ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัก_ข้าม_มิติ

    ลำดับตอนที่ #17 : ไปเยี่ยมเมลฟิซ

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 47










        รุ่งเช้ากาเบรียลวิ่งไปหาเจ้าชายซิลฟีเซ่ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องประชุม เจ้าชายตกใจเป็นอย่างมากที่เห็นกาเบรียลวิ่งมาหาเค้าเช่นนี้ เค้าจึงถามกาเบรียล



        “มีอะไรเหรอกาเบรียล”



        “ไปค่ายฝึกด้วยได้มั้ย ฉันได้ยินว่าท่านจะเสด็จไปค่ายฝึกทหาร” กาเบรียลรีบพูด เจ้าชายทรงทราบได้ทันทีว่าเธออยากไปหาเมลฟิซ



        “ก็ได้ แต่ว่าค่ายทหารไม่อนุญาตให้สตรีเข้าไปเดินเพ่นพ่านนะ” เจ้าชายตรัส กาเบรียลพยักหน้า



        “งั้นแต่งตัวเป็นชายก็ได้” กาเบรียลยิ้ม เจ้าชายจึงไม่เถียงกับเธอต่อ ไม่งั้นคงยาวเค้าจึงยอมให้เธอไปด้วย แต่ถึงอย่างไรเธอก็หนีไปไม่ได้อยู่ดี เค้าจะจับตามองไม่ให้คลาดสายตาเลยทีเดียว เจ้าชายทรงพยักหน้า กาเบรียลยิ้มแล้ววิ่งกลับไปที่ห้องของเธอทันที



        “เจ้าชายจะทรงให้กาเบรียลไปจริงหรือพะยะค่ะ กระหม่อมว่าไม่สมควร” เฟรย์พูดกับเจ้าชายซิลฟีเซ่ เจ้าชายไม่ทรงตอบ เค้ายิ้มให้เฟรย์









        กาเบรียลเมื่อแต่งตัวเสร็จจึงออกมารอเจ้าชายซิลฟีเซ่ที่ห้องโถงกว้าง ไม่ไกลจากห้องของเจ้าชายซิลฟีเซ่เท่าไหร่ ไม่นานนักเจ้าชายซิลฟีเซ่ก็เดินออกมาจากห้องด้วยชุดที่ดูเหมือนว่าจะเป็นชุดของทหาร แต่ทว่าน่าจะมียศสูงกว่านั้น ใช่สิ ชุดคล้ายๆ ของเมลฟิซนะ เจ้าชายยามที่สวมชุดธรรมดาก็ดูดีอยู่แล้ว แต่พอสวมชุดเท่ๆ แบบนี้แล้ว ยิ่งดูดีเข้าไปอีก เจ้าชายซิลฟีเซ่ตัวสูง ผิวขาว ผมสีน้ำตาลอ่อนนั้น ถูกเสยขึ้นไปอย่างลวกๆ ทำให้มีผมตกลงมาปรกหน้าบ้างเล็กน้อย ดูไม่ค่อยเรียบร้อย แต่ทว่ามันดูเท่ในสายตาของกาเบรียลมาก เจ้าชายทรงใช้ผ้าสีเขียวมรกตปักด้วยดิ้นทองคาดศีรษะแล้วปล่อยผ้าที่เหลือให้ยาวลงไป เจ้าชายทรงเดินถือดาบที่ดูเหมือนจะเป็นเครื่องอิสริยยศออกมาจากห้อง ผ้าคลุมสีเขียวมรกตสะบัดพลิ้วไปตามแรงลม เจ้าชายเป็นผู้ชายในสเป็คของเธอเลยทีเดียว เธอเคยฝันว่าวันหนึ่งจะมีเจ้าชายมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอ และตอนนี้มันก็เป็นจริงแล้วสิ กาเบรียลเผลอมองเจ้าชายอยู่นาน จนกระทั้งเค้าเดินห่างไป เธอจึงวิ่งตาม เสียงฝีเท้าดังมาจากทางด้านหลัง เจ้าชายซิลฟีเซ่จึงหันไปมอง



        “เจ้า...กาเบรียลเองหรือ” เจ้าชายหันมาแล้วพูดกับกาเบรียล เธอยืนมองหน้าเจ้าชายเขินๆ เจ้าชายมองหน้าเธอด้วยความแปลกใจ กาเบรียลทำท่าไอเพื่อกลบเกลื่อน



        “เพคะ ฉันเอง” กาเบรียลพูด เจ้าชายมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า กาเบรียลเหมือนชายหนุ่ม ไม่สิ น่าจะเป็นเด็กหนุ่มมากกว่า ท่าทางจะเป็นลูกผู้ดีซะด้วย ผมยาวของเธอถูกมัดรวบหลวมๆ ผมที่ปรกหน้าของเธอก็ปัดให้ไปด้านหลังให้ดูไม่เรียบร้อย ชุดที่สวมก็รู้สึกว่าคล้ายๆ กับชุดของเค้านะ เจ้าชายทำท่าครุ่นคิดแล้วเกาคาง



        “นี่มันชุดข้าตอนเด็กๆ นี่นา ไม่เลวนี่ แต่งตัวใช้ได้เลย” เจ้าชายพูดดูเหมือนเจ้าชายจะไม่ได้ติดใจอะไรเรื่องชุด เจ้าชายจับให้กาเบรียลหมุนตัว “เฮ้! เจ้างั่งใครเค้าผูกผ้าพันเอวอย่างนั้นกันเล่า เวลาต่อสู้จะได้หลุดเอานะสิ” เจ้าชายพูดอย่างหัวเสีย กาเบรียลทำหน้าเหวอ

        

        “กะ ก็ไม่ทราบนี่นาว่าผูกยังไง” กาเบรียลเสียงอ่อย เจ้าชายตกใจเล็กน้อย เค้าคงจะลืมไปว่ากาเบรียลเป็นหญิงสาว



        “อืม ข้าลืมไป หันหลังมานี่กาเบรียล” กาเบรียลหันหลัง เจ้าชายทรงแก้ผ้าที่ผูกเอวกาเบรียลแล้วมัดให้เธอใหม่



        “โอ้ย!!! มันเจ็บนะ อย่ารัดให้มันแน่นนักสิ” กาเบรียลโวย แต่ดูเหมือนเจ้าชายจะทำเป็นไม่ได้ยิน ดูเหมือนว่าเจ้าชายจะสนุกกับการที่ได้แกล้งเธอ “หายใจไม่ออกนะ” กาเบรียลพูดดูท่าเธอจะเป็นอย่างที่พูดจริงๆ เจ้าชายจึงยอมคลายผ้าให้หลวมขึ้น เพราะจริงๆ แล้วถ้ามัดแน่นๆ คงจะดูไม่เหมือนชายหนุ่มแน่นอน กาเบรียลเอวบางซะขนาดนั้นนี่นา



        “เจ้านี่มันใจเสาะจริงๆ รัดแค่นี้ก็บ่น” เจ้าชายทรงตรัสล้อกาเบรียลเล่นๆ แต่กาเบรียลดูเหมือนจะโกรธจริงๆ เธอหน้าบูดไปตลอดทางเลยทีเดียว



        “เฮ้! ซิลฟีเซ่ นั่นเจ้าจะไปไหนน่ะ” จูเลียสเดินเข้ามาถาม แล้วผิดสังเกตกับชาหนุ่มตัวน้อยข้างๆ ซิลฟีเซ่ “นั่นทหารคนใหม่หรือซิลฟีเซ่ ยังเด็กอยู่เลยนี่นา” จูเลียสมองดูหนุ่มน้อยที่ยืนก้มหน้าไม่พูดไม่จา แต่ดูจากส่วนสูงไม่น่าจะเกินอายุ 13 ปีไปได้ “เออ! นั่นจะไปไหน” จูเลียสหันกลับไปสนใจเจ้าชายซิลฟีเซ่



        “ไปที่ค่ายทหารไง” เจ้าชายตอบ “นี่จูเลียส ลองมองทหารหนุ่มนี่ใหม่ซิ” เจ้าชายบอกจูเลียส เค้าจึงหันไปมองอีกที กาเบรียลที่ยืนก้มหน้าจึงต้องเงยหน้าขึ้น จูเลียสเพ่งมอง



        “ข้าว่าคล้ายๆ กับ...” กาเบรียลยิ้มให้จูเลียส “เฮ้! นั่นกาเบรียลทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะ ฮ่า ฮ่า น่ารักซะไม่มี” ไม่พูดเปล่าจูเลียสดึงเธอเข้ามากอดด้วย กาเบรียลตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ เจ้าชายซิลฟีเซ่เองก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน จูเลียสรู้สึกว่ากาเบรียลตัวแข็งทื่อไปแล้ว เค้าจึงปล่อยเธอออกจากอ้อมกอดนั้น “ฮะ ฮะ ข้าขอโทษ เจ้าเหมือนน้องชายของข้ามากเลย” จูเลียสแก้ตัว



        “ข้าไม่ยักรู้ว่าเจ้ามีน้องชาย” เจ้าชายซิลฟีเซ่หักหน้าจูเลียสต่อหน้ากาเบรียล จูเลียสยิ้มแหยๆ ให้กาเบรียลแล้วหันไปมองเพื่อนตาเขียว



        “เป็นน้องของภรรยาพ่อข้าอีกคนหนึ่งน่ะ” จูเลียสพูด กาเบรียลพยักหน้า



        “ไม่เป็นไร คราวหลังไม่เอาแล้วนะ ถึงจะหน้าเหมือนยังไง ฉันก็ไม่ใช่ตัวแทนของใคร” กาเบรียลพูด ดูเหมือนมันจะไปแทงใจดำของใครบางคนเข้า



        “จะไปกันได้รึยังกาเบรียล” เจ้าชายพูดเสียงห้วน “ข้าจะไปแล้วจูเลียส” เจ้าชายบอกเพื่อนต่างถิ่น เค้าจึงเดินไปอีกทาง และกาเบรียลก็เดินก้มหน้าตามเจ้าชายซิลฟีเซ่ไปยังคอกม้าที่มีทหารคนสนิทยืนคอยอยู่แล้ว









        “เจ้าชายเพคะ คือม้า...” กาเบรียลทำหน้าขยาด เธอไม่ชอบการขี่ม้าเลย เจ้าชายขมวดคิ้วกาเบรียลจึงก้มหน้างุด



        “นี่เจ้าคงจะไม่ให้ข้าพาเจ้านั่งไปด้วยหรอกนะ” เจ้าชายพูดเสียงห้วนเหมือนกับว่าไปโกรธใครมา กาเบรียลแม้จะฉุนลึกๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร



        “เอ่อ...เพคะ” กาเบรียลพูดจบจึงพยายามจะขึ้นม้า ดูเหมือนเจ้าชายจะไม่มีท่าทีว่าจะช่วยอะไรเธอเลย เฟรย์ทหารคนสนิทของเจ้าชายซิลฟีเซ่จึงเข้าไปช่วยอุ้มขึ้นม้า



        “ขอบคุณค่ะ” กาเบรียลยิ้มให้เฟรย์ เค้ายิ้มตอบอย่างอ่อนโยน เจ้าชายทรงมองทั้งคู่แล้วขมวดคิ้ว



        “ไปได้แล้ว อย่ามัวชักช้า” เจ้าชายพูดแล้วกระโดดขึ้นม้าควบไปก่อน กาเบรียลพยายามชักม้าตามไป แต่ทว่าม้ามันดูเหมือนจะไม่ฟังหล่อน เฟรย์หัวเราะเบาๆ แล้วจับสายบังเหียนม้าให้วิ่งไปพร้อมๆ กับม้าของตน กาเบรียลหันไปยิ้มให้เฟรย์แล้วขอบคุณเค้าอีกครั้ง



        “กาเบรียลไหวมั้ย ดูเจ้าหน้าซีดจัง” เฟรย์พูดด้วยความเป็นห่วง กาเบรียลส่ายหน้า



        “ไม่เป็นไร เอ่อ...กลัวนิดหน่อย” กาเบรียลบอก แล้วยิ้มแหยๆ ดูเธอจะไม่ถูกโรคกับม้าเอาเสียเลย “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวเจ้าชายจะพลอยโกรธท่านไปด้วย”



        “มานั่งกับข้ามั้ย” เฟรย์เห็นหากาเบรียลหน้าซีดจริงๆ กาเบรียลส่ายหน้าอีก เฟรย์จึงไม่ถามอะไรต่อ จนกระทั่งถึงค่ายทหาร กาเบรียลรีบกระโดดลงจากม้าทันที ดูเหมือนเธอจะเดินไม่ตรงทางด้วย





    พลั่ก!!!





        “กาเบรียล เดินไม่ดูทางมั่งรึไงถึงได้มาชนข้า” เจ้าชายพูดอย่างหัวเสีย กาเบรียลกล่าวขอโทษแต่ก็ยังเดินเซๆ อยู่ เธอรู้สึกเบลอๆ เธอเห็นมีคนมาต้อนรับเจ้าชายมากมาย ทุกคนทำความเคารพเจ้าชาย แต่ทำไมคนชุดสีแดงตรงกลางถึงใส่ชุดไม่เหมือนคนอื่นล่ะ ทำไมเค้าถึงมองมาทางเธอ กาเบรียลเบิ่งตามองให้ชัดๆ



        “เมลฟิซ...” กาเบรียลวิ่งผ่านเจ้าชายเข้าไปกอดชายหนุ่มเบื้องหน้าเจ้าชาย เค้ายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน แล้วกาเบรียลก็สลบไป



        “กาเบรียล กาเบรียล” เมลฟิซเรียกกาเบรียลสีหน้าตกใจเป็นอย่างมาก เมลฟิซหันไปมองเจ้าชายซิลฟีเซ่ที่มองกาเบรียลสีหน้าตกใจไม่แพ้กันเป็นเชิงถามว่าเธอเป็นอะไร แต่เจ้าชายไม่ตอบ ดูเหมือนเค้าจะไม่รู้เหมือนกัน



        “เอ่อ ท่านแม่ทัพ ดูเหมือนกาเบรียลจะกลัวม้าครับ เธอหน้าซีดตั้งแต่อยู่บนหลังม้าแล้ว” เฟรย์พูดกับเมลฟิซ เจ้าชายมองเฟรย์หน้าเครียด



        “แล้วทำไมเจ้าไม่บอกข้า” เจ้าชายพูดกับเฟรย์เสียงห้วน เฟรย์ได้แต่ก้มหน้า เมลฟิซจึงอุ้มกาเบรียลไปยังกระโจมที่พัก โดยมีเจ้าชายกับเฟรย์เดินตามไป



        เมลฟิซวางกาเบรียลลงบนที่นอนของเค้าแล้วแกะชุดที่รัดเธอออกซะ ให้เธอหายใจได้สะดวกขึ้น เค้าคอยเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าและมือให้เธอ จนกาเบรียลสีหน้าดีขึ้น เจ้าชายมองเมลฟิซที่คอยพยาบาลกาเบรียลอย่างตั้งใจ เค้ารู้สึกไม่พอใจอยู่ลึกๆ









        “ท่านมีอะไรหรือเจ้าชาย” เมลฟิซหันไปถามเจ้าชายซิลฟีเซ่ เมื่อเห็นว่ากาเบรียลมีสีหน้าดีขึ้นมากแล้ว เจ้าชายจึงนำสาสน์ที่กษัตริย์ฝากมาส่งให้เมลฟิซ เค้ารับมันแล้วอ่านข้อความนั้นทันที เจ้าชายเห็นเมลฟิซขมวดคิ้วยุ่ง แล้วเดินออกมาจากห้องนอนมายังห้องที่ทำงาน เจ้าชายจึงเดินตามไป เค้าไม่ได้ถามอะไรจนกระทั่งเมลฟิซอ่านข้อความจบ เมลฟิซหันมามองเจ้าชายแล้วพูด “เร็วๆ นี้เราต้องออกไปรบ กับพวกอียิปต์”



        “กับอียิปต์รึ อาณาจักรนี้เคยเป็นมิตรกับเรามิใช่หรือ” เจ้าชายตรัสสีหน้าครุ่นคิด



        “ใช่ ตอนนี้เป็นช่วงผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน ฟาโรห์องค์ใหม่ยังเป็นหนุ่มคึกคะนอง ต้องการแผ่ขยายอำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งอียิปต์” เมลฟิซพูดแล้วเดินไปที่โต๊ะ “กษัตริย์ต้องการให้ข้าป้องกันอยู่ที่นี่ ส่วนท่านคงจะป้องกันทางน้ำสินะ” เมลฟิซพูดสีหน้าเคร่งเครียด



        “เปล่าหรอกเมลฟิซ ข้าจะอยู่ป้องกันที่นี่ เพราะข้าค่อนข้างจะมั่นใจว่าอียิปต์จะนำกองกำลังส่วนมากบุกทางบก” เจ้าชายพูดพร้อมกับเดินมานั่งที่เก้าอี้



        “แต่อียิปต์เก่งด้านการสู้รบทางน้ำไม่ใช่เหรอคะ”



        “จริงอยู่ที่อียิปต์เก่งสู้รบทางน้ำ แต่เราเป็นอาณาจักรที่เป็นเกาะ เราจึงเชี่ยวชาญกว่า...” เมลฟิซตอบแล้วหันไปทางต้นเสียงด้วยความตกใจ “กาเบรียลฟื้นแล้วหรือ”



        “อื้ม! ฉันได้ยินเสียงพูดกันน่ะเลยนอนไม่หลับ” กาเบรียลพูด



        “เจ้าเป็นสตรีไม่ควรมายุ่งเรื่องสงคราม” เจ้าชายตรัสว่ากาเบรียล เธอก้มหน้า “ขออภัยเพคะ” กาเบรียลขอโทษแล้วเธอก็กลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง



        “เจ้าชายข้าว่าเราควรปรึกษาเรื่องนี้กันทีหลัง” เมลฟิซสรุปเพราะเห็นว่าเป็นการไม่สมควรที่มีคนนอกล่วงรู้ความลับทางการทหาร เจ้าชายพยักหน้า “ข้าได้ข่าวว่าท่านจะอภิเษกหรือ” เมลฟิซถามเจ้าชายซิลฟีเซ่ เค้าหันมามองเมลฟิซด้วยสีหน้าแปลกใจ



        “ใครบอกเจ้าว่าข้าจะอภิเษกหรือ” เจ้าชายซิลฟีเซ่ตรัสถาม แต่เมลฟิซไม่ตอบ เค้าจึงพูดต่อ “ยังหรอกเมลฟิซ ข้ายังไม่คิดจะอภิเษกตอนนี้”



        “แล้วเจ้าหญิงเอลเลน่าว่าอย่างไรบ้าง” เมลฟิซถามต่อ



        “ข้าเองก็ไม่รู้ ว่าเจ้าหญิงมีคนรักหรือไม่ แต่ข้าเองก็มิได้รังเกียจ” เจ้าชายซิลฟีเซ่ถอนหายใจ “ว่าแต่กาเบรียลของเจ้าเถอะ ทำวังข้าซะวุ่นไปหมด” เจ้าชายซิลฟีเซ่ส่ายศีรษะอย่างหนักใจไม่น้อย



        “หืม! กาเบรียลไปทำอะไรไว้หรือ” เมลฟิซทำหน้าตกใจ



        “ทั้งฟีเรนเซ่ จูเลียส ดูเหมือนจะหลงเสน่ห์นางไปหมด เจ้าด้วยเฟรย์” เจ้าชายทรงหันไปมองทหารคนสนิทที่ยืนยิ้มแหยๆ อยู่ข้างๆ



        “กาเบรียลนะเหรอ เจ้าชายฟีเรนเซ่ เจ้าชายจูเลียสด้วย นี่มันอะไรกัน” เมลฟิซทำหน้างงๆ “คนเจ้าชู้อย่างเจ้าชายจูเลียสนะเหรอ ไม่เห็นจะแปลก”



        “นั่นสินะ” เจ้าชายซิลฟีเซ่พูด “แต่ฟีเรนเซ่นะสิ ติดกาเบรียลจริงๆ เลย”



        “ถ้าเพียงแต่ท่านส่งคืนให้ข้า...” เมลฟิซพูดยังไม่ทันจบเจ้าชายก็แทรกขึ้น



        “ไม่มีทางหรอก ข้าไม่ทำอย่างนั้นแน่” เจ้าชายซิลฟีเซ่จ้องเมลฟิซเขม็ง เมลฟิซส่ายหน้าช้าๆ แล้วเดินเข้าไปหากาเบรียลที่ห้อง



        “เมลฟิซ...” กาเบรียลเรียกชายหนุ่ม เธอนั่งกอดเข่าอยู่บนที่นอน เมลฟิซจึงไปนั่งที่ขอบเตียง “ดูซูบลงไปเยอะเลยนะ...” กาเบรียลพูด



        “งั้นหรือ คงจะทำงานมากไปหน่อย” เมลฟิซยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่กาเบรียลยังคงหน้าบึ้งอยู่



        “ไม่จริงหรอก เมลฟิซหนักใจเรื่องฉันใช่ม้า หรือว่าคิดถึงซินเทียร์” กาเบรียลพูดแทงใจดำเข้าเต็มๆ เมลฟิซเป็นอย่างที่กาเบรียลว่าจริงๆ



        “ก็นิดหน่อย...” เมลฟิซพูด กาเบรียลทำหน้าเบ้



        “เป็นเอามากซะด้วย” กาเบรียลมองปฏิกิริยาของเมลฟิซออก เมลฟิซหัวเราะแล้วขยี้ผมกาเบรียล “เมลฟิซไม่ต้องกังวลเรื่องฉันหรอก เจ้าชายน่ะใจดี้ใจดี” กาเบรียลพูดเน้นเสียงขณะที่เจ้าชายเดินเข้ามา เค้าขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่ากาเบรียลจงใจให้เค้าได้ยิน



        “ข้าใจดีอยู่แล้วล่ะน่า ถ้าเพียงแต่เจ้าไม่ดื้อ” เจ้าชายตอบกลับมา



        “ฉันไม่ใช่เด็กนะ” กาเบรียลพูดพึมพำ เมลฟิซหัวเราะเบาๆ กาเบรียลจึงมองเค้าเขม็ง “เมลฟิซ ฉันอายุ 16 แล้วนะ” กาเบรียลพูด เมลฟิซพยักหน้าหงึกหงัก



        “ข้ารู้ แต่เจ้ายังดูเด็กอยู่เลยนะ นิสัยเจ้าก็ด้วย” เมลฟิซบอกกับกาเบรียลเธอทำหน้าเบ้ ทำไมพอมาอยู่ในสังคมนี้ คนอื่นถึงได้มองเธอเป็นเด็กไปซะหมดนะ “ไม่เอาน่ากาเบรียล อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ไม่อยากให้ข้าไม่สบายใจไม่ใช่เหรอ” เมลฟิซหยอกกาเบรียล เธอยิ้มให้เค้าทันที



        “เมลฟิซนั่นแหละ อย่าทำหน้าเศร้าสิ ถึงจะคิดถึงซินเทียร์แค่ไหนก็ห้ามทำร้ายตัวเองนะ สัญญาได้มั้ย” กาเบรียลยกนิ้วก้อยเธอขึ้นมา เมลฟิซทำหน้างงๆ “เกี่ยวก้อยสัญญา” กาเบรียลพูดสีหน้าจริงจัง แต่ทว่ามันดูเหมือนเด็กๆ ที่พยายามทำให้ดูจริงจังมากกว่า เมลฟิซกลั้นหัวเราะแล้วเกี่ยวก้อยเธอ



        “สัญญา” กาเบรียลยิ้มหน้าระรื่น เจ้าชายมองทั้งสองคนแล้วหันไปมองทางอื่นเสีย







         ‘ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ ดูเหมือนข้าจะเข้าใจผิดมาตลอดสินะ แต่ยังไงข้าก็ยังไม่ยอมปล่อยกาเบรียลหรอกนะเมลฟิซ’ เจ้าชายคิดในใจ ทั้งสองคนนั้นดูเหมือนกับเป็นพี่น้องกันมากกว่า



        “เมลฟิซ ข้าคงต้องไปแล้วล่ะ เดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน” เจ้าชายบอกเมลฟิซ เค้าพยักหน้า แต่ทว่ากาเบรียลกลับดึงแขนเสื้อเค้าแน่น

        

        “มีอะไรเหรอ กาเบรียล” เมลฟิซถามกาเบรียล เธอหน้าซีดเผือด เจ้าชายเองก็มองเธออย่างแปลกใจ



        “เมลฟิซไปส่งนะ ไปส่งได้มั้ย” กาเบรียลพูดเบาๆ เจ้าชายขมดคิ้วขึ้นมาทันที



        “ไม่ได้ เมลฟิซต้องอยู่ที่นี่ เจ้าอย่าเรื่องมากได้มั้ย” เจ้าชายพูดเสียงห้วน เมลฟิซมองกาเบรียลด้วยความเป็นห่วง



        “ไม่เอา ฉันกลัว” กาเบรียลก้มหน้านิ่ง เจ้าชายเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากาเบรียลกลัวการขี่ม้าคนเดียว แต่ถ้าจะให้ขึ้นไปกับเค้าก็คงจะไม่เป็นการดีเท่าไหร่



        “ก็ได้” เจ้าชายตอบสั้นๆ แล้วเดินออกไป กาเบรียลยิ้มแล้วลากแขนเมลฟิซเดินตามเจ้าชายไป



        “ฉันกวนเมลฟิซมากไปรึเปล่า” กาเบรียลหันกลับมาถามเมลฟิซที่เดินตามมาไม่พูดไม่จาซักคำเดียว เมลฟิซส่ายศีรษะ “จริงเหรอ ไม่กวนแน่นะ” กาเบรียลถามอีกครั้ง เมลฟิซตบหัวกาเบรียลเบาๆ เชิงล้อเล่น



        “ไปส่งลูกสาวที่น่ารักไม่ถือว่ารบกวนหรอก” เมลฟิซกระซิบเบาๆ กาเบรียลหัวเราะคิกคัก จนเจ้าชายหันมามอง แล้วขมวดคิ้วใส่

    กาเบรียลนั่งกับเมลฟิซ เธอเกาะเมลฟิซแน่นทีเดียว เมลฟิซรู้สึกว่าเธอสั่นนิดๆ ด้วย เค้าจึงบอกให้เธอมานั่งข้างหน้าแทน กาเบรียลพยักหน้าหงึกหงักแล้วเปลี่ยนไปนั่งข้างหน้า โดยมีสายตาคู่หนึ่งคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา เมื่อมาได้ครึ่งทางเมลฟิซก็กระซิบถามกาเบรียล



         “วันนี้ข้าจะกลับไปที่บ้าน อยากไปมั้ย” กาเบรียลมองด้วยความแปลกใจ



        “ไปได้เหรอ เจ้าชายจะยอมเหรอ” กาเบรียลเลิกคิ้วถาม



        “เจ้าชาย วันนี้ให้กาเบรียลไปที่พักบ้านข้าได้หรือไม่” เมลฟิซถามเจ้าชายที่ควบม้าอยู่ข้างหน้า เค้าหันมามองแล้วจ้องตาเมลฟิซ



        “ได้สิ” เจ้าชายตอบตกลง กาเบรียลมองด้วยความแปลกใจ ไม่น่าจะง่ายขนาดนั้นนะ



        “ทำไมเจ้าชายยอมตกลงง่ายๆ ล่ะเมลฟิซ” กาเบรียลกระซิบ เมลฟิซยิ้มอย่างอารมณ์ดี



        “มะรืนนี้ที่บ้านของเราจะมีงานทุกปี เจ้าเองก็ต้องไปช่วยข้าด้วยล่ะ” เมลฟิซยิ้มกว้าง กาเบรียลเพิ่งเคยเห็นเมลฟิซทำหน้าเช่นนี้เป็นครั้งแรก เธอเผลอมองอยู่นานทีเดียว เธอคิดว่าเมลฟิซจะเป็นคนขรึมตลอดเวลาซะอีกแน่ะ เมื่อมาถึงหน้าพระราชวัง เจ้าชายก็ทรงชะลอม้า แล้วหันไปหากาเบรียล



        “มานี่ซิกาเบรียล” เจ้าชายทรงเรียกกาเบรียล เธอจึงลงจากม้าของเมลฟิซไปยังม้าของเจ้าชาย เธอได้ยินเจ้าชายพูดพึมพอะไรซักอย่าง เมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ เจ้าชายก็อุ้มเธอขึ้นมาแล้วจูบเธอต่อหน้าสาธารณชน กาเบรียลตกใจเป็นอย่างมาก แล้วเจ้าชายก็ปล่อยเธอลง เธอวิ่งกลับไปหาเมลฟิซ พร้อมกับเหลือบไปมองเจ้าชายด้วยความตกใจ เจ้าชายยิ้มให้เธอ กาเบรียลมองเจ้าชายแล้วหน้าแดง ดูเหมือนเจ้าชายจะมีสเน่ห์มากกว่าเดิมหลายเท่าทีเดียว เจ้าชายควบม้าเข้าไปในปราสาท กาเบรียลทำท่าจะเดินตามเข้าไปด้วย แต่ทว่าเมลฟิซรั้งตัวเอาไว้แล้วอุ้มขึ้นม้า พร้อมกับควบไปที่บ้านของตน







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×