ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไอรักหอมกรุ่น

    ลำดับตอนที่ #1 : เช้าที่น่าปวดหัว

    • อัปเดตล่าสุด 2 มี.ค. 66


           ท่ามกลางบรรยากาศแสนอบอุ่น ภายในร้านกาแฟชั้นครึ่งสไตล์ Retro Modern ที่ตกแต่งด้วยโทนสีส้มเหลือง เสียงเพลงคลาสสิคเปิดคลอมาเบาๆ พร้อมกับกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นที่ลอยโชยมาทักทายยามเช้า ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผิวขาวละเอียดราวกับน้ำนม  คิ้วเข้มดวงตาคมคาย นัยน์ตาดูสุขุมเยือกเย็นทว่ากลับแฝงความขี้เล่นซุกซนไว้ลึกๆ ดูน่าค้นหา จมูกรูปหยดน้ำโด่งขึ้นเป็นสันรับกับริมฝีปากบางแดงระเรื่ออย่างคนสุขภาพดี กวี กิตติปัญญารัตน์ เจ้าของร้านกาแฟหอมกรุ่นที่เป็นร้านกาแฟยอดฮิตของวัยรุ่นและหนุ่มสาววัยทำงาน มือเรียวกำลังโรยฟองนมให้ได้ลวดลายสวยงามบนเนื้อกาแฟเข้มข้น ก่อนจะยื่นมันให้ลูกค้าสาวสวยตรงหน้าที่คอยส่งสายตาหวานหยดย้อยมาให้ตั้งแต่หล่อนเดินเข้าร้านมา 

           "คาปูชิโนร้อนๆได้แล้วครับ" เขายิ้มให้เล็กน้อยพลางวางถ้วยกาแฟลายสวยบนบาร์หน้าเคาเตอร์ที่ลูกค้าสาวสวยนั่งอยู่          "ขอบคุณนะคะ" หล่อนกล่าวขอบคุณพร้อมกับส่งรอยยิ้มยั่วยวนมาให้เต็มที่ เมื่อมีสาวสวยเซ็กซี่มาทอดสะพานให้ขนาดนี้ เขาก็ไม่ควรเมินเฉยให้คุณผู้หญิงต้องเสียหน้า จึงตอบไปด้วยรอยยิ้มหวานเช่นกัน ถือเป็นสีสันในชีวิตไม่ให้ดูจืดชืดเกินไปแต่ก็ไม่ได้คิดจะสานต่อความสัมพันธ์อะไร

           "ครับ ทานให้อร่อยนะครับ" หลังจากที่ส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจรอบสุดท้ายไปให้ เขาก็กลับสนใจกาแฟถ้วยต่อไปที่ลูกค้าออร์เดอร์มา ก่อนจะได้ยินเสียงโวยวายจากตำแหน่งที่ลูกค้าจอมยั่วนั่งอยู่จึงหันไปมอง 

           "อุ้ยว้าย ตายแล้ว สุนี่ซุ่มซ่ามจริงๆเลย" หล่อนร้องโวยวาย สภาพมีคราบกาแฟเลอะเทอะเต็มชุดไปหมด โดยเฉพาะบริเวณหน้าอกคัพดีของเธอ กวีเห็นดังนั้นจึงหยิบกระดาษทิชชู่แล้วรีบเดินออกจากเคาเตอร์ไปหาเธอ 

           "เอ่อ คุณสุเป็นอะไรมากไหมครับ" เขาถามเธอด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่รู้ว่าจะห่วงเธอหรือห่วงตัวเองมากกว่าดีเพราะหล่อนคอยหาทางอ่อยเขามาหลายวันหลายรูปแบบแล้ว ไม่รู้ว่าวันนี้จะมาไม้ไหนอีก

           "ชุดสุเลอะเทอะไปหมดเลย คุณวีดูสิคะ" หล่อนทำเสียงออดอ้อนพร้อมกับยื่นหน้าอกคัพดีให้เข้าไปใกล้ๆเขา กวีทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าหล่อนจะใจกล้ารุกนักขนาดนี้ ก่อนจะตั้งสติได้แล้วส่งกระดาษทิชชู่ให้เธอ 

           "เอ่อ ผมว่าคุณเช็ดก่อนดีกว่านะครับ" แต่ดูเหมือนคำแนะนำของเขาจะกลับมาสร้างความลำบากใจให้เองเหมือนเป็นการชี้โพรงให้กระรอก

           "คุณวีเช็ดให้สุหน่อยสิคะ" ไม่พูดเฉยๆหล่อนคว้าข้อมือของชายหนุ่มแล้วพยายามดึงมันมาเช็ดคราบกาแฟบนหน้าอกคัพดีที่ดูเหมือนเธอจะภาคภูมิใจนำเสนอนักหนา  กวีขืดตัวเองเต็มที่และพยายามดึงมือออกจนสำเร็จ 

           "เอ่อคุณสุครับ ผมว่าเอางี้ดีกว่า ไปห้องน้ำดีกว่า" กวีเสนอนั่นทำให้หญิงสาวตาวาวระริกระรี้ 

           "ดีค่ะ เราไปที่ห้องน้ำกันดีกว่า" เธอพูดแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย ชายหนุ่มทำหน้าปูเลี่ยนเล็กน้อยก่อนเอ่ยประโยคต่อไปที่ดับฝันเธอจนหมดสิ้น 

           "ครับ เดี๋ยวผมให้พนักงานพาไปนะ" พูดจบกวีก็กวักมือเรียกพนักงานหนุ่มหน้าหวาน"เคี้ยงเดี๋ยวนายพาคุณผู้หญิงคนนี้ไปล้างเนื้อล้างตัวที่ห้องน้ำหน่อยนะ" เจ้านายหนุ่มบอกด้วยสีหน้าเป็นอันรู้กันว่าช่วยจัดการให้ที ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ทำงานด้วยกันมานานตั้งแต่เปิดร้านอย่างคฑากร ต้องช่วยจัดการให้เจ้านายได้อยู่แล้ว

           "เชิญทางนี้ครับคุณผู้หญิง" หนุ่มหน้าหวานผายมือไปทางน้ำ แต่สาวคัพดีกลับมองด้วยหางตาแล้วหันไปเกาะแขนกวีไว้ 

           "ไม่เอาอ่ะ สุอยากให้คุณวีพาไป คนอื่น สุไม่ไว้ใจ" หล่อนเน้นตรงคำว่าคนอื่นชัดเจน แล้วปรายตาไปทางพนักงานหน้าหวานเล็กน้อย "ถ้ามันเกิดหน้ามืดแล้วลวนลามสุขึ้นมา ใครจะรับผิดละคะ" เธอทำเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนเขา "คุณวีพาสุไปนะคะ" กวีเริ่มรำคาญเล็กน้อยแต่ยังคงสงวนท่าทีให้ดูสุขุมไม่แสดงออกมากนัก 

           "ให้เคี้ยงพาไปเถอะครับ ถ้าผมไปแล้วใครจะชงกาแฟล่ะครับ พนักงานคนอื่นทำเป็นที่ไหน" กวียกเหตุผลร้อยแปดมาอ้าง แต่เธอยังคงทำท่าไม่ยอม "ดูสิครับลูกค้ารอเต็มร้านเลย" กวีพูดพลางมองไปรอบๆร้าน ทำให้หล่อนเผลอกวาดตามองตามเขาเห็นลูกค้าหลายคนกำลังมองมาทางนี้ และอีกหลายคนกำลังเดินเข้าร้านมาสั่งกาแฟ เธอจึงปล่อยมือจากเขา

           "แต่..." สาวคัพดียังคงไม่ยอมแพ้ยังหาทางจะพูดยกแม่น้ำทั้งห้า แต่พนักงานหนุ่มหน้าหวานพูดแทรกขึ้นมาก่อน 

           "ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมเป็นเกย์ไม่ทำอะไรคุณแน่นอน คุณสบายใจได้" หล่อนอึ้งเล็กน้อยที่ได้ยินคำพูดตรงไปตรงมาหน้าตาเฉยของเขาก่อนจะแยกเขี้ยวใส่ แล้วหันไปมองคุณวีของหล่อนด้วยความอาลัยอาวร กวีพยักหน้าแล้วผายมือบอกให้ตามพนักงานหนุ่มหน้าหวานไป กุสุมาลย์จึงยอมเดินสะบัดก้นตามคฑากรไปอย่างขัดใจ เมื่อกวีเห็นว่ากุสุมาลย์ยอมเดินตามคฑากรไปแล้ว เขาก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะเรียกให้พนักงานอีกคนมาทำความสะอาดบริเวณถ้วยกาแฟที่กุสุมาลย์ทำหกแล้วจึงเดินกลับเข้าไปภายในเคาเตอร์เพื่อรับออร์เดอร์ลูกค้าต่อ 

           "แหม สเน่ห์แรงดีจริง" กวีแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางเจ้าของเสียงที่คุ้นเคย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนชายหนุ่มที่อ่อนกว่าเขาสองปี ใบหน้าที่คล้ายคลึงกันจนแทบจะเรียกว่าเหมือน ต่างกันแค่แววตาของอีกฝ่ายที่ดูขี้เล่นซุกซนปนเจ้าเล่ห์นิดๆ กับลักยิ้มมุมปากที่ทำให้เวลาพูดหรือยิ้มดูมีเสน่ห์ไม่น้อย และแน่นอนว่าแววตาและรอยยิ้มแบบนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น เวหา กิตติปัญญารัตน์ ลูกชายคนสุดท้องของนายพลอนันต์ กิตติปัญญารัตน์ และคุณหญิงวรรณนา กิตติปัญญารัตน์      

           "เวย์ มาได้ยังไง" ชายหนุ่มแปลกใจเล็กน้อย ที่จริงการที่น้องชายมาหาเขามันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก แต่นี่มันเพิ่งเจ็ดโมงกว่าๆ ซึ่งปกติเวหาไม่ใช่คนตื่นเช้าและยิ่งถ้าตื่นเพื่อมาหาเขาแต่เช้าโดยไม่มีจุดประสงค์อะไรมันยิ่งเป็นไปไม่ได้ 

           "แหม ทำไมต้องทำหน้าแปลกใจขนาดนั้นด้วย ปกติน้องก็มาเยี่ยมพี่ชายออกบ่อยไป" และด้วยสรรพนามชวนน่าขนลุกที่เขาใช่เรียกแทนตัวเองและพี่ชาย ทำให้กวีพอจะรู้ทันว่าเขามาทำไมแต่เช้า

           "แม่ใช้ให้มาตามหรอ ฉันไม่ว่าง" กวีตัดบทน้องชายเพราะขี้เกียจมายืนดูความลีลาท่ามากของเขา

           "โห่พี่ อย่าตัดจบเร็วนักซิ ผมยังมีอีกหลายลีลานะให้เล่นนะ" เวหาแสร้งทำหน้างอนๆปนเสียดาย พยายามทำตาโตๆแก้มป่องๆ เลียนแบบผู้หญิงเวลางอน กวีส่ายหน้ากับอาการของน้องชาย

           "นี่นายอย่าไปทำหน้าอย่างนี้ที่ไหนนะ ถึงนายจะหน้าไม่อาย แต่ก็ควรสงสารสายตาคนมองบ้าง" สิ้นประโยคนั่นทำเอาเวหาหุบหน้าแทบไม่ทันและกลับเข้าประเด็นทันที 

           "นี่พี่ พี่รู้รึเปล่าว่าแม่เนี่ย โทรมาจิกผมตั้งแต่ตีห้า แล้วโทรทุกๆสิบห้านาที นี่ขนาดผมบอกว่าจะถึงแล้วๆผมขับรถอยู่ แค่นี้ก่อนนะแม่ แม่ยังไม่ยอมวางแถมย้ำนักย้ำหนาว่าถ้าถึงพี่แล้วให้โทรมาบอกทันที โหย จะบ้าตาย" กวีหัวเราะทำท่าทีของน้องชาย 

           "นี่นายกลายเป็นคนขี้บ่นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย" กวีส่ายหน้าแล้วยิ้มขำๆ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พนักงานหนุ่มหน้าหวานเดินออกมาจากหลังร้านพอดีด้วยสภาพที่ค่อนข้างดูไม่ได้นัก 

           "เรียบร้อยแล้วนะครับคุณ ผมส่งเธอออกไปทางหลังร้านแล้ว" คฑากรรายงานความเรียบร้อยด้วยสภาพไม่ค่อยเรียบร้อยนัก ทำเอาเวหาอดแซวไม่ได้ 

           "ท่าทางหนักเอาการนะเคี้ยง" หนุ่มหน้าหวานยิ้มแห้งๆกลับไป 

           "เรียบร้อยก็ดีแล้ว ไปนานจนฉันเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย" กวีบอกกับลูกน้อง แต่เวหาหัวเราะลั่น ก่อนจะนึกอะไรได้แล้วถามคฑาก่อน ออกไป

           "เออเคี้ยง แล้วนี่ นาย เอ่อ เป็นจริงๆหรอ" หนุ่มหน้าหวานทำหน้าสงสัย ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วรีบปฏิเสธตัวโก่ง 

           "จะบ้าหรอครับคุณเวย์ ผมก็พูดไปงั้นแหละหมั่นไส้คุณคัพดีเขา หึย นึกถึงแล้วยังกระดากปากไม่หาย" คฑากรพูดพร้อมกับทำท่าคันคะเยอ แต่เวหากลับทำตาวาว

           "เฮ้ย คัพดีเลยหรอ" เมื่อกวีเห็นว่าบทสทนาของทั้งคู่เริ่มออกทะเลไปทีละน้อย จึงรีบตัดบทของทั้งคู่ทันที 

           "พอๆ พอเลยทั้งสองคน เคี้ยงนายกลับไปทำงานได้แล้ว ส่วนเวย์นายโทรหาแม่หรือยัง ไหนบอกว่าแม่ให้โทรหาไงถ้าถึงฉันแล้ว" คฑากรยิ้มแล้วก้มหน้าให้เล็กน้อยก่อนเดินกลับไปทำงานต่อ ส่วนเวหายักไหล่เล็กน้อยก่อนจะตอบพี่ชายด้วยท่าทีสบายๆ 

           "ไม่ต้องโทรไปหรอก เดี๋ยวแม่ก็โทรมา" กวีส่ายหน้าให้กับท่าทีของน้องชาย เขามักจะเป็นแบบนี้เสมอตั้งแต่จำความได้ ทำเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องตลก แต่เมื่อบทจะจริงจังก็จริงจนเขาเองยังแอบกลัว 

           "นายนี่มันจริงๆเลยนะ" แต่ไม่ทันขาดคำเท่าไหร่ เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูของเวหาก็ดังขึ้น เขาโชว์มันขึ้นมาให้กวีดูสายเรียกเข้า 

           "เห็นมั้ย บอกแล้ว อ่ะ พี่รับสิ" กวีเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของน้องชายก่อนจะกดรับสาย แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร ปลายสายก็กระแทกเสียงเข้ามาทันที 

                  'ตาเวย์ อยู่ไหนแล้ว ถึงพี่รึยังทำไมถึงเพิ่งรับสาย' กวีเอาโทรศัพท์ออกจากหูเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองทางน้องชายที่กำลังหัวเราะขบขันและทำท่ายียวนอยู่ก่อนที่จะกรอกเสียงทักทายปลายสาย

           "แม่ครับ วีเองครับ"

                  'วี วีหรอลูก นี่ตาเวย์ไปถึงลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่ยอมโทรมา ที่ถ้าแม่ไม่โทรไปคงไม่ได้คุยกันเป็นแน่เชียว' นางวรรณนาบ่นลูกชายคนเล็กให้ลูกชายคนกลางฟัง

           "เอาเถอะครับแม่ จะโทรมาหรือโทรไปยังไงเราก็ได้คุยกัน" กวีประนีประนอม

                  'แล้วน้องบอกวีหรือยังจ้ะ'

           "บอกแล้วครับ แต่ผม..."

                  'ไม่มีแต่ ยังไงพรุ่งนี้วีก็ต้องมาหาแม่ที่บ้าน นะจ้ะ' นางวรรณนาทำเสียงออดอ้อน

           "คือ.."

                  'ครั้งที่แล้ววีก็บอกว่าไม่ว่าง ก่อนหน้านั่นก็ไม่ว่าง แม่ไม่ได้เจอวีตั้งนานแล้ว คิดถึงเหลือเกิน' นางยังคงอ้อนออดบุตรชายไม่เลิก 'นะวีนะ พรุ่งนี้มาหาแม่นะ' กวีอึกอักตอบไม่ถูก จึงหันไปมองน้องชายเพื่อขอความเหลือ แต่รายนั้นกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วแกล้งหันไปมองทางอื่น 'วี พรุ่งนี้มาหาแม่นะ นะจ้ะ' เมื่อทนลูกอ้อนจากมารดาไม่ไหวเขาจึงต้องตบปากรับคำไป 

           "ครับก็ได้ งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะครับ" 

                  'จริงหรอ แม่ดีใจที่สุดเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะให้แม่ครัวทำแต่ของโปรดของวีนะ แล้วเจอกันนะจ้ะ แม่รักวีนะจ้ะ' นางวรรณนาทำเสียงตื่นเต้นดีอกดีใจ เมื่อกวีได้ยินดังนั้นก็อดยิ้มไม่ได้

           "ครับ ผมก็รักแม่เหมือนกัน แล้วเจอกันครับ" เมื่อเห็นว่ามารดาวางสายไปแล้ว กวีก็ส่งโทรศัพท์คืนให้น้องชาย 

           "ตกลงพรุ่งนี้พี่จะไปใช่มั้ย" เวหาถามทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว 

           "ก็ตอบตกลงไปแล้ว จะไม่ไปได้ยังไง" กวีตอบด้วยความหนักใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากมารดา เขาเองก็คิดถึงมารดามากเช่นกัน  แต่เขาพอจะเดาออกว่าทำไมมารดาถึงอยากเจอหน้าเขานักหนา ไม่ใช่แค่เพราะว่าคิดถึงอย่างเดียวแน่นอน พรุ่งนี้เมื่อเจอหน้ามารดาของเขาจะต้องพูดถึงเรื่องนั้นแน่นอน "เฮ้อ" กวีเผลอถอนหายใจเสียงดัง 

           "ไม่เห็นต้องหนักใจขนาดนั้น บางทีแม่อาจจะแค่อยากเห็นหน้าพี่เฉยๆแหละ ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงหรอก" เวหาพูดปลอบใจพี่ชาย แต่คนฟังกลับไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยกลับแย่ลงด้วยซ้ำ 

           "นี่ปลอบใช่ไหม" กวีค่อนขอดน้องชายเล็กน้อย

           "อืม ปลอบสิ เอาน่าพี่อย่าคิดมากเดี๋ยวปวดหัวนะ คิดในแง่ดีว่าจะได้ไปเจอครอบครัวพร้อมหน้า ผมไปก่อนนะ พอดีมีนัด" กวีพยักหน้ารับ เวหาตบบ่าพี่ชายสองสามทีเป็นเชิงให้กำลังใจ ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อไปที่ตัดกำลังใจเป็นอย่างมาก "แล้วก็อาจจะเจอคนที่อาจจะมาเป็นครอบครัวเดียวกันด้วย" เขาทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ก่อนออกเดินออกจากร้านไป ปล่อยให้พี่ชายตัวเองนั่งทำหน้าเหมือนอึไม่ออกมาหลายวัน 

           "เฮ้อ เช้านี้นี่มันมีแต่เรื่องน่าปวดหัวจริงๆ" กวีบ่นรำพึงรำพันแล้วส่ายหน้ากับตัวเอง   

           

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×