ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ก๊วนอลวน 4 สัตว์เทพ(รอชื่อเรื่องใหม่)

    ลำดับตอนที่ #3 : เรื่องเล่าที่ 1 :: เมื่อข้าหนีออกจากบ้าน(โดยที่ทุกคนในบ้านรู้ตัว)

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 59










    เรื่องเล่าที่ 1 :: เมื่อข้าหนีออกจากบ้าน(โดยที่ทุกคนในบ้านรู้ตัว)

     

     

     

     



     

     

     

     

     

     

                    ร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งลอบเดินออกมาจากห้องของตนอย่างเงียบๆ  ผมสีดำยาวเป็นประกายเมื่อต้องแสงจันทร์ ใบหูเล็กกระดิกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน เด็กหนุ่มรีบหลบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดอย่างรวดเร็ว

     

                “พรุ่งนี้อาจารย์คนใหม่ของนายน้อยจะมา ข้าขี้เกียจเตรียมของต้อนรับแล้วนะ” เสียงของผู้หญิงดังขึ้น เด็กหนุ่มแอบเงี่ยหูฟังด้วยความสนใจ

     

                “นั่นสิ นายท่านก็หาอาจารย์คนใหม่มาสอนนายน้อยได้ทุกครั้งที่นายน้อยไล่อาจารย์คนเก่าไป”

     

                “ข้าว่านายท่านออกจะใจร้ายไปหน่อยนะ ดูสิ หลายปีมานี้นายน้อยไม่ร่าเริงเหมือนเมื่อก่อน น่าสงสารนายน้อยจัง” เด็กหนุ่มฟังก่อนจะพยักหน้า

     

                “นี่พวกเจ้าทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ!!!” เสียงทรงอำนาจของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น เด็กหนุ่มรีบผลุบหัวเข้าไปอย่างรวดเร็วทั้งยังพยายามทำตัวให้ลีบเข้าไปกับมุมมืดของตึกอย่างสุดชีวิต

     

                “มีอะไรหรือคะ นายน้อยโรวา ดึกดื่นป่านนี้แล้ว” เสียงของหญิงสาวนางหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา

     

                “นายน้อยโรวาคะ นาย...นายน้อยหายไปแล้วค่ะ!!!” หญิงสาวผู้เข้ามาใหม่พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน

     

                “ว่าไงนะ น้องข้าหายไป หายไปได้ยังไงกัน ข้าว่าข้าใส่กลอนประตูครบทั้ง 7 ชั้นนะ”

     

                “อย่ากังวลไปเลยค่ะท่านโรวา ข้ารู้นะคะ เรื่องที่ท่านพูดกับนายน้อยเมื่อ 3 วันก่อนน่ะค่ะ” หญิงสาววัยกลางคนค่อนไปทางแก่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

     

                “โธ่ นม ก็ผมไม่อยากให้น้องห่างจากสายตาของผมนี่นา นมก็รู้ว่าน้องผมน่ะแสบขนาดไหน” ผู้ที่ถูกเรียกว่าท่านโรวาพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเพื่อหนีความผิดที่แอบปกปิดไว้แต่ยังไม่ลืมแขวะน้องสุดที่รักไปทีหนึ่ง

     

                “จ้าๆ นี่ก็ดึกแล้ว ท่านโรวาไปนอนได้แล้วนะคะ” หญิง(ไม่)สาวพูดขึ้น

     

                “คร้าบๆ” ว่าแล้วโรวาก็เดินเข้าห้องของตนเองไป

     

     

     

                เมื่อเห็นว่าไม่มีคนแล้วเด็กหนุ่มก็ค่อยๆพาร่างของตนเองออกมาจากซอกมืดแล้วรีบวิ่งออกไปที่ระเบียงทันที ภาพม้าคู่ใจที่ยืนรออยู่ข้างล่างทำให้เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง ก่อนจะกระโดดจากระเบียงชั้นสามของบ้านตัวเองลงไปนั่งอยู่บนหลังม้าอย่างสวยงาม

     

                “ไปกันเถอะ ลิซ” เด็กหนุ่มกระซิบบอกม้าของตนเอง มันถอนหายใจดังพรืดก่อนจะพาร่างของตนและเจ้านายหายเข้าไปในป่า

     

     

     

                “หืม...งืมๆ อ้าว ถึงเมืองแล้วงั้นหรือ ลิซ” เด็กหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียบ่งบอกได้ว่าคนพูดพึ่งจะตื่นจากนิทราเมื่อครู่

     

                “เลิกเรียกข้าแบบนั้นซะทีเถอะครับ ท่านก็รู้ว่าข้าเป็นม้าเพศผู้” ม้าสาว(?)พูด

     

                “ก็ตอนเลือกชื่อใครใช้ให้นายมัวแต่มอง(ม้า)สาวจนไปเลือกชื่อลิซมากันล่ะ” เด็กหนุ่มพูดพลางยิ้มเมื่อเห็นว่าตนเถียงชนะม้าหนุ่มอีกครั้ง

     

                “แล้วนี่ท่านจะไปไหน” ม้าหนุ่มถาม

     

                “ไปหาอะไรกินแล้วก็ไปหาโรงแรมพัก เพราะการสอบเข้าจะมีพรุ่งนี้” เด็กหนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมจ่ายเงินซื้อแซนวิชมาสองชิ้นก่อนจะเอาแซนวิชในมือซ้ายเข้าปากตัวเอง ส่วนแซนวิชในมือขวาก็ยัดใส่ปากม้าหนุ่มที่พล่ามไม่หยุด

     

                “แอ๊วอั้นอ้องออบอะไออ้างอ่ะ(แล้วท่านต้องสอบอะไรบ้างล่ะ)” ม้าหนุ่มถามทั้งๆที่แซนวิชยังคาอยู่ในปาก

     

                “ก็มีข้อเขียนซึ่งข้ามั่นใจว่าผ่าน แล้วก็ภาคปฏิบัติมีอาวุธดาบกับธนู อันนี้ผ่านแน่ๆ สู้กับสัตว์อสูรในป่าแล้วจับมาทำพันธะ อืม...แล้วก็สอบเวทมนตร์กับปรุงยา เวทมนตร์ข้ามั่นใจนะ แต่ปรุงยานี่...ถ้าเป็นข้อเขียนล่ะก็ชิวๆแต่ถ้าปฏิบัติ...เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ถูกกับสมุนไพร ต่อให้ใช้วัตถุดิบดีเลิศขนาดไหนก็ได้ยาพิษอยู่ดี” เด็กหนุ่มโอดครวญเมื่อนึกถึงยาสีเขียวปี๋ที่ข้าทดลองต้มเมื่อปีที่แล้ว

     

                “จับสัตว์อสูรเวทย์มาทำพันธะ งั้นเจ้าคงไม่ต้องใช้ข้าแล้วงั้นสิ” ม้าหนุ่มพูดอย่างน้อยใจ

     

                “เจ้ายังต้องอยู่ช่วยข้าอีกนาน ลิซ ถ้าข้าเผลอไปจับภูติขึ้นมาแล้วจะให้ข้าเอาภูติมาขี่เดินทางไปไหนมาไหนรึไง” เด็กหนุ่มพูดแกมประชด

     

                “แล้วข้าต้องเรียกท่านว่าอะไรนะ”

     

                “หา? เอ่อ...พี่โรวาบอกว่าข้าต้องใช้ชื่อ...ชื่อ...ชื่อ ริสธาน่า บัลคาเรส”

     

                “ชื่อท่านนี่เหมือนผู้หญิงจังนะ นายท่าน รึข้าควรเรียกท่านว่านายหญิงดี” มันพูดประชด ข้าเลยตบหัวมันไปทีนึงโทษฐานที่มันพูดจาไม่เข้าหู

     

                “ริสธาน่านั่นแม่ข้าตั้งให้ คอยดูเถอะ ข้าจะฟ้องท่านแม่ให้จับเจ้าทำม้าแดดเดียวซะ” ข้าว่ามันพร้อมคาดโทษ

     

                “ไม่เอานะ นายหญิงคงเอาข้าตายจริงๆแน่” มันพูดอย่างหวาดๆ

     

                “หยุดแล้วลงมาจากหลังม้าซะสาวน้อย” เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นข้าเลยหันไปมองก็เห็นชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธครบมือกลุ่มหนึ่งกำลังตีวงเข้ามาล้อมข้า

     

                “ข้าเป็นผู้ชายนะ” ข้าบ่นอุบอิบอย่างไม่พอใจ

     

                “ท่านก็ตัดผมซะบ้างสิ” ลิซว่า

     

                “ถ้าข้าตัดแล้วมันไม่ยาวกลับมาภายในคืนเดียวล่ะก็ข้าโกนทิ้งไปนานแล้วล่ะ ข้าล่ะนึกว่าท่านแม่กับท่านพี่เอายาปลูกผมดกมาใส่หัวข้าตอนนอนเสียด้วยซ้ำ” ข้าเถียง

     

                “ลงมาซะดีๆสาวน้อย ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องบาดเจ็บหรอกนะ” หัวหน้าของกลุ่มชายฉกรรจ์นั่นพูดขึ้น

     

                “ข้าไม่ได้ทำอะไรเจ้าซะหน่อย มาหาเรื่องข้าทำไม” ข้าถามออกไป

     

                “ก็เจ้าสวย”

     

                เงิบ...เงิบสิครับ มันตอบยังงี้

     

                “ดาบจันทรา ข้าเรียกเจ้า” ข้าพึมพำเบาๆ(แบบย่อๆ)เพื่อไม่ให้ใครได้ยิน เพียงพริบตาดาบสีเงินเงาวับที่มีอัญมณีสิน้ำเงินเข้มประดับอยู่ก็ปรากฏอยู่ในมือข้า

     

                “เจ้ามีโทษฐานอะไรรู้มั้ย เจ้าหน้าปลาบึกตกตึก 3 ชั้น” ข้าว่าเสียงเหี้ยมหลังจากเหวี่ยงตัวลงมาจากหลังม้าก่อนจะเดินเข้าไปหาพวกมันอย่างช้าๆ

     

                พวกมันนิ่ง

     

                ข้าก็ยืนนิ่ง

     

                พวกมันจ้องตาข้า

     

                ข้าจ้องตาพวกมัน

     

                พวกมันจับอาวุธ

     

                ข้าตวัดดาบ

     

                เปรี้ยง!

     

                ฉับเดียวก็รู้ผล แต่พวกหน้าปลาบึกตกตึกสามชั้นก็ยังไม่เจียมตัววิ่งเข้าใส่ข้าอีกครั้ง ข้ากระโดดเตะหน้าปลาบึกตัวที่หนึ่งก่อนจะตวัดขาเตะก้านคอปลาบึกตัวที่สองแล้วใช้ปลาบึกตัวที่สองเป็นฐานกระโดดเหยียบหน้าปลาบึกตัวที่สามแล้วลงพื้นอย่างสวยงาม ข้าเตะตวัดตัดขาปลาบึกตัวที่สี่ หน้ามันเลยลงไปจูบพื้นอย่างแรง ข้าลื่นล้มลง ปลาบึกตัวที่ห้าพุ่งเข้ามาหาข้า ข้าดีดตัวเตะกล่องดวงใจมันอย่างเต็มแรงจนได้ยินเสียงดังมาจากผู้ชมที่ยืนอยู่รอบๆ ข้าหยิบลูกตุ้มของปลาบึกตัวแรกขึ้นมาก่อนจะเหวี่ยงใส่ปลาบึกตัวที่หกแต่มันพลาดไปโดนปลาบึกตัวที่เจ็ดแทน ข้ามองปลาบึกตัวที่เจ็ดลอยไปกระแทกปลาบึกตัวที่แปดก่อนจะหยิบกระทะร้อนที่อยู่บนเตาไปฟาดหน้าปลาบึกตัวที่หกจนเป็นรอยแดงกลมเกลี้ยง(?) ข้าหยิบดาบของตัวเองขึ้นมาเตรียมปะทะกับหัวหน้าปลาบึก ปลาบึกตัวที่สามจับขาข้าก่อนจะดึงให้ข้าล้มลง หัวหน้าปลาบึกพุ่งใส่ข้า ข้าเอาดาบกันไว้แต่แรงของมันมากกว่ามันเลยปัดดาบข้ากระเด็น

     

                “ลิซ!!!” เจ้าม้าบ้านั่นหายหัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ข้ามองซ้ายมองขวาหามันก็ไม่เจอ ก่อนจะมองไปบนฟ้าเมื่อเห็นเงาขนาดใหญ่

     

                “ไอ้เจ้าม้าบ้า ลงมาเดี๋ยวนี้นะ” ข้าสั่งแต่มันกลับไม่สนใจ ความเป็นความตายของนายแกเลยนะเว้ยเฮ้ย สนกันหน่อยก็ได้

     

                “รับ!!!” ข้าหันไปมองตามเสียงก็เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งพุ่งออกมาก่อนจะโยนดาบของข้ามาให้

     

                “ขอบคุณ” ข้าพูดก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับมันต่อ

     

                “ชั้น ไคน์ นายล่ะ”

     

                “ระวัง มันมาแล้ว” ข้าพูดเตือน

     

                ไคน์พยักหน้า เขาพุ่งเข้าหาไอ้หัวหน้าปลาดุกกลุ่มนั้น ข้าไม่ได้มองว่าเขาทำยังไงกับมันแต่สิ่งที่ข้าเห็นก็คืออัศวิน...ที่กำลังเอาดาบจ่อไว้ที่คอของผู้ร้ายเท่านั้น

     

                “ขอบคุณที่ช่วย ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว” ข้าพูดก่อนจะเดินไปหาหัวหน้าของพวกปลาดุก ข้าฉีกยิ้มก่อนจะฟาดส้นเท้าใส่ต้นคอมันตบท้ายด้วยการกระแทกส้นเท้าใส่กล่องดวงใจของมันอย่างแรง

     

                “ข้าเป็นผู้ชาย ไม่ใช้ผู้หญิง จำไว้ด้วยไอ้หน้าปลาดุก” ข้าว่าพลางหันหลังกลับแล้วเดินออกไป

     

     

     

                “ข้าชื่อ ไคน์...ไคน์นอส  กรานาต ยินดีที่ได้รู้จัก” ไคน์พูดยิ้มๆก่อนจะยื่นมือมาให้ข้า

     

                “เจ้าเป็นคนของตระกูลนักดาบอันเลื่องชื่อนั่นเอง ข้า ริสธาน่า  บัลคาเรส เป็นแค่นักเดินทางไร้บ้าน ยินดีที่ได้รู้จัก” ข้าบอกพลางจับมืออีกฝ่าย

     

                “นายรู้จักตระกูลของฉันด้วยเหรอ ดีจัง ฮ่ะๆๆ” ไคน์หัวเราะ

     

                “แล้วไคน์มาทำอะไรที่นี่เหรอ” ข้าถาม

     

                “ข้ามาสอบเข้าโรงเรียน ธาธีเนีย น่ะ”

     

                “ข้าก็มาสอบเข้าโรงเรียนนี้เหมือนกัน เจ้าเป็นเพื่อนคนแรกของข้าที่โรงเรียนนี้เลยนะเนี่ย” ข้าพูดอย่างดีใจ

     

                “ยังไม่ได้สอบเข้าเลยจะเป็นนักเรียนของโรงเรียนนี้ได้ยังไง ถ้าข้าสอบไม่ผ่านคงถูกท่านพ่อขับไล่ออกจากตระกูล” ไคน์พูดพลางหัวเราะแห้งๆ

     

                “แย่เลยนะ ว่าแต่นายมีที่พักหรือยัง” ข้าถาม ไคน์ส่ายหัวเป็นการให้คำตอบ

     

                “งั้นเหรอ งั้นเราไปหาโรงแรมกัน” ข้าว่าพลางลากเพื่อนคนแรกของข้าไป

     

                “นายชวนฉันไปเปิดห้องในโรงแรม อุ๊ก!” ไคน์พูดแต่ก็ต้องทรุดลงไปกุมท้องเมื่อโดนหมัดลุ่นๆของข้าอัดใส่

     

                “ข้าไม่ได้มีรสนิยมชอบเพศเดียวกันหรอกนะไคน์ เจ้าคงไม่อยากตายตั้งแต่ยังหนุ่มหรอกนะใช่ไหม” ข้าถามเสียงเหี้ยม ไคน์รีบพยักหน้าในทันที

     

     

     

                “ห้อง 345 นะคะ นี่กุญแจค่ะ” พนักงานยื่นกุญแจห้องพักมาให้ข้า

     

                “ว่าจะถามตั้งนานแล้ว นายเป็นผู้ชายทำไมถึง...” ไคน์พูดขึ้น

     

                “...หน้าก็หวาน ผมก็ยาว ชื่อก็ชื่อผู้หญิง” เจ้าม้าของข้าก็พูดต่อ

     

                “หุบปากของเจ้าไปซะลิซ ถ้าเจ้ายังไม่อยากกลายเป็นม้าบะช่อในเร็วๆนี้” ข้าขู่ ซึ่งมันก็ได้ผล หลังจากนั้นลิซไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว

     

                “ข้าไม่รู้ แต่แม่ข้าคงให้มาเยอะเกินไปหน่อย แล้วชื่อนั่นตอนข้าเกิดมาแม่ข้านึกว่าข้าเป็นผู้หญิงก็เลยได้ชื่อนี้มา”

     

                “ริสธาน่า  บัลคาเรส ฉันควรเรียกนายว่าอะไรดี”

     

                “เรส เรียกข้าว่าเรส”

     

                ห้องพักของเรามีเตียงสองเตียงข้าเลยไม่ต้องไปแย่งที่นอนกับใคร ส่วนลิซข้าก็ใช้ตราพันธะสัญญาลากมันเข้าไปในอยู่ตราอย่างไม่เต็มใจ ทันทีที่หัวถึงหมอนข้าก็เข้าสู่นิทราในทันที...













    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×