ลำดับตอนที่ #21
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : เปิดงานแข่งขันการล่าสัตว์ [ต่อ]
    เจ้าชายฟีเรนเซ่ที่ไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าร่วมการแข่งขันนั่งอยู่ในร้านขายเครื่องดื่มอย่างเบื่อหน่าย กับผู้ติดตามอีกสองคน
    “ข้าจะไปที่ไหนดี ที่มันไม่น่าเบื่อ” เจ้าชายฟีเรนเซ่ถามผู้ติดตาม ทั้งสองหันไปมองหน้ากัน
    “ไปเดินซื้อของมั้งพะยะค่ะ เจ้าชาย” ผู้ติดตามคนหนึ่งตอบ เจ้าชายทรงหันมามองแล้วหันกลับออกไปมองข้างนอกอีกครั้ง
    “อย่าเรียกข้าว่าเจ้าชายจะได้มั้ย” เจ้าชายฟีเรนเซ่พูดเสียงเรียบ ทั้งสองจึงพยักหน้า “ข้าจะไปเดินเล่นอย่างเจ้าว่า ถ้ามันไม่สนุกละก็...” เจ้าชายทรงค้างไว้เช่นนั้น แล้วเดินออกไป ผู้ติดตามทั้งสองกลืนน้ำลานเหนียวๆ ลงคอ เจ้าชายมักพูดเช่นนี้เสมอ แต่ก็ไม่เห็นเคยทำอะไรซักครั้ง แล้วทั้งสองก็วิ่งตามเจ้าชายฟีเรนเซ่ไป
    “ทำไมมาช้านักล่ะ” เจ้าชายฟีเรนเซ่ทรงพูดกับผู้ติดตามทั้งสอง “ทางนั้นเค้ามีอะไรกันน่ะ” เจ้าชายทรงชี้ไปทางเวทีที่เปิดงานเมื่อครู่ที่บัดนี้มีบรรดาผู้คนมากมายส่งเสียงเชียร์โห่ร้องดังกระหึ่มเลยทีเดียว
    “คงจะเป็นเวทีการแสดง เห็นเค้าว่าจะมีสาวงามมาแสดงด้วย” ผู้ติดตามบอกเจ้าชาย เจ้าชายทรงพยักหน้าแล้วเดินไปทางนั้น
    “กาเบรียลเสียงดังจังเลย” เจ้าหญิงเอลเลน่าที่ยืนอยู่ข้างๆ กาเบรียลตะโกนออกมาเสียงดังแข่งกับเสียงโห่ร้อง
    “เสียงดังๆ สิเพคะถึงจะมันส์” กาเบรียลหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เจ้าหญิงยังไม่เคยชินกับเสียงดังๆ เหมือนกับเธอนี่นา กาเบรียลว่าตอนเธอไปดูคอนเสิร์ตเสียงดังกว่านี้ด้วยซ้ำ
    “เจ้าหญิงเอลเลน่าดูนั่นสิเพคะ” กาเบรียลชี้ไปทางเวทีที่มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินขึ้นเวทีมา เสียงโห่ร้องดังขึ้นไปอีก หญิงสาวโบกมือให้กับผู้มาชมการแสดง เหมือนกับการมาดูคอนเสิร์ตในสมัยปัจจุบันไม่มีผิด กาเบรียลเองก็ส่งเสียงเชียร์ด้วยเหมือนกัน เจ้าหญิงเอลเลน่ามองกาเบรียลแล้วอุดหู กาเบรียลเห็นท่าไม่ดีจึงพาเจ้าหญิงเอลเลน่าออกมาจากสถานที่แห่งนั้น
    “ขอบใจกาเบรียล” เจ้าหญิงเอลเลน่ากล่าวขอบคุณกาเบรียล เพราะตอนนี้เธอเองก็ไม่มีผู้ติดตามมาคอยคุ้มกัน มีเพียงกาเบรียลที่คอยดูแลเธออยู่
    “เฮ้! นั่นกาเบรียลใช่มั้ย” เสียงเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังของทั้งคู่ ทั้งสองหันมามองต้นเสียง และพบกับเจ้าชายฟีเรนเซ่และผู้ติดตาม “เจ้าหญิงเอลเลน่า” เจ้าชายฟีเรนเซ่เรียกด้วยความตกใจ “ทำไมมาอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะ แล้วผู้ติดตามไปไหนหมด”
    “เอ่อ...” เจ้าชายฟีเรนเซ่หันขวับไปมองกาเบรียลที่ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะพูดอะไร
    “กาเบรียล ทำไมเจ้าถึงพาเจ้าหญิงออกมาคนเดียวเล่า มันอันตรายเจ้าไม่รู้รึไง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมากับเจ้าหญิงเจ้าจะรับผิดชอบได้มั้ย” เจ้าชายฟีเรนเซ่ว่ากาเบรียล เธอเลยยืนอ้าปากค้างไปเลย
    “ไม่ใช่นะฟีเรนเซ่ เราเป็นคนพากาเบรียลออกมาเอง” เจ้าหญิงเอลเลน่าพูดกับเจ้าชายฟีเรนเซ่ ด้วยสีหน้ากังวลใจยิ่งนัก
    “ไม่ต้องแก้ตัวแทนกาเบรียลหรอกเจ้าหญิงเอลเลน่า โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เจ้าชายฟีเรนเซ่ขมวดคิ้วใส่กาเบรียล ทำเอากาเบรียลอึ้งไปเลย เจ้าชายฟีเรนเซ่ไม่เคยว่าหล่อนขนาดนี้มาก่อนเลย
    “งั้นไปดูการแสดงพื้นเมืองตรงนู้นกันเถอะนะ” เจ้าหญิงเอลเลน่าทรงเปลี่ยนเรื่อง เพราะสถานการณ์ชักไม่ค่อยดีแล้ว เจ้าชายทรงยิ้มแล้วเดินไป ตลอดการแสดง กาเบรียลได้แต่นั่งดูเงียบๆ
ยิ้มบ้างเวลาเจ้าหญิงพูดอะไรกับเธอ เจ้าชายฟีเรนเซ่เองก็ไม่พูดอะไรกับเธอเลยเช่นกัน
    ระหว่างที่กำลังเต้นรำกันอย่างสนุกสนานก็มีหญิงสาวในวงเต้นรำคนหนึ่งหันมายิ้มให้กาเบรียล กาเบรียลจึงยิ้มตอบ
    “ไปชวนคุณหนูมาเต้นรำด้วยกันดีกว่า ดูคุณหนูซึมๆ ไปนะ” หญิงสาวในวงเต้นรำซึ่งก็คือคนรับใช้ที่บ้านของเมลฟิซพูดกับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง แล้วพวกเธอก็เดินออกจากวงมาทางกาเบรียล
    “ทีน่า มาเรีย” กาเบรียลยิ้มให้กับหญิงสาวทั้งสอง “เต้นรำสวยมากเลย” เธอชม
    “ขอบคุณค่ะ คุณหนูเองก็มาเต้นกับพวกเราเถอะนะ” ทีน่าพูดกับกาเบรียลที่นั่งอยู่เก้าอี้แถวหน้าสุด
    “ให้ผู้ชมไปร่วมเต้นรำหรือ” กาเบรียลถาม เพราะเธอไม่เห็นจะมีใครลุกขึ้นไปเต้นรำกับพวกเธอเลย
    “ใช่ค่ะ เราให้คุณหนูออกมาเต้นเปิดเป็นคนแรกเลย” มาเรียยิ้มแล้วดึงมือให้กาเบรียลลุกขึ้น เจ้าชายทรงมองแล้วทำเป็นไม่สนใจเมื่อกาเบรียลหันไปทางนั้น
    “ก็ได้จ้า นี่ถ้าฉันเต้นสวยกว่าอย่ามาว่ากันน้า” กาเบรียลพูดแหย่หญิงสาวทั้งสอง พวกเธอหัวเราะแล้วพากาเบรียลไปเต้นรำกับพวกเธอ กาเบรียลสมัยยังอยู่ในยุคปัจจุบันเธอเองก็เป็นนักเต้นคนหนึ่งเหมือนกันจึงไม่เป็นปัญหาเท่าใดนัก เพียงแต่เต้นรำให้ไปตามจังหวะของเพลงเท่านั้นเอง
    เจ้าหญิงเอลเลน่าทรงมองกาเบรียลแล้วยิ้มให้เธอเวลาเธอหันมา บางทีเจ้าหญิงก็ทรงโบกมือหรือส่งเสียงเชียร์กาเบรียลด้วยเหมือนกัน เธอรู้สึกถูกชะตากับกาเบรียลมากซะด้วยสิ ดูเหมือนเจ้าชายเองก็ดูจะสนุกสนานไปกับการแสดงด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะการแสดงที่กาเบรียลแสดงซึ่งแปลก และอยู่นอกเหนือการแสดงที่ได้จัดเตรียมไว้
    “ฟีเรนเซ่จ้องกาเบรียลอยู่คนเดียวเลยนะ” เจ้าหญิงเอลเลน่าทรงแหย่พจ้าชายฟีเรนเซ่ ทำเอาเจ้าชายหน้าแดงระเรื่อ “สวยนะกาเบรียลน่ะ” เจ้าหญิงพูดแล้วทรงมองปฏิกิริยาของเจ้าชายฟีเรนเซ่ เจ้าชายไม่ทรงตอบอะไรเจ้าหญิงแต่ท่าทางดูจะถูกใจกาเบรียลเอามากๆ เลยทีเดียว
    “เจ้าหญิงเอลเลน่า...” เสียงกาเบรียลดังมาแต่ไกล เจ้าหญิงทรงโบกมือให้เธอ กาเบรียลที่บัดนี้มีดอกไม้เต็มตัววิ่งเข้ามาหาเจ้าหญิง ดูเหมือนเธอจะกลับมาร่าเริงเหมือนเดิมแล้ว “เหนื่อยจังเลย ไปหาอะไรทานมั้ยเพคะ”
    “ก็ดีนะ เราเองก็เริ่มคอแห้งแล้วสิ” เจ้าหญิงเอลเลน่าพูดแล้วหันไปมองเจ้าชายฟีเรนเซ่ “ไปกันเถอะฟีเรนเซ่” เจ้าชายฟีเรนเซ่จึงลุกขึ้นเดินตามไป ตลอดทางเดินกาเบรียลพูดแทบจะไม่หยุดปากชี้นู่นชี้นี่ให้เจ้าหญิงเอลเลน่าดู เจ้าชายที่ดูเหมือนจะอยากคืนดีกับกาเบรียลจึงไม่มีโอกาสได้พูดอะไรกับเธอเลย
    “ฮิฮิ เดี๋ยวเมลฟิซก็จะกลับมาแล้วล่ะ” กาเบรียลพูดแล้วยิ้มกว้าง เจ้าหญิงเอลเลน่าทรงยิ้มอย่างอ่อนโยน “เมลฟิซจะได้เป็นแชมป์มั้ยน้า” กาเบรียลหัวเราะอย่างร่าเริง
    “ไม่มีทางหรอกน่า ปีที่แล้วหรือปีก่อนหน้านู้น เจ้าพี่ก็เป็นแชมป์มาตลอด” เจ้าชายฟีเรนเซ่ทรงพูดขัดกาเบรียล เธอหันขวับมามองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
    “ไปเตรียมรับเมลฟิซดีกว่า เจ้าหญิงเองก็ไปรับเจ้าชายซิลฟีเซ่ด้วยกันเถอะ” กาเบรียลพูดอย่างร่าเริง แต่เจ้าหญิงเอลเลน่ากลับยิ้มด้วยแววตาเศร้าๆ “เจ้าหญิงเป็นอะไรไปเพคะ ไม่สบายเหรอ” กาเบรียลสังเกตเห็นแววตาเมื่อครู่ของเจ้าหญิงเอลเลน่า
    “ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ” เจ้าหญิงเอลเลน่ายิ้มให้กาเบรียล
    “อย่าทรงโกหกนะเพคะ เดี๋ยวเป็นอะไรไปฉันคงรับผิดชอบไม่ไหว” กาเบรียลพูดแล้วมองเจ้าชายฟีเรนเซ่ด้วยหางตา “ถ้างั้นเรารีบๆ ไปกันเถอะ” กาเบรียลยิ้ม
    เมลฟิซกลับมาจากป่าแต่แปลกที่ไม่มีสัตว์ป่าติดมือมาด้วยเลย ทั้งเนื้อตัวของเมลฟิซก็ไม่มีรอยฉีกขาดของเสื้อผ้า ไม่มีแม้แต่รอยแผล หรือรอยขีดข่วน กาเบรียลวิ่งไปรับเมลฟิซ เมลฟิซกอดกาเบรียลที่วิ่งเข้ามาทำเอากาเบรียลตัวลอยขึ้นมาจากพื้นเพราะเมลฟิซนั่งอยู่บนม้า กาเบรียลตาโตด้วยความตกใจ แต่เธอก็กอดเมลฟิซตอบ เจ้าหญิงเอลเลน่ามองทั้งคู่ตาโต
    “กาเบรียล ข้าได้คะแนนสูงสุด” เมลฟิซพูดด้วยความดีใจ “กี่ปีแล้วนะที่ข้าแข่งขันกับเจ้าชายซิลฟีเซ่ แล้วข้าก็ชนะจนได้” กาเบรียลยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
    “เมลฟิซเก่งที่สุดเลย” กาเบรียลหัวเราะ “เมลฟิซไม่หนักเหรอ” กาเบรียลถาม
    “ข้าลืมตัวไปหน่อย แต่เจ้าตัวเบามากเลย” เมลฟิซปล่อยกาเบรียลลงจากอ้อมแขนอันแข็งแรงนั้น
    “ไม่เห็นเมลฟิซได้สัตว์อะไรมาซักตัวเลย” กาเบรียลทำท่ามองหา เมลฟิซหัวเราะ
    “มันเป็นสัตว์ที่สร้างขึ้นจะว่าคล้ายๆ กับเกมส์ของพวกเจ้าก็ได้ เวลาที่เข้าไปในเขตป่าจะเหมือนกับของจริงทุกอย่าง เจ็บปวดจริง แต่ไม่มีแผลตามร่างกาย เพราะงี้งานนี้ถึงได้มีคนมาเยอะยังไงล่ะ” เมลฟิซพูดให้กาเบรียลฟัง กาเบรียลพยักหน้า ที่แอตแลนติสนี่วิวัฒนาการสูงกว่าในปัจจุบันที่เธออยู่มากนัก
    “ยินดีด้วยท่านเมลฟิซ” เจ้าหญิงเอลเลน่าเดินเข้ามาหาแล้วแสดงความยินดี เมลฟิซยิ้ม
    “เป็นพระกรุณาอย่างยิ่งเจ้าหญิง” เมลฟิซกล่าว แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน
    “เจ็บใจชะมัด ดันแพ้เพียงแค่ 5 คะแนน” เจ้าชายซิลฟีเซ่ที่เพิ่งมาพูดเสียงห้วน กับจูเลียส
    “ปกติคะแนนพวกเจ้าก็สูสีกันทุกปีนี่นา ปีที่แล้วเมลฟิซแพ้เจ้าแค่ 1 คะแนน ไม่น่าเจ็บใจกว่ารึไง” จูเลียสพูดแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เพราะปีนี้ดูเหมือนเค้าจะติดอันดับด้วย
    “คงจะเหนื่อยสินะเพคะ” เจ้าหญิงเอลเลน่าเดินมาหาเจ้าชายซิลฟีเซ่พร้อมกับเจ้าชายฟีเรนเซ่ “ผ้าเพคะ” เจ้าหญิงเอลเลน่ายื่นผ้าให้เจ้าชายซิลฟีเซ่ซับเหงื่อ
    “ขอบใจ เจ้าหญิง” เจ้าชายซิลฟีเซ่ทรงยิ้มอย่างอ่อนโยน
    “น่าอิจฉาซะจริงมีคู่หมั้นมาคอยรับอย่างนี้” เจ้าชายจูเลียสพูดแหย่เจ้าชายซิลฟีเซ่
    “ฮ่า ฮ่า อิจฉาก็ไปหาซะสิ ก็มัวแต่จีบเล่นไปวันๆ แบบนี้นี่นา” เจ้าชายซิลฟีเซ่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ดูเหมือนเค้าจะไม่ได้ติดใจเรื่องที่แพ้เมลฟิซ
    “ถ้ากาเบรียลมารับข้าซะก็ดีหรอก กาเบรียลไปไหนซะล่ะ” เจ้าชายจูเลียสมองหากาเบรียล เจ้าชายซิลฟีเซ่มองเจ้าชายจูเลียสแล้วถาม
    “นี่เจ้าเอาจริงเหรอ” เจ้าชายซิลฟีเซ่ทำสีหน้ายุ่งยาก
    “จริงสิ” เจ้าชายจูเสียสมองหน้าเจ้าชายซิลฟีเซ่ด้วยสีหน้าจริงจัง เจ้าชายซิลฟีเซ่จ้องเจ้าชายจูเลียสนิ่ง
    “ได้ยังไง ข้าจองกาเบรียลไว้ก่อนแล้วนะ” เจ้าชายฟีเรนเซ่โวยขึ้นมา เจ้าชายซิลฟีเซ่พระเชษฐาจึงอุ้มขึ้นมานั่งบนม้าด้วยกัน
    “เจ้าเป็นเด็กจะรู้เรื่องอะไรฮึ” เจ้าชายซิลฟีเซ่ทรงหัวเราะ เจ้าชายฟีเรนเซ่จึงกระโดดลงจากหลังม้าด้วยความโมโห ที่เจ้าชายซิลฟีเซ่หาว่าตนยังเป็นเด็ก
   
    “เฮ้! จูเลียส” เสียงเมลฟิซดังขึ้นมาทำให้ผู้ที่ถูกเรียกหันไปมองยังต้นเสียง “ปีนี้อันดับขึ้นหรือ” เมลฟิซถาม
    “ช่ายๆ กาเบรียลเองก็มาแสดงความยินดีกับข้าสินะ” เจ้าชายจูเลียสพูดแล้วกระโดดลงจากหลังม้า
    “อื้ม ยินดีด้วยนะคะ” กาเบรียลยิ้มให้เจ้าชายจูเลียสอย่างอารมณ์ดี เจ้าชายจูเลียสมองใบหน้าอันแสนจะน่ารักในความคิดของเค้าแล้วดึงกาเบรียลเข้ามากอด “อ๊า! ทำอะไรน่ะ” กาเบรียลผลักเจ้าชายจูเลียส แล้วตบเข้าให้ทีหนึ่ง “เล่นแบบนี้ไม่สนุกนะคะ เดี๋ยวผู้หญิงคนนั้นมาเห็นจะแย่เอานะ” กาเบรียลพูดด้วยความโมโห แต่ดูเหมือนเจ้าชายจูเลียสจะยังคงยิ้มอยู่ คนอื่นๆ เองก็มองด้วยความตกใจ ไม่รู้ว่าตกใจที่เจ้าชายจูเลียสกอดกาเบรียลหรือ ที่กาเบรียลตบหน้าเจ้าชายกันแน่
    “ขอโทษนะ” จูเลียสพูดขอโทษกาเบรียล ทำเอาเธอโกรธไม่ลงเลย
    “ฉันเองก็ต้องขอโทษเหมือนกัน เจ็บมั้ย” กาเบรียลถามแล้วจ้องไปที่รอยฝ่ามือแดงๆ ที่แก้มของจูเลียส “หวา! แดงเลย” กาเบรียลจับที่แก้มที่เป็นรอยแล้วทำหน้าราวกับเธอเป็นคนเจ็บซะเอง จูเลียสได้แต่ยืนนิ่งแล้วมองกาเบรียล เค้าจับมือกาเบรียลที่จับไปที่รอยแดงนั้นมากุมไว้ กาเบรียลหันมามองหน้าจูเลียส
    “อย่าทำแบบนี้” เจ้าชายจ้องตากาเบรียลแล้วพูด “ถ้าข้าทนไม่ไหวแล้วจะทำยังไงล่ะฮึ”
    “ขอโทษนะ ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว” กาเบรียลหลบตา แล้วดึงมือออกเธอคิดว่าจูเลียสโกรธเธอเอามากๆ ที่เธอไปตบเค้าเมื่อครู่
    “ทำไมเจ้าถึงตบหน้าเจ้าชายจูเลียสล่ะ ทีกับเจ้าชายซิลฟีเซ่...” เมลฟิซถามเบาๆ กาเบรียลตาโต
    “เมื่อกี้เมลฟิซเรียกจูเลียสว่าอะไรนะ เจ้าชายหรือ” กาเบรียลทำหน้าตกใจ เมลฟิซพยักหน้า “จูเสียส ปะ ปะเป็นเจ้าชายเหรอ” กาเบรียลพูดเสียงดังด้วยความตกใจแล้วหันไปมองเจ้าชายจูเลียส ที่ยืนยิ้มให้เธออยู่ แต่ทว่ายิ้มนั้นสำหรับกาเบรียลแล้วดูน่ากลัวเหลือเกิน
    “นี่เจ้าไม่รู้หรอกรึเนี่ย” เจ้าชายซิลฟีเซ่ตรัสด้วยความแปลกใจ กาเบรียลก้มมองพื้นอย่างสำนึกผิด แต่ทว่าเจ้าชายซิลฟีเซ่กลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
    “เอาเถอะๆ พวกข้าต้องขึ้นไปรับรางวัลก่อนล่ะนะ” เจ้าชายจูเลียสพูดขึ้นมาแล้วยิ้มให้กาเบรียล กาเบรียลยิ้มตอบแต่มันดูจืดๆ อย่างไรชอบกล
    หลังจากที่ไปรับรางวัลกันแล้วพวกเค้าจึงไปที่ลานจัดเลี้ยงอาหารเที่ยงซึ่งจัดเป็นห้องพิเศษสำหรับพวกเจ้าชายด้วย แต่ทว่ากาเบรียลและเมลฟิซไม่ได้เข้าไปด้วยเพราะรู้ถึงฐานะของตนดี กาเบรียลเดินไปตักอาหารที่อยู่บนโต๊ะบุฟเฟต์ แล้วมานั่งทานกับพวกทีน่า และมาเรีย
    “คุณหนูทานอาหารน้อยจังเลย” ทีน่าพูด กาเบรียลยิ้ม
    “ไม่น้อยหรอก ก่อนหน้านี้ฉันทานมาแล้วน่ะ ถ้าทานมากกว่านี้ท้องแตกแน่” กาเบรียลพูดเมลฟิซจึงหัวเราะออกมา กาเบรียลหันไปมองตาเขียว
    “ทานไปเยอะๆ สิ เจ้าผอมมากเลยนะ” เมลฟิซพูด กาเบรียลจึงมองรูปร่างของเธอ มันผอมตรงไหนล่ะ คนที่นี่น่ะไม่อ้วน ก็ดูอวบๆ ถึงจะสวยงั้นเหรอเหมือนพวกกรีกน่ะ
    “ไม่ผอมหรอก อย่างนี้สิถึงเรียกว่าหุ่นดี” กาเบรียลไม่พูดเปล่าเธอยังอุตส่าห์ยืนหมุนตัวแล้วเก๊กท่าแบบนางแบบให้ดูด้วย ทั้งเมลฟิซและสาวใช้พากันหัวเราะอย่างสนุกสนาน
    หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จตรงบริเวณนั้นก็กลายเป็นสถานที่ที่มีการแสดงต่างๆ จากพวกชาวบ้าน สร้างความสนุกสนานให้กับกาเบรียลและเมลฟิซเป็นอย่างมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เมลฟิซมานั่งกับกลุ่มพวกชาวบ้าน และเป็นครั้งแรกที่กาเบรียลได้มาเห็น พวกคนที่นั่งล้อมเป็นวงกันอยู่นั้นผลัดการแสดงกันไปเป็นทอดๆ ตามตำแหน่งที่นั่งจนกระทั่งมาถึงคราวที่พวกกาเบรียลจะต้องแสดง กาเบรียลหันไปมองหน้าทีน่าและมาเรีย แต่ทว่าทั้งสองคนกลับทำไม่รู้ไม่ชี้
กาเบรียลเลยตัดสินใจเดินออกไป แล้วร้องเพลงสด โดยไม่มีดนตรีประกอบ มันเป็นเพลงภาษาอังกฤษ กาเบรียลรู้ว่าไม่มีใครฟังเธอออก แต่เธอก็ร้อง แต่ถึงแม้พวกเค้าจะฟังไม่ออก แต่พวกเค้าก็รู้ว่ามันเป็นเพลงที่เพราะมากทีเดียว พวกเค้านั่งฟังจนเคลิ้มจนกระทั่งเพลงจบก็ยังไม่ทันรู้ตัว เมื่อกาเบรียลหยุดร้อง พวกเค้าก็ตบมือให้เธอเสียงดังสนั่น ทำให้พวกเจ้าหญิงและเจ้าชายเดินออกมาดูเพราะได้ยินเสียงเอะอะ พวกเค้าขอให้กาเบรียลร้องอีกรอบ คราวนี้เธอร้องโดยมีเสียงของเมลฟิซคลอตามไปด้วย กลายเป็นเพลงประสานเสียงชายหญิง ฟังแล้วเพราะเป็นอย่างยิ่ง กาเบรียลจึงไปพาเมลฟิซมาร้องกลางวงด้วย เมื่อเพลงจบพวกเค้าก็ปรบมือให้เสียงดังกว่าเมื่อครู่อีก
    บรรดาพวกเจ้าชายที่ยืนฟังอยู่ข้างหลังเองก็ประทับใจกับเสียงร้องของกาเบรียลเช่นกัน โดยเฉพาะเจ้าชายจูเลียส ที่ดูเหมือนว่าจะออกนอกหน้ามากไปหน่อย กาเบรียลกล่าวขอบคุณเสียงปรบมือแล้วเดินไปนั่งที่เดิมด้วยอาการเขินๆ เพราะทุกๆ สายตากำลังจับจ้องมาที่เธอ แต่ยังดีที่มีเมลฟิซอยู่ข้างๆ ทำให้อาการประหม่าน้อยลง
    “คุณหนูร้องเพลงเพราะมากเลย” ทีน่าพูดกับกาเบรียลด้วยความตื่นเต้นเมื่อกาเบรียลเดินเข้ามานั่ง กาเบรียลยิ้ม
    “ท่านเมลฟิซก็ร้องเพลงเพราะนะคะ เพิ่งเคยเห็นท่านร้องเพลงวันนี้เอง” มาเรียพูดขึ้นบ้าง ทำเอาเมลฟิซหน้าแดงได้เหมือนกัน
    เมื่อการแสดงหมดลงตอนเวลาประมาณบ่ายกว่าพวกเมลฟิซและกาเบรียลจึงกลับไปที่บ้านเพื่อเตรียมตัวไปงานเลี้ยงตอนเย็น แต่ดูเหมือนว่ากาเบรียลจะเพลียมากเพราะระหว่างทางที่กลับบ้านดูเหมือนกาเบรียลจะหลับตลอดทาง แต่ยังดีที่มีเมลฟิซคอยระวังไม่ให้หล่นจากม้า แล้วทั้งสองก็กลับมาถึงบ้าน กาเบรียลเมื่อเข้ามาบ้านแล้วเธอก็หาที่นอน แถวๆ ห้องนั่งเล่นแล้วหลับ เมลฟิซเองก็เช่นกัน ดูเหมือนเค้าจะเหนื่อยตั้งแต่ตอนไปล่าสัตว์กลับมาแล้ว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น