาร์คบ้าง พอใกล้กันก็ดี แต่ใกล้ไปก็ไม่ดี
เป็นคนไม่พอดี แต่สักวันจะดีพอให้คนแถวนี้แน่ครับ อะฮิ้ว
- 17 years old -
"กูเกลียดพรทิพย์"
เสียงรอดไรฟังดังออกมาให้เพียงคนข้างๆได้ยิน จรัลหันไปมองเจ้าของเสียงก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังขบกรามแน่นพร้อมกำสมุดรายงานเล่มหนาจนยับ
ตอนนี้เอนกกำลังตกอยู่กับความโมโหและเจ็บแค้นอย่างถึงที่สุด ก่อนหน้านี้เป็นวิชาภาษาไทย เขากระสับกระส่ายตั้งแต่เริ่มเรียนเนื่องด้วยว่าเขาจำได้ว่าวันนี้มีนัดส่งรายงานและพรีเซนต์หน้าชั้นตามคำสั่งของอาจารย์พรทิพย์เมื่อวาน แต่จวนจนจะจบคาบก็ไร้วี่แววว่าจะเรียกออกไปตอนไหน นั่นจึงเป็นเหตุให้เด็กชายหมดความอดทนแล้วลุกไปทวงความจำเพราะว่าไม่อยากให้การเตรียมตัวมาอย่างดีของเขานั้นสูญเปล่า
แต่ก็ต้องหน้าชาเหมือนโดนสันหนังสือตวัดเข้าดั้ง เมื่อได้รับคำพูดสั้นๆพร้อมสีหน้าที่เฉยชาตอบกลับมาแค่ว่า
'หรอ ฉันสั่งด้วยหรอ'
มันเป็นความเจ็บปวดอย่างมหาศาล เมื่อคืนเขาตั้งใจทำรายงานและท่องสคริปท์ที่จะมาพรีเซนต์ทั้งคืน เพราะถ้าทำไม่ดีก็จะถูกหักคะแนนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่กลับถูกครูรุ่นราวคราวแม่บอกปัดแบบไม่ใส่ใจอย่างนี้
ซึ่งพอมาตรองดูอีกที เอนกก็พอเดาได้ว่าที่จริงพรทิพย์ไม่ได้ต้องการให้เขาทำรายงานแต่แรก แต่พ้อยท์หลักคงเป็นการทำให้เขารู้สึกถึงการถูกไม่เอาใจใส่ในสิ่งที่ตัวเองทุ่มเทเสียมากกว่า
ถึงแม้ไม่อยากยอมรับ แต่ก็ขอบอกว่ามันค่อนข้างจะได้ผล
สุดท้ายก็ต้องหอบรายงานกลับโต๊ะและระบายให้เพื่อนร่วมห้องที่นั่งข้างกันฟัง เพราะทำอะไรไม่ได้
"พรทิพย์แม่งคิดเองเออเอง กูพูดสักคำยังว่ากูไม่สนใจวิชาเค้าอะ"
"....."
"หงุดหงิด ไม่มีอารมณ์เรียนแล้วสัด ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อยดิ้"
.
.
.
การโดดเรียนเป็นสิ่งที่จรัลไม่ชอบใจมากที่สุดในชีวิตการเป็นนักเรียน เพราะรู้ดีว่าเงินค่าเทอมทุกบาททุกสตางค์มีความหมายต่อตู้เซฟที่บ้านแค่ไหน แต่เมื่อลองยกนิ้วขึ้นมานับ นี่ก็เป็นครั้งที่หกแล้วที่จรัลถูกเพื่อนตัวคล้ำดึงเข้าไปอยู่ในวงการมืด อันเป็นที่รู้ดีว่าเมื่อมันเอ่ยปากชวนไปห้องน้ำ มันจะไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ห้องน้ำ บางวันก็สนามบาส บางวันก็ห้องสมุดเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเรียนคาบต่อไป
แต่วันนี้เป็นห้องดนตรีสากล
ที่พิเศษกว่านั้นคือมีสมาชิกใหม่เข้ามาเพิ่มด้วยอีกคน
"นี่มึงยังเล่นกีต้าร์อยู่หรอวะไอ้มาร์ค?" ไอ้แฮชเป็นฝ่ายถามในขณะที่กำลังนั่งลงบนพื้นเยื้องขวาทางเขา
"อืม แต่พักหลังไม่ค่อยได้เล่นละ"
จรัลมองคนตัวสูงฝั่งตรงข้ามที่ตอนนี้กำล้งนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นพร้อมมีกีต้าร์โปร่งวางอยู่บนตัก มือเรียวยาวกำลังยุ่งอยู่กับการตั้งสายหรืออะไรสักอย่าง
ด้วยความขี้เกียจหรืออะไรก็ตามแต่ พอรู้ว่าแฮชกำลังชวนเพื่อนเขาโดดเรียนก็เลยติดสอยห้อยตามมาอย่างไม่มีการไตร่ตรองอะไร พลอยต้องมาหมกตัวอยู่ด้วยกันในห้องนี้ แต่จรัลก็ไม่ได้หนักใจอะไร ซ้ำออกจะสนอกสนใจเพราะไม่หยักรู้มาก่อนว่ารณพีร์ก็เล่นดนตรีกับเขาด้วย
ทำไมไม่เห็นเคยบอกกันเลยวะ ขนาดไอ้แฮชคนนอกมันยังรู้เลย
เชี่ย น้อยใจว่ะ
"นี่มึงเล่นเป็นด้วยหรอ ทำไมกูไม่เห็นรู้เลย"
สุดท้ายความน้อยใจก็ล้นออกมาผ่านทางเสียงโดยที่จรัลไม่ทันจะรู้ตัว พอได้สติว่าเผลอพูดอะไรออกไปก็เบิกตาเล็กน้อยก่อนจะมองไปยังอีกฝ่ายว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
"...."
แต่ก็พบว่าทั้งเอนกและเพื่อนเขาก็มองมานิ่งๆ ก่อนคนหน้าหล่อจะเกลือกตาครุ่นคิดแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งระคนไม่แน่ใจ
"กูเคยบอกมึงไปแล้วไม่ใช่หรอวะแจม"
"ตอนไหน?"
"อ้อ สงสัยจะบอกน้องฝน จำผิดๆ" แล้วมันก็หัวเราะกลบเกลื่อน
อืม โอเค นอกจากจะนอยด์เพราะมันไม่เคยบอกว่าเล่นดนตรีเป็น ยังต้องมาใจกระตุกเพราะได้ยินชื่อใครอีกคนจากปากของอีกฝ่ายก็พาทำให้จิตใจของจรัลยิ่งห่อเหี่ยว พร้อมคำถามหนึ่งที่แวบเข้ามาในหัว
น้องฝนคือใครวะ?
#สวัสดีจรัล
tbc.
ดึกๆดื่นๆอีกแล้ว
ตัดจบแล้วขอส่วนที่เหลือเก็บไว้ลงตอนหน้านะคะ อ่าห้ะๆ
คือเอาจริงมันมีสาระอะไรบ้างวะ เบาสมองๆๆไม่เครียด55555555555
1 เม้น=1 กำลังใจ ข่อมฮับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น