ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัก_ข้าม_มิติ

    ลำดับตอนที่ #22 : งานเต้นรำ

    • อัปเดตล่าสุด 7 ส.ค. 47








        เมื่อเวลาประมาณห้าโมงเย็นพวกสาวใช้ก็ปลุกทั้งกาเบรียลและเมลฟิซที่นอนอยู่ในห้องนั่งเล่นเพื่อเตรียมตัวไปงานเลี้ยง เมลฟิซรีบเข้าห้องไปเตรียมตัว ส่วนกาเบรียลต้องให้สาวใช้ทั้งสองแบกไปจนถึงห้องอาบน้ำเลยทีเดียว



        “ทีน่า มาเรีย ฉันอาบเองได้นะ” กาเบรียลโวยวายเมื่อสองสาวเข้ามาในห้องอาบน้ำด้วย



        “คุณหนูจะได้หลับต่อนะสิคะ” มาเรียพูด เป็นจริงอย่างที่มาเรียว่าระหว่างที่กาเบรียลอาบน้ำเธอทำท่าเหมือนจะหลับให้ได้



        “ไม่เอาน่า เหม็น อย่าเอามาใส่นะ” กาเบรียลรีบพูดเมื่อเห็นพวกเธอกำลังจะใส่พวกกลีบดอกไม้ลงมาในอ่าง กาเบรียลไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมเอาซะเลย



        “งั้นเอาอันนี้ กลิ่นที่คุณหนูชอบ” ทีน่าพูดแล้วใส่ลงไปก่อนที่กาเบรียลจะพูดว่าอะไรอีก



        

        เมื่ออาบน้ำเสร็จทั้งสองก็นำชุดที่กาเบรียลซื้อเมื่อวานมาใส่ให้กาเบรียล เธอใส่สวยมากเลยทีเดียว ทั้งสองสาวนำเครื่องประดับเข้าชุดมาสวมและตกแต่งให้กับกาเบรียล ผมของกาเบรียลถูกดัดให้หยิกแล้วเกล้าขึ้นไป เหมือนกับทรงผมสมัยวิคตอเรียน หน้าของกาเบรียลแต่งด้วยสีอ่อนๆ ดูเป็นธรรมชาติ



        “ว้าว! คุณหนูสวยจังเลย” มาเรียออกปากชม ทำเอากาเบรียลหน้าแดงขึ้นมา ทีน่าเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับมาเรีย



        “คืนนี้คุณหนูจะต้องสวยที่สุดในงานแน่ๆ เลย” ทีน่าพูดขึ้นมาบ้าง



        “ไม่หรอกน่า เจ้าหญิงเอลเลน่า และคนอื่นๆ ก็ยังมีอีกเยอะแยะที่สวยๆ น่ะ” กาเบรียลพูด เธอสำรวจตัวเองอยู่ที่หน้ากระจก แล้วจึงเดินไปหยิบผ้าคลุมมาคลุมทับอีกชั้นเพราะเธอรู้สึกเขินๆ เมื่ออยู่ในชุดที่หรูขนาดนี้ เธอไม่เคยสวมชุดที่หรูขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต



        “ท่านเมลฟิซคงจะรอจนเมื่อยแล้วล่ะค่ะคุณหนู” มาเรียพูด กาเบรียลนึกขึ้นได้ว่าเมลฟิซรออยู่เธอจึงรีบออกไป และเห็นเมลฟิซยืนรออยู่ที่หน้าประตู โดยที่มียานจอดอยู่ข้างหน้าอยู่แล้ว



        “เมลฟิซ ฉันขอโทษที่แต่งตัวช้าไปหน่อย” กาเบรียลพูดทำให้เมลฟิซหันมามองกาเบรียล เค้าดูจะตะลึงเล็กน้อย กาเบรียลที่ดูใสๆ น่ารักที่เค้าเคยรู้จัก บัดนี้กลายเป็นสาวสวยทรงเสน่ห์ไปเสียแล้ว เมลฟิซมองดูชุดที่กาเบรียลใส่



        “ทำไมสวมผ้าคลุมซะล่ะ” เมลฟิซถาม กาเบรียลหัวเราะเบาๆ



        “ก็มันเขินนี่นา ค่อยถอดออกตอนไปถึงดีกว่า” กาเบรียลพูด เมลฟิซจึงไม่ได้ว่าอะไร เค้าเปิดประตูยาน แล้วกาเบรียลก็ขึ้นไปนั่ง แล้วเมลฟิซก็ปิดประตูเค้าขับยานไปช้าๆ



        “นี่ฉันบอกเมลฟิซยังว่าคุณใส่ชุดนี้แล้วหล่อมากเลย” กาเบรียลหันไปพูดกับเมลฟิซ เค้ามองหน้ากาเบรียลด้วยอาการตกใจนิดๆ แล้วยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน



        “เจ้าเองก็งามไม่น้อย” เมลฟิซตอบกลับไป กาเบรียลหันหน้าไปทางหน้าต่างด้านข้าง เธอเห็นตัวเองในกระจกกำลังหน้าแดงด้วยความเขิน



        เมื่อมาถึงในงานที่จัดขึ้นในห้องจัดเลี้ยงของพระราชวัง กาเบรียลก็ลงจากยานแล้วถอดเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่ออก เมลฟิซมองเธอด้วยความตะลึง เค้าไม่คิดว่าชุดที่ดูเรียบๆ ชุดนั้นเมื่อกาเบรียลแต่งแล้วจะดูงดงามขนาดนี้ กาเบรียลเดินมาหาเมลฟิซแล้วเกาะแขนเค้า ทั้งสองเดินเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง ที่สว่างไสวไปด้วยแสงจากโคมไฟระย้า เป็นสีเหลืองทองไปทั่วห้อง ประตูถูกเปิดออกสายตามากมายมองมาตามเสียงประตูที่ถูกเปิด



        ชายหนุ่มหน้าตางดงามราวกับสตรี ผมพริ้วไปตามแรงลม ชุดเป็นทรงปิดคอ แขนยาว สีครีม เสื้อที่สวมเป็นเสื้อเข้ารูปยาวลงมาเหมือนโค้ท ติดเป็นกระดุมลงมาถึงเอว แล้วคาดเข็มขัดสีดำสองอันทำให้ดูเท่ไปอีกแบบ ส่วนชายด้านล่างปล่อยยาวลงมาถึงครึ่งแข้ง เมลฟิซสวมกางเกงสีดำรองเท้าเป็นบูทสีดำ ส่วนหญิงสาวที่เดินคู่มาด้วยนั้นเป็นหญิงสาวที่จัดได้ว่าสวยมากคนหนึ่ง ผมหยิกยาวถูกเกล้าขึ้นมาไว้อย่างงดงาม ชุดสีขาวที่ประดับด้วยทับทิมกลางหน้าอกเป็นชุดที่ดูแปลกตาและโดดเด่น เนื่องจากไม่เหมือนใคร และยังมีการตกแต่งเพิ่มเติมด้วยเครื่องประดับอื่นๆ อีก ทำให้ชุดดูไม่เรียบจนเกินไป ที่เอวมีผ้าผูกเป็นโบว์ ส่วนกระโปรงก็เป็นกระโปรงบานยาวลงมาลากพื้น ชายกระโปรงถูกตกแต่งด้วยลายปักสีทองที่สองสาวปักไว้ให้ ทำให้ดูงามยิ่งขึ้น



        สายตาที่จับจ้องทำให้กาเบรียลรู้สึกประหม่า เธอมองเกาะแขนเมลฟิซแน่นแล้วมองเค้า เมลฟิซหันมายิ้มให้กาเบรียล เค้าเอามืออีกข้างหนึ่งมาจับมือกาเบรียลที่เกาะแขนเค้า เป็นการปลอบกาเบรียลไม่ให้ตื่นเต้น กาเบรียลหายใจลึกๆ แล้วหันไปยิ้มให้เมลฟิซ ทั้งสองเดินลงบันไดที่ทอดยาวลงมาเรื่อยๆ



        “ที่นี่คนเยอะจังเลย” กาเบรียลพูด เธอเพิ่งเคยมางานใหญ่ๆ เช่นนี้เป็นครั้งแรก “เมลฟิซมาบ่อยแล้วสิเนอะ” กาเบรียลพูดเพราะเห็นว่าเมลฟิซไม่มีอาการตกประหม่าแบบเธอ เมลฟิซเดิน อย่างสง่าผ่าเผยกาเบรียลจึงทำตามเพื่อให้ดูเหมาะสมกับเมลฟิซซะหน่อย



        “นั่นเจ้าชายซิลฟีเซ่ จะไปมั้ย” เมลฟิซถามกาเบรียล เธอส่ายศีรษะช้าๆ “งั้นไปหาจูเลียส” กาเบรียลส่ายหน้าอีก



        “เอ่อ... แล้วแต่เมลฟิซดีกว่าฉันอยู่ที่นี่ก็ไม่รู้จักใคร ไปกับเมลฟิซดีกว่า” เมลฟิซยิ้มแล้วพากาเบรียลเดินไปเรื่อยๆ



        เมลฟิซเดินมาถึงคนกลุ่มหนึ่ง พวกเค้าทักเมลฟิซ



        “สวัสดีท่านแม่ทัพเมลฟิซ” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเอ่ยขึ้น



        “สวัสดีครับท่านองครักษ์” เมลฟิซทักทายกลับด้วยรอยยิ้ม “กาเบรียลนี่ท่านองครักษ์” เมลฟิซแนะนำ



        “สวัสดีค่ะ” กาเบรียลพูดแล้วยิ้มให้กับท่านองครักษ์ เค้ายิ้มตอบกลับมา



        “ใครหรือเมลฟิซ” องครักษ์เปลี่ยนพูดอย่างเป็นกันเอง เค้าจ้องมองกาเบรียลไม่วางตา “หรือว่าจะเป็น...”



        “เปล่าครับ เป็นน้องสาวของข้าเอง” เมลฟิซยิ้มอย่างภูมิใจ กาเบรียลเองก็ยิ้มซะจนเมื่อยไปหมดแล้ว เธอชักจะไม่ค่อยชอบการมาออกงานแบบนี้ซะแล้วสิ พักหนึ่งเมลฟิซก็ผละออกมาจากกลุ่มนั้นได้ แต่ก็เจอคนมาอื่นๆ มาทักอยู่เรื่อยๆ ดูเหมือนทุกคนจะถามถึงกาเบรียลด้วยสิ









        “อ่าว! เมลฟิซมาแล้วหรือ” เจ้าชายจูเลียสทักเมลฟิซ เค้าก้มหัวให้เจ้าชายแล้วสะกิดกาเบรียล เธอหันมาแล้วย่อเข่า แบบถอนสายบัว “ได้ยินมาว่าเจ้าควงสาวงามมารึ ใครกันล่ะ” เจ้าชายจูเลียสพยายามจะมองหน้าสาวงามตรงหน้า แต่ถ้าจะก้มดูก็จะเป็นการเสียมารยาท



        “จำไม่ได้เหรอเพคะ” กาเบรียลเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้เจ้าชาจูเลียส เค้ามองเธอราวกับถูกสะกด ไม่น่าเชื่อว่ากาเบรียลจะแต่งตัวแล้วกลายเป็นสาวงามได้ขนาดนี้



        “เอ้อ... จำได้สิ” เจ้าชายจูเลียสตรัสกลบเกลื่อน กาเบรียลหัวเราะเบาๆ เธอมองไปยังคู่ควงของเจ้าชายจูเลียส นั่นคือหญิงสาวที่ชื่อริเรียนั่นเอง เธออยู่ในชุดสีทองสุดหรูที่กาเบรียลไปลองที่ร้านขายผ้านั่นเอง เธอทำเชิดใส่กาเบรียล กาเบรียลจึงทำตาม เมลฟิซมองกาเบรียลแล้วหัวเราะ กาเบรียลทำท่าเชิดได้น่ารักอย่าบอกใครเลย เหมือนกับเด็กๆ ที่โกรธแล้วเชิดใส่กันอย่างนั้น



        “เมลฟิซหัวเราะอะไรน่ะ” กาเบรียลถามเมลฟิซ เค้าไม่ตอบ เมลฟิซเห็นเจ้าชายจูเลียสมองกาเบรียลราวกับจะให้ทะลุผ่านเธอซะให้ได้ เจ้าชายทรงมองเมลฟิซด้วยความอิจฉาที่ได้เดินเคียงคู่กับกาเบรียล เมลฟิซยิ้มให้เจ้าชายจูเลียสอย่างรู้ทัน



        “แล้วเจอซิลฟีเซ่รึยังล่ะเมลฟิซ” เจ้าชายทรงถามเมลฟิซ



        “ยังเลย” เมลฟิซตอบตามตรง กาเบรียลทำสีหน้ายุ่งยาก เธอไม่อยากไปเจอเลย เธอจะต้องถูกมนตร์บ้าๆ นั่นอีกแน่



        “อ่าว งั้นไปด้วยกันเลยละกัน” เจ้าชายจูเลียสตรัสแล้วเดินไปทางเจ้าชายซิลฟีเซ่ กาเบรียลมองหน้าเมลฟิซแล้วส่ายศีรษะ เมลฟิซเข้าใจว่ากาเบรียลไม่อยากไปแต่ในเมื่อเจ้าชายจูเลียส ออกปากเค้าจึงขัดไม่ได้ เมลฟิซมาถึงก็ทำความเคารพบรรดาเจ้าหญิงและเจ้าชายทั้งหลาย กาเบรียลเองก็เช่นกัน เธอเดินก้มหน้ามา และเมื่อทำความเคารพเสร็จเธอก็หลบอยู่ข้างหลังเมลฟิซ



        “เป็นอะไรไปจ๊ะกาเบรียล” เจ้าหญิงเอลเลน่าในชุดสีทองประดับไปด้วยทับทิมเม็ดเล็กๆ เต็มไปหมดทรงถามเพราะกาเบรียลมีท่าทีแปลกไป เจ้าชายซิลฟีเซ่ยิ้มเพราะเค้ารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับกาเบรียล



        “ไม่มีอะไรเพคะ” กาเบรียลตอบแต่ก็ยังหลบหลังเมลฟิซอยู่ เจ้าชายฟีเรนเซ่จึงเดินไปลากกาเบรียลออกมา แต่เธอสะบัดแขนเจ้าชายแล้วหันหน้าไปทางอื่นเสีย เจ้าชายฟีเรนเซ่หน้าเสียทันที



        “ยังโกรธอยู่หรือ” เจ้าชายฟีเรนเซ่ทรงถาม กาเบรียลก้มลงมามอง เจ้าชายฟีเรนเซ่ทรงทำหน้าเศร้า “ข้าเข้าใจผิดเอง” เจ้าชายฟีเรนเซ่ตรัสต่อ กาเบรียลจึงรีบพูด



        “ไม่เป็นไรเพคะ” กาเบรียลพูดเบาๆ แล้วยิ้มให้เจ้าชายฟีเรนเซ่ เค้าเงยหน้าขึ้นมามองกาเบรียลตรงๆ แล้วก็ตาโต แล้วเจ้าชายฟีเรนเซ่ก็ทรงยิ้มให้กาเบรียลด้วยอาการเขินนิดๆ



        “กาเบรียล เป็นอะไรไปน่ะ อยู่ท่ามกลางคนมากๆ แล้วประหม่าหรือ” เจ้าชายซิลฟีเซ่พูดแหย่กาเบรียล เธอจึงเดินออกมาจากด้านหลังเมลฟิซ แล้วจ้องเจ้าชายซิลฟีเซ่ด้วยความโมโห แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นแววตาหวานซึ้ง เจ้าชายรูปงามในชุดสุดเท่ กาเบรียลมองเจ้าชายซิลฟีเซ่ราวกับเคลิ้มฝัน



        “กาเบรียล” เมลฟิซเรียกกาเบรียล เธอจึงได้สติกลับมา เธอเดินเข้ามาหาเมลฟิซแล้วเกาะแขนเมลฟิซแน่นไม่ปล่อย



        “หืม! ทั้งสองคนเป็นอะไรกัน” เจ้าชายจูเลียสถามอย่างไม่สบอารมณ์ ที่เห็นกาเบรียลติดเมลฟิซแจ ไม่ยอมห่างไปไหนเลย



        “เป็นน้อง เอ่อ จริงๆ แล้วเป็นลูกอีกคนของพ่อข้าน่ะ” เมลฟิซพูดเพราะเจ้าชายเองก็ทราบว่าเมลฟิซไม่มีน้องสาวเลยซักคน เจ้าชายพยักหน้าแต่ดูเหมือนจะไม่เชื่อซะทีเดียว



        “ไปเต้นรำกันมั้ย” เจ้าชายจูเลียสชวนเมื่อเห็นไม่มีคนไปเต้นรำกันซักที ดูเหมือนเจ้าชายจะอยากไปเปิดฟลอร์ซะมากกว่า แล้วทั้งคู่ของเมลฟิซและเจ้าชายซิลฟีเซ่ก็เดินตามเจ้าชายจูเลียสออกไปเปิดฟลอร์ จนกระทั่งเพลงจบไปสองเพลงกาเบรียลจึงขอมานั่ง เพราะเมลฟิซเองก็คงจะเจ็บน่าดูกาเบรียลดูจะจำท่าทางการเต้นที่สองสาวสอนไม่ได้ เลยเหยียบเท้าเมลฟิซหลายหนอยู่เหมือนกัน



        เมลฟิซนั่งอยู่ข้างๆ กาเบรียลที่นั่งฮัมเพลงไม่สนใจใคร เธอมองไปยังรูปภาพใหญ่ที่อยู่กลางห้อง ซึ่งเป็นรูปของราชินีของกษัติย์แห่งแอตแลนติส แล้วมองเลยไปเรื่อยๆ เธอมองไปกลางฟลอร์ ที่เจ้าชายซิลฟีเซ่เต้นรำกับเจ้าหญิงเอลเลน่าอยู่ เธอเห็นว่าทั้งคู่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก แต่เธอไม่ชอบเลยที่เจ้าชายมาแกล้งเธอแบบนี้ เห็นแล้วหงุดหงิดบอกไม่ถูก



        “กาเบรียลเป็นอะไรไปน่ะ เห็นมองเจ้าชายแล้วทำท่าหงุดหงิดตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” เมลฟิซถามกาเบรียล



        “ไม่ได้เป็นอะไรหรอกเมลฟิซ แค่หงุดหงิดนิดหน่อย” กาเบรียลบอก



        “หงุดหงิดเพราะทั้งสองคนอยู่ด้วยกันหรือ” เมลฟิซถามอีก กาเบรียลตกใจเล็กน้อย



        “ไม่ใช่นะเมลฟิซ” กาเบรียลแก้ตัว หรือว่าเธอคิดเช่นนั้นจริงๆ นะ



        “โอ๊ะ! กลับมากันแล้ว” เจ้าชายฟีเรนเซ่พูด แล้วลุกไปหาเจ้าชายซิลฟีเซ่พระเชษฐา เจ้าชายซิลฟีเซ่ขยี้ผมเจ้าชายฟีเรนเซ่ด้วยความเอ็นดู เจ้าหญิงเอลเลน่าเดินไปนั่ง เจ้าชายซิลฟีเซ่พูดกับเจ้าหญิงเอลเลน่าพักหนึ่งก็เดินออกมา



        กาเบรียลนั่งหาวด้วยความเบื่อหน่าย ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนุกเลยเธอนั่งมองหญิงสาวที่ร้องเพลงแสนจะโหยหวนอยู่บนเวที ทำไมเธอไม่ร้องเพลงที่มันเร็วๆ บ้างนะ กาเบรียลคิดเล่นๆ



        “ให้เกียรติข้าไปเต้นรำซักเพลงจะได้มั้ย” เสียงเจ้าชายซิลฟีเซ่ดังมา กาเบรียลพยายามจะไม่มองเจ้าชาย



        “อะ เอ่อ...” กาเบรียลอ้ำอึ้ง



        “จะไปมั้ย” เจ้าชายซิลฟีเซ่พูดแกมบังคับ กาเบรียลจึงหันไปมองเมลฟิซ เธอเห็นเค้าพยักหน้า กาเบรียลจึงยอมไป



    ‘อยากโดนเหยียบเท้านักใช่มั้ย ได้เลย!’ กาเบรียลคิด



        กาเบรียลเดินออกไปกลางฟลอร์พร้อมกับเจ้าชายซิลฟีเซ่ หลายๆ สายตากำลังจ้องมองคู่ของเธออยู่ กาเบรียลเดินไม่มองหน้าเจ้าชายเลย จึงไม่เห็นว่าเจ้าชายซิลฟีเซ่กำลังยิ้มอยู่



        “งานนี้ไม่สนุกเหรอ” เจ้าชายทรงถามขณะที่กำลังเต้นอยู่



        “เอ่อ... เพคะ” กาเบรียลตอบตามตรง “หม่อมฉันไม่รู้จักใคร” กาเบรียลพูดต่อ



        “งั้นหรือ แต่ว่าข้าสนุกมากเลยล่ะ” เจ้าชายซิลฟีเซ่หัวเราะเสียงเย็น กาเบรียลเสียวสันหลังวาบ ทำไมเสียงหัวเราะมันถึงได้ฟังดูน่ากลัวแบบนี้ล่ะ “ไม่คิดจะมองหน้าข้าหน่อยรึไง” เจ้าชายทรงถามกาเบรียล กาเบรียลหัวเราะกลบเกลื่อน



        ทั้งสองไม่พูดกันอีกจนกระทั่งจบเพลง กาเบรียลทำท่าจะเดินกลับแต่เจ้าชายทรงรั้งไว้ แล้วดึงเข้ามาใกล้ กาเบรียลรู้สึกถึงลมหายใจของเจ้าชายที่เป่ารดต้นคอของเธอ



        “กาเบรียล วันนี้เจ้าสวยมากเลย” เจ้าชายทรงพูดกับกาเบรียลเสียงนุ่มน่าฟัง กาเบรียลหน้าแดงเธอหันไปมองเจ้าชายด้วยความตกใจ กาเบรียลมองหน้าเจ้าชายที่ดูจะหล่อกว่าเดิมซักสิบเท่าเห็นจะได้และดูจะหล่อกว่าเมลฟิซซักพันเท่ากระมัง เจ้าชายมองกาเบรียลแล้วยิ้ม กาเบรียลต้องมนตร์สะกดอีกแล้ว ดูเหมือนเจ้าชายจะสนุกกับปฏิกิริยาของกาเบรียลมาก เค้าเขี่ยผมของกาเบรียลเล่น กาเบรียลหลบตาเจ้าชายด้วยความเขิน



        เมลฟิซที่มองเห็นเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลานั้นขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เมลฟิซแทบจะไม่ได้ละสายตาจากกาเบรียลและเจ้าชายซิลฟีเซ่เลย เค้ารู้สึกไม่ค่อยจะปลอดภัยถ้าปล่อยให้กาเบรียลอยู่ในสภาพที่ถูกสะกดจิตเช่นนั้น อีกทั้งเจ้าหญิงเอลเลน่าก็อยู่ด้วย



        เจ้าหญิงเอลเลน่ามองเมลฟิซที่จ้องกาเบรียลไม่ละสายตา เธอทำหน้าเศร้า เจ้าหญิงเอลเลน่าจึงเดินมานั่งข้างๆ เมลฟิซ เมลฟิซจึงหันมามองแล้วยิ้ม



        “เจ้าหญิงเอลเลน่า ทรงทานอะไรบ้างรึยังพะยะค่ะ” เมลฟิซชวนคุยก่อน

      

         “เรายังไม่ได้ทานอะไรเลยเมลฟิซ แล้วท่านไม่ทานอะไรหรือ” เจ้าหญิงเอลเลน่าถามบ้าง



        “งั้นกระหม่อมไปตักมาให้ หรือท่านจะไปกับกระหม่อม” เมลฟิซพูด เจ้าหญิงเอลเลน่าทรงยิ้มให้เมลฟิซ



        “ไปด้วยกันดีกว่า” เจ้าหญิงตรัส เมลฟิซยิ้ม เค้าชวนเจ้าหญิงเอลเลน่าคุยไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เธอไปสนใจกับเจ้าชายซิลฟีเซ่และกาเบรียล ดูเค้าจะเป็นห่วงความรู้สึกของเจ้าหญิงเอลเลน่ามากเป็นพิเศษ



        เจ้าชายจูเลียสที่กำลังยุ่งอยู่กับริเรีย บุตรสาวของท่านองครักษ์หันไปมองกาเบรียลที่กำลังเต้นกับเจ้าชายซิลฟีเซ่แล้วรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เค้าอยากจะทิ้งริเรียแล้วไปดึงกาเบรียลมาซะเดี๋ยวนั้น แต่ก็ทำได้แค่คิด เจ้าชายจูเลียสเห็นกาเบรียลดูจะชอบเจ้าชายซิลฟีเซ่ เพราะเธอมองเจ้าชายซิลฟีเซ่ซะตาหวานเยิ้มขนาดนั้นเลยยิ่งหงุดหงิดไปใหญ่



        “เจ้าชาย หม่อมฉันเหนื่อยแล้วเพคะ” กาเบรียลพูดเสียงเบาเมื่อจบเพลงที่สาม เจ้าชายจึงพากาเบรียลไปนั่งตรงที่เมลฟิซนั่งอยู่เมื่อครู่ แต่เค้ากลับไม่พบเจ้าหญิงเอลเลน่า เจ้าชายซิลฟีเซ่มองหาอยู่พักใหญ่ก็ไม่เจอ กาเบรียลที่มองเห็นปฏิกิริยานั้นก็รูสึกน้อยใจขึ้นมาเธอรู้สึกเจ็บที่หน้าอก



        “เมลฟิซพาเจ้าหญิงไปไหนน่ะ” เจ้าชายซิลฟีเซ่ตรัสเสียงห้วน กาเบรียลนั่งเงียบเจ้าชายจึงนั่งลงข้างกาเบรียล



        “เมลฟิซคงไม่ไปไหนไกลหรอกเพคะ” กาเบรียลพูดไม่มองหน้าเจ้าชาย



        “ไปกับคู่หมั้นข้านะหรือ” เจ้าชายขมวดคิ้ว



        “...”



        “กาเบรียล ข้าจะไปหาเจ้าหญิงเอลเลน่าก่อน” เจ้าชายทำท่าจะลุกขึ้นยืน กาเบรียลดึงแขนเสื้อเจ้าชายซิลฟีเซ่อย่างไม่รู้ตัว เจ้าชายทรงหันมามอง กาเบรียลทำหน้าเศร้าเจ้าชายจึงนั่งลง

    “กาเบรียลปล่อยมือ” เจ้าชายตรัสเสียงเย็นชา แต่กาเบรียลไม่ยอมปล่อย เจ้าชายมองหน้ากาเบรียลอีกครั้ง กาเบรียลทำหน้าเหมือนจะร้อง เจ้าชายทรงมองหน้ากาเบรียลอยู่พักหนึ่ง แล้วค่อยๆ ยื่นหน้าเค้ามาใกล้แล้วจูบกาเบรียล ดูเหมือนจะไม่มีใครเห็น กาเบรียลหน้าแดงด้วยความเขิน เธอปล่อยมือจากแขนเสื้อเจ้าชายแล้ว เจ้าชายจึงลุกขึ้นยืนเพื่อไปตามหาเจ้าเอลเลน่า กาเบรียลมองเจ้าชายที่เดินจากไปด้วยความเจ็บปวด



        “กาเบรียล” เสียงเจ้าชายฟีเรนเซ่ดังมาพร้อมกับมือที่มาตบหลังกาเบรียลที่นั่งอยู่เบาๆ กาเบรียลจึงคลายมนตร์สะกด เธอหันมามองเจ้าชายฟีเรนเซ่อย่างขอบคุณ แต่ทำไมเธอยังรู้สึกเจ็บหน้าอกอยู่นะ



        “เจ้าชายมีอะไรหรือเพคะ” กาเบรียลยิ้ม เจ้าชายฟีเรนเซ่ฉุดมือกาเบรียลให้เดินตามไป เจ้าชายฟีเรนเซ่ทรงดึงกาเบรียลมาจนถึงที่นั่งที่จูเลียสนั่งอยู่กับริเรีย แล้วเจ้าชายก็นั่งลง กาเบรียลมองด้วยความแปลกใจ



        “กาเบรียลนั่งสิ” เจ้าชายฟีเรนเซ่เงยหน้าขึ้นมาพูดกับกาเบรียล กาเบรียลนั่งลงที่เก้าอี้ที่เหลืออยู่ข้างๆ เจ้าชายฟีเรนเซ่ และยังติดกับเจ้าชายจูเลียสด้วย “เจ้าพี่ไปไหนแล้วล่ะ” เจ้าชายฟีเรนเซ่ทรงถาม



        “ไปตามหาเจ้าหญิงเอลเลน่ามั้งคะ” กาเบรียลพูด



        “เหมาะสมกันจริงๆ เลยนะสองคนเนี่ย” เจ้าชายจูเลียสพูดลองใจกาเบรียล สายตาเค้ากำลังมองกาเบรียลอยู่



        “นั่นสิคะ เหมาะกันจริงๆ เลย เมื่อไหร่จะทรงอภิเษกกันซะทีนะ” กาเบรียลยิ้มอย่างจริงใจ เจ้าชายจูเลียสจึงยิ้มตาม เค้าคงจะคิดไปเองซะกระมัง



        “เจ้าชายเพคะ หม่อมฉันขอตัวก่อนดูเหมือนท่านพ่อจะเรียก” ริเรียทำหน้าเสียดายอย่างยิ่งที่ต้องจากเจ้าชายจูเลียสไป เจ้าชายจูเลียสพยักหน้า แล้วเธอก็เดินไป



        “กาเบรียล” เจ้าชายจูเลียสเรียกกาเบรียล เธอหันไปมองแล้วทำหน้าบึ้งใส่



        “ทำไมเจ้าชายไม่ทรงบอกหม่อมฉันว่าเป็นเจ้าชายล่ะเพคะ” กาเบรียลพูดอย่างเอาเรื่อง แต่ทว่าเค้ากลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี



        “ก็ไม่อยากให้เจ้ากลัวข้านี่” เจ้าชายตอบตามตรง กาเบรียลจึงยิ้มได้ “กาเบรียล...” เจ้าชายทรงเรียกอีก



        “?”



        “เจ้า...” เจ้าชายจูเลียสอ้ำอึ้ง แล้วมองไปทางเจ้าชายฟีเรนเซ่ที่วิ่งหายไปแล้ว กาเบรียลมองเจ้าชายจูเลียส และคอยฟังว่าจะพูดว่าอะไร “เจ้า...”



        “มีอะไรเพคะ” กาเบรียลถามเพราะเจ้าชายไม่ยอมพูดซักที เจ้าชาจูเลียสจึงตัดสินใจพูด



        “เจ้าจะว่าอย่างไร ถ้าข้าจะขอเจ้าอภิเษก” เจ้าชายจูเลียสมองกาเบรียลตาหวานซึ้ง กาเบรียลตาโต ใบหน้าของเธอแดงก่ำช่างน่ารักจริงๆ กาเบรียลหลบตาเจ้าชายจูเลียส เจ้าชายมองท่าทางของเธอแล้วยิ้ม “ว่าอย่างไรกาเบรียล” เจ้าชายทรงถามซ้ำ



        “เอ่อ... ฉันดีใจเพคะที่เจ้าชายขอฉันอภิเษก แต่ว่า...” เจ้าชายจูเลียสเริ่มหน้าเสีย กาเบรียลกำลังจะปฏิเสธการขออภิเษกของเค้าหรือ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเค้าเลยซักคน “เจ้าชายเพคะ ฉันอภิเษกกับท่านไม่ได้” กาเบรียลให้ตอบ เจ้าชายจูเลียสที่นั่งฟังอยู่นั้นรู้สึกชาไปทั้งตัว เค้ารู้สึกว่าพื้นข้างๆ ตัวกำลังพังทลายลง



        “ทำไมล่ะกาเบรียล” เจ้าชายจูเลียสกลั้นใจถามกาเบรียล กาเบรียลมองหน้าเจ้าชายด้วยความสงสาร เธอเองก็ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี เธอไม่ได้รักเจ้าชายก็ฟังดูห้วนไป “กาเบรียลตอบข้าสิ กาเบรียล...” เจ้าชายจูเลียสดึงมือกาเบรียลมากุมไว้ กาเบรียลรู้สึกว่ามือเจ้าชายสั่นน้อยๆ กาเบรียลเงียบอยู่พักหนึ่ง



        “หม่อมฉันเป็นเพียงสามัญชนนะเพคะ” กาเบรียลตอบเลี่ยงๆ อย่างที่เค้าใช้กันบ่อยๆ



        “ข้าไม่สน”



        “เราเพิ่งรู้จักกัน...” กาเบรียลยังไม่ยอมแพ้



        “หลังจากนั้นเราจะได้รู้จักกันมากขึ้น” เจ้าชายทรงตอบ ทำไมถึงเป็นคนที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรเลยนะ กาเบรียลคิด “เจ้ารังเกียจข้าหรือ” เจ้าชายทรงถามกาเบรียลเสียงแห้ง กาเบรียลก้มหน้า แล้วส่ายศีรษะ เธอไม่ได้รังเกียจเจ้าชายจูเลียสเลยออกจะชอบด้วยซ้ำแต่มันไม่ใช่ความรู้สึกชอบแบบนั้นนะ “งั้นเป็นคู่หมั้นก่อนก็ได้” กาเบรียลมองเจ้าชายตาโต



        “ถ้าเมลฟิซอนุญาต...” กาเบรียลพูดเพราะยังไงเมลฟิซเป็นเพื่อนกับเจ้าชายคงพูดกันง่ายกว่า เจ้าชายจูเลียสจึงยิ้มได้ ดูเหมือนสีหน้าจะดีขึ้นทันตาเห็น เจ้าชายทรงสงสัยว่าทำไมต้องถามเมลฟิซก่อน แต่เค้าก็ไม่ได้ถามอะไรกาเบรียลต่อ







        “อ่าว! มาอยู่ที่นี่เองกาเบรียล” เสียงของเมลฟิซดังมาจากด้านหลัง กาเบรียลหันไปยิ้มให้เมลฟิซ เค้ายิ้มตอบ “ไงสาวน้อย อยากกลับบ้านหรือ” เมลฟิซถามเพราะเห็นสีหน้าเธอดูเซ็งๆ



        “แล้วแต่เมลฟิซเถอะ ฉันยังไงก็ได้” กาเบรียลพูด



        “เมลฟิซ ข้าขอคุยด้วยเดี๋ยวสิ” เจ้าชายจูเลียสพูดขึ้น กาเบรียลหันขวับไปมอง เจ้าชายจูเลียสยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน



        “เอ่อ… งั้นขอตัวนะคะ” กาเบรียลพูดแล้วเดินไปโดยที่ไม่ได้รอคำตอบ แล้วเมลฟิซก็นั่งที่นั่งตรงข้ามกับเจ้าชายจูเลียส กาเบรียลคอยมองพวกเค้าอยู่ห่างๆ ราวกับว่าเธอจะสามารถรู้สิ่งที่ทั้งสองคุยกันได้ซะอย่างนั้น







        “นี่! กาเบรียล” เจ้าชายฟีเรนเซ่เดินมาทัก กาเบรียลหันไปมอง “ข้าอยากจะถามเจ้าตั้งแต่เมื่อกี้แล้วล่ะ” กาเบรียลทำหน้าแปลกใจ เธอยิ้มแล้วรอฟังคำถาม “เจ้าชอบเจ้าพี่ของข้าหรือ” เจ้าชายฟีเรนเซ่ตรัส กาเบรียลสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ



        “ไม่ใช่นะเพคะ” กาเบรียลแก้ตัวทันที



        “แต่ข้าเห็นท่าทางของเจ้า...”



        “ไม่ใช่นะ” กาเบรียลเถียง



        “แล้วทำไมเจ้าถึงต้องหน้าแดงเวลาอยู่กับเจ้าพี่ล่ะ เมื่อกี้ข้าเห็นนะกาเบรียล ก่อนที่ข้าจะไปหาเจ้าน่ะ เจ้ากับเจ้าพี่...” เจ้าชายฟีเรนเซ่จ้องหน้ากาเบรียล



        “ไม่ใช่น้าาา ฉันไม่มีทางชอบเจ้าชายเด็ดขาดเลย ไม่มีทางเป็นไปได้ด้วย” กาเบรียลพูดยืนยันด้วยความมั่นใจ



        “อ้อ! งั้นหรือ” กาเบรียลสะดุ้งโหยง เสียงของเจ้าชายซิลฟีเซ่ดังมาจากทางด้านหลังของกาเบรียล มันน่ากลัวจนกาเบรียลไม่อยากหันหลังกลับไปมองด้วยซ้ำ เธอได้แต่ยืนนิ่ง



        “เห็นมั้ย เจ้าพี่ข้าบอกแล้วว่าเจ้าพี่ไม่มีทางชนะหรอก กาเบรียลไม่ได้ชอบเจ้าพี่ ไงล่ะ ม้าศึกของข้า” เจ้าชายฟีเรนเซ่ยิ้มเยาะพระเชษฐา กาเบรียลทำหน้างงสุดขีด



        “ชนะอะไร” กาเบรียลถาม



        “ก็พนันไว้นะสิ ว่าถ้าเจ้าชอบ...” เจ้าชายฟีเรนเซ่เผลอพูดอย่างลืมตัว พอเหลือบไปเห็นสีหน้าของกาเบรียลจึงหยุดพูดทันที เจ้าชายทรงหันไปยิ้มแหยๆ ให้กาเบรียล แต่ดูเหมือนเธอจะไม่มีอารมณ์ยิ้มด้วยเท่าไหร่



        “เพราะอย่างนี้เองเหรอ” กาเบรียลยิ้มให้เจ้าชายทั้งสอง เป็นรอยยิ้มที่ดูเย็นชาเป็นที่สุดแล้วเดินจากไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าชายทั้งสองมองกาเบรียลอย่างผิดคาด นึกว่าเธอจะโวยวายจนลั่นห้องจัดเลี้ยงซะอีก แต่ดูเหมือนมันจะเลวร้ายยิ่งกว่านั้นเยอะ



        “จะ เจ้าพี่...” เจ้าชายฟีเรนเซ่มองหน้าพระเชษฐาใบหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด



        “อีกเดี๋ยวคงหายโกรธ ผู้หญิงก็แบบนี้ล่ะ พออย่างนี้ก็โกรธไม่เข้าเรื่อง พอทำดีด้วยหน่อยเดี๋ยวก็หายโกรธเอง” เจ้าชายซิลฟีเซ่พูดอย่างเหยียดหยาม สายตามองตรงไปยังกาเบรียลที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ



        



        เมลฟิซเดินหากาเบรียลจนทั่วห้องจัดเลี้ยง แต่ก็หาเธอไม่เจอ จนกระทั่งเค้าสังเกตเห็นบริเวณระเบียงที่ยื่นออกไป เมลฟิซเดินมาหากาเบรียลที่มองออกไปข้างนอกอย่างเหม่อลอย



        “เมลฟิซ...” กาเบรียลเรียก เมื่อเห็นว่าใครมายืนข้างๆ เธอ “เป็นยังไงบ้างคะ” กาเบรียลถามเมลฟิซ



        “เรื่องนั้นนะเหรอ” เมลฟิซหันมามองกาเบรียล เธอพยักหน้า “ตอบตกลงไปแล้วล่ะ” เมลฟิซตอบ กาเบรียลทำหน้าเหวอ



        “อะไรนะ!!! ตอบตกลงได้ยังไง” กาเบรียลพูดเสียงดัง



        “อ่าว! ข้านึกว่าเจ้าอยากให้เป็นอย่างนั้นซะอีก” เมลฟิซเองก็ตกใจไม่แพ้กัน “ข้านึกว่าเจ้าตอบตกลงไปแล้วถึงได้มาถามข้าน่ะ” เมลฟิซมีสีหน้าลำบากใจยิ่งนัก “ทำไงดีกาเบรียล” เค้ารู้สึกผิดมหันต์เลยทีเดียว กาเบรียลมองหน้าเมลฟิซพักหนึ่งแล้วถอนหายใจ “ข้าจะไปบอกจูเลียสเดี๋ยวนี้แล้วกันนะ” เมลฟิซทำท่าจะกลับเข้าไปในงาน



        “ช่างเถอะค่ะ” กาเบรียลถึงเมลฟิซไว้ “ยังไงคุณบอกว่าฉันกลับไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ ได้เป็นคู่หมั้นของเจ้าชายก็ไม่เลวเหมือนกันนะ” กาเบรียลยิ้ม แต่ทว่าเมลฟิซมีสีหน้าหนักใจ เค้าลูบศีรษะเพื่อปลอบกาเบรียล กาเบรียลรู้สึกถึงความห่วงใยของเมลฟิซจากมือข้างนั้น













    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×