ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัก_ข้าม_มิติ

    ลำดับตอนที่ #10 : ชายหนุ่มปริศนา

    • อัปเดตล่าสุด 10 มิ.ย. 47




        เจ้าชายพระองค์น้อยเปิดประตูห้องแล้วปล่อยมือหญิงสาวเจ้าชายน้อยหันมามองกาเบรียล กาเบรียลเองก็มองเด็กชายตัวน้อยอย่างงงๆ



        “เจ้าเป็นใคร มาอยู่ในห้องท่านพี่ได้ยังไง ข้าไม่เชื่อหรอกนะว่าเจ้าเป็นแขกของเจ้าพี่น่ะ” เจ้าชายฟีเรนเซ่ทรงถามกาเบรียล เธอมองเด็กชายแล้วนั่งลงให้ระดับสายตาเธออยู่ระดับเดียวกับเจ้าชาย



        “หม่อมฉันเป็นน้องของท่านเมลฟิซเพคะ” กาเบรียลบอก เจ้าชายทรงยิ้มพระพักตร์งดงามน่าดูยิ่ง เหมือนพี่ชายแต่ทว่าให้ความรู้สึกแตกต่าง



        “หน้าเจ้าเหมือนท่านหญิงซินเทียร์มาก” เจ้าชายฟีเรนเซ่บอกดูเหมือนว่าแม่ของเธอจะเป็นที่ชอบพอของเจ้าชายฟีเรนเซ่เป็นอย่างมาก กาเบรียลยิ้มแต่เธอมิได้ตอบอะไร “งั้นนอนเถอะ ไหนบอกว่าง่วงไง เจ้านอนห้องนี้” พูดจบเจ้าชายก็ทรงวิ่งออกไปจากห้อง กาเบรียลมองตามไปอย่างเอ็นดู น่ารักไม่เหมือนพี่ชาย ต่างกันมากซะด้วยกาเบรียลนึกถึงเจ้าชายซิลฟีเซ่ก็รู้สึกทั้งโมโห และแค้นไปพร้อมๆ กัน แล้วเธอก็หลับไปด้วยความเพลีย









        เมลฟิซถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว แต่เค้าก็ยังติดสัญญาที่จะต้องทำตามเจ้าชายซิลฟีเซ่ทุกอย่างอยู่ เมลฟิซครุ่นคิดวิธีจะหาทางช่วยกาเบรียลออกมา เมลฟิซคิดอยู่นานทีเดียว แต่ก็คิดไม่ออกซักวิธี เค้าคิดว่ามันไม่รัดกุมพอ เค้าเป็นห่วงกาเบรียลมากไม่รู้ว่าเธอจะเป็นยังไงบ้าง แล้วเค้าจะมองหน้าซินเทียร์ได้อย่างไรที่ไม่สามารถปกป้องลูกสาวของตัวเองได้ เมลฟิซต้องกลับมาอยู่คนเดียวอีกแล้ว ไม่มีเสียงหัวเราะของกาเบรียลให้ได้ยินอีกห้องอาหารก็กลับมาเงียบเหงาเหมือนเดิม ไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุยกัน



        “ท่านเมลฟิซ คิดอะไรอยู่เหรอ” เสียงหญิงสาวดังขึ้น ทำลายภวังค์ของเมลฟิซ เค้าหันกลับไปมองรวดเร็วด้วยความตกใจ



        “เจ้าหญิง มีอะไรให้กระหม่อมรับใช้หรือพะยะค่ะ” เมลฟิซลุกขึ้นยืนแล้วก้มหัวให้เจ้าหญิง เธอยิ้มอย่างพอใจ



        “ไม่มีอะไรหรอก เราเพียงแต่มาหาท่านเท่านั้น” เจ้าหญิงทรงนั่งลงไปบนเก้าอี้ที่เมลฟิซนั่งอยู่เมื่อครู่ เธอเปิดแผ่นกระดาษที่เมลฟิซเขียนบางอย่างออกดู “นี่อะไรหรือท่านเมลฟิซ” เจ้าหญิงถามด้วยความแปลกใจ



        “อ้อ! มันคือ... เอ่อ ข้าหัดวาดภาพดูพะยะค่ะ” เมลฟิซหยิบจากบนโต๊ะมาถือไว้ ด้วยอาการเก้อเขิน เจ้าหญิงทรงพึงพอใจกับท่าทีของเมลฟิซมาก เธอหัวเราะอย่างอารมณ์ดี



        “วาดภาพหรือ ให้เราเป็นแบบมั้ย” เจ้าหญิงถามเมลฟิซเค้าส่ายหน้านิดหนึ่งแล้วพูดกับเจ้าหญิง



        “ข้ามิบังอาจพะยะค่ะ ข้าวาดภาพเล่นๆ ก็เท่านั้น” เมลฟิซสีหน้าระเรื่อ เค้าพูดรัวเร็ว จนลิ้นแทบพันกัน



        “จริงๆ แล้วเรามาเชิญท่านไปทานอาหารที่ในวังน่ะ ท่านไม่ได้มาทานอาหารที่วังนานแล้วนะ” เจ้าหญิงตรัสเสียงหวาน เมลฟิซตาโตขึ้นเล็กน้อย แต่ทว่าเค้าก็กลับมาอยู่ในอาการปกติได้อย่างรวดเร็ว



        “มิบังอาจพะยะค่ะ” เมลฟิซปฏิเสธ เจ้าหญิงทรงขมวดคิ้วทันที



        “เรามาเชิญท่านนะเมลฟิซ ไปเถอะ เย็นนี้นะ” เจ้าหญิงพูดกึ่งสั่ง เมลฟิซจึงจำต้องยอม เค้าพยักหน้ารับเจ้าหญิงจึงยิ้มออกมาได้ เธอจึงลุกขึ้นยืน เมลฟิซเดินไปส่งเจ้าหญิงก่อนจะกลับมานั่งคิดแผนการต่อ แต่ทว่าตอนนี้เค้าคิกอะไรไม่ออก เค้าเหม่อมองไปบนท้องฟ้า เมลฟิซคิดถึงซินเทียร์ขึ้นมาอีก ที่นี่เปลี่ยนไปมากทีเดียวตั้งแต่เธอได้จากไป จากไปตลอดกาล...







        เจ้าชายฟีเรนเซ่ทรงเปิดประตูห้องกาเบรียลออกเสียงดังลั่น กาเบรียลที่นั่งอยู่หน้ากระจกเห็นเจ้าชายน้อยยืนหอบเหงื่อเต็มหน้าทีเดียว กาเบรียลจึงหยิบผ้ามาซับเหงื่อให้



        “มีอะไรหรือเพคะ” กาเบรียลถาม เจ้าชายฟีเรนเซ่หยุดหอบแล้วหันมาพูดกับกาเบรียล



        “ท่านหญิงเอลเลน่าจะมา” เจ้าชายฟีเรนเซ่พูดเสียงดัง กาเบรียลตกใจนิดหนึ่ง “เจ้ารีบแต่งตัวเร็วๆ ไปด้วยกันๆ” เจ้าชายฟีเรนเซ่ทรงเร่งกาเบรียล



        “อะไรกันเพคะเจ้าชาย ทำไมต้องให้หม่อมฉันไปด้วย” กาเบรียลเลิกคิ้ว เจ้าชายฟีเรนเซ่ยิ้ม



        “อยากแกล้งเจ้าพี่” กาเบรียลพยักหน้าแล้วยิ้มอีกคน เธอเองก็อยากแก้แค้นเค้าเหมือนกัน กาเบรียลจัดเครื่องแต่งตัวให้เจ้าชายฟีเรนเซ่ให้เรียบร้อยแล้วจึงค่อยจัดการกับตัวเอง



        “ไปกันเถอะ ท่านหญิงเอลเลน่าคงจะมาถึงแล้วล่ะ” เจ้าชายฟีเรนเซ่ดึงมือกาเบรียลไปยังที่ท่าเรือ ซึ่งมีเรือของเจ้าหญิงเอลเลน่าเทียบท่าอยู่ “มาเร็วกาเบรียล” กาเบรียลเห็นหญิงสาวผมสีบลอนด์เดินลงมาจากเรือโดยมีเจ้าชายซิลฟีเซ่ไปรับลงมา ทั้งสองยืนเคียงข้างกันดูสง่างามยิ่ง เจ้าชายซิลฟีเซ่ทรงนำทางเจ้าหญิงเข้ามาและผ่านหน้ากาเบรียล เธอเคารพอย่างอ่อนน้อมคล้ายๆ กับทำประชดเจ้าชายซิลฟีเซ่ เค้าหันมามองกาเบรียล แล้วหันกลับไปคุยกับเจ้าหญิง เจ้าชายพีเรนเซ่และกาเบรียลเดินตามทั้งสองไปห่างๆ



        “ท่านหญิงเอลเลน่า” เจ้าชายฟีเรนเซ่เรียกเจ้าหญิง เธอหันมามองแล้วยิ้มแต่ทว่าพระเชษฐากลับขมวดคิ้วยุ่งเมื่อเห็นกาเบรียลเดินตามมาด้วย



        “อ่าว! ฟีเรนเซ่ นั่นใครหรือ” เจ้าหญิงเอลเลน่าทรงชี้มาทางกาเบรียล เจ้าชายฟีเรนเซ่ยิ้มให้กับพระเชษฐา เค้าขมวดคิ้วจ้องกาเบรียลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ



        “คนรับใช้ของข้าเองท่านหญิง ท่านแม่นะสิ” เจ้าชายฟีเรนเซ่ทำท่าบ่นเสียยืดยาว และก้าวมาเดินคู่กับท่านหญิงแทนเจ้าชายซิลฟีเซ่ เจ้าชายซิลฟีเซ่จึงลงมาเดินด้านหลังและพยายามจะเดินชะลอให้กาเบรียลมาเดินใกล้ๆ แต่ทว่าหล่อนกลับเดินห่างเค้ามากเกินไป ราวกับไม่กล้าเดินมาใกล้เจ้าชาย



        “เจ้าคิดจะทำอะไร” เจ้าชายซิลฟีเซ่หันหลังไปแล้วบีบแขนกาเบรียลอย่างแรง กาเบรียลทำท่าจะร้องแต่ก็ร้องไม่ออก เธอเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าชายซิลฟีเซ่ เค้าจ้องเธอกลับ “อยากตายมากนักสินะ” เค้าขู่กาเบรียล



        “หม่อมฉันไม่ได้ทำอะไรนะเพคะ” กาเบรียลพูดและพยายามแกะนิ้วของเจ้าชายซิลฟีเซ่ที่จับเธออยู่ แต่เค้าไม่ยอมปล่อย “เจ็บ ปล่อยสิ” กาเบรียลย่นจมูกเค้าบีบแขนเธอจนเจ็บไปหมดแล้ว เจ้าชายซิลฟีเซ่จึงยอมปล่อยเธอเป็นอิสระ



        “เจ้าได้เจอดีแน่” เจ้าชายซิลฟีเซ่ตรัสเสียงเบา กาเบรียลมองพร้อมกับลูบแขนตรงที่ถูกบีบเบาๆ เจ้าชายซิลฟีเซ่เดินผ่านเธอไปหาเจ้าหญิงเอลเลน่า



        “เกลียดคนแบบนี้ชะมัดเลย” กาเบรียลบ่นพึมพำ กาเบรียลมองตามทั้งสามคนไปแล้วทำหน้าเบ้ “คนอะไรไม่มีเหตุผลเลย”



        “งั้นหรือ แต่ข้าไม่คิดงั้นนะ” เสียงชายหนุ่มดังมาจากด้านหลัง กาเบรียลสะดุ้งแล้วหันไปมองด้วยความตกใจ และเห็นชายหนุ่มผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่า ผิวคร้ามแดดตัวสูง ดวงตามีสีเขียวเข้ม ใบหน้าหล่อสมกับเป็นชาย เค้าเปลือยท่อนบนแต่ทว่ามีเครื่องประดับสวมอยู่ เค้ากำลังยืนกอดอกและหัวเราะกับปฏิกิริยาของกาเบรียล



        “ขะ ขออภัยเพคะ” กาเบรียลรีบพูด แต่เค้ากลับหัวเราะดังขึ้นไปอีก



        “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกน่า” ชายผิวคร้ามพูดแล้วขยี้ผมกาเบรียล ท่าทางเป็นมิตร เธอมองเค้างงๆ หรือว่าเค้าจะไม่ใช่พวกเจ้าชายพวกนั้น กาเบรียลจึงยิ้มให้เค้าอย่างเป็นมิตรเช่นกัน “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ล่ะ ข้าไม่เคยเห็นหน้าเจ้าเลย” ชายหนุ่มพูดกับกาเบรียล



        “ค่ะ ฉันเพิ่งมาอยู่” กาเบรียลตอบ ชายหนุ่มเดินไปพร้อมๆ กับกาเบรียล เค้าพยักหน้าหงึกหงัก



        “หืม! เพิ่งมาอยู่หมายความว่าไง นางกำนัลคนใหม่หรือ” ชายหนุ่มถาม กาเบรียลถอนหายใจเบาๆ



        “ก็ไม่เชิงค่ะ คล้ายๆ อย่างนั้น” กาเบรียลตอบ



        “เมื่อกี้ข้าได้ยินเจ้าพูดถึงเจ้าชายซิลฟีเซ่” ชายหนุ่มพูดขึ้นมาลอยๆ กาเบรียลหันไปมองเค้า แล้วจ้องเค้าราวกับจะจับผิด



        “มะ ไม่มีอะไรค่ะ” กาเบรียลตัดสินใจไม่พูดซะดีกว่า แต่ชายคนนั้นกลับหัวเราะ



        “พูดมาเถอะน่า ข้าไม่ไปบอกหรอก” ชายหนุ่มบอกกาเบรียลเบาๆ



        “เอ่อ... คือ...” กาเบรียลอ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง เธอจึงตัดสินใจเล่าให้ชายหนุ่มฟัง “ก็เจ้าชายซิลฟีเซ่นะสิ ไม่มีเหตุผลเลย มาจับตัวเมลฟิซ เพราะว่าชอบซินเทียร์นะสิ เอ่อ ฉันคิดว่านะ ดูเหมือนจะแค้นเมลฟิซมากๆ เลย ชอบทำอะไรไม่นึกถึงจิตใจคนอื่น ชอบดูถูก แล้วก็เอาแต่ใจตัวเองที่สุดเลย” กาเบรียลพูดระบายความในใจออกมา เพราะถึงอย่างไรมันก็คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้วล่ะ แต่ทว่าชายหนุ่มกลับหัวเราะอย่างขบขัน



        “จริงอยู่หรอกนะ แต่ก็เป็นเฉพาะบางเรื่อง” ชายหนุ่มหยุดหัวเราะแล้วพูดกับกาเบรียล แต่ดูเหมือนกาเบรียลจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แล้วเธอหัวเราะออกมา เป็นครั้งแรกที่เธอหัวเราะออกมาตั้งแต่มาที่วังของเจ้าชายซิลฟีเซ่ มีชายหนุ่มคนนี้เท่านั้นที่ดูจะเป็นมิตรกับเธอ “แล้วเจ้าชื่ออะไรล่ะ” ชายหนุ่มถาม



        “กา...” ยังไม่ทันที่กาเบรียลจะพูดจบก็มีเสียงดังแทรกขึ้นมา



        “กาบรียล... อ่าว! จูเลียส มาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่ไม่มีใครมาบอกข้า เลยไม่ได้เตรียมการต้อนรับเจ้าเลย” เจ้าชายซิลฟีเซ่เบนความสนใจไปหาเพื่อนเก่า



        “วะฮ่าฮ่า ข้าสั่งไม่ให้บอกเองแหละ” ชายหนุ่มที่เจ้าชายซิลฟีเซ่เรียกว่าจูเลียสตอบกลับ กาเบรียลทำหน้างงๆ แล้วเธอก็เข้าใจสถานการณ์ เจ้าชายซิลฟีเซ่มองกาเบรียลแล้วขมวดคิ้วยุ่ง ชายหนุ่มจึงพาเจ้าชายเดินไปที่อื่น  



        “ข้าไปก่อนนะกาเบรียล” ชายหนุ่มหันมาหากาเบรียลแล้วขยิบตาให้ ก่อนจะเดินไปพร้อมกับเจ้าชายซิลฟีเซ่ เจ้าชายหันกลับมามองเธอด้วยสายตาที่แสดงความไม่พอใจแต่แล้วเค้าก็หันกลับไปคุยกับชายหนุ่มคนนั้น กาเบรียลถอนหายใจเฮือก คราวนี้ไม่รู้ว่าจะเจออะไรขึ้นมาอีกถ้าหากเค้าเล่าเรื่องเมื่อครู่ให้เจ้าชายฟังล่ะ หล่อนไม่ตายหรือ











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×