ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : การพบกันของสามสหาย
    เมลฟิซหลังจากไปตรวจดูกองทัพเสร็จ เค้าจึงกลับมายังบ้านและแต่งตัวเพื่อเตรียมจะไปตามคำเชิญของเจ้าหญิงมิเลเนีย เค้าใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวเป็นสีขาว ตรงหน้าอกเป็นแถบผ้าสีแดงมีลายนกอินทรีปักอยู่ ผ้าคลุมสีแดงปักเป็นรูปนกอินทรี สีทอง ซึ่งแสดงถึงยศแม่ทัพอันยิ่งใหญ่ เมลฟิซมายังที่วังของเจ้าหญิงมิเลเนีย เจ้าหญิงออกมาต้อนรับทันที
    “เมลฟิซ มาแล้วหรือ” เจ้าหญิงพูดทักทายเมลฟิซ เค้าโค้งให้เจ้าหญิงแล้วพูดกับเธอ
    “พะยะค่ะ กระหม่อมขออภัยหากมาช้า” เมลฟิซพูดแม้ว่าเค้าจะมาเร็วกว่าเวลาพอสมควรก็ตาม เจ้าหญิงทรงแย้มพระโอษฐ์ แล้วซบหน้าลงกับแขนเมลฟิซ
    “เปล่าหรอก ก็เราอยากเจอเมลฟิซเร็วๆ นี่นา” เจ้าหญิงทรงตรัสเสียงหวาน เมลฟิซเกาศีรษะแก้เก้อ เค้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี “เมลฟิซวันนี้เจ้าพี่มีแขกล่ะ เราจะไปงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าหญิงเอลเลน่ากัน” เจ้าหญิงมิเลเนียทรงปล่อยแขนเมลฟิซแล้วพูดอย่างร่าเริง เมลฟิซตกใจเล็กน้อย
    “เอ่อ! แล้วเจ้าชายมิได้เชิญกระหม่อม มันจะเหมาะหรือเจ้าหญิง” เมลฟิซถามเจ้าหญิงอย่างสุภาพ เธอหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
    “เหมาะสิ ท่านกับเจ้าพี่เป็นสหายสนิทกันไม่ใช่หรือ แล้วก็ใช่ว่าเจ้าพี่จะไม่เชิญท่านเสียหน่อย” เจ้าหญิงตรัสราวกับไม่ทราบถึงความแตกแยกกันระหว่างเจ้าชายซิลฟีเซ่กับเมลฟิซ
    “หมายความว่าเจ้าชายทรงเชิญกระหม่อมด้วยหรือพะยะค่ะเจ้าหญิงมิเลเนีย” เมลฟิซถามด้วยความแปลกใจ เจ้าหญิงพยักหน้า แล้วดึงแขนเมลฟิซขึ้นรถม้าไปยังวังของเจ้าชายซิลฟีเซ่ เมื่อมาถึงเจ้าหญิงก็เดินควงแขนเมลฟิซมาดูสง่างามยิ่งนัก เมลฟิซเดินผ่านทางเดินมาเรื่อยๆ ก็พบกับหญิงสาวนั่งอยู่บนก้อนหินในทุ่งดอกไม้บริเวณทางที่เค้าเดินผ่าน เค้าหันไปมองเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สนใจกับสิ่งรอบข้างเลย เจ้าหญิงทรงพาเมลฟิซไปยังห้องที่ใช้สำหรับต้อนรับแขกเมือง เป็นห้องที่กว้างใหญ่ ตกแต่งได้อย่างงดงามตระการตายิ่งนัก ผนังของห้องเป็นทาด้วยสีทองทั้งหมด รวมถึงเครื่องประดับอื่นๆ ด้วย ขณะที่เมลฟิซเข้ามาเป็นช่วงที่ยังมีการแสดงระบำอยู่ เจ้าหญิงลากแขนเมลฟิซไปหาเจ้าชายซิลฟีเซ่
    “เจ้าพี่ถวายบังคมเพคะ” เจ้าหญิงทำความเคารพเจ้าชายซิลฟีเซ่ พร้อมๆ กับเมลฟิซ เจ้าชายซิลฟีเซ่ละสายตาจากการชมการแสดง แล้วยิ้มให้ทั้งคู่ แต่ดูเหมือนเค้าแทบจะไม่ได้มองหน้าเมลฟิซเสียด้วยซ้ำ
    “เฮ้! เมลฟิซดีใจจริงๆ ที่ได้เจอเจ้า ข้าว่าจะไปหาเจ้าอยู่แล้วเชียว” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทักเมลฟิซอย่างสนิทสนม เมลฟิซหันไปมองต้นเสียงแล้วยิ้มให้ และทำความเคารพเค้าเช่นเดียวกับที่ทำกับเจ้าชายซิลฟีเซ่ “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกน่า” ชายหนุ่มพูดเมื่อเห็นเมลฟิซทำความเคารพเค้า
    “กระหม่อมก็ดีใจเช่นกัน” เมลฟิซพูดอย่างนอบน้อม เค้ายิ้มให้เมลฟิซ
    “เจ้าไม่เคยเปลี่ยนเลยนะเมลฟิซ” ชายหนุ่มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เมลฟิซเองก็เช่นกันดูเหมือนเมลฟิซเพิ่งจะหัวเราะได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นขึ้นมา
    “ท่านเองก็ไม่เปลี่ยนเลย เจ้าชายรัชทายาทแห่งเทรโน่” เมลฟิซเรียกซะเต็มยศ เทรโน่เป็นหมู่เกาะทางใต้ของแอตแลนติส (เป็นสถานที่ที่ตั้งขึ้นมาเองนะคะ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำนานหรือประวัติศาสตร์แต่อย่างใด) เจ้าชายจูเลียสเข้ามากอดคอเมลฟิซแล้วหัวเราะ เค้าชวนเมลฟิซพูดคุยเรื่องต่างๆ ที่เค้าได้เจอมาด้วยความที่ไม่ได้เจอกันนานจึงมีเรื่องต้องคุยกันมากเป็นพิเศษ เจ้าหญิงมิเลเนียมองด้วยความไม่พอใจ เธอเป็นคนพาเค้ามาแท้ๆ แต่เธอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
   
    “เป็นไงบ้างเมลฟิซ ได้ข่าวว่าเจ้าได้ลูกสาวนี่นา อยู่ไหนซะล่ะ” เจ้าชายจูเลียสถามเมลฟิซ ทว่าเค้าทำหน้าเศร้ายิ่งนัก แต่ก็กลับไปเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่พ้นสายตาของเจ้าชายซิลฟีเซ่ไปได้
    “ไปอยู่กับแม่ของกระหม่อม” เมลฟิซพูด เจ้าชายจูเลียสและเจ้าชายซิลฟีเซ่ทำหน้าตกใจเป็นอย่างมาก พวกเค้าคิดว่าจะอยู่กับเมลฟิซเสียอีก
    “ฮึ! ลูกคงเป็นก้างเจ้าสินะเมลฟิซ” เจ้าชายซิลฟีเซ่พูดแดกดัน เมลฟิซก้มหน้าไม่พูดอะไร เจ้าชายจูเลียสทำหน้างงๆ
    “นี่มันอะไรกัน ทำไมต้องให้ไปอยู่กับแม่ของเจ้าล่ะ อยากเห็นหน้าจริงๆ ถ้าสวยละก็ข้าขอละกัน” เจ้าชายจูเลียสพูดหยอกเมลฟิซ เค้าหัวเราะเบาๆ
    “มันต้องขึ้นอยู่กับลูกสาวกระหม่อมสิ มาให้ง่ายๆ ได้ยังไง” เมลฟิซพูดตอบกลับไป
    “เหอะ! ไม่ให้ง่ายๆ รึ” เจ้าชายซิลฟีเซ่พูดขัดขึ้นมา เจ้าชายจูเลียสขมวดคิ้วทันที ต้องมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคนนี้แน่ๆ แต่ดูเหมือนจูเลียสจะทำเป็นไม่สนใจ
    “ฮึๆ เจ้าหญิงเอลเลน่าเสวยน้ำจัณฑ์ได้มั้ย” จูเลียสเปลี่ยนไปคุยกับเจ้าหญิงเอลเลน่าเพื่อเบนความสนใจ
    “เราไม่ดื่มหรอก” เจ้าหญิงเอลเลน่าพูดแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “สวัสดีท่านแม่ทัพ” เจ้าหญิงเอลเลน่าหันไปพูดกับเมลฟิซ เค้าหันมาอย่างตกใจแล้วรีบลุกขึ้นทำความเคารพเจ้าหญิงเอลเลน่า เป็นครั้งแรกที่เค้าได้พบเจ้าหญิง เธอยิ้มให้เค้าอย่างอ่อนโยนมีแววขันลึกๆ เมลฟิซยิ้มแก้เก้อ แล้วนั่งลงข้างๆ จูเลียส เค้าตบหลังเมลฟิซอย่างล้อๆ
    “เจ้าชาย” เมลฟิซตัดสินใจเรียกเจ้าชายซิลฟีเซ่ เค้าหันมามองด้วยหางตา เมลฟิซจึงพูดต่อ “กาเบรียลเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าชายซิลฟีเซ่ขมวดคิ้ว แต่หลังจากนั้นเค้าก็ยิ้มด้วยสายตาดูแคลน
    “ถามถึงทำไม มันเป็นทาสของข้า” เจ้าชายซิลฟีเซ่พูด ทำให้เมลฟิซไม่พอใจยิ่งนัก
    “ทาสอะไรกัน กาเบรียลก็คือกาเบรียล ท่านไม่มีสิทธิ์ไปกล่าวหา หรือยึดถือสิทธิ์ว่านางไปเป็นทาสของท่าน และข้าก็จำไม่ได้ด้วยว่าข้าขายนางหรือยกนางให้กับท่านเมื่อไหร่กัน” เมลฟิซพูดและผุดลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห ทำเอาซิลฟีเซ่และจูเลียสอึ้งไปตามๆ กันเพราะปกติเมลฟิซเป็นคนที่อ่อนโยนไม่ขึ้นเสียงกับใคร ไม่บ่อยนักหรอกที่จะเห็นเมลฟิซเป็นเช่นนี้   
    “ยกให้ข้า กาเบรียลเป็นของเจ้างั้นหรือ ถึงจะต้องมายกให้ข้า” ซิลฟีเซ่สวนกลับด้วยความฉุน เมลฟิซขมวดคิ้ว จูเลียสจึงต้องมาห้ามทัพ
    “เอาเถอะๆ คนอื่นเค้ามองพวกเจ้าอยู่นะ” จูเลียสฉุดมือให้เมลฟิซนั่ง เมลฟิซกัดฟันกรอด แบบนี้มันเกินไปจริงๆ เค้าพยายามสงบสติอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ ซิลฟีเซ่ก็เช่นกัน เค้าไม่คิดว่าเมลฟิซจะมีปฏิกิริยาเรื่องของกาเบรียลมากขนาดนี้ กาเบรียลจะต้องสำคัญมากแน่ๆ ถ้าหากไม่ใช่ทำไมเมลฟิซไม่บอกเค้าล่ะว่ากาเบรียลเป็นใคร ทำไมต้องปิดบังให้ผิดใจกันด้วย
    “วันก่อนข้าได้ยินว่ามีคนทำผิดกฎข้ามมิติมาที่นี่ด้วย รู้สึกว่าจะโดนประหารไปแล้วนะ น่าสงสารจริงๆ” จูเลียสเล่าเรื่องที่ได้ยินมาให้กับสหายสนิททั้งสองฟัง เมลฟิซหน้าซีดเผือดไม่มีสีแต่ก็กลับเป็นปกติได้อย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของซิลฟีเซ่ไปได้
    “ประหาร แขวนคอนะหรือ” เมลฟิซพูด
    “ฮึ! ฝังไว้ในทรายร้อนๆ กลางทะเลทราย แล้วปล่อยมดให้เข้าไปกัด” ซิลฟีเซ่พูดท่าทางไม่ใส่ใจเท่าใดนัก แม้ใจจริงจะคิดว่ามันเป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณก็ตาม
    “ก็มันผิดกฎการข้ามมิติ ช่วงเวลาผิดเพี้ยนไปหมด ตอนนี้ก็ต้องแก้ไขการบิดของเวลากันให้วุ่น” จูเลียสพูดอย่างเหนื่อยหน่าย
    “เจ้าชายซิลฟีเซ่ ข้าขอพบกาเบรียลหน่อย” เมลฟิซพูดขัดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงกาเบรียลยิ่งนัก
    “เอาเถอะ อยากไปก็ไปข้าเบื่อจะขัดเจ้าแล้ว” ซิลฟีเซ่พูดด้วยความรำคาญ เมลฟิซจึงโค้งคำนับเค้า และจูเลียส แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองทำท่าจะตามเค้าไปด้วย แต่เค้าก็ไม่สามารถขัดอะไรได้
    บริเวณท่าน้ำในพระราชวังในคืนเดือนเพ็ญ บรรยากาศตอนกลางคืนสว่างไสวด้วยแสงจันทร์ ชายหนุ่มทั้งสามคนหันไปมองร่างที่นั่งกอดเข่าอยู่บริเวณท่าน้ำ อีกมือหนึ่งก็วักน้ำเล่น หญิงสาวปล่อยผมยาวให้สะบัดพริ้วไปตามแรงลม ช่างเป็นภาพที่สวยยิ่งนัก
    “กาเบรียล...” เมลฟิซเรียกหญิงสาว เธอหันมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยิ้มให้เค้า เธอลุกขึ้นแล้ววิ่งมาหาต้นเสียงนั้น เค้าก้าวเท้าออกมาแล้วรับเธอมาไว้ในอ้อมกอดนั้น เค้ารู้สึกถึงน้ำตาที่ชื้นบนเสื้อของเค้า เมลฟิซลูบศีรษะกาเบรียลปลอบโยนหญิงสาว เธออยู่ท่านั้นพักหนึ่งจนกระทั่งมีเสียงแทรกขึ้นมา
    “เฮ้! นั่นเธอหรือ” จูเลียสก้าวเท้าออกมาจากความมืด กาเบรียลตกใจจึงผละออกจากเมลฟิซ แล้วเจ้าชายซิลฟีเซ่ก็ก้าวออกมายืนท่ามกลางแสงจันทร์อีกคน กาเบรียลรู้สึกว่าสายตาของซิลฟีเซ่ดูแคลนเธอมาก จะว่ารังเกียจก็ไม่เชิง
    “ท่าน เอ่อ...” กาเบรียลลากเสียงเพราะไม่รู้ว่าจะพูดว่าอย่างไรดี ชายผู้นี้เป็นใครกัน
    “อ๋อ! ข้าชื่อจูเลียส เรียกข้าว่าจูเลียส” ชายหนุ่มแนะนำตัว กาเบรียลพยักหน้าแล้วยิ้ม
    “เอ่อ! กาเบรียลจูเลียสเป็นเจ้า...” ยังไม่ทันที่เมลฟิซจะพูดจบจูเลียสก็มาปิดปากเค้าเอาไว้แล้วพูดแทน
    “ข้าเป็นเจ้าของเรือลำนั้น เป็นเพื่อนของเมลฟิซน่ะ” จูเลียสชี้ไปทางเรือเล็กที่อยู่ไกลออกไปทางท่าน้ำใหญ่ กาเบรียลยิ้ม อย่างน้อยเค้าก็ไม่ใช่พวกเจ้าชายอะไรอย่างนั้น
    “ฉันชื่อกาเบรียล” เธอยื่นมือให้ทักทายเหมือนกับที่เธอทำบ่อยๆ ตอนอยู่ในโลกปัจจุบัน จูเลียสมองหน้าเธอสลับกับมือที่ยื่นออกมางงๆ เธอจึงหดมือกลับเพราะคิดได้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอเคยอยู่ ที่นี่คือแอตแลนติส
    “เป็นยังไงบ้างกาเบรียล” เมลฟิซถามด้วยความเป็นห่วง กาเบรียลส่ายหน้าช้าๆ
    “ไม่เป็นไรหรอกเมลฟิซไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันไม่เป็นอะไร” กาเบรียลยิ้มฝืนๆ เมลฟิซเองก็ทราบดีว่าไม่เป็นอย่างที่เธอพูดหรอก เค้าวางมือลงไปบนศีรษะกาเบรียลเบาๆ เจ้าชายซิลฟีเซ่แทบจะไม่หันหน้ามาดูเลยทีเดียว เค้าหันหน้าไปอีกทาง
    “ไม่เป็นไรหรอกเมลฟิซ ข้าอยู่ที่นี่ข้าจะดูแลให้เอง” จูเลียสอาสา เมลฟิซมองหน้าเค้าแล้วยิ้ม กาเบรียลเลิกคิ้ว
    “งั้นข้าก็วางใจจูเลียส ฝากกาเบรียลด้วยล่ะ ถ้ากาเบรียลเป็นอะไรไปข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าเลย” เมลฟิซพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม นี่ไม่ใช่การล้อเล่นจูเลียสทราบดี เมลฟิซเอาจริงเสมอ
    “ไปได้แล้ว กลับไปที่ในงานได้แล้ว ป่านนี้เค้าคงหาพวกเรากันให้วุ่น” เจ้าชายซิลฟีเซ่พูด จูเลียสพยักหน้า เมลฟิซจึงต้องกลับไปด้วย ทั้งๆ ที่เค้าอยากทราบเรื่องของกาเบรียลตอนที่อยู่ที่วังนี้มากกว่านี้แท้ๆ เค้าหวังว่าเจ้าชายซิลฟีเซ่คงจะไม่ได้แกล้งอะไรกาเบรียลมากนัก
    “แล้วเจอกัน เมลฟิซ” กาเบรียลโบกมือให้พร้อมกับกระโดดอย่างร่าเริง เค้าหันกลับมายิ้มอย่างอ่อนโยน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น