ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : หนังสือปริศนา...ประตูข้ามมิติ
   
                    กริ๊ง........... กริ๊ง............
    “กาเบรียล โทรศัพท์จากเรย์” แม่ของกาเบรียลส่งโทรศัพท์ไปให้เธอ กาเบรียลรับโทรศัพท์จากแม่มาถือไว้ แต่ไม่พูดอะไร
    “ฮัลโหล กาเบรียล กาเบรียลใช่มั้ย” เสียงเรย์ดังขึ้นมา แต่เธอไม่ตอบ เรย์จึงพูดต่อ “ผมขอโทษนะกาเบรียล ผมไม่แก้ตัวหรอกนะว่าผมไม่ได้มีอะไรกับมิโคโตะ แต่ผมไม่ได้จริงจังกับเธอนะ”
    “งั้นคุณก็ควรจะจริงจังกับเธอได้แล้วล่ะ” กาเบรียลพูดเสียงเรียบ เรย์รู้สึกใจหายวูบ
    “กาเบรียลผมพูดจริงๆ นะ ผมจริงจังกับคุณ” เรย์พูดเสียงดัง กาเบรียลรู้สึกดีใจขึ้นมาบ้าง แต่เธอก็ยังทนไม่ได้กับเหตุการณ์นั้น
    “ขอโทษนะเรย์ เลิกยุ่งกับฉันเถอะ” กาเบรียลพูด เธอรู้สึกเพียงแต่ว่าเธอยังไม่อยากเจอเค้า เรย์จึงพูดตอบกลับไปทันที
    “โธ่! กาเบรียล ผมรักคุณนะ” กาเบรียลที่ถือโทรศัพท์อยู่แทบจะทำมันตกมือ เธอไม่คิดว่าเรย์จะพูดคำนี้ออกมา ทั้งๆ ที่เค้าออกจะดัง แต่ว่าเค้าเจ้าชู้ใช้ได้เหมือนกัน หรือว่าเค้าโกหกเธอ
    “อย่าพูดเล่นนะเรย์ ฉันจะวางสายแล้วนะ” กาเบรียลพูด เรย์รีบพูดห้ามไว้ทันที
    “อย่านะกาเบรียล ขอร้องผมอยากคุยกับคุณ ผมไม่ได้โกหกคุณนะกาเบรียล” กาเบรียลฟังคำแก้ตัวของเรย์ แต่เธอก็ไม่พูดอะไรอีกแล้ว เธอเงียบไปอีก “กาเบรียล” เรย์เรียกกาเบรียลอีก เธอจึงพูดตัดบท
    “จะต้องให้ฉันพูดใช่มั้ยว่าฉันไม่อยากคุยกับคุณ ฉันไม่ได้รักคุณ คุณถึงจะยอมวางน่ะ” กาเบรียลพูดอย่างหัวเสีย ตอนนี้เธอไม่อยากฟังอะไรจากปากเค้าทั้งนั้น เธอคิดว่าทุกคำพูดของเรย์เป็นเพียงคำแก้ตัวเท่านั้น เรย์ที่ฟังกาเบรียลพูดถึงกับอึ้ง เค้าเงียบไปพักหนึ่งจึงพูดขึ้นมา
    “งั้นหรือ ผมขอโทษนะที่โทรมารบกวนคุณ” เรย์พูดแล้ววางโทรศัพท์ กาเบรียลพูดไปอย่างนั้นเอง แต่ว่าเรย์ทำจริงๆ กาเบรียลด้วยอารมณ์ที่ยังติดค้างอยู่ทำให้เธอรู้สึกโกรธเรย์ขึ้นมา เธอเดินขึ้นไปนอนด้วยความเหนื่อยล้า
    วันนี้กาเบรียลไม่เหมือนก่อน เธอใส่กระโปรงมินิสเกิร์ต กับเสื้อรัดรูปมามหาลัย ผมที่เธอเคยผูกไว้เธอก็ปล่อยสยายลงมาประกอบกับผมสีน้ำตาลอ่อนของเธอทำให้สะดุดตามากขึ้น แว่นเธอก็ไม่ใส่เนื่องจากมันแตกไปแล้วเธอจึงใส่คอนแทคเลนส์มาแทน เธอเดินเข้ามหาลัยไป หลายๆ คนเหลียวหลังมองตามเธอ
    “วี้ด วิ้ว” เสียงผิวปากดังขึ้นมา กาเบรียลไม่สนใจจนกระทั่ง ริคเดินเข้ามา
    “ว่าไงสาวน้อย” ริคขึ้นมาเดินคู่กับกาเบรียล เธอหันมายิ้มให้ริค ริคมองกาเบรียลแล้วตบหัวเธอเบาๆ เธอหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
    “ริค วันนี้อยากไปดูหนัง” กาเบรียลพูดขึ้นมาพอดีกับที่เรย์เดินผ่านมาพอดี เรย์มองกาเบรียลตะลึงอยู่พักหนึ่ง เค้าคิดว่ากาเบรียลน่ารักอยู่แล้ว แต่พอเธอแต่งแบบนี้ เธอดูน่ารักกว่าเดิมหลายเท่าเลย
    “หืม! นั่นไงแฟนเธอไปดูสิ” ริคพูดพร้อมกับชี้ไปทางเรย์ ซึ่งยังคงมองเธออยู่ กาเบรียลสะบัดหน้าแล้วเดินก้าวเท้ายาวๆ ออกไปจากที่นั่น ริคหันมายักไหล่ให้เรย์แล้วเดินตามกาเบรียลไป “เป็นอะไรกาเบรียล” ริคดึงแขนกาเบรียลให้หยุด
    “ไม่มีอะไรหรอกริค” กาเบรียลตอบ “ริค คุณเก่งภาษาใช่ม้า คุณรู้รึเปล่าว่านี่ภาษาอะไร” กาเบรียลพูดแล้วเธอก็พูดภาษาที่เธอพอจะจำได้จากปากของชายหนุ่มคนนั้นออกมา ริคยืนฟังแล้วทำหน้างงๆ
    “เธอไปฟังมาจากไหนยัยตัวแสบ” ริคเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกกาเบรียล
    “ได้ยินคนพูดน่ะ ช่วยบอกหน่อยสิว่าภาษาอะไร” กาเบรียลมองริคสายตาอ้อนวอน ช่างน่ารักจริงๆ เหมาะสมกับเด็กอายุ 16 ปี ริคยิ้มให้กาเบรียล
    “ไปได้ยินคนเค้าพูดก็แปลกแล้วล่ะ นี่มันภาษาโบราณเลยนะเนี่ย ผมจำได้ว่าเคยได้ยินพวกนักโบราณคดีเค้าพูด” ริคบอกพร้อมอธิบาย กาเบรียลฟังแล้วตกใจกับคำตอบมาก
    “ภาษาของชาติไหน” กาเบรียลถามอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้น
    “ก็ไม่รู้สิ” ริคตอบง่ายๆ ง่ายจริงๆ กาเบรียลมองเค้าอย่างผิดหวัง เธออยากรู้ว่าเค้าพูดอะไรกับเธอ เธออยากพบเค้า มันเป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก แต่รู้สึกว่ามันอบอุ่น วันนี้เธอจึงเข้ามาในห้องสมุดอีก เธอหาหนังสือเกี่ยวกับภาษาโบราณ ออกมาตั้ง สูงจนเลยศีรษะเธอไปอีกแน่ะ แต่เธอก็นั่งอ่านมันอยู่หลายวัน เธอสนใจแต่หนังสือตรงหน้าจนไม่ทันสังเกตว่าเรย์กำลังจ้องมองเธออยู่
    “กาเบรียล หาอะไรเหรอ” เรย์เข้ามาถามข้ามกองหนังสือขึ้นมา แต่ทว่าไม่มีเสียงตอบ เรย์จึงชะโงกหน้าข้ามกองหนังสือไปดู และพบว่าหญิงสาวกำลังหลับอยู่กับกองหนังสือกองโต เรย์มองเธอนานก่อนจะก้มหน้าลงไป จูบเธอ กาเบรียลตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เธอพูดภาษาที่เรย์ไม่เคยได้ยินออกมา
    “เอ๊ะ! นี่ฉัน” กาเบรียลอึ้งไปพักหนึ่ง เธอพูดภาษาแปลกๆ ออกไปได้อย่างไร เรย์มองเธองงๆ กึ่งตกใจ กาเบรียลยิ้มด้วยความดีใจ เธอกระโดดกอดเรย์ “ฉันพูดได้ ฉันพูดได้แล้ว” กาเบรียลหัวเราะ เรย์ได้แต่ตกใจกับการที่ถูกกาเบรียลกอด เค้าถึงกับหน้าแดงขึ้นมาเฉยๆ ทั้งๆ ที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เค้าถูกผู้หญิงกอด ไม่นานเกินรอกาเบรียลและเรย์ก็ถูกเชิญออกไปจากห้องสมุดอีกครั้ง
    “กาเบรียล คุณพูดภาษาอะไรน่ะ” เรย์ชวนกาเบรียลคุย ซึ่งมันก็ได้ผลจริงๆ เธอยอมพูดกับเค้าแล้ว
    “ภาษาโบราณ ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันจะพูดได้” กาเบรียลหัวเราะเบาๆ เรย์ยิ้มให้เธอ กาเบรียลหันมามองเรย์แล้วเธอก็หยุดหัวเราะราวกับเพิ่งนึกออกว่าเธอกำลังโกรธเค้าอยู่ แต่พอเห็นเรย์ยิ้มเธอจึงยิ้มตอบ “ฉันไปก่อนนะ” กาเบรียลพูดแล้วเธอก็สาวเท้าให้เดินนำเรย์ไป แต่ทว่าเรย์กลับก้าวตามเธอไป
    “ให้ผมไปส่งนะ กาเบรียล” เรย์พูด กาเบรียลหันมาหัวเราะ เรย์งงกับท่าทีของกาเบรียลมาก จนเค้าเกือบจะแน่ใจว่ากาเบรียลเป็นบ้าเพราะหนังสือกองโตนั่นแหงๆ
    “อย่าเลย ขอบคุณนะเรย์ สำหรับทุกๆ อย่าง” คำพูดที่ดูห่างเหินทำให้เรย์รู้สึกเจ็บหน้าอกขึ้นมาอีกแล้ว ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่างหรือ มันดูห่างเหินชอบกล
    “ไม่ต้องขอบคุณหรอกผมเต็มใจน่ะ” เรย์พูด แต่ทว่ากาเบรียลกลับเดินห่างเค้าไป ไม่หันกลับมามองเรย์อีกเลย เรย์มองตามกาเบรียลไปจนสุดสายตาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
   
   
    กาเบรียลเดินเข้ามายังห้องของมิโคโตะ มิโคโตะตกใจเล็กน้อยเธอยิ้มฝืดๆ ให้กาเบรียล แต่ทว่ากาเบรียลกลับยิ้มให้เธออย่างจริงใจ กาเบรียลเข้าไปนั่งบนโซฟาในห้องมิโคโตะ
    “กาเบรียล ฉันขอโทษ” มิโคโตะพูดออกมาก่อน กาเบรียลยังคงยิ้มให้เธอ “กาเบรียลฉันขอโทษจริงๆ นะ ฉันเองก็ชอบเรย์เหมือนกัน” มิโคโตะสารภาพน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม กาเบรียลจับมือของมิโคโตะแล้วพูด
    “ฉันรู้ ไม่เป็นไรหรอกนะมิโคโตะ ไม่เป็นไร” กาเบรียลรักมิโคโตะมากเหมือนกัน เธอไม่อยากให้คนที่เธอรักต้องมาเจ็บปวดเช่นนี้
    “คืนดีกับเรย์เถอะนะ กาเบรียล” มิโคโตะพูดเสียงสะอื้น กาเบรียลยิ้มให้เธอ
    “ไม่ล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกนะมิโคโตะ” กาเบรียลยอมเป็นผู้เสียสละแทน มิโคโตะกอดกาเบรียลแล้วร้องไห้ เธอเป็นคนทำให้เพื่อนต้องเจ็บปวด กาเบรียลเองก็มีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ตรงข้ามกับเธอเลยทีเดียว กาเบรียลรอให้มิโคโตะหยุดร้องเธอไม่มีน้ำตาไหลลงมาซักหยด หรือเพราะว่าความรู้สึกของเธอจะด้านชาไปแล้ว น้ำตามันหมดไปตั้งแต่วันนั้นเสียแล้วกระมัง
    ระหว่างทางที่เธอเดินกลับจากมหาลัยนั้น เป็นเวลาค่อนข้างมืดแล้ว เธอผ่านห้องสมุด กาเบรียลหันไปมองในห้องสมุดอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอเห็นแสงไฟอยู่ภายใน ทั้งๆ ที่เวลาเช่นนี้ไม่น่าจะมีใครอยู่อีกแล้ว กาเบรียลรู้สึกกลัวขึ้นมา เธอเริ่มรู้สึกว่าอากาศรอบๆ ตัวเย็นลง เธอใจแข็งเดินเข้าไปในห้องสมุดที่ไม่ได้ล็อกเอาไว้
      กาเบรียลเดินไปตามแสงไฟนั้น เธอผ่านชั้นหนังสือมาเรื่อยๆ มาถึงชั้นหนังสือด้านในสุด ตรงที่เธอพบกับเค้า กาเบรียลเห็นแสงออกมาจากหนังสือที่เปิดอ้าไว้อยู่ เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่งด้วยความตกใจ เธอเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ ทุกอย่างเป็นปรากฏการณ์ที่สามารถอธิบายได้ แต่นี่ หนังสือมันเปล่งแสงสว่างจ้าออกมาได้อย่างไร
      กาเบรียลยื่นมืออันสั่นเทาของเธอไปหยิบหนังสือบนพื้นมา แต่ทว่าเหมือนมีบางอย่างดูดเธอลงไปในหนังสือนั่นกาเบรียลกรีดร้องด้วยความตกใจ เธอกลัวมากจนกระทั่งหมดสติไป กาเบรียลหายเข้าไปในหนังสือ พร้อมๆ กับที่หน้าหนังสือที่เปิดอ้าไว้ก็ปิดลง แสงสว่างจ้านั้นหายไป ทุกๆ อย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม
                    กริ๊ง........... กริ๊ง............
    “กาเบรียล โทรศัพท์จากเรย์” แม่ของกาเบรียลส่งโทรศัพท์ไปให้เธอ กาเบรียลรับโทรศัพท์จากแม่มาถือไว้ แต่ไม่พูดอะไร
    “ฮัลโหล กาเบรียล กาเบรียลใช่มั้ย” เสียงเรย์ดังขึ้นมา แต่เธอไม่ตอบ เรย์จึงพูดต่อ “ผมขอโทษนะกาเบรียล ผมไม่แก้ตัวหรอกนะว่าผมไม่ได้มีอะไรกับมิโคโตะ แต่ผมไม่ได้จริงจังกับเธอนะ”
    “งั้นคุณก็ควรจะจริงจังกับเธอได้แล้วล่ะ” กาเบรียลพูดเสียงเรียบ เรย์รู้สึกใจหายวูบ
    “กาเบรียลผมพูดจริงๆ นะ ผมจริงจังกับคุณ” เรย์พูดเสียงดัง กาเบรียลรู้สึกดีใจขึ้นมาบ้าง แต่เธอก็ยังทนไม่ได้กับเหตุการณ์นั้น
    “ขอโทษนะเรย์ เลิกยุ่งกับฉันเถอะ” กาเบรียลพูด เธอรู้สึกเพียงแต่ว่าเธอยังไม่อยากเจอเค้า เรย์จึงพูดตอบกลับไปทันที
    “โธ่! กาเบรียล ผมรักคุณนะ” กาเบรียลที่ถือโทรศัพท์อยู่แทบจะทำมันตกมือ เธอไม่คิดว่าเรย์จะพูดคำนี้ออกมา ทั้งๆ ที่เค้าออกจะดัง แต่ว่าเค้าเจ้าชู้ใช้ได้เหมือนกัน หรือว่าเค้าโกหกเธอ
    “อย่าพูดเล่นนะเรย์ ฉันจะวางสายแล้วนะ” กาเบรียลพูด เรย์รีบพูดห้ามไว้ทันที
    “อย่านะกาเบรียล ขอร้องผมอยากคุยกับคุณ ผมไม่ได้โกหกคุณนะกาเบรียล” กาเบรียลฟังคำแก้ตัวของเรย์ แต่เธอก็ไม่พูดอะไรอีกแล้ว เธอเงียบไปอีก “กาเบรียล” เรย์เรียกกาเบรียลอีก เธอจึงพูดตัดบท
    “จะต้องให้ฉันพูดใช่มั้ยว่าฉันไม่อยากคุยกับคุณ ฉันไม่ได้รักคุณ คุณถึงจะยอมวางน่ะ” กาเบรียลพูดอย่างหัวเสีย ตอนนี้เธอไม่อยากฟังอะไรจากปากเค้าทั้งนั้น เธอคิดว่าทุกคำพูดของเรย์เป็นเพียงคำแก้ตัวเท่านั้น เรย์ที่ฟังกาเบรียลพูดถึงกับอึ้ง เค้าเงียบไปพักหนึ่งจึงพูดขึ้นมา
    “งั้นหรือ ผมขอโทษนะที่โทรมารบกวนคุณ” เรย์พูดแล้ววางโทรศัพท์ กาเบรียลพูดไปอย่างนั้นเอง แต่ว่าเรย์ทำจริงๆ กาเบรียลด้วยอารมณ์ที่ยังติดค้างอยู่ทำให้เธอรู้สึกโกรธเรย์ขึ้นมา เธอเดินขึ้นไปนอนด้วยความเหนื่อยล้า
    วันนี้กาเบรียลไม่เหมือนก่อน เธอใส่กระโปรงมินิสเกิร์ต กับเสื้อรัดรูปมามหาลัย ผมที่เธอเคยผูกไว้เธอก็ปล่อยสยายลงมาประกอบกับผมสีน้ำตาลอ่อนของเธอทำให้สะดุดตามากขึ้น แว่นเธอก็ไม่ใส่เนื่องจากมันแตกไปแล้วเธอจึงใส่คอนแทคเลนส์มาแทน เธอเดินเข้ามหาลัยไป หลายๆ คนเหลียวหลังมองตามเธอ
    “วี้ด วิ้ว” เสียงผิวปากดังขึ้นมา กาเบรียลไม่สนใจจนกระทั่ง ริคเดินเข้ามา
    “ว่าไงสาวน้อย” ริคขึ้นมาเดินคู่กับกาเบรียล เธอหันมายิ้มให้ริค ริคมองกาเบรียลแล้วตบหัวเธอเบาๆ เธอหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
    “ริค วันนี้อยากไปดูหนัง” กาเบรียลพูดขึ้นมาพอดีกับที่เรย์เดินผ่านมาพอดี เรย์มองกาเบรียลตะลึงอยู่พักหนึ่ง เค้าคิดว่ากาเบรียลน่ารักอยู่แล้ว แต่พอเธอแต่งแบบนี้ เธอดูน่ารักกว่าเดิมหลายเท่าเลย
    “หืม! นั่นไงแฟนเธอไปดูสิ” ริคพูดพร้อมกับชี้ไปทางเรย์ ซึ่งยังคงมองเธออยู่ กาเบรียลสะบัดหน้าแล้วเดินก้าวเท้ายาวๆ ออกไปจากที่นั่น ริคหันมายักไหล่ให้เรย์แล้วเดินตามกาเบรียลไป “เป็นอะไรกาเบรียล” ริคดึงแขนกาเบรียลให้หยุด
    “ไม่มีอะไรหรอกริค” กาเบรียลตอบ “ริค คุณเก่งภาษาใช่ม้า คุณรู้รึเปล่าว่านี่ภาษาอะไร” กาเบรียลพูดแล้วเธอก็พูดภาษาที่เธอพอจะจำได้จากปากของชายหนุ่มคนนั้นออกมา ริคยืนฟังแล้วทำหน้างงๆ
    “เธอไปฟังมาจากไหนยัยตัวแสบ” ริคเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกกาเบรียล
    “ได้ยินคนพูดน่ะ ช่วยบอกหน่อยสิว่าภาษาอะไร” กาเบรียลมองริคสายตาอ้อนวอน ช่างน่ารักจริงๆ เหมาะสมกับเด็กอายุ 16 ปี ริคยิ้มให้กาเบรียล
    “ไปได้ยินคนเค้าพูดก็แปลกแล้วล่ะ นี่มันภาษาโบราณเลยนะเนี่ย ผมจำได้ว่าเคยได้ยินพวกนักโบราณคดีเค้าพูด” ริคบอกพร้อมอธิบาย กาเบรียลฟังแล้วตกใจกับคำตอบมาก
    “ภาษาของชาติไหน” กาเบรียลถามอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้น
    “ก็ไม่รู้สิ” ริคตอบง่ายๆ ง่ายจริงๆ กาเบรียลมองเค้าอย่างผิดหวัง เธออยากรู้ว่าเค้าพูดอะไรกับเธอ เธออยากพบเค้า มันเป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก แต่รู้สึกว่ามันอบอุ่น วันนี้เธอจึงเข้ามาในห้องสมุดอีก เธอหาหนังสือเกี่ยวกับภาษาโบราณ ออกมาตั้ง สูงจนเลยศีรษะเธอไปอีกแน่ะ แต่เธอก็นั่งอ่านมันอยู่หลายวัน เธอสนใจแต่หนังสือตรงหน้าจนไม่ทันสังเกตว่าเรย์กำลังจ้องมองเธออยู่
    “กาเบรียล หาอะไรเหรอ” เรย์เข้ามาถามข้ามกองหนังสือขึ้นมา แต่ทว่าไม่มีเสียงตอบ เรย์จึงชะโงกหน้าข้ามกองหนังสือไปดู และพบว่าหญิงสาวกำลังหลับอยู่กับกองหนังสือกองโต เรย์มองเธอนานก่อนจะก้มหน้าลงไป จูบเธอ กาเบรียลตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เธอพูดภาษาที่เรย์ไม่เคยได้ยินออกมา
    “เอ๊ะ! นี่ฉัน” กาเบรียลอึ้งไปพักหนึ่ง เธอพูดภาษาแปลกๆ ออกไปได้อย่างไร เรย์มองเธองงๆ กึ่งตกใจ กาเบรียลยิ้มด้วยความดีใจ เธอกระโดดกอดเรย์ “ฉันพูดได้ ฉันพูดได้แล้ว” กาเบรียลหัวเราะ เรย์ได้แต่ตกใจกับการที่ถูกกาเบรียลกอด เค้าถึงกับหน้าแดงขึ้นมาเฉยๆ ทั้งๆ ที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เค้าถูกผู้หญิงกอด ไม่นานเกินรอกาเบรียลและเรย์ก็ถูกเชิญออกไปจากห้องสมุดอีกครั้ง
    “กาเบรียล คุณพูดภาษาอะไรน่ะ” เรย์ชวนกาเบรียลคุย ซึ่งมันก็ได้ผลจริงๆ เธอยอมพูดกับเค้าแล้ว
    “ภาษาโบราณ ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันจะพูดได้” กาเบรียลหัวเราะเบาๆ เรย์ยิ้มให้เธอ กาเบรียลหันมามองเรย์แล้วเธอก็หยุดหัวเราะราวกับเพิ่งนึกออกว่าเธอกำลังโกรธเค้าอยู่ แต่พอเห็นเรย์ยิ้มเธอจึงยิ้มตอบ “ฉันไปก่อนนะ” กาเบรียลพูดแล้วเธอก็สาวเท้าให้เดินนำเรย์ไป แต่ทว่าเรย์กลับก้าวตามเธอไป
    “ให้ผมไปส่งนะ กาเบรียล” เรย์พูด กาเบรียลหันมาหัวเราะ เรย์งงกับท่าทีของกาเบรียลมาก จนเค้าเกือบจะแน่ใจว่ากาเบรียลเป็นบ้าเพราะหนังสือกองโตนั่นแหงๆ
    “อย่าเลย ขอบคุณนะเรย์ สำหรับทุกๆ อย่าง” คำพูดที่ดูห่างเหินทำให้เรย์รู้สึกเจ็บหน้าอกขึ้นมาอีกแล้ว ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่างหรือ มันดูห่างเหินชอบกล
    “ไม่ต้องขอบคุณหรอกผมเต็มใจน่ะ” เรย์พูด แต่ทว่ากาเบรียลกลับเดินห่างเค้าไป ไม่หันกลับมามองเรย์อีกเลย เรย์มองตามกาเบรียลไปจนสุดสายตาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
   
   
    กาเบรียลเดินเข้ามายังห้องของมิโคโตะ มิโคโตะตกใจเล็กน้อยเธอยิ้มฝืดๆ ให้กาเบรียล แต่ทว่ากาเบรียลกลับยิ้มให้เธออย่างจริงใจ กาเบรียลเข้าไปนั่งบนโซฟาในห้องมิโคโตะ
    “กาเบรียล ฉันขอโทษ” มิโคโตะพูดออกมาก่อน กาเบรียลยังคงยิ้มให้เธอ “กาเบรียลฉันขอโทษจริงๆ นะ ฉันเองก็ชอบเรย์เหมือนกัน” มิโคโตะสารภาพน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม กาเบรียลจับมือของมิโคโตะแล้วพูด
    “ฉันรู้ ไม่เป็นไรหรอกนะมิโคโตะ ไม่เป็นไร” กาเบรียลรักมิโคโตะมากเหมือนกัน เธอไม่อยากให้คนที่เธอรักต้องมาเจ็บปวดเช่นนี้
    “คืนดีกับเรย์เถอะนะ กาเบรียล” มิโคโตะพูดเสียงสะอื้น กาเบรียลยิ้มให้เธอ
    “ไม่ล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกนะมิโคโตะ” กาเบรียลยอมเป็นผู้เสียสละแทน มิโคโตะกอดกาเบรียลแล้วร้องไห้ เธอเป็นคนทำให้เพื่อนต้องเจ็บปวด กาเบรียลเองก็มีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ตรงข้ามกับเธอเลยทีเดียว กาเบรียลรอให้มิโคโตะหยุดร้องเธอไม่มีน้ำตาไหลลงมาซักหยด หรือเพราะว่าความรู้สึกของเธอจะด้านชาไปแล้ว น้ำตามันหมดไปตั้งแต่วันนั้นเสียแล้วกระมัง
    ระหว่างทางที่เธอเดินกลับจากมหาลัยนั้น เป็นเวลาค่อนข้างมืดแล้ว เธอผ่านห้องสมุด กาเบรียลหันไปมองในห้องสมุดอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอเห็นแสงไฟอยู่ภายใน ทั้งๆ ที่เวลาเช่นนี้ไม่น่าจะมีใครอยู่อีกแล้ว กาเบรียลรู้สึกกลัวขึ้นมา เธอเริ่มรู้สึกว่าอากาศรอบๆ ตัวเย็นลง เธอใจแข็งเดินเข้าไปในห้องสมุดที่ไม่ได้ล็อกเอาไว้
      กาเบรียลเดินไปตามแสงไฟนั้น เธอผ่านชั้นหนังสือมาเรื่อยๆ มาถึงชั้นหนังสือด้านในสุด ตรงที่เธอพบกับเค้า กาเบรียลเห็นแสงออกมาจากหนังสือที่เปิดอ้าไว้อยู่ เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่งด้วยความตกใจ เธอเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ ทุกอย่างเป็นปรากฏการณ์ที่สามารถอธิบายได้ แต่นี่ หนังสือมันเปล่งแสงสว่างจ้าออกมาได้อย่างไร
      กาเบรียลยื่นมืออันสั่นเทาของเธอไปหยิบหนังสือบนพื้นมา แต่ทว่าเหมือนมีบางอย่างดูดเธอลงไปในหนังสือนั่นกาเบรียลกรีดร้องด้วยความตกใจ เธอกลัวมากจนกระทั่งหมดสติไป กาเบรียลหายเข้าไปในหนังสือ พร้อมๆ กับที่หน้าหนังสือที่เปิดอ้าไว้ก็ปิดลง แสงสว่างจ้านั้นหายไป ทุกๆ อย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น