ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สำรับกับ...รัก I

    ลำดับตอนที่ #3 : ต้มโคล้งปลาช่อนทอดใส่ยอดมะขามอ่อน

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 67


    โดย  Chavaroj

     

    หลังกลับจากตลาดนัด ได้ยินแม่คุยกับพ่อว่าเจอคนรู้จัก เดี๋ยวคงได้ไปเจอกันวัดอีกหน เพราะเขามาทำบุญกันที่วัดกันเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ตั้งแต่แม่ยังเด็กทีเดียว

    หมูยอฟังแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะมีอะไรต้องทำอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ยายว่าจะทำต้มโคล้งปลาช่อนทอด ไปถวายเพลวันนี้ พอดีเช้านี้ที่ตลาดนัด ยายได้ปลาช่อนตัวโต ๆ มาถึงสามตัว ปลาช่อนนี้ ตายมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ใช่ยายไปชี้แล้วให้คนขายสังหาร ไอ้อย่างนี้ยายไม่ทำแน่ ๆ เพราะยายกลัวบาปกลัวกรรม แต่หมูยอไม่ค่อยจะคิดอะไรมากเพราะถือว่ากินอร่อย แต่จะให้เป็นคนทุบหัวปลาเองหมูยอก็ใจไม่ค่อยถึงเหมือนกัน ถ้ามีเหตุจะต้องซื้อจริง ๆ หมูยอก็จะสั่งกับคนขายแล้วว่าเดี๋ยวค่อยกลับมาเอา ซึ่งตอนกลับมาเอาเขาก็ขอดเกล็ดพร้อมกับควักไส้ทิ้งให้เรียบร้อยแล้ว

    หลังกินอาหารเช้าและขนมที่ซื้อจากตลาดมากินอย่างลวก ๆ หมูยอก็เตรียมขอดเกล็ดปลาช่อน ล้างไส้แล้วหั่นเป็นชิ้นเสร็จเรียบร้อย เคล้าเกลือกับน้ำส้มสายชูนิดหน่อยเพื่อดับกลิ่นคาว ก่อนนำไปให้ยายทอดจนเหลืองกรอบ แต่เดิมต้มโคล้งนี้ใช้ปลาช่อนสด ๆ กัน แต่ถ้าทอดแล้วจะลดความคาวของปลาไปได้เยอะและเนื้อสัมผัสก็อร่อยขึ้น ยายก็เลยตามใจคนกิน

    อันที่จริงที่ทำต้มโคล้งนี้ ยายตั้งใจเอาไปถวายเพลเป็นหลักเพราะเป็นของโปรดของตา แม้ตาจะตายจากยายไปนานแล้ว แต่เวลาเจอกับข้าวที่เป็นของโปรดของตา ยายก็มักจะเอาไปถวายเพลบ่อย ๆ หมูยอจึงคิดว่า การทำอาหารก็เป็นการส่งต่อความรักให้ได้ทั้งคนที่ยังอยู่ข้าง ๆ เรา และคนที่จากเราไปอยู่บนฟ้าแล้วด้วยก็ได้ และอันที่จริงไม่ว่ายายจะทำอะไร ก็คิดถึงคนกินว่าแต่ละคนชอบกินอะไร และเมื่อถึงคราวหมูยอรับหน้าที่ทำกับข้าวให้คนอื่นกิน หมูยอก็คิดเหมือนกันว่าใครชอบกินอะไรหมูยอก็จะได้ทำให้ของโปรดให้เขากินเหมือนกัน

    เมื่อจัดการปลาช่อนแล้วหมูยอจึงเดินเข้าสวนท้ายบ้านเพื่อเก็บใบมะกรูด ใบผักชีฝรั่งกับตะไคร้ หรือที่ยายชอบเรียกว่าผักชีใบเลื่อย เลือกใบอ่อน ๆ จะได้นุ่ม ๆ เคี้ยวกินง่าย ๆ เดินลัดเลาะไปอีกนิดหน่อยเก็บมะเขือเทศที่ขึ้นเอง แต่ออกลูกดกดื่นเพราะดินดี กับโหระพาที่ออกใบงาม ๆ เป็นดงยาวไปเพราะเมื่อเด็ดใบที่ใช้ออกจนหมด ยายก็เอากิ่งโหระพาที่เหลือมาจิ้ม ๆ ดินไว้ ไม่นานก็ออกใบออกดอกมากมายอย่างนี้นี่แหละ ไม่รู้ว่าเพราะยายเป็นคนมือเย็น หรือเพราะดินดี แต่ผักในสวนก็งามดีเหลือเกิน

    ยอดมะขามอ่อน ๆ นั้นหน้านี้ไม่มีหรอก แต่เนื่องจากบ้านเรามักซื้อมะขามเปียกตุนไว้ใช้ตลอดปี เวลานำมาใช้ก็เอาไปแช่น้ำ และค่อย ๆ แกะเมล็ดออก เมล็ดนี้เอาลงใส่กะละมังที่บรรจุทรายไว้ รดน้ำให้ชุ่ม ไม่นาน ก็จะมียอดมะขามอ่อนให้เรา ทำให้เรามียอดมะขามอ่อน ๆ ไว้กินได้ตลอดปี อันนี้ หมูยอได้เทคนิคมาจากการอ่านหนังสือ เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก สมัยเรียนประถม ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งหนังสือเล่มโปรดของหมูยอเหมือนกัน

    กลับมาถึงห้องครัว รีบยกหม้อตั้งเตาใส่เกลือนิดหน่อย ระหว่างรอน้ำเดือด ก็หั่นผักต่าง ๆ อย่างว่องไว แล้วหันไปแกะหัวหอมแดง กับเอาข่าในตู้เย็นมาฝานบาง ๆ ใช้ข่าอ่อน ๆ สักหน่อย จะได้กินไปได้ในตัว ข่านี่แก้ลมแน่นเฟ้อด้วย

    ยายทอดปลาจนเหลืองกรอบดีแล้ว ก็ตักขึ้นมาพักไว้ น้ำมันที่เหลือก็เอามาทอดพริกแห้งจนหอมฉุนขึ้นจมูก พักพอหายร้อนแล้วเอาไปตำจนแหลก มองกลับมาที่หม้อน้ำกำลังเริ่มเดือด เอาตะไคร้ใบมะกรูดใส่หม้อ ตามด้วยรากผักชี กับข่า หอมแดงและน้ำมะขามเปียกที่ยายคั้นเตรียมไว้แล้ว ใส่น้ำปลาตาม ยายว่า เวลาใส่น้ำปลานั้นต้องใส่ตอนน้ำเดือดจะได้ไม่คาว ยายเดินเข้ามาชิม บอกว่า รสใช้ได้แล้วไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่ม

    หมูยอเอาปลาช่อนทอดที่เหลือเทใส่หม้อ แล้วเอาใบผักชี ผักชีฝรั่ง กับมะเขือเทศ จบด้วยพริกแห้งตำใส่หม้อ ยกลงจากเตาแล้วปิดฝา หันไปทอดหมูแดดเดียวที่ยายหมักไว้มาตากอีกจำนวนหนึ่ง หมูแดดเดียวนี้เป็นของโปรดของตาทวด ยายจึงมักทอดไปทำบุญให้ตาทวดเสมอ ๆ อีกเหมือนกัน ยายว่าทวดเคยบอกกับยายว่า ปลาช่อนนี่เอามาซดน้ำ ตัวยาจากในหัวปลาช่อนช่วยทำให้ตาใสไม่ขุ่นมัว และยายที่หลานโตเป็นหนุ่ม ๆ กันหมดแล้วก็ยังตาใสจริง ๆ เสียด้วย 

    อาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวไปวัดกับยาย ก่อนไปเอากับข้าวที่เตรียมไว้ตักใส่กล่องอาหารกล่องโต ยายเดินเข้ามาเช็กความเรียบร้อย เราสองคนก็ไปวัดกัน โดยมอเตอร์ไซค์กันไปเพราะไปกับยายกันแค่สองคน จะได้คล่องตัว

    ถึงวัดแล้ววันนี้คนเยอะกว่าปกติ คงเพราะเป็นวันพระที่ตรงกับวันหยุด คนมาทำบุญจึงมีมาก หมูยอเดินเข้าไปในโรงครัวของวัด ทักทายกับเด็กวัดที่รู้จักหน้าค่าตากันดี ขอถ้วย ขอจาน ตักแบ่งต้มโคล้ง กับหมูแดดเดียว น้อง ๆ ลูกศิษย์วัด เดินเข้ามาล้อมกันสองสามคนบอกว่าวันนี้ คนมาทำบุญเยอะ กับข้าวคงเหลือมาก คงได้กินต้มโคล้งฝีมือยายกันล่ะ หมูยอยิ้มอย่างใจดีแล้วบอกน้อง ๆ ให้ช่วยยกจากครัวของวัดเตรียมเอาไปประเคนหลวงพ่อกัน

    เตรียมสำรับอาหารใส่ถาดเรียบร้อยแล้ว หมูยอค่อย ๆ คลานไปนั่งข้าง ๆ ยาย เห็นคุณป้าที่ทักทายกับแม่และยายเมื่อเช้านั่งข้าง ๆ ด้วย ถัดไปเป็นอีตาคนตัวสูง ๆ คนนั้นที่นั่งหน้าเมื่อย คงเคยนั่งแต่เก้าอี้ออฟฟิศล่ะมั้ง พอต้องมานั่งกับพื้นคงเมื่อยหลังเมื่อยเอว

    ยายแนะนำให้ไหว้ทั้งสองคน ว่าแกชื่อ ป้าตุ๊ก เป็นเพื่อนกับแม่มาตั้งแต่ตัวเล็กตัวน้อย สมัยเด็ก ๆ ข้ามมาเล่นกับแม่ที่บ้านเราเป็นประจำ จนแต่งงานมีลูกก็ห่างหายแยกย้ายกันไปนาน ๆ จึงจะได้มาเจอกันสักที ส่วนคนนั่งข้าง ๆ ก็ลูกชายแก ชื่อ ณชา แต่แกให้เรียกแกว่า พี่ตั้ม หมูยอก็ยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม ไม่ให้เสียแรงที่ยายอบรมมาอย่างดี ทักทายกันสักครู่ บรรดาพระสงฆ์ก็เดินแถวออกมานั่งเป็นพระอันดับ

    หลังถวายเพล ยายชวนป้าตุ๊กไปกินข้าวเที่ยงที่บ้าน เพื่อนั่งเล่นและพูดคุยให้หายคิดถึง หมูยอเลยให้ยายนั่งรถไปกับพวกเขา ส่วนตัวเองจะขี่มอเตอร์ไซค์ ไปตลาดก่อนเพื่อซื้อน้ำตาลสำหรับทำ ฟักทองเชื่อม กับ แยมลูกหม่อน และแวะไปหาจ๊ะโอ๋เพื่อนรักแล้วจึงจะรีบกลับมาที่บ้าน ที่ต้องให้ยายกลับมาก่อนเพราะหมูยอรู้ว่ามันจะเสียเวลาอีตรงที่หมูยอต้องคุยกับนังจ๊ะโอ๋เพราะนังนี่ลองได้คุยแล้วก็คุยไม่หยุด ถ้าคุยแล้วตัดบทมันก็จะงอนซะด้วย ต้องเออออห่อหมกจนกว่ามันจะเล่าเรื่องที่อยากจะคุยซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องนินทากาเลให้สาแก่ใจเสียก่อน ซึ่งโชคดีว่าวันนี้ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรมากหมูยอก็เลยได้กลับบ้านค่อนข้างไว

    กลับมาถึงบ้านเห็นยายชวนป้าตุ๊กไปนั่งรับลมที่ศาลาริมน้ำ ยายเรียกให้หมูยอเอาอาหารมาตั้งโต๊ะจะได้กินมื้อเที่ยงด้วยกัน กับเตรียมขนมในตู้เย็นที่ยายทำเตรียมไว้เสมอ ๆ เพราะบ้านเรามีกันหลายคน ยายให้เอาขนมใส่จานมาให้แขกได้กินกัน หมูยอรับคำแล้วเดินเข้าครัวเตรียมสำรับให้ยาย

    สักพักพี่ตั้มเดินเข้ามา ยืนเงอะ ๆ เงิ่น ๆ หมูยอนึกขำ

    "มีอะไรให้ช่วยถือไปไหมครับแม่พี่ให้มาช่วย"

    "อ่อ รบกวนเอาจานไปก็ได้ครับ เดี๋ยวยอขออุ่นแกงแปปนึง" หมูยอชี้ไปที่จานที่เตรียมไว้แล้ว หันมาจุดเตาอุ่นต้มโคล้งปลาทอดที่เหลืออยู่ในหม้อ หันไปหยิบไข่ต้มที่ปอกไว้เรียบร้อยแล้ว สี่หาใบ ผ่าครึ่งจัดใส่จาน และรีบปรุงน้ำยำ แล้วราดไปบนไข่ เพื่อทำยำไข่ต้ม ไข่เป็ดต้มเป็นยางมะตูม ผ่าออกมาไข่แดงเยิ้มเป็นมัน ราดด้วยน้ำยำรสจัดจ้านสามรส

    มีน้ำพริกที่ยายมักตำใส่ถ้วยใบโตไว เผื่อใครอยากกินก็ตักใส่ถ้วยได้เลย ผักไว้แนมกับน้ำพริกอีกสองสามอย่าง ที่ล้างใส่กล่องแช่ตู้เย็นไว้แล้ว พี่ตั้มเดินมาอีกรอบพอดี หมูยอเลยให้แกช่วย ถือถาดที่ใส่ยำไข่ต้ม กับน้ำพริกและผักจิ้มให้แกถือไปอีกรอบ แกงอุ่นพอดี จึงตักแกงใส่ถ้วย และเอาหมูทอดแดดเดียวที่เหลือ ใส่จานแล้วเดินไปสมทบกับยายที่ศาลาริมน้ำ

    คดข้าวใส่จาน ให้ทุกคน แล้วเดินเลียบ ๆ เคียง ๆ ไปบอกแม่ว่ายายตามให้ไปกินข้าวด้วย แม่รับคำแล้วว่ากินกันไปก่อนได้เลย เดี๋ยวแม่ตามมาสมทบ

    กลับมาเห็นทุกคนกินข้าวกันน่าอร่อย ยายพยักพเยิดให้นั่งกินด้วยกัน ป้าตุ๊กเอ่ยชมกับข้าวไม่ขาดปาก สักพักแม่จึงเดินตามมาร่วมวงด้วย พูดคุยกันไปหัวเราะกันไป พอเห็นว่ากินกันเริ่มอิ่ม ยายว่าให้หมูยอเอาขนมมาให้แขกล้างปากเสียหน่อย หมูยอเก็บจานชามที่ทานเสร็จแล้ว เดินมาเก็บไว้ในครัว เดินไปเปิดตู้เย็น มีอะไรบ้างหนอ คิดในใจว่า มีกล้วยเชื่อม มันเชื่อม กับเผือกเชื่อม จึงเอาจัดใส่จานอย่างละนิดอย่างละหน่อย พร้อมเตรียมจานแบ่งกับ ช้อนส้อมไปด้วย

    "น้าคะ ดีใจที่ได้หม่ำขนมฝีมือน้าจัง รสชาติเหมือนตอนหนูยังเด็ก ๆ เลยกินแล้วคิดถึงตอนเด็ก ๆ นะคะ หนีมาเล่นที่บ้านนี้ มีของกินตลอดทั้งวัน เล่นซนกันจนพ่อกับแม่ต้องมาตามถึงจะยอมกลับบ้าน" ป้าตุ๊กพูดในแววตามีแววความสุขที่ได้พูดถึงอดีต

    "กินกันเยอะ ๆ ไม่ต้องเกรงใจ น้าทำไว้มากมายก่ายกอง" ยายพูดแล้วก็เอามือจัดจานแบ่งกับช้อนส้อมให้แขกทั้งสอง

    "ทำไมขนมมันหอม ๆ ด้วยครับแม่ ตั้มไม่เคยกินของเชื่อมอร่อยแบบนี้เลย แถมสลักเสียสวยจนไม่กล้ากินเลยครับอยากเอาไปตั้งโชว์ไว้ดูมากกว่า" พี่ตั้มพูดแบบนี้คนทำก็อมยิ้ม

    "ฝีมือของตาหมูยอน่ะจ้า หลานคนนี้มีฝีมือในการทำอาหารทั้งของคาวของหวาน แถมท่าทางจะทำได้ดีกว่ายายอีกนะ เขาชอบทางด้านนี้ด้วย ชอบถึงขนาดเรียนต่อคหกรรม ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน ก็ได้เขานี่แหละเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง" ยายอวดให้แขกฟังเสียเลย

    "พวกของเชื่อมพวกนี้ ทั้งอบร่ำดอกไม้ ทั้งอบควันเทียนด้วย หมูยอกับคุณยายเขาทำขายด้วย ทำขายทางออนไลน์ ขายดิบขายดี" คราวนี้แม่อวดบ้าง

    พี่ตั้มมองมาทางหมูยออย่างทึ่ง ๆ

    "ทำเองหมดเลยหรือครับ เก่งจัง"

    "ยายเป็นคนสอนน่ะครับ อีกอย่างยอเรียนคหกรรมด้วย" ตอบแล้วหมูยอก็ต้องหลบตา มันจะมองอะไรกันนักกันหนาละนั่น

    "ชอบก็ทานเยอะ ๆ นะครับ เดี๋ยวยอขอไปทำงานต่อแล้ว"

    ผมพูดแล้วก็ลุกออกมาเดินไปหน้าร้านปล่อยให้แม่กับยายนั่งคุยกันต่อ พ่อบอกว่า เอาฟักทองมาให้แล้ว ผมจึงเรียกเจ้าหมูหยองน้องชายตัวแสบให้ช่วยยกฟักทองไปไว้ที่ครัว แล้วให้หมูหยองช่วยปอกเปลือกฟักทอง ส่วนผมก็หันไปเตรียมของต่าง ๆ

    เริ่มจาก เตรียมน้ำปูนใส สำหรับแช่ฟักทอง เตรียมกระทะทอง แล้วเอาฟักทองที่ปอกเปลือกดีแล้วล้างน้ำทีหนึ่ง ตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีมือ แล้วค่อย ๆ แกะเป็นรูปดอกไม้บ้าง ใบไม้บ้าง ตามความเคยชิน เพราะเราทำกันบ่อยแล้ว ปอกไปไดัสักพักยายเดินเข้ามาสมทบ ล้างไม้ล้างมือ มาช่วยกันสลักชิ้นฟักทอง หมูหยองถ่ายคลิปและถ่ายรูปตอนเราช่วยกันทำเป็นระยะ ๆ แล้วหันไปเปิดวิทยุ คลื่นธรรมะเจ้าประจำเพื่อให้ยายฟังเพลิน ๆ

    "ป้าตุ๊กไปไหนแล้วล่ะจ๊ะยาย" ผมถามโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมอง

    "เดินไปหน้าร้านกับแม่น่ะ คงไปคุยกันต่ออีกหน่อย นาน ๆ จะได้เจอกัน เล่นกันมาตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก ดูสิ ลูกเต้าโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว" ยายพูดไปยิ้มไป

    "ใครหรอจ๊ะยาย" หมูหยองหันไปถามยาย มือก็เตรียมจุดเตาถ่านด้วย

    "เพื่อนเล่นแม่เรานั่นแหละ เห็นกันมาแต่เด็ก เล็ก ๆ ชอบมาวิ่งเล่น วิ่งซนบ้านเรา ชวนกันปีนต้นไม้ โอ๊ย ยายเอ็ดทั้งวัน บ้านเขาอยู่ติดกับบ้านเราน่ะ นี่เห็นว่า จะให้ลูกชายมาปลูกบ้านทำสำนักงานที่นี่ด้วย ที่ของเขาก็สวนตรงข้ามคลองบ้านเราไง เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวด ทวดเขากับทวดเราน่ะ เป็นเกลอกัน ทวดเล่าว่า เคยคุยกันถึงขั้นอยากจะให้ลูกหลานดองกันด้วยซ้ำ แต่แม่ตุ๊กก็เด็กนักตอนนั้น ยายยังว่าจะไปดองกับใครกั๊น จะมาดองกันที่รุ่นลูกหลานก็มีแต่ผู้ชาย" ยายเล่าความหลัง

    "แหมยาย ผู้ชายสมัยนี้ก็รักกันได้นะ" เจ้าหมูหยองพูดแหย่

    "เออยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว มันก็เป็นเรื่องของคนสองคนเขารักกันเนอะ คนอื่นก็ชอบเข้าไปตัดสินเขาจัง ผู้ชายผู้หญิงอยู่กันหม้อข้าวยังไม่ทันดำก็เลิกกันเยอะแยะไป" ยายออกความเห็นบ้าง

    "พี่ยอ ตั้งเตาแล้วให้หยองทำอะไรต่อจ๊ะ" เจ้าหมูหยองน้องชายตัวแสบถาม

    "เอาลูกหม่อนออกมาจากตู้เย็นให้พี่หน่อย เดี๋ยวจะทำแยม" ผมบอกไอ้ตัวดีที่กุลีกุจอเป็นพิเศษ

    "ขอหยองเอาไปโรงเรียนสองกระปุกนะ หยองก็ช่วยพี่ยอเก็บนะ" เจ้าตัวเล็กเข้ามาอ้อน

    "เออ ก็ทำเผื่อเราอยู่แล้วหละ ช่วยกวนด้วยก็แล้วกัน" ผมพยักพเยิดให้หมูหยองรีบไปเอาลูกหม่อนจากในตู้เย็นออกมาเตรียม

    เทลูกหม่อนใส่กระทะทองแล้ว เทน้ำตาลทรายตามลงไป แล้วหันไปบอกน้องชายให้ค่อย ๆ คนด้วย จากนั้นหมูยอก็กลับมาจัดการกับฟักทองกองโตต่อ

    "มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับยาย" พี่ตั้มเดินเข้ามานั่งยอง ๆ ข้าง ๆ ยาย

    "เออทำอะไรดีล่ะ นั่งก่อน ๆ เดี๋ยวมีเรื่องให้ช่วยแน่ ๆ เอาอย่างนี้ ช่วยเจ้าหยอง กวนลูกหม่อนหน่อยนะลูก แล้วหยองมาจุดเตาอีกใบแน่ะ" ยายแจกจ่ายงาน

    ผมนั้นรู้สึกเหมือนโดนจ้องอยู่ตลอดเวลา หันไปมองก็เจอพี่ตั้มมองเขม็งมาที่ตน ก็ได้แต่ทำเป็นไม่สนใจ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ นี่จะมากวนประสาทกันหรือไงกัน เดี๋ยวพ่อเอามีดแกะสลักจิ้มลูกกะตาซะหรอก

    "หมูยอ ไปเชื่อมฟักทองสักกะทะนึงก่อนไป จะได้สุกทันฝากแม่ตุ๊ก กับพ่อตั้มเอากลับไปกิน เดี๋ยวยายค่อย ๆ แกะต่อเองลูก" ยายบอกแล้วก็ทิ้งตัวลงมานั่งข้าง ๆ 

    ผมรับคำแล้ว เดินไปตักน้ำที่ลอยดอกมะลิไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เทใส่กระทะทองอีกใบ เอาน้ำตาลทรายลงแล้วบอกพี่ตั้มให้ค่อย ๆ กวนจนน้ำตาลละลาย สักพักน้ำเชื่อมเริ่มเดือด เอาฟักทองที่แช่น้ำปูนใส เอาไปล้างน้ำแล้วค่อย ๆ หย่อนลงในกระทะ

    "รบกวนพี่ตั้ม คอยตักฟองทิ้งนะครับ" ผมบอกเพราะเห็นว่ามันง่ายที่สุด

    "ทำไมต้องเอาไปล้างอีกรอบล่ะครับ" พี่ตั้มถาม

    "ล้างน้ำปูนใสน่ะรับ แช่น้ำปูนใสเพื่อให้หลังจากเชื่อมแล้ว จะได้กรอบ เนื้อไม่เละไงครับ"

    จัดการฟักทองลงกระทะแล้ว หมูยอกลับมานั่งสลักฟักทองต่อ ได้ยินยายซักถามพี่ตั้ม ตามประสาคนแก่คุยกับลูกหลาน ท่าทางคุยกันเข้าขาดีเสียด้วย

    "ได้ข่าวว่า จะมาปลูกบ้านอยู่ที่นี่ด้วยหรือลูก เห็นแม่ตุ๊กว่า จะได้เอาไว้พักผ่อนกับทำสำนักงานด้วยรึ" ยามถามตามประสาคนแก่คุยกับลูกหลาน

    "ใช่ครับ อยู่ที่ กรุงเทพฯ อากาศมันก็ไม่ดีเหมือนที่นี่ เวลาทำงานต้องใช้สมาธิเยอะ บรรยากาศเงียบ ๆ สงบ ๆ จะได้ทำงานได้ดีหน่อย เพราะตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านกับพ่อแม่ ส่วนใหญ่มาพักคอนโดใกล้ ๆ ที่ทำงานเก่า พอดีตอนนี้ร่วมหุ้นกับเพื่อน ๆ มาทำบริษัทเอง ก็เลยจะมาปลูกออฟฟิศทำที่นี่ล่ะครับ" พี่ตั้มอธิบาย

    "ก็จริงนะจ๊ะ ที่ทำงานกับที่พักใกล้กัน มันก็สะดวก อยู่กรุงเทพฯ เดินทางไปไหนมาไหนแต่ละที แสนลำบาก แต่ไม่เหงาแย่รึ หรือว่าอยู่กับแฟน" ยายซักไซ้เข้าไปอีก

    "แฟนอะไรไม่มีหรอกครับ ทำงานแทบไม่มีเวลาไปหาหรอกครับ"

    "อะไร๊ ยังหนุ่มยังแน่น หน้าตาก็ออกจะหล่อเหลา ไม่หาแฟนสักคนจะได้ไม่เหงา แม่ตุ๊กจะได้อุ้มหลาน"

    "ที่แล้วมาผมยังไม่เจอคนที่ถูกใจน่ะครับ แต่ก็เจอคนถูกใจก็คงอีกไม่นานครับคุณยาย"

    พูดแล้วมองมาทางผม (ทำไมวะ?)

    "เออ ๆ ค่อย ๆ ดูกันไปไม่ต้องรีบร้อนหรอกสมัยนี้ ว่าแต่หมูยอกับหมูแฮมน่ะ มะไหร่จะมีแฟนกับเขาบ้างล่ะ ยายอยากอุ้มเหลนแล้ว" ยายหันมาแหย่ผม

    "ส่วนเราน่ะเจ้าหยอง เรียนให้มันจบเสียก่อน ไม่ต้องหันมามองยายแบบนั้น กวนไปดี ๆ เดี๋ยวติดกระทะ" ยายหันไปปรามไอ้ตัวแสบ ที่หันมาแลบลิ้นใส่ทำหน้าทะเล้น เห็นหัวหูฟูฟ่องแล้วผมล่ะอยากจะมัดเสียสามสี่จุก 

    "อะไรน่ะยาย หยองยังไม่ได้พูดอะไรเลย โดนหางเลขเฉยเลย" เจ้าหยองยู่ปากแล้วบ่นอุบ

    สักพักหนึ่งแยมเริ่มเข้าที่ หมูยอเดินไปเอามะนาวมาบีบและเอาผงเจลลาตินลงคลุก แล้วหันไปสั่งน้องชาย ให้เตรียมขวดโหลสำหรับใส่แยม ส่วนที่จะเอาไปกินที่มหาวิทยาลัย ให้ใส่กล่องใส่อาหารไปและอย่าลืมล้างเอามาคืนด้วย เมื่อกินหมด

    "รู้แล้วจ้า รีบออกตัวเชียวหวงจังพวกกล่องใส่ของเนี่ยกับขวดแก้วเนี่ย" หมูหยองมองด้วยหางตามาทางผม

    "ก็เรามันชอบลืมเก่งนักนี่นา ไม่ทวงก็ไม่เอามาคืนพูดแล้วก็นึกได้ ไอ้กล่องสีเขียว ๆ ที่ใส่ของกินไปคราวก่อนน่ะ เรายังไม่เอามาคืนพี่เลยนะเอามาคืนด้วยคราวหน้าไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะฟ้องแม่อันนั้นของแม่นะ" หมูยอเดินเข้าไปบีบแก้มน้องชายทั้งสองข้างจะได้หยุดเถียง หมั่นไส้ไอ้ตัวแสบ

    จากนั้นเตรียมกระทะอีกใบ เอากะทิลงกวนกับเกลือ เพื่อเอาไว้ราด ฟักทองเชื่อม จนเกลือละลายได้ที่แล้ว ตักชิมไปคำหนึ่ง แล้วเดินเอาไปให้ยายชิมอีกคำหนึ่ง ยายพยักหน้า บอกให้พี่ตั้ม ช่วยยายลองชิมทีว่าเค็มมันใช้ได้หรือยัง หมูยอค่อย ๆ เป่าเบา ๆ ยื่นให้พี่ตั้ม

    "พี่ตักฟองอยู่น่ะครับ ป้อนหน่อย" พี่ตั้มพูดแล้วยิ้มมุมปากอย่าเจ้าเล่ห์

    "ก็เค็มมันดีแล้วนะครับคุณยาย หอม ๆ ดี ไม่เคยทานที่ไหนหอมแบบนี้เลย" อีพี่ตั้มคนนี้ปากหวานซะด้วย

    "ก็ตอนเตรียมน้ำคั้นกะทิใช้น้ำลอยดอกมะลิมาคั้นไงลูก อันนี้หมูยอคั้นเองเพราะใช้ไม่เยอะ เค็มกำลังดีเนอะ ไม่ใช่เค็มเพราะขี้มือหมูยอหรอกนะ" ยายพูดแล้วก็หันมาหัวเราะให้ผม

    "ยาย....แซวเก่งจริง ๆ " ผมบ่น

    จัดใส่จานสวยงาม ให้หมูหยองถ่ายรูปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เอาจานที่จัดถ่ายรูปเมื่อกี้วางไว้ที่โต๊ะกินข้าว ยายหันไปบอกให้พี่ตั้มวางมือ แล้วลองชิมดูว่าอร่อยไหม

    "คำตอบคงเหมือนตอนเที่ยงแหละครับยาย สวยจนไม่กล้ากิน อยากเอาไปตั้งโชว์ไว้มากกว่า" พี่ตั้มหันไปตอบยาย

    "กินไปเถอะพ่อ มีอีกอัตตะปือ เออหมูยอเอ๊ย เอาใส่กล่องให้ตาตั้มเอากลับไปกินที่บ้านด้วยนะลูก แยมลูกหม่อนด้วย เมื่อกี้ยายเดินไปมะเฟืองได้เก็บได้ครึ่งตะกร้า อ้อ เอากล้วยน้ำว้าไปด้วย ช่วย ๆ กันกินเดี๋ยวกินไม่ทัน"

    "จ๊ะยาย" ผมรับคำแล้ว เตรียมของตามที่ยายสั่ง

    พักหนึ่งป้าตุ๊ก เดินมาสมทบที่ในครัว บอกว่าจะต้องเตรียมกลับบ้านแล้ว ยายแจ้งว่า เตรียมขนม และผลไม้ให้เอากลับไปกินที่บ้านด้วย

    ก่อนแขกจะกลับ ผมไหว้ลาที่ในครัว เพราะต้องทำอาหารที่เหลือต่อ ยายเดินไปส่งป้าตุ๊กกับพี่ตั้ม ครู่เดียวพี่ตั้มเดินกลับเข้ามาในครัวใหม่ บอกว่าลืมโทรศัพท์มือถือ ก่อนไปยังอุตส่าห์ หันมาบอกลา

    "พี่กลับแล้วนะครับ หมูยอ หมูหยอง ขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับ อาหารอร่อยมาก ๆ เลย ไว้มีโอกาส จะขอมารบกวนทานข้าวด้วยอีกนะครับ"

    "ครับพี่ ขับรถดี ๆ นะครับไว้เจอกันใหม่ครับ" หมูยอยิ้มลา

    "พี่ยอ เป็นอะไร หน้าแดงเชียว" เจ้าหยองถามแล้วอมยิ้มและทำตาเจ้าเล่ห์ใส่

    "มันร้อนไง เปิดพัดลมให้พี่หน่อยดิ๊" ผมพูดแล้วก็ขมวดคิ้วไอ้ตัวแสบนี่ก็แซวเก่ง

    "อืม ๆ ร้อนเนอะ พี่ยอว่าป่ะ พี่ตั้มแกหล่อนะ อย่างกะดาราเลยเนอะ"

    "ก็หน้าตาดี แฟนคงเต็มบ้านเต็มเมืองล่ะมั้ง ตางิเจ้าชู้เชียว" หมูยอออกความเห็นบ้าง

    "เดี๋ยวก็รู้ ถ้ามาอยู่ข้างบ้านเรา มีแฟนก็คงเอาแฟนมาเที่ยวแหละ"

    "ก็เรื่องของเค้าแหละ ว่าแต่เราเอาแยมใส่ขวดให้พี่ด้วย ชั่งน้ำหนักให้เท่า ๆ กันทุกขวดด้วยนะ" ผมทำเป็นไม่ใส่ใจ หันหน้ามาทำงานต่อ

    พระเอกเราออกโรงแล้ว ท่าทางเรียบร้อยแบบนี้ จะเรียบร้อยจริงหรือเปล่า ไม่ใช่เงียบ ๆ หงิม ๆ หยิบชิ้นปลามันนะ มาทำตาหวานใส่ลูกเรา เราจะหยุมหัว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×