ลำดับตอนที่ #20
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : เปิดงานแข่งขันการล่าสัตว์
    รุ่งเช้ากาเบรียลตื่นขึ้นมาแล้วรีบจัดการอาบน้ำแต่งตัวทันที วันนี้เธอสวมชุดสีน้ำตาลอ่อนๆ เป็นชุดปิดคอแขนยาวแขนเสื้อบานออก กระโปรงตัดเฉียงมาประมาณเข่า ผูกด้วยผ้าคาดเอวสีเขียวน้ำทะเล พร้อมกับสวมรองเท้าที่เป็นบูทหนังสีขาว เป็นสไตล์ที่ดูเก๋ไปอีกแบบ เธอยืนสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจกแล้วจึงค่อยมาทำผมเพราะเธอรู้สึกจะรำคาญมันเล็กน้อย เธอมัดผมไว้สองข้างหลวมๆ แล้ววิ่งออกไปที่ที่นั่งเล่นหน้าบ้าน
    กาเบรียลว่าเธอตื่นเช้าแล้ว แต่แล้วเธอก็เห็นเมลฟิซนั่งอยู่ก่อนแล้ว เมลฟิซได้ยินเสียงคนวิ่งจึงหันหลังมาดู แล้วยิ้มให้กาเบรียล
    “อรุณสวัสดิ์กาเบรียล” เมลฟิซทักทาย กาเบรียลเปลี่ยนเป็นเดินเข้าไปหา
    “อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เธอตอบ “ไม่ทานอาหารเช้าเหรอเมลฟิซ” กาเบรียลถาม เพราะเธอเองก็ยังไม่ได้ทานมาเหมือนกัน
    “ไม่ล่ะ ข้าไม่หิว” เมลฟิซตอบ กาเบรียลขมวดคิ้ว
    “ไม่ได้น้าาาา วันนี้เมลฟิซต้องไปล่าสัตว์ใช่ม้า ไม่ทานไม่ได้นะ” กาเบรียลไม่พูดเปล่าเธอดึงแขนเมลฟิซให้ลุกขึ้นจากที่นั่งด้วย
    “ไม่ต้องดึงๆ ไปก็ได้ เจ้านี่เหมือนแม่ข้าจริงๆ ตกลงใครเป็นพ่อเป็นลูกกันฮึเนี่ย” เมลฟิซยืนขึ้นแล้วกอดคอกาเบรียลให้เดินตามไปที่ห้องอาหารด้วย
    “แหม ก็เมลฟิซไม่ยอมทานอาหารนี่นา เดี๋ยวก็ไปหิวตายกลางป่า” กาเบรียลพูดด้วยอาการงอนนิดๆ
    “ทำหน้าอะไรน่ะ แก้มป่องเหมือนปลาทองเลย” เมลฟิซมองหน้ากาเบรียลแล้วแหย่เธอเล่น กาเบรียลหน้าแดง
    “ไม่ป่องซะหน่อย เมลฟิซนะแหละ...” กาเบรียลหาคำมาว่าไม่ได้เธอจึงค้างไว้แค่นั้น เมลฟิซหัวเราะ แล้วลากเธอมาจนถึงห้องอาหาร
    ทั้งคู่ใช้เวลาในห้องอาหารไม่นานนัก เพราะเช้านี้จะต้องมีพิธีเปิดงานด้วยเมลฟิซควบม้าเข้าไปยังใจกลางเมืองพร้อมๆ กับกาเบรียล ผู้คนมากมายยืนอยู่หน้าเวที ไม่นานนักเจ้าชายซิลฟีเซ่ก็มาพร้อมๆ กับบรรดาเจ้าหญิงและเจ้าชายคนอื่นๆ
    “ว่าไงกาเบรียล” เจ้าชายฟีเรนเซ่ทัก กาเบรียลยิ้ม
    “อรุณสวัสดิ์เพคะ” กาเบรียลพูดกับเจ้าชายฟีเรนเซ่ เจ้าหญิงเอลเลน่า จูเลียส และเจ้าชายซิลฟีเซ่ เธอมองเค้าตาแทบจะไม่กระพริบเลยทีเดียว วันนี้เจ้าชายก็เท่อีกแล้ว
    “อรุณสวัสดิ์พะยะค่ะ เจ้าหญิง และเจ้าชาย” เมลฟิซเดินมาบังสายตากาเบรียลที่มองเจ้าชายซิลฟีเซ่ กาเบรียลจึงรู้สึกตัว นี่เธอโดนเสน่ห์เข้าให้อีกแล้วสินะ ทำไมทุกครั้งที่มองเจ้าชายใจมันถึงเต้นแรงแบบนี้นะ เจ็บใจจริง
    “เมลฟิซ ไม่ได้เจอซะนาน” เจ้าหญิงมิเลเนียพระขนิษฐาของเจ้าชายซิลฟีเซ่เดินเข้ามาทักเมลฟิซ เมลฟิซตกใจเล็กน้อย เค้าไม่คิดว่าจะมาเจอเจ้าหญิงตั้งแต่เช้าแบบนี้
    “อรุณสวัสดิ์พะยะค่ะ” เมลฟิซยิ้มให้เจ้าหญิงมิเลเนีย
    “เสด็จพ่อทรงมาเปิดงานแล้วล่ะ เตรียมการก่อนดีกว่าเมลฟิซ” เจ้าชายซิลฟีเซ่บอกกับเมลฟิซ เมลฟิซรู้สึกขอบคุณเจ้าชายมากทีเดียวที่ช่วยเค้าให้อยู่ห่างๆ จากเจ้าหญิงมิเลเนีย เค้าเองก็รู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย เมลฟิซเดินไปที่ตรงสถานที่เปิดงาน เจ้าชายซิลฟีเซ่จึงเดินตามไป พร้อมๆ กับเจ้าหญิงเอลเลน่า กาเบรียลมองตามไปด้วยความรู้สึกที่เธอเองก็บอกไม่ถูก เธออยากวิ่งเข้าไปกอดเจ้าชายซะเดี๋ยวนั้นเลย แต่แล้วเจ้าชายฟีเรนเซ่ก็ดึงแขนกาเบรียลให้เดินไปพร้อมๆ กับตน
    “เจ้าชายทรงมาล่าสัตว์ด้วยหรือเพคะ” กาเบรียลถามเจ้าชายฟีเรนเซ่ เค้าพยักหน้า “ห๊า!!! จริงหรือเพคะ” กาเบรียลมีสีหน้าตกใจ
    “ไม่จริงหรอก” เจ้าชายฟีเรนเซ่ทรงยิ้ม กาเบรียลถอนหายใจอย่างโล่งอก “ทำท่าแบบนั่นหมายความว่ายังไง ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ” เจ้าชายฟีเรนเซ่ตรัสเสียงห้วน
    “จะ เจ้าชาย” กาเบรียลตาโตด้วยความตกใจ
    “ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะกาเบรียล” เจ้าชายทรงย้ำแต่กาเบรียลดูยังไงก็ยังเป็นเด็กอายุ 11 อยู่ดี “เจ้าคิดอะไรน่ะ ข้ายังมีประสบการณ์มากกว่าเจ้าอีกนะ” เจ้าชายตรัสเสียงห้วน กาเบรียลหันขวับมามองเจ้าชาย เธอหน้าแดงระเรื่อ เจ้าชายเห็นกาเบรียลหน้าแดงจึงทรงนึกได้ว่าได้พูดอะไรออกไป
    “ฉะ ฉันจะไปช่วยเมลฟิซ” กาเบรียลขอตัวแล้ววิ่งไปหาเมลฟิซทันที เจ้าชายมองตามกาเบรียลไปแล้วหัวเราะ
    “เมลฟิซ... เมื่อไหร่กษัตริย์จะทรงเสด็จล่ะคะ” กาเบรียลพูดกับเมลฟิซที่นั่งอยู่ข้างๆ เวที
    “กำลังจะเสด็จแล้วล่ะ” เมลฟิซตอบ กาเบรียลเห็นเมลฟิซนั่งหาอะไรซักอย่างจึงชโงกหน้ามาดู
    “หาอะไร?” กาเบรียลถามด้วยความสงสัยเพราะเธอไม่เห็นจะมีอะไรตกซักหน่อย เมลฟิซเงยหน้าขึ้นมามองหน้ากาเบรียล
    “เปล่าหรอก ข้าเห็นลูกแมวมันเดินเข้าไปด้านล่างเวทีน่ะ” เมลฟิซยิ้ม ไปหน้าพราวไปด้วยเม็ดเหงื่อ
    “ร้อนเหรอคะ” กาเบรียลถาม “เดี๋ยวไปหยิบผ้ามาให้นะ” กาเบรียลพูดต่อแล้วเดินไปหาผ้าสะอาดมาให้เมลฟิซ ไม่นานนักเธอก็กลับมาพร้อมกับผ้า แต่ก่อนที่จะไปถึงเมลฟิซเธอก็เห็นเมลฟิซยืนอยู่กับคนอื่นอยู่ก่อนแล้ว นั่นคือเจาหญิงเอลเลน่านั่นเอง กาเบรียลเมลฟิซเช็ดหน้าอยู่ ต้องเป็นผ้าของเจ้าหญิงเอลเลน่าแน่ๆ
    กาเบรียลเห็นเมลฟิซยิ้ม เจ้าหญิงเอลเลน่าก็เช่นกันรู้สึกเหมือนเจ้าหญิงจะทรงพระพักตร์แดงๆ แล้วนี่เจ้าชายซิลฟีเซ่ไปไหนนะ ถึงปล่อยเจ้าหญิงมาได้ กาเบรียลมองหาเจ้าชายซิลฟีเซ่แต่ก็ไม่เจอ เธอหันไปมองทั้งสองคนอีก พวกเค้ากำลังหัวเราะกัน กาเบรียลยิ้มน้อยๆ แล้วเธอก็เดินไปตรงหน้าเวทีที่เป็นจุดรวมของพวกชาวบ้าน
    “ทำไมกาเบรียลยังไม่มาอีกล่ะท่านเมลฟิซ” เจ้าหญิงเอลเลน่าถามเมลฟิซ เมลฟิซเองก็กำลังมองหาอยู่เหมือนกัน
    “คงจะไปเดินเที่ยวอีกล่ะนะ ไม่ไหวเลยกาเบรียล” เมลฟิซว่ากาเบรียล แต่ท่าทางตรงข้ามกับคำพูดนั้นเลย เมลฟิซกำลังยิ้ม เจ้าหญิงเอลเลน่ามีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย
    “ท่านซิลฟีเซ่เองก็หายไปไหนตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว” เจ้าหญิงเอลเลน่าตรัสขึ้นมาอีก คราวนี้เมลฟิซขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
    “กระหม่อมจะไปตามให้พะยะค่ะเจ้าหญิง” เมลฟิซพูดแล้วทำท่าจะเดินออกไป แต่เจ้าหญิงทรงดึงแขนไว้ เมลฟิซหันมามองหน้าเจ้าหญิงแล้วก้มลงมามองที่มือเธอ เจ้าหญิงทรงปล่อยมือที่เกาะกุมนั้นทันที เมลฟิซเห็นเจ้าหญิงพระพักตร์เป็นสีระเรื่อ เมลฟิซเองก็เช่นกัน เค้าเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าหญิงเอลเลน่า
    “อย่าเบียดซี่” กาเบรียลพูดออกมา ในกลุ่มคนที่ยืนอัดแน่นกันอยู่นั้น “อ๊าย! จะล้มแล้ว” กาเบรียลทำท่าจะล้มลงไปจริงๆ แต่ทว่ามีมือมือหนึ่งมาฉุดไว้ให้เธอยืนขึ้น ไม่สิรู้สึกเหมือนตัวจะลอยๆ ขึ้นมาด้วย กาเบรียลหันไปมองคนที่ฉุดเธอขึ้นมา “จะเจ้าชาย” กาเบรียลตาโตด้วยความตกใจและหน้าแดงไปพร้อมๆ กัน เจ้าชายซิลฟีเซ่ทรงยิ้มให้กาเบรียลที่อยู่ในอ้อมกอดของเค้าตอนนี้
    “ทำไมมายืนตรงนี้ล่ะกาเบรียล” เจ้าชายตรัสถาม พร้อมกับอุ้มกาเบรียลเดินออกไปจากที่แห่งนั้น
    “คือ...” กาเบรียลมองหน้าเจ้าชายซิลฟีเซ่ เธอเห็นเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มใบหน้าอันงดงามนั้น ทำให้ดูเซ็กซี่ไปอีก กาเบรียลหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศเลยทีเดียว เธอจึงหยิบผ้าที่เธอเอามาให้เมลฟิซเมื่อครู่ซับพระพักตร์ให้เจ้าชายซิลฟีเซ่ ด้วยมืออันสั่นเทา
    “ขอบใจ” เจ้าชายทรงกุมมือขาวๆ ที่กำลังสั่นของกาเบรียล แล้วอุ้มเธอด้วยแขนเพียงข้างเดียว กาเบรียลยิ่งหน้าแดงเข้าไปอีก เธอรู้สึกว่าใจเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
    “เจ้าชายปละ ปล่อยฉันลงเถอะเพคะ” กาเบรียลเบี่ยงหน้าไปทางอื่นด้วยความเขินอาย เจ้าชายทรงยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วดึงกาเบรียลเข้ามาจูบที่แก้มก่อนจะวางเธอลง กาเบรียลรู้สึกว่าหน้าร้อนไปหมด แล้วเจ้าชายจึงเอาผ้าที่กาเบรียลซับให้เมื่อครู่ ซับเหงื่อให้กาเบรียลด้วยเช่นกัน กาเบรียลแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
    “อ่าว! ถึงเวลาแล้วนี่ ไปกันเถอะกาเบรียล” เจ้าชายทรงมองไปทางเวทีแล้วตรัสขึ้น กาเบรียลแม้จะเสียดายแต่เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่งั้นเธอคงตายอยู่ตรงนี้แน่ๆ เจ้าชายทรงเดินนำไปก่อนแล้วกาเบรียลจึงเดินตาม กาเบรียลมองเจ้าชายแล้วคิดถึงเรื่องเมื่อครู่ จึงหน้าแดงขึ้นมาอีก เมื่อมาถึงตรงที่เมลฟิซยืนอยู่ เมลฟิซก็เดินเข้ามาทันที
    “ทำไมปล่อยให้เจ้าหญิงเอลเลน่าทรงรอล่ะ เจ้าชาย” เมลฟิซว่าเจ้าชายซิลฟีเซ่ แล้วเหลือบไปเห็นกาเบรียลเดินตามมา เค้าจึงขมวดคิ้ว
    “ก็ข้าเห็นคนกำลังจะถูกเหยียบตายอยู่ตรงนู้นเลยไปพามานี่นะสิ” เจ้าชายซิลฟีเซ่ทรงแก้ตัว แต่ความจริงมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมลฟิซดึงกาเบรียลที่อยู่ด้านหลังเจ้าชายซิลฟีเซ่ให้มาหาตน
    “อย่าทรงใช้พลังนั่น เพราะคนที่จะเจ็บปวดเองก็คือท่าน” เมลฟิซพูด ทั้งกาเบรียลและเจ้าหญิงเอลเลน่ายืนงงว่าเมลฟิซกำลังจะบอกอะไร แต่ดูเหมือนว่าเจ้าชายซิลฟีเซ่จะเข้าใจความหมายนั้น
    “ข้าไม่เป็นไรหรอกน่า” เจ้าชายตรัส “ไปกันเถอะเจ้าหญิงเอลเลน่า” เจ้าชายทรงเรียกเจ้าหญิงเอลเลน่าแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วให้เจ้าหญิงทรงเกาะแขนเดินไปด้วยกัน กาเบรียลมองด้วยความอิจฉา
    “อะไรกันเจ้าหญิงเอลเลน่าน่ะ” กาเบรียลพูดด้วยความไม่พอใจ เมลฟิซหันมามองกาเบรียลด้วยความตกใจ แล้วเค้าก็เขย่าตัวกาเบรียล
    “เฮ้! ตื่นได้แล้ว” เมลฟิซเรียก กาเบรียลกระพริบตาถี่ แล้วหน้าซีดขึ้นมาทันที
    “มะ เมลฟิซ ฉะ ฉันพูดอะไรออกไป” กาเบรียลปิดปากตัวเองด้วยความตกใจ “มันบ้าอะไรนะ” กาเบรียลสบถด้วยความโมโหตัวเอง
    “ไม่เป็นไรกาเบรียล ไม่เป็นไร มันเป็นเพราะการสะกดจิต” เมลฟิซปลอบกาเบรียล
    “เมลฟิซ ฉันขอโทษ ฉันน่าจะควบคุมตัวเองให้ดีกว่านี้” กาเบรียลทำหน้าเศร้า เมลฟิซดึงกาเบรียลเข้ามากอดอย่างปลอบโยน
    “ไม่เป็นไร ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ข้าเองที่ปกป้องเจ้าไม่ได้” เมลฟิซพูด กาเบรียลจึงรู้สึกดีขึ้น เธอกอดเมลฟิซตอบ แล้วผละออกมา
    “ไปกันเถอะ” กาเบรียลกลับมาร่าเริงเหมือนเดิมแล้ว เธอยืนฟังพิธีเปิดงานกับเมลฟิซข้างล่าง จนกระทั่งจบ และเมลฟิซก็จะต้องไปแข่งขันล่าสัตว์ในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า
    เมลฟิซและเจ้าชายซิลฟีเซ่ เตรียมตัวออกไปล่าสัตว์ที่เป็นการแข่งขัน โดยทั้งสองจะต้องเข้าไปล่าสัตว์ในป่าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นั่นเท่าใดนัก โดยสัตว์แต่ละตัวจะมีคะแนนต่างๆ กัน
    “ระวังตัวนะเมลฟิซ” กาเบรียลพูด เมลฟิซยิ้มแล้วตบหัวกาเบรียลเบาๆ
    “อืม เจ้าเองก็ระวังไว้ล่ะ อย่าไปทำให้คนอื่นเค้าวุ่นละกัน” เมลฟิซหยอกกาเบรียล แต่เธอก็ไม่ได้ถือสาอะไรเมลฟิซ
    “ระวังตัวด้วยนะ ทั้งท่านเมลฟิซ และเจ้าชาย” เจ้าหญิงเอลเลน่าพูดขึ้นมาบ้าง
    “แน่นอนเจ้าหญิง ข้าจะเอารางวัลที่หนึ่งมาให้ท่านเลยล่ะ” เจ้าชายซิลฟีเซ่พูดแล้วเหล่ตาไปมองเมลฟิซ
    “แล้วข้าจะโค่นแชมป์ให้ดู” เมลฟิซตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดี กาเบรียลและเจ้าหญิงเอลเลน่าจึงพลอยหัวเราะไปด้วย
    “จะถึงเวลาแล้ว ไปเร็ว” กาเบรียลบอก เมลฟิซจึงกระโดดขึ้นม้า เจ้าชายก็เช่นกัน เจ้าชายซิลฟีเซ่ทรงขี่ม้าเข้ามาใกล้ๆ เจ้าหญิงแล้วก้มลงมาจูบเธอ กาเบรียลมองด้วยความตกตะลึง และอิจฉาเจ้าหญิงเอลเลน่ายิ่งนัก เจ้าหญิงเอลเลน่าพระพักตร์แดงก่ำ เมลฟิซมองทั้งสองแวบหนึ่งแล้วขี่ม้าไปยังสถานที่จุดเริ่มต้นการแข่งขัน เจ้าชายจึงทรงปล่อยเจ้าหญิงเอลเลน่าแล้วควบม้าตามไป เจ้าชายทรงหันกลับมามองเจ้าหญิงเอลเลน่า และเหลือบไปเห็นกาเบรียลที่ยืนนิ่ง เจ้าชายทรงสังเกตเห็นหยดน้ำใสๆ คลออยู่เต็มเบ้าตาของเธอ และกำลังไหลรินลงมา เจ้าชายทรงชะงักนิดหนึ่งแล้วทรงหันกลับไปและควบม้าไปยังสถานที่แข่งขันอย่างรวดเร็ว
    “กาเบรียล” เจ้าหญิงเอลเลน่าเรียกกาเบรียล เธอสะดุ้งด้วยความตกใจ
    “พะ พะ เพคะ” กาเบรียลหันไปทางเจ้าหญิงเอลเลน่ารวดเร็ว
    “เธอร้องไห้หรือ เป็นอะไรไปกาเบรียล” เจ้าหญิงทรงถามกาเบรียล กาเบรียลยกมือขึ้นแตะบริเวณใบหน้า ที่เปียกชื้น
    “เอ๊ะ! ฉันร้องไห้” กาเบรียลพูดราวกับเธอเองก็ไม่รู้สึกตัวแล้วเธอก็รีบเช็ดน้ำตาทันที “ไม่มีอะไรหรอกเพคะเจ้าหญิงเอลเลน่า เมื่อกี้ฝุ่นมันเข้าตาน่ะ” กาเบรียลแก้ตัว เจ้าหญิงเอลเลน่ายิ้มแต่เธอก็ไม่ได้เชื่อกาเบรียลซะทีเดียว
    “เจ้าชายซิลฟีเซ่หรือ” เจ้าหญิงทรงจับมือกาเบรียลให้เดินไปด้วยกัน
    “ไม่ใช่นะเพคะ!!! ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดนะ” กาเบรียลโผลงออกมาด้วยความตกใจ เจ้าหญิงเอลเลน่าเองก็ตกใจเสียงของกาเบรียลเช่นกัน
    “คิก คิก เรายังไม่ได้พูดอะไรซักคำเลยนะกาเบรียล มีพิรุธ ท่าทางน่าสงสัยน้า” เจ้าหญิงเอลเลน่าทรงยิ้มให้กาเบรียล ที่บัดนี้หน้าแดงระเรื่อเพราะถูกจับโกหกได้ แต่ทว่าเจ้าหญิงเอลเลน่า กลับคิดว่าเธอชอบเจ้าชายจริงๆ
    “เจ้าหญิงเอลเลน่าเพคะ ไม่ใช่จริงๆ นะ” กาเบรียลพูดเสียงอ่อย แต่ทว่าเจ้าหญิงก็ยังทรงยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กาเบรียล กาเบรียลจึงปล่อยเลยตามเลย เพราะยังไงเจ้าหญิงเอลเลน่าก็จะทรงอภิเษกกับเจ้าชายอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่เธอจะต้องกังวลซะหน่อย
    เมลฟิซที่ควบม้ามาถึงจุดสตาร์ท หันหลังกลับไปหาเจ้าชายซึ่งยังคงควบม้ามายังไม่ถึง ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าที่ควบมาอย่างรวดเร็ว
    “จะทรงเริ่มแล้วเจ้าชาย” เมลฟิซพูด เจ้าชายซิลฟีเซ่พยักหน้า แต่ทว่าในใจยังคิดถึงใบหน้าของหญิงสาวที่เอ่อนองไปด้วยน้ำตา สายตาที่จ้องมองมาที่เค้ามีแววตาเศร้าอย่างยิ่ง เหมือนกับตอนที่เค้าเห็นกาเบรียลเมื่อคราวที่เธอเพ้อหาถึง เรย์... ซึ่งเจ้าชายเองก็ไม่ทรงทราบว่าเป็นใคร แต่เจ้าชายรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อคิดว่าเรย์น่าจะเป็นชื่อของผู้ชาย แต่แล้วความคิดก็พลันหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงจุดพลุดังขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มการแข่งขัน ทั้งเมลฟิซ และเจ้าชายซิลฟีเซ่ควบม้ามุ่งไปยัง ใจกลางของป่า ซึ่งเป็นที่อยู่ของสิงโต ที่มีคะแนนมากที่สุด
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น